px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 299 – ชิงสุ่ยเป็นผู้นำสาวก?  ภาพจิตกรรมหยินและหยาง


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 299 – ชิงสุ่ยเป็นผู้นำสาวก?  ภาพจิตกรรมหยินและหยาง

 

"สงบนิ่งดังภูผา  ฮ่าๆ  สงบนิ่งดังภูผา! "

นึกถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดในตอนนี้ชิงสุ่ยยิ้มส่ายหัว แล้วหัวเราะออกมาและเขาได้เตรียมพร้อมที่จะออกไปจากตรงนี้  วีรบุรุษนั้นเป็นรู้จักเป็นแพร่หลายในโลกของเก้าทวีป  แต่ว่ามันก็เป็นอะไรที่หาได้ยากก็ตาม

เขาได้ใช้เวลาจำนวนมากในการจ้องมองไปยังแผ่นจารึกหิน  ชิงสุ่ยเหลือบมองไปที่อื่นที่อยู่เบื้องหลังของเขา มันต้องใช้เวลามากเท่าไรที่จะมองพวกมันได้ครบ  แต่ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าบางทีแผ่นจารึกหินที่มีจำนวนมากนี้อาจใช้เวลาแค่สั้นๆในการทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับจารึกพยัคฆ์ที่กำลังล่าหมูป่า

อย่างไรก็ตาม สำหรับจารึกพยัคฆ์หมอบที่อยู่บนเทือกเขา และจารึกพยัคฆ์หลับ พวกมันดังกล่าวนั้นต้องใช้เวลาครึ่งวันถึงก็ตามแม้ว่าชิงสุ่ยจะอยู่ในระดับขั้นที่สมบูรณ์แบบของการบ่มเพาะของรูปแบบพยัคฆ์  ถ้าคนใดคนหนึ่งที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์อสูรมันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาที่จะค้นพบอะไรบางอย่าง ซึ่งบางทีพวกเขาอาจต้องเวลาเป็นปีๆ ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงไม่กี่คนที่มีความอดทนมากพอที่จะศึกษาพวกมันเป็นปีๆ

"เห้อ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้านั้นสามารถอ่านแผ่นจารึกหินเหล่านี้ได้หมดหรือไม่ " ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าจารึกที่อยู่ข้างหลังของเขาเข้าอาจะไม่สามารถศึกษามันได้ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะสามารถศึกษามันได้ทั้งหมด แต่เขาคงจะต้องใช้เวลาเป็นจำนวนมาก

เมื่อชิงสุ่ยมาถึงที่พักของเขา เขาสังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นก่อนที่เขาจะขึ้นไปยังชั้นบน ชิงสุ่ยสามารถจดจำเขาได้ เขาคือชายชราที่สอนทักษะ <เพลงกระบี่เทวโลก> ที่ลานประลองกลาง เขาได้ยินจากคนอื่นว่าผู้ชายคนนี้ชื่อว่าอาวุโสโม่

ชิงสุ่ยมีความรู้สึกที่ดีของชายชราคนนี้ และทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติว่า "ท่านคืออาวุโสโม่ใช่หรือไม่?"

"เจ้าคือชิงสุ่ยใช่ไหม  ข้ากำลังรอเจ้าอยู่เลย! "อาวุโสโม่ยิ้มให้ชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมอาวุโสโม่ถึงยืนอยู่ที่นี่ และเขานั้นแทบจะไม่รู้จักชายคนนี้ที่กำลังรอเขาอยู่ ดังนั้น ชิงสุ่ยจึงรู้สึกทึ่งเมื่อได้ยินคำเหล่านั้นมาออกมาจากปากเขา

"รอข้า? ทำไมท่านอาวุโสโม่ถึงอยากจะเจอข้าด้วยละ? "แม้ว่าจะตกใจ แต่ชิงสุ่ยก็ได้หยุดมันเอาไว้แล้วถามกลับไป

อาวุโสโม่มองไปที่ ชิงสุ่ย และกล่าวอย่างช้าๆว่า "ท่านประมุขราชวังเทวโลก ต้องการให้ข้ามาถามว่าจ้านั้นสนใจที่จะเป็นผู้นำสาวกของ คฤหาสน์ดาราจันทราหรือไม่"

"ผู้นำสาวก? คฤหาสน์ดาราจันทราไม่ใช่มันมีอยู่แล้วหรือ "ชิงสุ่ยตอบอย่างไม่แน่ใจ เขาจำได้ว่ากงซุน เจี้ยนหวุ่นั้นเป็นผู้นำสาวกของคฤหาสน์ดาราจันทรา  เขานึกถึงสายตาที่เศร้าสร้อยของเธอในวันนี้ เธอคงรู้สึกแย่ยิ่งกว่าถ้าเขารับตำแหน่งผู้นำสาวก

"อือ ข้าลืมบอกไปว่าเจี้ยนหวู่นั้นยอมรับถ้าเจ้าจะกลายเป็นผู้นำสาวกแทนนาง”  อาวุโสโม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ดูเหมือนว่าเขาตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวได้ดี และได้รีบจัดการกับมัน เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอายอย่างมากสำหรับผู้นำสาวกที่ถูกปลดตำแหน่งให้คนอื่น

ชิงสุ่ยลังเลในขณะหนึ่ง ก่อนที่จะปฏิเสธตำแหน่งนั้นไปอย่างคิดไม่ถึง  "ข้าจะไม่เป็นผู้นำสาวก มันไม่เหมาะกับข้าเลย "

ต้องรู้ว่าใน คฤหาสน์ทุกแห่งของราชวังเทวโลกสถานผู้นำสาวกนั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผู้นำสาวกนั้นจะเป็นสาวกที่โดดเด่นที่สุด และในอนาคตจะถูกเสนอชื่อขึ้นไปชิงตำแหน่งประมุข  จากนั้นถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาก็จะกลายเป็นประมุขคฤหาสน์

ผู้นำสาวกจะเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่สำคัญที่สุดในการแย่งชิงประมุขคฤหาสน์ ดังนั้นผู้นำสาวกจากคฤหาสน์ทั้งหมดจะได้รับการเคารพในระดับเดียวกับอาวุโสระดับสูงใน ราชวังเทวโลก แม้ว่าผู้นำสาวกจะไม่ได้เป็นประมุขราชวัง แต่พวกเขาก็จะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสอยู่ดี

การที่จะเป็นผู้นำสาวกได้ต้องแข็งแกร่งในด้านของพลังวิญญาณและพรสวรรค์  ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกแทนที่โดยคนที่โดดเด่นกว่า  แต่เพราะการบ่มเพาะของเขาจะทำให้เขานั้นกลายเป็นอาวุโสได้อยู่ดี

นอกจากนี้แม้ว่าการบ่มเพาะจะมีความสำคัญอย่างมากในการคัดเลือกประมุขคฤหาสน์ ทุกต้องเป็นคนที่ความคิด มีจริยธรรมและการปฏิบัติตนอย่างดี ให้ความสำคัญเท่าเทียมกับผู้อื่น ทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกผู้นำสาวก มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขาที่จะถูกเลือก

คำพูดของชิงสุ่ย ทำให้อาวุโสรู้สึกตกใจ  เขาคิดว่าสิ่งที่เขากล่าวไปจะทำให้ชิงสุ่ยนั้นมีความสุข; แม้ในหมู่ผู้คนนับล้านใน ราชวังเทวโลก แต่มีเพียงผู้นำสาวเพียงเก้าคนเท่านั้น

เกียรติที่ได้รับให้เป็นผู้นำสาวกเป็นสิ่งพิเศษมาก และการคัดเลือกของพวกเขานั้นก็เข้มงวดอย่างมาก  แต่ชิงสุ่ยได้ รับการยอมรับจากชาง หวู่ย่าและ เฟย หวู่จี้อย่างรวกเร็ว ถ้าไม่มีพวกเขา เขาคงจะต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวดแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถก็ตาม

อาวุโสโม่นิ่งไปชั่วขณะ คำตอบของชิงสุ่ย เกินกว่าที่เขาคาดไว้ เป็นเรื่องปกติ เพราะหลังจากกลาย เป็นผู้นำสาวก ไม่เพียงแต่จะมีสถานที่สูงขึ้น เขายังสามารถเข้าถึง แต่ทักษะการต่อสู้  ยาเม็ด ชุดเกราะ และอาวุธที่ระดับสูงที่ต่ำกว่าระดับที่อาวุโสและประมุขเข้าถึง

ดังนั้นอาวุโสโม่ไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธมัน   เป็นเวลาชั่วครู่ที่อาวุโสรู้สึกมึนงงและกล่าวไม่ออก เขาอยากจะพูดออกไปจริงๆว่าข้อเสนอที่เขาได้กล่าวไปอย่างสุภาพนั้น –ไม่ใช่ของเขา เขาต้องการที่จะพูดออกไปว่า “ท่านประมุขคฤหาสน์นั้นต้องการให้เขานั้นเป็นผู้นำสาวก”

ชิงสุ่ย ได้เห็นท่าทางที่งุ่นงงของอาวุโสโม่ แล้วเขาก็หัวเราะออกมา  "อาวุโสในตอนนี้ ข้านั้นยังไม่มีแผนการที่จะเป็นผู้นำสาวก แต่ถ้ามีอะไรที่ข้าสามารถช่วยท่านได้ได้หรือไม่? "

"ข้าประเมินเจ้าต่ำไป  ผู้นำสาวกของคฤหาสน์ดาราจันทรานั้นจะอยู่ในฐานะเป็นที่ประจักรเพื่อแสดงให้คนอื่นนั้นเห็นถึงความสามารถ  แต่เจ้ากลับไม่สนใจมัน "อาวุโสโม่กล่าวออกมาแล้วถอนหายใจ

“อาวุโสเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้านั้นไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้ข้านั้นไม่มีความคิดใดๆเกี่ยวกับมัน  ข้านั้นยังมธุระที่ต้องสะสาง "ชิงสุ่ยตอบอย่างจริงจัง

อาวุโสโม่มองไปที่ชิงสุ่ยและหัวเราะอย่างออกมาอย่างรู้ทัน “งั้นเราจะไม่กล่าวถึงเรื่องนั้นในตอนนี้  นั้นเจ้าจะเข้าร่วมในการประลองระหว่างคฤหาสน์ในปีหน้าเพื่อเป็นผู้นำสาวกหรือไม่? ”

ชิงสุ่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้  เขายังคงมีเวลาหนึ่งปีก่อนการแข่งขันในปีหน้า ระยะเวลานี้ก็เท่ากับเขาเหมือนมีเวลาเหลืออีกสิบห้าปี

เขาสงสัยว่าเขาจะมีความคืบหน้ามากแค่ไหนในช่วงสิบห้าปีนี้  มันก็ยังมีโอกาสที่เป็นไปได้สำหรับเขาที่จะเข้าร่วมการประลองในหมู่ผู้นำสาวก บางทีเขาอาจจะต้องพึ่งพาราชวังงเทวโลก เมื่อต้องเผชิญกับสันเขาราชันย์ราชสีห์ในอนาคต  ในกรณีเช่นนี้เขาควรจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสอย่างน้อยที่สุด  บางตอนนั้นเขาอาจจะครอบครองตำแหน่งผู้นำสาวก หรือแม้แต่ประมุขคฤหาสน์ก็เป็นไปได้

แม้ว่าเขาไม่ได้พึ่งพาราชวังเทวโลก แต่เขาก็ยังต้องการส่งเสริมจากบุคคลที่เก่งกาจในบางเรื่อง และที่สำคัญเขาจะต้องมีขุมกำลังของเขาเมื่อเขาสามารถสร้างฐานอำนาจในโลกของทวีปเก้าได้ และตระกูลชิงคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

"อาวุโส ข้าสัญญากับท่าน แต่ข้าแค่หวังว่าท่านจะสามารถพูดคุยกับผู้นำสาวกคนเก่าให้กลับมารับหน้าที่ได้ " ชิงสุ่ยคิดอีกเกี่ยวกับเรื่องกงซุน เจี้ยนหวู่อีกครั้ง

"เอาล่ะเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้  นั้นเอาว่าตกลงตามนี้  นี่เป็นของเจ้าแล้ว  เจ้าสามารถเข้าไปในหอตำราเทวโลก ได้อย่างอิสระ แต่ตำราที่อยู่ภายในนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก "อาวุโสโม่ยิ้มและส่งมอบตราสัญลักษณ์ที่คล้ายกับเหรียญตราราชวังเทวโลกสีม่วงที่ชางห่ายให้เขามา

"หอตำราเทวโลก!" ชิงสุ่ยไม่คาดหวังว่า ในความเป็นจริงนี้ เขาเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สถานที่ที่มีค่าที่สุดในราชวังเทวโลกคือหอตำราเทวโลก ความคิดเกี่ยวกับมันนั้นทำให้ ชิงสุ่ยตื่นเต้น

ชิงสุ่ยรับมันไว้และกล่าวว่า "ขอบคุณ, ผู้อาวุโส!

หลังจากที่อาวุโสโม่จากไปและชิงสุ่ยได้ตรวจสอบเหรียญตราสีม่วงในมือเขา มันมีคำว่า “ราชวังเทวโลก” เขียนเอาไว้ ชิงสุ่ยคิดว่าเหรียญตราอันนี้ไม่ได้เป็นทั้งทองคำหรือเงินด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะเข้าใจว่ามันทำมาจากอะไร

ชิงสุ่ย กลับไปที่ห้องของเขาและฝึกอย่างหนักตลอดทั้งคืน เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้โคจรอยู่ในจุดสูงของรอบ 96 เขารู้ว่าเขามันก้าวหน้าไปภายในสามวัน และในตอนนี้มันมีปัญหาหรืออุปสรรคใดที่ขัดขว้างเขา ตราบเท่าที่สะสมปราณได้เพียงพอเขาจะสามารถผ่านมันไปรอบที่ 97อย่างง่ายดาย

ในตอนเช้าเขาได้ฝึกฝนทักษะอื่นๆของเขา  เมื่อปรากฏตัวออกมามีคนจำนวนมากต้องการเข้าใกล้เขา  แต่ด้วยแรงกดดันและกลิ่นอายรอบตัว ทำให้คนเหล่านั้นไม่กล้าและหยุดอยู่กับที่โดยไม่เข้าไปหาเขา

สงบนิ่งดังภูผา คือกลิ่นอายของความเที่ยงแท้ นี่คือสิ่งใหม่ที่ตัวเขาได้รับมาเมื่อวานนี้ เมื่อชิงสุ่ยเข้าสู่สภาพสงบนิ่งดังภูผา ของจารึกพยัคฆ์หมอบ

ที่ลานประลองชิงสุ่ยได้กำลังฝึกฝนทักษะตามแนวคิดของไทเก๊กของ ท่าทางที่ราบรื่นของการเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างมาก!

ในตอนท้ายของการฝึกตอนเช้า ชิงสุ่ยได้เดินทางไปที่พักของ ชาง หวู่ย่าเขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในวันนี้เพราะเขากำลังจะได้เรียนรู้ทักษะฝ่ามือสังหารเทวอัสนีจากจากชาง หวู่ย่า

ชิงสุ่ยนั้น กระตือรือร้นในการเรียนฝ่ามือสังหารเทวอัสนีอย่างมาก ทักษะนี้สามารถเพิ่มความรุนแรงในการโจมได้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแน่นนอนมันไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆเลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีพลังโจมตีที่มหาศาล

ในตอนนี้หมิงเยวี่ย และ ลิ่วลี่ ก็อยู่ที่นั่นแล้ว สาวงามทั้งกำลังหัวเราะและพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่ก็เงียบลงเมื่อเห็นชิงสุ่ยเดินมา

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นพูดอะไร และเมื่อมองเห็นชิงสุ่ยพวกเธอได้หยุดพูดลง และได้ยิ้มไปที่เขา มันทำให้เขานั้นสับสน อย่างมากหรือพวกเธอจะพูดถึงเขาอยู่? โดยที่พวกเธอนั้นได้ พูดกันอย่างมีความสุข ...

ทักษะนี้ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงโดย ชาง หวุ่ย่า เขามองไปที่ชิงสุ่ยและผู้หญิงสองคนก่อนที่จะยิ้มแล้วพูดช้าๆว่า "ทักษะฝ่ามือสังหารเทวอัสนี เป็นทักษะที่แข็งแกร่งและรุนแรงที่สุดใน ราชวังเทวโลก มันได้รวมพลังของสายฟ้าเอาไว้ในการโจมตี แต่เพื่อให้สามารถใช้พลังของสายฟ้าได้ อย่างน้อยพวกเจ้าต้องไปดินแดนไร้ขอบเขตซะก่อน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะมีโอกาสทำให้ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวไม่ได้ในทันที "

คำพูดของ ชาง หวู่ย่าทำให้ดวงตาของชิงสุ่ยสว่างขึ้น ทักษะนี้มีผลทำให้ฝ่าตรงข้ามเคลื่อนไหวไม่ได้จริงๆ  มันทำให้ฝ่ายเกิดอาการชาไปชั่วขณะ  ซึ่งมันอาจส่งผลให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสก็ได้ ถ้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในการดวลของผู้บ่มเพาะมันอาจหมายถึงชีวิต

"ความสามารถที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้น เมื่อข้าสามารถบรรลุดินแดนไร้ขอบเขต ถึงแม้แม้มันจะทำให้ขยับไม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม แต่มันก็อาจจะสามารถสร้างเสียหานที่ร้ายแรงได้ "แววตาของชิงสุ่ยสว่างขึ้น

"เมื่อข้าเชียวชาญทักษะฝ่ามือสังหารเทวอัสนีนี้ ข้าต้องบรรลุดินแดนไร้ขอบเขต ภายในเวลาที่สั้นที่สุดให้ได้" ชิงสุ่ย สาบานอย่างเงียบ ๆ

ชาง หวู่ย่าเห็น ชิงสุ่ย ที่กำลังคิดอยู่ เขาได้หัวเราะออกมา "แม้ว่ามันสามารถที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดเคลื่อนไหว และสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้ แต่ความน่าจะเป็นที่จะเกิดค่อนข้างต่ำ และถ้าพลังจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามนั้นมีพลังมากพอ ผลกระทบนี้ต่อจิตวิญาณของเขานั้นแทบจะไม่มี"

"จริงๆ แล้วมันจะเกิดผลนั้นได้ ถ้าหากเรามีพลังจิตวิญญาณที่มากพอหรือไม่" ชิงสุ่ย คิดถึงภาพของหยินและหยางในจิตสำนึกของเขา มันนั้นสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก จุดสำคัญ อวัยวะภายใน และพลังจิตวิญาณของเขาได้อย่างต่อเนื่อง

ชิงสุ่ยนึกถึงผลไม้ที่มีศักยภาพ ที่เขาได้กินก่อนหน้านี้ซึ่งมันทำให้พลังจิตวิญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก  มันเป็นสิ่งที่ทุกๆคนอยากจะได้รับ แต่ก็ไม่ทราบว่าเรานั้นสามารถกินมันได้มากเท่าไร  ชิงสุ่ยหวังว่าเขาจะหกล้มอีกครั้งในอนาคต เขานั้นได้รับหลายๆสิ่งมาไม่น้อยจากช่วงเวลานั้น - ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของเขาก็ได้เพิ่มระดับก็เพราะพวกมัน

ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าไปทางชาง หวุ่ย่าและฟังคำอธิบายของเขาอย่างต่อเนื่อง!

"ทักษะฝ่ามือสังหารเทวอัสนีนั้นไม่ใช่ทักษะต่อสู้  มันเป็นรูปแบบการบ่มเพะพลังปราณ  มันสร้างมาเพื่อรวบรวม ปราณ, มุ่งเป้าไปที่ปราณ ,รูปแบบการระเบิดกลางอากาศ รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่แข็งแกร่งและมีการระเบิดที่ทรงพลัง "

ชาง หวู่ย่าอธิบายอย่างช้าๆ เขาอธิบายถึงวิธีการบ่มเพาะปราณโดยการใช้ ทักษะฝ่ามือสังหารเทวอัสนี พวกเขาทั้งหมดได้รับรู้ถึงความโดดเด่นของวิธีการบ่มเพาะปราณนี้จากการรับฟังคำอธิบายของ ชางหวูย่า

รีวิวผู้อ่าน