px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 303 - ความดุดัน วิปลาส และเกรี้ยวกราดของปราณกระทิงคลั่ง ความโศกเศร้าของซือเยี่ย


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 303 - ความดุดัน วิปลาส และเกรี้ยวกราดของปราณกระทิงคลั่ง ความโศกเศร้าของซือเยี่ย

 

ชิงสุ่ยยืนนิ่งเป็นก้อนหินอีกครั้งหนึ่งเมื่ออยู่ด้านหน้าของอนุสรณ์สถานศิลาหิน ในครั้งนี้มันเป็นสิ่งที่เขาไม่รู้จักและไม่ได้คาดคิดเลยว่าเบื้องหลังของอนุสรณ์สถานศิลาหินกระทิงคลั่งจะมีแนวคิดที่ลึกซึ้งแอบซ่อนอยู่ภายใน

 

มันอาจเป็นเพราะว่าชิงสุ่ยมีรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งถูกขัดเกลามาจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์เก้าอสูรและหมัดรูปลักษณ์สัตว์อสูร ทันทีที่เขาเห็นจารึกกระทิง ทุกอย่างในสมองของเขาก็เหมือนมีจิ๊กซอจำนวนมากมายพรั่งพรูหลั่งไหลออกมาแล้วค่อยๆปะติดปะต่อในส่วนที่ขาดหาย จนกลายเป็นภาพรูปแบบการไหลเวียนพลังปราณซึ่งก็ค่อยปรากฏขึ้นในทะเลแห่งปัญญา

 

ภาพวัวกระทิงพุ่งทะยานไปด้วยความบ้าคลั่ง มันทำให้ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความรุนแรงและความดุร้ายที่ใกล้ๆเพิ่มขึ้นในร่างกายของเขา มันเป็นดังมัดกล้ามเนื้อ เส้นลมปราณ และสายเลือด โครงกระดูก ทุกๆอย่างแสดงออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพค่อยค่อยทำให้เขามีพลังเพิ่มขึ้นกว่ามนุษย์ทั่วไป

 

พลังแห่งความบ้าคลั่งนี้เปรียบดังนักรบสงครามที่เจนสนามรบ และสามารถหยัดยืนได้จนถึงคนสุดท้าย มันเป็นความแข็งแกร่งที่คนทั่วไปไม่อาจบรรลุถึง มันสามารถทำลายขีดจำกัดศักยภาพในตัวของเหล่ามนุษย์ได้ ชิงสุ่ยทำได้เพียงแค่ยืนโง่งม และจมหายไปกับความคิดของเขา

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยปิดตา เขาก็ค่อยค่อยโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลผ่านเส้นลมปราณตามภาพที่ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา เขาค่อยๆรับรู้ถึงพลังที่เดือดพล่านในจุดตันเถียนมันกำลังเริ่มไหลเวียนไปตามร่างกายเช่นเดียวกับภาพการโคจรพลังปราณ

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก ร่างกายของชิงสุ่ยก็ค่อยๆร้อนขึ้น ความร้อนในสายโลหิตนั้นเดือดพล่านและไหลเวียนพาดผ่านขึ้นสู่ศีรษะและไหลเวียนไปทั่วร่างกายด้วยความดุดันน่ากลัวราวจับพลังแห่งการทำลายล้าง

 

"หรือว่านี่มันจะเป็น ปราณกระทิงคลั่ง!!!"

 

ในขณะเดียวกันพลังที่แสนหนาแน่นและหนักหน่วงของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลก็เริ่มถูกแต่งแต้มไปด้วยพลังแห่งปรานกระทิงคลั่ง ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยรับรู้ได้เลยว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันนั้น เป็นความแข็งแกร่งที่คู่ควรกับการใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือสังหารเทวอัสนี……………

 

ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นเพียงก้าวแรกสู่การโคจรพลังปราณกระทิงคลั่ง และเขายังไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่พลังพื้นฐานและความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขากับเพิ่มขึ้นถึง 30% ในทันที นี่มันเป็นพลังที่วิปลาสเกินไปแล้ว

 

ฝ่ามือสังหารเทวอัสนีจะได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาที่สำคัญที่สุดในนิกายเทวโลก แต่เขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายคลึงกับพลังปราณกระทิงคลั่ง มันเป็นไปได้อย่างไร? หรือบางทีมันอาจจะมีส่วนที่ส่งผลเพิ่มเติมต่อตัวเคล็ดวิชาฝ่ามือสังหารเทวอัสนี

 

"นี้มัน มันส่งผลต่อการอัมพาต"ชิงสุ่ยพึมพำหลังจากที่ตรวจสอบถึงผลลัพธ์ของพลัง นอกเหนือจากการเพิ่มพลังโจมตี 30% มันยังช่วยให้ทุกการโจมตีจากเคล็ดวิชาฝ่ามือสังหารเทวอัสนีมีโอกาสที่จะทำให้คู่ต่อสู้เป็นอัมพาตชั่วคราว

 

ชิงสุ่ยค่อนข้างพึงพอใจกับพลังที่ได้รับ มันเป็นการแสดงถึงความเกรี้ยวกราด ซึ่งค่อยๆแสดงออกมาจากคลื่นพลังในร่างกาย

 

หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ลองใช้วิธีการโคจรพลังปราณกระทิงคลั่งในช่วงสั้นๆ ผลที่ได้รับเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

 

ไม่เพียงแต่มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น 30% แต่มันยังช่วยเพิ่มกลิ่นอายที่ดุดันและน่ากลัวของผู้ใช้งานอีก 30% ด้วย

 

"ดุดัน วิปลาส เกรี้ยวกราด!!!"ชิงสุ่ยอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่เขาก็ค่อนข้างกังวลเนื่องจากผลข้างเคียงของปราณกระทิงคลั่งน่าจะทำให้อารมณ์ของเขานั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นดั่งกระทิงที่พร้อมจะโจมตีทุกอย่าง และถ้าหากเขาผิดพลาดและถูกมันควบคุม ทุกๆอย่างที่เคยเป็นมิตรกับเขาในสายตาของเขา อาจจะผันแปรกลายเป็นศัตรูและอาจทำให้เกิดการนองเลือดบนสนามการต่อสู้ได้

 

แต่มันก็ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่อย่างน้อยเขาก็สามารถควบคุมภาพหยินหยางที่อยู่ในทะเลแห่งปัญญาของเขาได้ เมื่อคลื่นแสงสีทองส่องประกายอารมณ์ภายในใจของเขา จะสงบลงไปทันที

 

สถานที่แห่งนี้เปรียบดังขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ ช่างน่าเศร้าถ้าหากเขาต้องการข้อมูลของมันทั้งหมดเขาจะต้องตามหาเราอนุสรณ์สถานศิลาหินในทุกๆแห่ง ซึ่งมันทำให้เขาจะต้องใช้เวลาจำนวนมาก ซึ่งเขาจะเหลือเวลาเฉพาะช่วงตอนเย็นในระหว่างทางเดินกลับเท่านั้น และในระหว่างทางเดินกลับเขาก็ได้พบกับคนที่แสนคุ้นเคย

 

หญิงสาวโฉมงามคนนี้มีนามว่าซือเยี่ย ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่านี่มันคงเป็นเรื่องบังเอิญ เนื่องจากเธอเองก็กำลังมองหาเยียนหลิงเอ๋อซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในอาคารเดียวกับเขา

 

คิ้วของเธอเปรียบดังเสี้ยวพระจันทร์ เมื่อประกอบกับดวงตาคู่สวย รวมถึงจมูกที่เล็กและกะทัดรัด แม้มันจะทำให้เธอดูแปลก แต่ริมฝีปากสีแดงทับทิมของเธอนั้นยิ่งช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่งดงามของเธอโดยรวมได้ทันที ซึ่งเธอเองก็กำลังมองดูชิงสุ่ยอยู่เช่นกัน

 

เมื่อก่อนชิงสุ่ยมักจะหลีกเลี่ยงห่างจากเธอ ในเมื่อเธอเห็นเช่นนั้นเธอก็ยิ้มแสดงออกบนใบหน้าราวกับคนที่กำลังรู้บางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจ และแล้วเยียซื่อก็เริ่มเก่ามาว่า "เดี๋ยวเจ้าก็จะไปและหลบซ่อนตัวจากค่า ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดเจ้าถึงกลัวผู้หญิงอ่อนแอเช่นข้า?"

 

หลังจากได้ยินคำพูด ชิงสุ่ยก็พยายามหันกลับมาและเดินตรงไปข้างหน้า เขาไม่อยากให้เยียซื่อมองเห็นเขาวิ่งหนีไปอีก ไม่ว่าเธอจะเป็นคนที่งดงาม แต่เธอนั้นก็เป็นคนที่เอาแต่ใจมากเกินไป และมันอาจเป็นเพราะ ชิงสุ่ยเลยค่อนข้างรู้สึกปวดหัวใจ

 

"รักข้า โปรดรักสุนัขของข้า เกลียดข้าก็จงทิ้งสุนัขของข้าไป ♫♫♫♫♫♫♫♫"

 

" อา อี ย้า อา อี ย่า"

 

เสียงร้องเพลงที่ดูอ่อนโยนดังขึ้นจากปากของชิงสุ่ย เขาพยายามแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเธอในขณะที่เขายังคงเดินต่อไป

 

"เหตุใดเจ้าถึงได้เป็นคนใจเล็กขี้ปะติ๋วเช่นนี้? ต้องยังเป็นผู้ชายหรือเปล่า?" ซือเยี่ยบุ่ยปากในขณะที่เธอรีบเดินมาพร้อมทั้งดึงแขนของชิงสุ่ย

 

สิ่งที่ผู้ชายเกลียดมากที่สุดนั่นคือการกระทำที่ทำให้ทุกคนนั้นต้องหันมาสนใจ แม้ว่ามันจะดูตลกก็ตาม ซึ่งตัวของชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้รู้สึกว่านี่มันเป็นการกระทำที่ไม่ดีนะ แต่บางคนก็มองเขาการไปสัตว์ร้ายที่ดูง่ายๆ แต่เขาก็ไม่รู้สึกโกรธใดๆแม้ว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้น "เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?"

 

"ข้าจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่นั้น แต่ข้าขอบอกเลยว่า ถ้าเจ้าลองมีอะไรกับข้าดู เจ้าก็จะรู้เอง"ชิงสุ่ยกล่าวตอบอย่างรุนแรง

 

"ทำไม ทำไมเจ้าพูดอะไรแบบนั้น…..."

 

"อย่ามายุ่งกับข้า อย่าคิดว่าคนอื่นนะจะตอบสนองคำพูดของเจ้าได้เสมอ อย่าพยายามแสดงเสน่ห์ของเจ้าต่อหน้าข้า ข้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเจ้า ออกไปห่างจากตัวข้า"ชิงสุ่ยจำคำพูดต่อหน้าเธอและเดินจากไป

 

ซือเยี่ยยืนอึ้งตะลึง น้ำตาค่อยๆไหลออกจากดวงตาของเธอ เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังพยายามดึงแขนเสื้อของเขาไว้ แม้ว่าชิงสุ่ยจะขับไล่ไสส่งเธอให้ออกไป เธอค่อยๆมองดูชิงสุ่ยจากด้านหลังที่กำลังเดินทางไกลไปเรื่อยๆ

 

หลังจะกลับมาที่ห้องพัก ชิงสุ่ยก็เคลื่อนย้ายตัวเองเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะในทันที!!!

 

ก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกเคล็ดวิชาการปรุงยา ชิงสุ่ยเริ่มฝึกฝนการโคจรพลังปราณกระทิงคลั่งอีกครั้งหนึ่งเพราะภายในดินแดนห้วงมิติของเขานั้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด ชิงสุ่ยค่อยๆโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลจำนวนมากตามรูปแบบโครงสร้างปราณกระทิงคลัง เขารู้สึกได้ทันทีเลยว่ากลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นถูกแต่งเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความวิปริต กลิ่นอายที่น่ากลัวเหล่านั้นค่อยๆหมุนวนเวียนอยู่รอบรอบร่างกายของชิงสุ่ย

 

เวลา 3 วันภายในดินแดนห้วงมิติ ชิงสุ่ยเอาไปฝึกฝนปราณกระทิงคลั่งอย่างเดียวเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่น่าแปลก เขามีความรู้สึกว่าการโคจรพลังปราณกระทิงคลั่งนี้ไม่ได้ถูกแบ่งแยกเป็นระดับพลัง แต่มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชากระบี่พื้นฐาน เขาจึงหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถทะลวงผ่านดินแดนแห่งทักษะของปราณกระทิงคลั่งนี้ให้สูงขึ้นเฉกเช่นเดียวกับเคล็ดกระบี่พื้นฐาน

 

ในปัจจุบันชิงสุ่ยพยายามโคจรพลังปราณกระทิงคลั่งอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล จนเขาสามารถเข้าสู่สภาวะจิตใจสงบนิ่ง รับรู้ได้ทุกย่างก้าว เข้าถึงทั้งสายลมและขุ่นเขา และเมื่อผนวกกับภาพหยิน-หยางที่อยู่ภายในทะเลแห่งปัญญา มันยิ่งช่วยเพิ่มพูนพลังความบ้าคลั่งของปราณเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

 

เขาเริ่มลองใช้มันควบคู่ไปกับกระบี่คลื่นสามสะท้าน และฝ่ามือสังหารเทวอัสนีโดยอาศัยกระบี่ดารายุพฆาต ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจ " ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่าพลังของข้านั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 50% เลยรึ?"ซึ่งมันทำให้พลังความแข็งแกร่งในตัวของชิงสุ่ยใกล้เข้าสู่ระดับพลัง 1,000,000 จิน

 

เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝนเพลงกระบี่ เขาก็ทำการฝึกฝนเคล็ดบรรพกาลสรรสร้างต่อก่อนที่เขาจะติดฝนเคล็ดวิชาปรุงยา หลังจากที่เขาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ชิงสุ่ยก็เริ่มทำการเก็บเกี่ยว รวบรวม ปรับแต่ง ผสานสมุนไพรต่างๆอย่างละเอียดอ่อน เพื่อเตรียมพร้อมให้มันสมบูรณ์ที่สุดก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือกลั่นยาเม็ด 5 มังกร

 

ชิงสุ่ยเริ่มตั้งหม้อกลั่นยาลงบนเปลวเพลิงบรรพกาลที่กำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง เขาเริ่มเติมน้ำจากทะเลสาบ และเริ่มต้มสมุนไพรทุกอย่างไปพร้อมพร้อมกับเปลวเพลิงบรรพกาล

 

ความเข้มข้นของเปลวเพลิงสามารถถูกจัดได้เลยว่าอยู่ในระดับที่ป่าเถื่อน เสียงอากาศที่ถูกบดขยี้ดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากหม้อกันยา เช่นเดียวกับ ชิงสุ่ยที่กำลังควบคุมเปลวเพลิงให้สมบูรณ์แบบที่สุดตามวิธีที่สมควรต่อการกลั่นยาเม็ด 5 มังกร

 

รีวิวผู้อ่าน