px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 306 – ชิงสุ่ย ข้าสกุลชง ข้าต้องการให้ ซื่อกง หมิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงของข้า


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 306 – ชิงสุ่ย ข้าสกุลชง ข้าต้องการให้ ซื่อกง หมิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงของข้า

 

สัตว์อสูรที่อยู่ในระดับพลังเดียวกันกับมนุษย์ย่อมแข็งแกร่งนี่คือสิ่งสำคัญ นั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะฝึกสัตว์อสูรในระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์หรือสูงกว่านั้น หากไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจหาเหตุผลว่าทำไมราชันย์เวหาเหยี่ยวทมิฬจึงมี่เจ้าของที่มีสุดยอดพลังอย่างชายชราที่ตาบอด

 

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าระดับพลังของวิหคเพลิงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาบอกกล่าวความคิดของเขาแก่วิหคเพลิง สั่งให้มันปล่อยลูกไฟเพื่อต้องการทราบพลังที่แท้จริงของมัน

 

ยังไงก็ตาม ทันทีที่วิหคเพลิงปลดปล่อยลูกไฟเพลิงอินทนิล ชิงสุ่ยต้องถอยไป ขนาดของลูกไฟเล็กกว่าทุกๆครั้ง ขนาดประมาณกำมือ สีของลูกไฟนั้นเป็นสีม่วงน่ามอง ดูบริสุทธิ์และเหมือนอัญมณี ไม่ต้องเดาเลยความร้อนของมันย่อมมากกว่าเดิมหลายเท่า

 

ทันทีที่ลูกไฟพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยรู้สึกดังยืนอยู่ท่ามกลางพายุ พรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นเพิ่มพลังเพลิงด้วยงั้นริ? ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างมาก เขายืนอยู่ตรงนั้นดั่งคนฟั่นเฟือน

 

สัตว์เลี้ยงของข้าแข็งแกร่งขึ้น ใยข้าจะไม่สุขใจเล่า!

 

หลังจากออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยจมอยู่ในความคิดของตน เขาไม่คาดฝันมาก่อนว่ายาเสริมอสูรของเขาที่สร้างจากส่วนประกอบหลายชนิดสามารถ‘ปลุก’พรสวรรค์และสายเลือดของวิหคเพลิง

เมื่อคิดอีกครั้ง ชาง หวู่ย่าเคยพูดหนึ่งครั้งว่าอัตราความสำเร็จของการกลั่นยาเสริมอสูรและยาเม็ดส่งเสริมจิตวิญาณมีเพียงครึ่งเดียว นี่หมายถึงมันจะสำเร็จทุกๆ2ครั้ง แต่ยังไงเวลาที่เสียไปกับความล้มเหลวน้อยมากเพราะนักปรุงยาทั้งหลายรู้สึกว่าโอกาสพลาดเพียงครึ่งหนึ่งนั้นต่ำเกินไป

 

 

วิหคเพลิงกลืนยาไปมากกว่า80เม็ด ราคาของยานี้สูงมากเมื่อมันกลั่นเสร็จสิ้น คนอื่นๆนอกจากเขา ใครจะกล้าใช้ยาทิ้งขว้างขนาดนี้? แม้ว่านิกายเทพโอสถก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้ในการกลั่นยา เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาสามารถกลั่นยาด้วยเคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางเช่นกัน…

 

 

เวลาผ่านพ้นไป ประมาณ2เดือนแล้วและตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน อีกไม่นานก็จะหมดปีนี้แล้ว ตอนนี้, ชิงสุ่ยกำลังฝึกประจำวันช่วงเช้าในห้องโถงรวม

 

คนภายนอกอาจะบอกไม่ได้ว่าอะไรคือความต่างของหมัดไท่เก๊กของเขา แต่ชิงสุ่ยเห็นได้ว่าพลังของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสองเดือนที่ผ่านมา

 

ด้วยผลของยาเม็ดส่งเสริมจิตวิญาณ เขาใช้เวลาสองเดือนในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขา นั่นเท่ากับการฝึกฝนถึงห้าปี มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพัฒนาขึ้น

 

 

เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาได้โคจรถึง99รอบและเขามีความเชี่ยวชาญมากในปราณกระทิงคลั่ง ซึ่งช่วยเพิ่มพละกำลังให้เขาอย่างมาก แต่เขายังคงรอประกายแห่งการพัฒนาสู่ขั้นถัดไป

 

 

ก้าวหมอกเมฆาของเขา  ก้าวขจัดวิญญาณ และเพลงกระบี่เทวโลก ถึงจุดสูงสุดของดินแดนแห่งปัญญาขั้นบรรพบุรุษ เหตุผลที่เขายังไม่ไปถึงขั้นดินแดนแห่งสัจธรรม เพราะชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในการฝึกฝนวิชาอื่นๆ

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ชิงสุ่ยตกตะลึงไปกับผลที่สะเทือนสวรรค์ของยาเม็ดส่งเสริมจิตวิญาณ เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยรับฟังคำแนะนำของผู้อาวุโสในนิกายในขณะเดียวกันก็ยังฝึกฝนรูปลักษณ์แห่งพยัคฆ์ ที่เขาได้รับมาจากอนุสรณ์สถานศิลาหินศิลปะการต่อสู้

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น มีรูปปั้นแกะสลัก2ชิ้นที่ชิงสุ่ยรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากมัน คือรูปปั้นหมีพิงต้นไม้และรูปปั้นหมียักษ์เขย่าขุนเขา เขารู้สึกถึงความเคลื่อนไหวและพลังที่ซ่อนอยู่ภายในที่รอการระเบิิดออก ทันที่พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดุจจรวด เขาจะจัดการศัตรูโดยศัตรูที่ยังประหลาดใจและจะคว้าชัยชนะ

 

ตอนนี้ ชิงสุ่ยฝึกฝนหมัดไท่เก๊กของเขาที่จตุรัสกลาง การเคลื่อนที่ของเขาลื่นไหลดุขสายน้ำ ชิงสุ่ยผสมปราณกระทิงคลั่งเข้ากับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้นานแล้ว ปราณทั้งสองสายรอบเป็นหนึ่ง ไหวเวียนอย่างช้าๆในร่างกายของเขา มันยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งอย่าไม่เคยมีมาก่อน

 

 

การเคลื่นไหวดุจดังสายน้ำนั้นสร้างความลึกลับให้แก่เขาและดึงดูดสายตาคนรอบข้างที่อยู่ในจตุรัส เมื่อชิงสุ่ยร่ายรำไท่เก๊กเสร็จสิ้น พวกคนที่กำลังมองอยู่ก็รู้สึกตัวขึ้นมา

 

ทันใดนั้น มีเสียงเรียกมาจนชิงสุ่ยต้องหันกลับไป “เจ้าคือชิ่งสุ่ยใช่หรือไม่?”

 

ชิงสุ่ยไม่ตอบอะไรจนกระทั่งเขาหดมือกลับมาข้างตัว เมื่อชำเลืองมองออกไป เขาเห็นชายหนุ่มรูปงามยืนห่างจากเขาประมาณ2เมตร ตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มร่างผอมก็มาอยู่ต้านข้างเขา ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือเด็กรับใช้ของชายหนุ่ม

 

ดวงตาของชายหนุ่มรูปงามเต็มไปด้วยความมั่นใจและความทะนงตน เข้าจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความชิงชัง ชิงสุ่ยรับรู้ด้วยสัญชาตญาณของเขาว่าชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ในระดับจุดสูงสุดของขั้นที่2แห่งอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์ และพลังที่โคจรในร่างกายของเขาหลายครั้งที่มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าของกงซุน เจี้ยนหวู่

 

 

“เจ้าเป็นใคร?” ชิงสุ่ยไม่รู้ถึงเบื้องหลังของชายหนุ่มตรงหน้า เขารู้จากระดับพลังว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนของคฤหาสน์ดาราจันทราแน่นอน

 

“ข้าสกุลชง ชิงสุ่ย ข้าต้องการให้ ซื่อกง หมิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงของข้า” ชายหนุ่มรูปงามตระกูลซงยิ้มให้ชิงสุ่ย รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

ชิงสุ่ยงุนงง ทำไมชายคนนี้ถึงมาหาเขา? แม้ว่าเขาจะมีสัมพันธ์ที่ดีกับ ชางห่าย หมิงเยวี่ย แต่เธอคงจะไม่เป็นผู้หญิงของชายผู้นี้เป็นแน่ เธอมีอิสระในการเลือกคนที่เธอรัก และชิงสุ่ยก็บังคับเธอไม่ได้ ความรักบังคับกันไม่ได้

 

แต่ยังไง ชายหนุ่มตรงหน้าก็สร้างความประหลาดใจให้แก่เขา ด้วยเหตุที่ไม่ได้รู้จักกัน เขารู้สึกโกรธเคืองเมื่อมองไปยังชายหนุ่ม

 

“ข้าอยากให้เจ้าห่างจากเธอไว้ ข้ามาบอกให้เจ้าทราบ” ปากของชายรูปงามสกุลซงโค้งขึ้น ความน่าเกรงขามของเขาที่ปรากฏดุจดังนกยูงณุปงาม

 

ตอนที่ชิงสุ่ยได้ยินน้ำเสียงที่สั่งการของชายหนุ่ม หน้าของเขาเริ่มดุร้ายยิ่งขึ้น คิ้วขมวดหากัน ทำไมเขาต้องการให้ข้าห่างจากเธอ? เขาไม่ได้พบชางห่าย หมิงเยวี่ย หรือห่าวหยุน ลิ่วลี่เลยในเดือนนี้

 

 

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้ากล่าว” ชิงสุ่ยเตรียมที่จะเดินจากไปหลังพูดจบ แต่ผมว่าเขาถูกขวางไว้โดยข้ารับใช้ร่างผอม

 

“พี่ชายใหญ่ซงยังไม่อนุญาตให้เจ้าไป เฮ้ เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าควรจะฉลาดกว่านี้และออกห่างจากพี่สาวหมิงเยวี่ยซะ” รอยยิ้มปลอมๆปรากฏขึ้นในสายตาของชายร่างผอมเมื่อเขาชายตามองชิงสุ่ย

 

“หวา นั่นมันผู้นำเหล่าสาวกแห่งคฤหาสน์ดวงดาว ซงหลาง!” ใครซักคนกล่าวอย่างตกใจ

 

“ว้าว แล้วชิงสุ่ยไม่ใช่คนของคฤหาสน์ดาราจันทราของเรารึไง?” หญิงสาวบางคนจากคฤหาสน์ดาราจันทราให้กำลังใจเขา

 

“เจ้าคิดว่าซงหลางจะเก่งกว่าชิงสุ่ยของพวกเราไหม?” หญิงสาวคนอื่นๆหัวเราะเบาๆ

 

………………..

“พี่ใหญ่ซงดูดีมากกกกกกกก!”

 

“เจ้ามีเพียงหน้าอกที่ใหญ่ แต่กลับไร้สมอง เหตุใดเจ้าไปชื่นชอบผู้อื่นที่มิได้มาจากคฤหาสน์ของพวกเรา?” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมา

 

“เจ้าโง่งมเพียงไหนกัน? พี่ใหญ่ซงมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมยิ่งนัก เขาเป็ยชายที่หญิงสาวทุกคนต้องการสมรสด้วย ไม่ว่าในเรื่องใด มีชายใดในคฤหาสน์ดาราจันทราเทียบเคียงเขาได้บ้าง?” หญิงสาวโต้กลับทันที

 

“นังแพศยา!”

 

“ข้าจะไปยังห้องของเจ้าในคืนนี้และสั่งสอนให้เจ้ารู้ถึงพลังของบุรุษ”

 

“มาห้องข้างั้นรึ? มาสิหากเจ้ากล้า ข้าตัดส่วนเล็กอันน่าสมเพชที่เจ้าเรียกว่า‘เจ้านกน้อย’ เจ้าทึ่มเอ้ย”

 

……………………………

 

ชายหนุ่มรูปงามตระกูลซงยิ้มในขณะที่เขาได้ยินการโต้เถียงของฝูงชนรอบข้าง รอยยิ้มของเขาที่ปล่อยออกมาทำหญิงสาวจำนวนมากเหมือนโดนสะกดจิต

 

“ชิงสุ่ยข้าเป็นกำลังให้เจ้า ฆ่าเจ้าซงหลางนั่นซะ!”

 

ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดกล่าวประโยคนั่นรู้เพียงแต่ว่าผู้กล่าวเป็นบุรุษอย่างแน่นอน

 

“ฆ่าเจ้าซงหลางนั่นซะ!!!”

 

เสียงบุรุษตะโกนตามมาเรื่อยๆ

 

ชิงสุ่ยยิ้มเจื่อนๆ ดูเหมือนว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของหญิงสาว‘มีชายใดในคฤหาสน์ดาราจันทราเทียบเคียงเขาได้บ้าง?’ ได้กระทบจิตใจของเหล่าบุรุษจากคฤหาสน์ดาราจันทรา

 

ชิงสุ่ยมองไปยัง ซงหลางด้านหน้าของเขาที่ไม่มีความโกรธเคืองใดๆแม้แต่หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของฝูงชน ไม่เพียงเท่านั้นเขายังยิ้มกว้าง ชิงสุ่ยได้แต่เบื่อหน่ายกับรอยยิ้มนั่น

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าซงหลางรู้สึกเช่นใดในเวลานี้ สำหรับซงหลางพรสรรค์ทั้งหมดของผู้คนที่นี่ล้วนอยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น       ด้วยระดับในการฝึกฝนของเขาผู้คนทั้งหลายในที่นี้ดุจดังมดปลวก เขาจะเดือดร้อนกับคำพูดของแมลงได้อย่างไร?

 

“หลีกทางซะ!” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆพร้อมเดินไปข้างหน้า

 

ข้ารับใช้ร่างผอมถอยหลังโดยไม่รู้ตัวด้วยออร่าที่ชิงสุ่ยปล่อยออกมา

 

 

“เจ้าตั้งใจจะหลีกหนีงั้นหรือ? เรามาประลองกันหน่อยไหม? หากเข้าชนะ ชางห่าย หมิงเยวี่ยเป็นของเจ้าแต่หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องออกห่างจากเธอ” ซงหลางยังคงยิ้มเมื่อเขากล่าวออกไป

รีวิวผู้อ่าน