ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 307 – คนที่เจ้ากล่าวถึง นางก็ชื่อหมิงเยวี่ยด้วยงั้นหรือ?
“เจ้าตั้งใจจะหลีกหนีงั้นหรือ? เรามาประลองกันหน่อยไหม? หากเข้าชนะ ชางห่าย หมิงเยวี่ยเป็นของเจ้าแต่หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องออกห่างจากเธอ” ซงหลางยังคงยิ้มเมื่อเขากล่าวออกไป
ชิงสุ่ยรู้สึกดังโดนไฟเผาหลังจากได้ยินซงหลางกล่าว เขาหยุดและหันหลังกลับ มองไปยังชายหมุ่มรูปงามที่ยังคงยิ้มา น้ำเสียงของเขาราบเรียบเหมือนดังเช่นก่อนหน้านี้ สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ชิงสุ่ยอย่างไม่จบสิ้น
“หญิงสาวไม่ใชสิ่งของที่ใครต้องการก็หยิบฉวยได้” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างปกติ แต่คำของเขาสวามารถฆ่าคนให้ตายได้
ท่าทีของซงหลางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ แม้แต่คนในครอบครัว เขาได้รับการเอาใจใส่เพราะ เขาเป็นคนสำคัญที่จะเป็นผู้นำคฤหาสน์ดวงดาวและตระกูลซงในอนาคต
เขาถูกกำหนดให้มีชีวิตที่ดีที่สุดเม่ือเขากำเนิดมา ด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่มีมา เขามีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนจำนวนมากด้วยความช่วยเหลือจากสิ่งล้ำค่าจำนวนมากและยาราคาแพงมากมาย
ด้วยความช่วยเหลือที่มากดุจดังปากของพายุในช่วงเวลาวัยเด็กของเขาทำให้เขามีเส้นทางชีวิตที่ดี รวมไปถึงคนอีกจำนวนมากที่ผลักดันเขาอย่างลับๆ ความสามารถของซงหลางนั้นไม่สามารถดูถูกได้
“ว้าว ชิงสุ่ยจากคฤหาสน์ดาราจันทราของเราเจ๋งสุด ที่เขากล่าวมานั้นถูกต้อง”ชายคนนึงกล่าวอย่างมีความสุข
“ยอดเยี่ยม ข้าชอบจัง ข้าจะอนุญาตให้เขาทำความรู้จักข้าได้” หญิงสาวที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดกล่าวขึ้น เธอมองดูชิงสุ่ยด้วยดวงตาอันหลงไหล.
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอเหมือนจะอาเจียน!
“รุ่นเยาว์ก็ยังคงเป็นรุ่นเยาว์ หุนหันพลันแล่นยิ่งนัก” ท่าทีของซงหลางกลับสู่ความปกติ ทัศนคติของเขาราวกับว่าเขาไม่ต้องการลดตัวลงมาเทียบกับรุ่นเยาว์และโต้แย้ง
ชิงสุ่ยยืนยิ้มนิ่งๆ กลิ่นอายที่ดุจดัง “สงบนิ่งดังภูผา” ทำให้ทุกคนขบขันด้วยสิ่งที่ซงหลางกล่าวออกมา หลังจากนั้นชิงสุ่ยแสดงท่าทีที่ดุเด็ดและเผ็ดร้อนของของเขา
นี่คือความเข้าใจของชิงสุ่ยเกี่ยวกับชีวิตหลังจากที่เขาเข้าใจสภาวะจิตใจของ “สงบนิ่งดังภูผา” มันเหมือนดังความฝันและยังคล้ายเป็นความทรงจำ เป็นทั้งภาพลวงตาและความจริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาอันว่างเปล่า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเข้าสู่สภาวะจิตใจของสงบนิ่งดังภูผาได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าคนเช่นนี้กำลังวางแผนอยู่ เขาไม่ต้องการอะไรเพียงแต่ต้องการบังคับชิงสุ่ยด้วยพลังของเขาเพื่อเป็นการแสดงพลัง หรือจู่โจมชิงสุ่ยในขณะที่ไม่ตั้งตัว ดังนั้นเขาจึงเลือกแสดงพลังต่อหน้าชางห่าย หมิงเยวี่ย
เมื่อผ่านวันนี้ไป เขาจะมีความใกล้ชิดชางห่าย หมิงเยวี่ยโดยใช้ชิงสุ่ยเป็นบันได
ชิงสุ่ยเกลียดคนเช่นนี้ หากเจ้ากล่าวว่าเจ้าหลงไหลชางห่าย หมิงเยวี่ย นั่นคือ เจ้าต้องไล่ตามเธอด้วยตนเอง แต่หากเจ้าต้องการใช้ข้าเป็นบันได หากเป็นตัวชิงสุ่ยในอดีตนั้นคงไม่สามารถทำสิ่งใดดได้ เพราะเขาเข้าใจถูกความเจ็บปวดของการไร้ศักยภาพ ไม่มีความหวังใดๆในหมู่ผู้อ่อนแอ
หญิงงามย่อมมีหมาป่ามากมายหมายปอง ยิ่งงดงามเท่าใดยิ่งเป็นที่หมายปองเท่านั้น มันจะปกติหากหญิงสาวผู้นั้นแข็งแกร่ง แต่หากหญิงสาวผู้นั้นดุจดังดอกไม้ในแจกันก็อาจจะพบจุดจบอันเลวร้าย ชางห่าย หมิงเยวี่ย มีการปกป้องโดยตระกูลชางห่าย และด้วยความสามารถอันไม่ธรรมดาของเธอ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมีเจตนาร้ายมาที่เธอ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไร
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในนิกายเทวโลก แม้ว่าชางห่าย หมิงเยวี่ยจะแข็งแกร่งเพียงใดย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเธอ ซงหลางคือหนึ่งในนั้น เมื่อชายผู้หนึ่งรู้ถึงความแข็งแกร่งของตนเขาจะมีความมั่นใจมาก
“หุนหันพลันแล่น? หากเจ้าชอบใครสักคนเหตุใดจึงไม่ไปไล่ตามเธอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการใช้ผู้อื่นเป็นบันไดข้ามไปมันน่าสมเพชต่อหน้าหญิงสาว? มันน่าอับอายอย่างมากหากเจ้าไม่สามารถประสบความสำเร็จแม้จะใช้วิธีการเช่นนี้” ชิงสุ่ยหัวเราะ
แม้ว่าซงหลางได้ผ่านสิ่งต่างๆมากมายในชีวิต ผู้คนมักจะเชื่อถือในสถานะและพลังของเขา ผู้คนที่ไม่ไว้หน้าเขาดั่งชิงสุ่ยก็หายากยิ่ง และด้วยคำพูดเช่นนั้นยิ่งหายากขึ้นไปอีก
แต่คำพูดของเขาก็เสียดแทงหูชิงสุ่ยเช่นกัน ชิงสุ่ยนั้นมีแนวคิดที่ว่า “ไม่โจมตีจนกว่าจะถูกโจมตี และหากผู้ใดนำมีดมาแทงข้าหนึงครั้งข้าจะแทงมันกลับคืนสิบครั้ง”
“ฮ่า ฮ่า พวกเขาจะประลองกันงั้นหรือ ชิงสุ่ยต้องชนะแน่นอน! ให้พวกคฤหาสน์ดวงดาว รู้สึกถึงการสูญเสียความเป็นชาย!” ใครบางคนตะโกนมา
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ ก็มีเสียงตะโกนออกมา “ฆ่ามันซะชิงสุ่ย! ให้มันรู้สึกผิดที่เกิดเป็นชาย!”
“ท่านลิ่วลี่ กล่าวว่าเจ้าคือคู่หมั้นของหมิงเยวี่ย ดังนั้นข้าจึงตามหาเจ้า” ซงหลางยิ้มอีกครั้งดุจแดงเมฆาและแสงแดด
ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาแสร้งทำแต่มันเป็นเหมือนนิสัยของเขา! ไม่ต้องคิดอะไร ชิงสุ่ยเกลียดมันและบ่นถึงบรรพบุรุษของเขาที่ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสดั่งชนชั้นสูง
“โอ้ แม้รู้ว่าเจ้าจะรู้ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของข้า เจ้ายังคงมาหาข้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าเลือกที่จะสู้งั้นรึ?” ชิงสุ่ยได้รับรู้อะไรบางอย่างจากคำพูดของซงหลาง – ชางห่าย หมิงเยวี่ยเกลียดชายผู้นี้
ผู้คนจากนิกายใหญ่รู้สึกประหลาดใจ เช่นเดียวกับในนิกายเทวโลก หากซงหลางใส่ใจเพียงชางห่าย หมิงเยวี่ย จะไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงตราบเท่าที่เขาไม่ได้อยู่เหนือระดับกับอาวุโส
เพื่อไล่ตามความสุขของตนเองในในหมาทวีปทั้ง9บนโลกนี้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่นั่นต้องเป็นไปอย่างมีมารยาท เหมือนกับสือฉิงจวงจากนครร้อยไมล์ แม้ว่าจะพยายามไขว่คว้าหญิงโดยการเอาชนะคู่หมั้นของเธอ ก็ต้องทำให้หญิงสาวประทับใจในตัวด้วย มิเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะไร้ความหมาย
ตอนนี้ หากซงหลางประลองชิงสุ่ยเพียงเพราะเขาเป็น “คู่หมั้น” ของชางห่าย หมิงเยวี่ย เขาต้องพยายามทำให้ชางห่าย หมิงเยวี่ยตกหลุมรักเขาในภายหลัง มิเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะไร้ความหมาย แม้ว่าเขาจะใช้กำลังบังคับ แต่ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังชางห่าย หมิงเยวี่ยต้องมิยินยอมแน่นอน
คำพูดของชิงสุ่ยยังทำให้คนที่ต่ำกว่าโดยเฉพาะพวกชายหนุ่มจากคฤหาสน์ดาราจันทราร่วมสนับสนุน มันเป็นคำพูดที่ดี! การแบกรับป้ายชื่อมานานมาอย่างยาวนานจะเป็นเรื่องยากในการเข้าหาหญิงสาวคน
นั่นเพราะว่าใครก็ตามที่คบหากับชายหนุ่มจากคฤหาสน์ดาราจันทรา ชื่อของพวกเธอจะถูกกล่าวขานแม้จะจากลากัน เช่นเดียวผู้หญิงที่มีปัญหาหรือสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น เมื่อตอนสุดท้าย คนส่วนใหญ่ยังคงสงสัยว่าเธอ“คบหา” กับชายหนุ่มจากคฤหาสน์ดาราจันทราต่อไป
แม้ว่าทุกคนรู้ว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเท็จ ส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง
ดังนั้นหญิงสาวของคฤหาสน์ดาราจันทราที่คบหากับชายหนุ่มของคฤหาสน์อื่น จนกล่าวได้ว่า นักบวชจากต่างดิแดนย่อมดีกว่าอ่านพระคำภีร์ การทำเช่นนั้นจะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความสามารถมากขึ้นในคฤหาสน์ของพวกเขา
สำหรับชายหนุ่ม การคบหากับหญิงสาวของคฤหาสน์อื่นเป็นอะไรที่ถือเป็นเกียรติยศ
หรือหญิงสาวที่รูปงามก็ยังดี หากชายหนุ่มจากคฤหาสน์เดียวกันไล่ตามเธอ!
ดังนั้นนี่จะทำให้ชายหนุ่มของคฤหาสน์ดาราจันทราละอายใจที่ไม่สามารถแสดงออกเรื่องนี้ได้ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ประกายแห่งความหวังนี้หลุดลอยออกไป ทันทีทีี่มีใครซักคนเริ่มในเรื่องนี้พวกเขาตื่นเต้นและสนับสนุนตั้งแต่แรกเริ่ม
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วงั้นหรือ จึงกล่าวต่อนายท่ายซงเช่นนี้” ชายร่างผอมที่ถูกผลักให้ถอยไป โดยชิงสุ่ยทนความอัปยศนี้ไม่ได้ ตั้งแต่นายท่านซงมาที่นี่ เขาก็ไม่กลัวชิงสุ่ย มากไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่พูดคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้และมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะพูดคำหยาบคายเช่นนี้
ชิงสุ่ยมองไปยังชายร่างผอม ปราณกระทิงคลั่งก็ถูกเรียกออกมาทันที ทำให้นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีแดง และโหดร้ายดุจดังมีดที่ทิ่มแทงดวงตาของชายร่างผอมที่แสดงท่าทีสูงส่ง
กลิ่นอายทั้งหมดของชิงสุ่ยแหลมคมขึ้นในทันที สร้างความตกใจให้ผู้คน ชายร่างผอมกระอักเลือด และเบิกตาขึ้นด้วยน้ำตาที่นองหน้า ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนเข็มทิ่มแทงทำให้ชายร่างผอมกรีดร้องอย่างควบคุมไม่ได้
“เจ้าแสดงท่าทีสูงส่งเพื่ออะไร? เจ้ามันแค่สุนัข” กลิ่นอายของชิงสุ่ยลดลง มันยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยพลังลึกลับบางอย่าง และส่วนส่วนหนึ่งของประสบการณ์จำนวนมาก รวมถึงส่วนหนึ่งในความโหดร้ายของเขา แต่ยังไง ไม่มีใครลืมกลิ่นอายพลังปราณที่ระเบิดออกในพริบตา
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปชิงสุ่ย แต่ข้อเสนอของข้ายังคงเดิม ผู้แพ้ออกห่างจากหมิงเยวี่ย” ดวงตาของซงหลางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ความสำเร็จย่อมเกิดจากอารมณ์ ไม่มีใครจะเติบโตได้โดยปราศจากความกดดัน แม้ความพ่ายแพ้ก็เป็นผลประโยชน์
“คนที่เจ้ากล่าวถึง นางก็ชื่อหมิงเยวี่ยด้วยงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยจ้องมองซงหลาง
“เจ้าไม่กล้ารับปากงั้นหรือ? เช่นนั้นขอโทษเขาซะ อย่างแรกคือเลิกทำร้ายคนของช้า” ซงหลางฟังคำของชิงสุ่ยเพียงตื้นๆ แต่เขามองไปยังชิงสุ่ย ด้วยความตั้งใจที่จะต่อสู้และจงใจให้เขาทำสิ่งที่ยากจะทำ
“เพียงเพราะเธอเป็นคู่หมั้นข้า เจ้ากล้าใช้เหตุผลโง่งมเช่นนั้นท้าประลองข้า บิดาเจ้าเถอะ ข้าจะประลองกับเจ้า – ผู้ชนะได้สมบัติทั้งหมดแห่งตระกูลซงเจ้าตกลงหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมุ่งร้าย
ซงหลางยังคงเงียบ
“หญิงสาวมิใช่สิ่งของ พวกเธอมิอาจใช้กำลังบังคับได้ ข้าจะใช้หัวใจปกป้องผู้หญิงของข้า เจ้าคิดว่าใครจะหาหญิงสาวด้วยความแข็งแกร่งในการต่อสู้งั้นหรือ? เธอจะต้องโดนฉกฉวยโดยใครซักคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
คำพูดของชิงสุ่ยบางเบาแต่ทุกๆคนนั้นได้ยิน มันยังปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาว และเข้าไปฝังในจิตใจชายหนุ่มจากคฤหาสน์ดาราจันทรา
ซงหลางหน้าซีด เขารู้ว่าได้ก้าวเข้าสู่กับดักของชิงสุ่ยและได้แขวนป้ายชื่อแก่ตนเอง สายตาจากหญิงสาวเปลี่ยนไปจากความชื่นชมเป็นความรังเกียจ ศักดิ์ศรีที่พวกเขามีมันถูกกระตุ้นโดยชิงสุ่ย เปลี่ยนมันให้เป็นน้ำเน่า และถาโถมเข้าสู่ซงหลาง
ประกายตาของซงหลางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ข้าจะประลองกับเจ้า!” ซงหลางกล่าวอย่างจริงจัง
“มันไม่น่าสนใจหรอก หากใครซักคนท้าประลองข้า จะทำให้ข้ารำคาญจนตายงั้นรึ?” ชิงสุ่ยส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเขามีท่าทีค่อนข้างรำคาญ
“เจ้าเป็นบุรุษจริงหรือไม่? อัณฑะของเจ้ายังมีอยู่รึ!?” บางทีซงหลางอาจโกรธจนเกินไป คำหยาบนั่นจึงหลุดจากปากเขา
“ข้ายังคงเป็นตัวข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีอัณฑะหรอก”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างแน่วแน่และจริงจัง
“เจ้าทราบได้อย่างไร?”
“เจ้ามันคนไร้อัณฑะ! ข้าจะสังหารเจ้าวันนี้!” ซงหลางโกรธอย่างมากและไม่ต้องการถูกชักจูงโดยชิงสุ่ย
ฝูงชนเต็มไปด้วยด้วยเสียงหัวเราะ ชิงสุ่ยและซงหลางประลองกันเป็นการหาเรื่องใส่ตัว เขาเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มากเกินไปในโลกก่อนหน้านี้ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาโดยไม่คิดมาก
ซงหลางยังคงมีระดับที่เหนือกว่ายามเขาโกรธ เมื่อเขาเลือดขึ้นหน้า เขาต้องการจะต่อยชิงสุ่ยด้วยความโกรธแค้น
ชิงสุ่ยมองไปยังซงหลางที่กำลังพุ่งมาหาเขา แม้ว่าเขาจะฆ่าผู้อาวุโสแห่งนิกายเทพกระบี่ตอนอยู่เพียงขั้นแรกของอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์ ขณะที่ตอนนี้ซงหลางอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นที่2อาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์
มันเป็นเรื่องที่สำคัญความต่างของหนึ่งระดับในอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์สร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล การใช้ยาพิเศษด้วยระดับการฝึกฝนทีี่สูงกว่าย่อมให้ผลที่มากกว่า
ชิงสุ่ยเริ่มโคจรเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลจนถึงขีดสุดและผสมเข้ากับปราณกระทิงคลั่ง แต่เขากำหมัดเอาไว้และปกปิดความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมด
กลิ่นอายปราณของซงหลางเพิ่มขึ้นในทันที เมื่อเขาพุ่งไปข้างหน้า และบังคับให้คนอื่นๆถอยหลังออกไป3เมตร เมื่อเขาและชองสุ่ยห่างกันเพียง5เมตร ร่างของเขาก็พุ่งเร็วขึ้นทันที