px

เรื่อง : The Dark King
The Dark King – Chapter 5 โลกแห่งความมืด [อ่านฟรี]


ในเช้าวันถัดมา

 

เกรย์นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆโต๊ะ เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของย่านที่พักอาศัยในตอนเช้า มีข้อมูลข่าวล่าสุดเกี่ยวกับส่วนต่างๆของพื้นที่ใกล้เคียงรวมถึงโฆษณาที่รับสมัครเข้าสู่โรงงานต่างๆจำนวนมาก จูร่านั้นกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้าในครัว เธอกำลังนำอาหารที่มาวางบนโต๊ะ ทุกอย่างเหมือนดังปกติ

 

นาฬิกาปลุกในร่างกายของฟู่เทียนนั้นได้ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา เขาเก็บเตียง ล้างหน้าและออกไปทานอาหาร เขาทักทายจูร่าอย่างง่ายๆว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ” จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆและเริ่มทานอาหารเช้า

 

ในตอนนี้จูร่าถืออาหารส่วนของฟู่เทียนมาและนั่งลงตรงข้ามเขา ในขณะที่ฟู่เทียนกำลังทานอาหารจูร่าก็ถามเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

 

“อร่อยรึเปล่า?”

 

“มันเผ็ดหน่อยๆ” ฟู่เทียนตอบ “ผมชอบอาหารเผ็ด”

 

“แบบนั้นก็ดี” จูร่ายิ้ม

 

เกรย์วางหนังสือพิมพ์ของเขาลงและมองตรงไปยังฟู่เทียน “เทียน ป้าของเธอและฉันกำลังจะคิดให้เธอแต่งงาน เธอต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ แต่งตัวหล่อๆด้วยล่ะเรากำลังจะไปหาใครบางคน”

 

เพราะความต้องการของฟู่เทียน เกรย์และจูร่าจึงยอมให้เขาเรียกว่า “คุณลุงและคุณป้า”

 

หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นจิตใจของฟู่เทียนก็ได้สงบลง แกล้งทำเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้อะไรเหมือนเดิมและถามขึ้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?

 

จูร่าบอกไปยังฟู่เทียนและกระซิบกับเกรย์: “คุณเห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าเทียนนั้นยังเด็กอยู่ เราน่าจะรออีกสัก 2-3 ปี”

 

“อายุ 13 ก็แต่งงานได้แล้วตามกฎหมาย” เกรย์มองกลับไปหาเธอ ความเย็นชาปรากฏขึ้นในสายตาของเขาเล็กน้อยและกล่าวว่า “ตอนนี้เราให้เขาหมั้นหมายไว้ก่อนก็ได้ ยืดเวลาออกไปไม่กี่ปีไม่มีประโยชน์หรอก”

 

จูร่าเห็นว่าสามีของเธอไม่มีทางเปลี่ยนใจในเรื่องนี้จึงไม่ได้กล่าวอะไรออกไป

 

“พวกเรากําลังจะพาเธอไปหาพี่สาวคนหนึ่ง” เกรย์กล่าวกับฟู่เทียน “มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอและเธอจะต้องทำทุกๆอย่างให้พี่สาวนั้นเห็นด้วย ถ้าทำแบบนั้นได้เธอจะกินอาหารเท่าไหร่ก็ได้ ได้สวมเสื้อผ้าดีๆ และจะไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป เธอเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า? ”

 

“จริงหรอครับ? ผมจะทำ!” ฟู่เทียนตอบกลับไปอย่างใจเย็น ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าที่กระตือรือร้นของเขานั้นดูจริงจังอย่างยิ่ง

 

ใบหน้าของเกรย์นั้นมีรอยยิ้มกว้างและกล่าวว่า “ยอดไปเลย เทียนนี่เป็นเด็กดีจริงๆ เอาล่ะมาทานอาหารกันก่อน”

 

ในไม่ช้าพวกเขาทุกคนก็ทานอาหารจนเสร็จสิ้น

 

ฟู่เทียนแสดงความ “กระตือรือร้น” ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกรย์นั้นรู้สึกโล่งใจ

 

“มาเถอะเทียน มาลองชุดใหม่กันก่อน” จูร่าพาฟู่เทียนไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อลองชุดสูทสีดำตัวใหม่ มีเนคไทสีแดง และรองเท้าขัดเงาวางเอาไว้ เธอพาฟู่เทียนมาเปลี่ยนชุด หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดจนเสร็จสิ้นสายตาของจูร่าและเกรย์ก็เบิกกว้างขึ้น ผิวหนังที่ขาวซีดราวหิมะและดวงตาสีดำของฟู่เทียนทำให้เขาดูราวกับชนชั้นสูง

 

“ดูดีมากเลย!” จูร่าหัวเราะอย่างเต็มที่

 

หัวใจของเกรย์นั้นก็ยินดีเช่นกัน “ยอดเยี่ยม ไปกันเถอะ!

 

“อื้ม!” ฟู่เทียนนั้นพยายามที่จะทำให้ตนเองดูตื่นเต้นและประหลาดใจ

 

หลังจากล็อคประตูเสร็จสิ้น จูร่าก็เดินจูงมือของฟู่เทียนออกมาและถามเกรย์ว่า “มันยังเช้าอยู่เลย เราจะหารถม้าได้หรือเปล่าตอนนี้?”

 

เกรย์ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องกังวลไป ฉันบอกกับบ้านเอวริลเอาไว้แล้ว พวกเขาจะส่งรถม้ามารับพวกเรา” ในเวลาเดียวกันนั้น “กุบ กุบ กุบ” เสียงของกีบเท้าที่ย่ำลงบนถนนก็ดังขึ้นมา รถม้าที่มีเครื่องประดับสีทองตรงเข้ามาและหยุดลงตรงหน้าพวกเขา บนหลังคารถมีธงสีขาวเงินและมีดอกสีขาวสลักอยู่บนธงซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ของบ้านเอวริล

 

คนขับรถม้านั้นสวมรองเท้าส้นสูงและสูทสีดำ เขากระโดดลงจากรถม้าพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “ท่านเกรย์และท่านจูร่า ท่านหญิงกำลังรอพวกท่านทั้งสอง” เขาโน้มตัวไปทางขวาของตนเองเพื่อเชิญพวกเขาเข้าสู่รถม้า แสดงให้เห็นถึงมารยาทของขุนนางชั้นสูง

 

หัวใจของเกรย์นั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ “เราจะให้ท่านหญิงต้องรอได้ยังไงกัน นั่นต้องเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง ขึ้นไปบนรถม้ากันเถอะ!” เขารีบจูงมือของฟู่เทียนและพาเขาขึ้นไปบนรถม้า

 

ในตอนนี้คนขับรถม้านั้นเหมือนจะสังเกตเห็นฟู่เทียน ดวงตาของเขาเป็นประกายไปด้วยความประหลาดใจแต่ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอย่างสุภาพออกมา

 

กุบ กับ กุบ … …

 

หลังจากที่ครอบครัวของฟู่เทียนได้นั่งลงบนรถม้า คนขับก็เริ่มสะบัดเชือกเพื่อให้รถม้าแล่นออกไป

 

ฟู่เทียนมองดูอาคารที่ผ่านไปอย่างเงียบๆเช่นเดียวกับคนที่เดินอยู่ริมถนน คนส่วนใหญ่ต่างประหลาดใจที่ได้เห็นรถม้าคันนี้ ในตอนนี้เกรย์และจูร่าไม่ได้พูดอะไรออกมาและไม่ได้ถามอะไรฟู่เทียนอีกเลย พวกเขากังวลว่าคนขับรถม้าอาจจะระแคะระคายเรื่องนี้และเรื่องอาจจะไปถึงหูของบ้านเอวริล

 

รถม้ามุ่งหน้าไปทางใต้ของกำแพงยักษ์ได้อย่างราบรื่น องครักษ์ที่เฝ้าประตูได้ทำการ ‘ทาบกำปั้นลงบนอก’ เพื่อทำความเคารพเมื่อพวกเขาได้เห็นธงที่ปักอยู่บนรถม้า เพื่อให้พวกเขาผ่านไปได้ทันที หลังจากนั้นเขาก็จะมาตรวจตราต่อเพื่อตรวจสอบผู้ที่จะเข้าไปยังย่านธุรกิจ

 

ที่นี่คือย่านธุรกิจงั้นหรอ?

 

ฟู่เทียนมองไปยังถนนที่สะอาดด้านนอกรถม้าคันนี้ ถนนและสถานที่แห่งนี้มักมีผู้คนสวมเสื้อผ้าที่สวยงาม เขารับรู้ได้ถึงความแตกต่างของย่านที่อยู่อาศัยได้ในทันที เมื่อเทียบกับชุมชนแออัดแล้วมันก็เปรียบเหมือนกับสวรรค์กับนรกเลย

 

ในไม่ช้าคนขับรถมาก็หยุดรถมาลงที่ปลายสุดของถนนด้านหน้าของอาคารที่สูง ฟู่เทียนเห็นว่าอาคารหลังนี้มีป้ายรูปเปียโนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นภาพวาดที่ดูเหมือนจริงอย่างยิ่ง เขาสงสัยว่ายังคงมีเปียโนอยู่ในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้อีกหรอ

 

รถม้าหยุดอยู่ตรงที่ประตูทางเข้าหลัก จากนั้นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำก็เดินออกมาจากคฤหาสน์หลังนี้ทันที เขามองตรงไปหาเกรย์และจูร่าพร้อมกับรอยยิ้ม “นายหญิงรอพวกคุณอยู่นานแล้ว โปรดตามผมมา” จากนั้นเขาก็นำทางไป

 

เกรย์รู้สึกตึงเครียดในหัวใจอย่างยิ่งเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อาคารหรูหราเช่นนี้จะตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย เขาก้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับจับมือของฟู่เทียนและเดินไปข้างหน้า

 

ทันทีที่เกรย์ได้เข้ามายังห้องโถงใหญ่ สายตาของพวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยอัญมณีต่างๆที่เปล่งประกายราวกับตะเกียงน้ำมัน จูร่านั้นรักษาท่าทีได้ดีกว่าเพราะเธอเคยมารักษาผู้คนที่อยู่ในย่านธุรกิจอยู่หลายครั้ง เธอจึงค่อนข้างสงบนิ่ง สำหรับเกรย์นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในที่แบบนี้ ฟู่เทียนที่จับมือของเขาอยู่ก็รู้สึกได้ว่าชายคนนี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย ร่างกายของเขากำลังสั่น เขาได้แต่ส่ายหัวของเขาในใจ

 

เสียงเพลงดังออกมาในห้องโถง ฟู่เทียนมองเพียงครั้งแรกก็รู้สึกได้ว่าห้องโถงแห่งนี้นั้นกว้างใหญ่อย่างยิ่ง มีคนมากมายที่นั่งอยู่ที่นี่ ทั้งกินขนม ฟังเพลง พูดคุยกัน พวกเขามีชุดที่ดูหรูหรา เนื้อผ้าและวัสดุที่ทำนั้นดูดีกว่าผ้าที่ใช้ในบริเวณย่านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีของมันนั้นตัดกันจนเห็นได้อย่างชัดเจน

 

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำนำพวกเขาเดินไปยังห้องแยกอยู่อีกห้องหนึ่ง

 

ฟู่เทียนเห็นว่ามีคนสองคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น หญิงวัยกลางคนที่งดงามอายุน่าจะประมาณ 30 ปี เธอมีผ้าปิดหน้าผืนเล็กๆสีอ่อน หมวกคุมไว้หน้าอยู่ คนที่อยู่ข้างๆเธอนั้นเป็นเด็กสาวที่มีอายุประมาณ 11 ปี ผิวพรรณดี มีผมสีน้ำตาล หน้ารูปไข่ แม้เธอจะยังเติบโตไม่เต็มที่แต่ก็สัมผัสได้ถึงความงดงาม

 

เด็กหญิงนั้นก็สังเกตเห็นได้ถึงสีหน้าของครอบครัวเกรย์ ดวงตาของเธอกวาดตามองไปที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจากนั้นก็หันมามองฟู่เทียนด้วยความประหลาดใจ

 

ในตอนนี้หญิงวัยกลางคนยืนขึ้นและทักทายจูร่าด้วยรอยยิ้ม “คุณหมอจูร่า ครั้งที่แล้วที่หัวหน้าครอบครัวของเราล้มป่วยแล้วได้คุณรักษานั้นต้องขอบคุณมากจริงๆ ในวันนี้เขามีธุรกิจที่ต้องจัดการเขาจึงมาที่นี่ไม่ได้”

 

เกรย์กล่าวว่า “ท่านเอวริลนั้นยุ่งอยู่เสมอครับ”

 

หญิงวัยกลางคนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งก่อน”

 

“ครับ ครับ” เกรย์รีบดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงไปทันที บางทีเขาอาจจะเกร็งเกินไปจนทำให้ขาของเขาไปกระแทกกับเก้าอี้เบาๆ คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆนั้นรีบหรี่ตาขึ้นและพูดคุยกันเบาๆ

 

จูร่านั้นก็นั่งลงเช่นกัน สายตาของหญิงวัยกลางคนจับจ้องไปที่ฟู่เทียนด้วยความประหลาดใจ สายตาของเธอดูเหมือนโล่งใจเมื่อมองไปที่เกรย์พร้อมกับรอยยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นเด็กที่คุณรับมาเลี้ยงงั้นหรอ เขามีผิวที่ขาวจริงๆ”

 

เกรย์ตอบกลับไปพร้อมกับยกย่องลูกสาวของบ้านเอวริล “คุณหนูของบ้านหลังนี้ก็งดงามเหมือนกันครับ ตัวเล็ก บอบบางและงดงาม เธอดูฉลาดมากๆ เธอต้องได้รับความงามของคุณมาอย่างแน่นอน”

 

หญิงวัยกลางคนยิ้มตอบกลับมาจากนั้นก็กล่าวขึ้นทันทีว่า “เรื่องการแต่งงาน … …”

 

ร่างกายของเกรย์นั้นเริ่มเกร็งขึ้น จูร่าก็ดูกังวลเล็กน้อยเช่นกัน

 

“ถ้าหากแอนเนียไม่ปฏิเสธมันก็คงจะเป็นเช่นนั้น” หญิงวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา

 

เกรย์และจูร่ามองตากันและกันด้วยความประหลาดใจ

 

ในตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยกำลังมองไปยังฟู่เทียนและกล่าวออกมาว่า ”หนูอยากออกไปข้างนอกกับเขา”

 

หญิงวัยกลางคนดูเหมือนจะคาดคิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ จึงยิ้มและมองไปยังเกรย์กับจูร่า

 

เกรย์ตอบกลับมาว่า “เทียน ออกไปข้างนอกกับคุณหนูแอนเนียก่อน จำเอาไว้ว่าต้องดูแลคุณหนูแอนเนียให้ดี” เขาตบลงบนบ่าของฟู่เทียนเพื่อสร้างความมั่นใจ

 

ในตอนนี้แอนเนียก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินออกไปข้างนอก ไม่แม้แต่มองมายังฟู่เทียนหรือหยุดรอคอยเขา

 

ฟู่เทียนมองไปยังเกรย์และจูร่าที่สายตานั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจและความหวัง หัวใจของเขานั้นยังคงสงบนิ่ง เขากล่าวออกไปว่า “สวัสดีครับ” ให้กับหญิงวัยกลางคนและเดินตามแอนเนียออกไปจากห้องโถงแห่งนี้

 

“เป็นเด็กที่ค่อนข้างฉลาดนะ” หญิงวัยกลางคนมองตามฟู่เทียนไปด้วยรอยยิ้มและกาว

 

“โชคยังดี… …” เกรย์กระซิบออกมาเบาๆ

 

 

 

ที่บริเวณด้านนอกของถนน แอนเนียมองไปยังคนรับใช้ที่อยู่ในชุดสูทสีดำพร้อมกับโบกมือของเธอ “ไม่ต้องตามมา ฉันจะไปเดินเล่นใกล้ๆนี้”

 

“ขอรับ คุณหนู” คนรับใช้ที่อยู่ในชุดสูทสีดำตอบกลับมา

 

เมื่อเขาจากไปแอนเนียก็เดินตรงต่อไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองข้างหลังและไม่แม้แต่พูดคุยกับฟู่เทียนราวกับว่าเธอกำลังเดินอยู่คนเดียว ฟู่เทียนนั้นก็รู้ว่าควรที่จะเดินตามหลังเธอไปอย่างเงียบๆ เมื่อได้เห็นอาคารที่ตั้งอยู่สองฟากฝั่งของถนน จากสิ่งที่ได้เห็นนี้เขาสามารถสรุปถึงมาตรฐานการดำรงชีพในโลกใบนี้และเทคโนโลยีของโลกใบนี้ได้

 

หลังจากเดินมาเป็นเวลานานแอนเนียก็หยุดเดินลง ฟู่เทียนที่กำลังมองอยู่รอบๆตัวก็เกือบจะเดินชนหลัง เพียงแต่เมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้เขาต้องรีบถอยหลังออกมาทันที

 

ในตอนนี้แอนเนียหันกลับมา เพราะความได้เปรียบทางด้านอายุทำให้เธอสูงกว่าฟู่เทียนประมาณครึ่งศีรษะ ใบหน้าอันงดงามรูปไข่ของนั้นไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา เพียงแต่มองฟู่เทียนอย่างเงียบๆ

 

กลิ่นอายของความเย็นชานั้นรับรู้ได้อย่างชัดเจนจากแอนเนีย ฟู่เทียนยังคงเงียบอยู่เมื่อถูกเธอจ้องมอง

 

เมื่อได้เห็นความสงบนิ่งของฟู่เทียน สายตาของแอนเนียก็แสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมา แต่มันก็กลับไปเป็นความเย็นชาทันที “นายเคยฟังโอเปร่าหรือเปล่า?

 

ฟู่เทียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าอยู่ๆเธอจะพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาแบบนี้ จิตใต้สำนึกบอกให้เขาตอบคำถามโดยการส่ายศีรษะ แอนเนียไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาพูดและถามตอบมาว่า “นายฟังเพลงแนวไหนกัน? ”

 

ฟู่เทียนไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

 

“นายรู้จักการเต้นรำหรือเปล่า?” น้ำเสียงของแอนเนียนั้นต่างออกไป เธอไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบคำถามเลย

 

ฟู่เทียนเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การถามด้วยความสุภาพแต่เป็นการดูถูกออกมาอย่างไม่ปิดบัง เขาจึงเงียบและเพียงมองเด็กหญิงคนนี้

 

“นายเคยขี่ม้าหรือเปล่า?”

 

“นายรู้จักวิชาดาบหรือเปล่า?”

 

“นายมีความคิดและความฝันหรือเปล่า?”

 

แอนเนียถามออกมาถึง 6 คำถามในหนึ่งลมหายใจจากนั้นก็มองไปยังฟู่เทียนอย่างสงบนิ่งและกล่าวว่า “ถ้าหากว่านายเป็นเด็กที่ฉลาด นายคงจะเข้าใจว่าฉันไม่ใช่เด็กที่อยู่ในโลกแบบเดียวกันกับนาย”

 

ฟู่เทียนนั้นยังคงมองไปยังใบหน้าที่สวยงามของเธอ เขาไม่คิดว่าคำพูดที่เฉียบคมหรือแม้กระทั่งคำที่มีความหมายเช่นนี้จะออกมาจากปากของเด็กที่มีอายุมากกว่าเขาเพียง 3 หรือ 4 ปี

 

รีวิวผู้อ่าน