ฟู่เทียนพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะพูดถึงโรงเรียนเกรย์ก็มีความหวังว่าฟู่เทียนจะสามารถสืบทอดทักษะการตัดเย็บของเขาและกลายเป็นช่างตัดเสื้อที่ดีได้ ฟู่เทียนนั้นมีเป้าหมายของเขาแล้วจึงปฏิเสธเกรย์ไปตามตรง
เกรย์และภรรยาของเขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องดีที่เด็กๆมีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่ใช่พวกทาส ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่พวกเขาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง
“น่าเสียดายที่สาขาการแพทย์นั้นยากที่จะเริ่มต้นเข้าไปได้” จูร่ากล่าวด้วยความเสียใจ ฟู่เทียนนั้นเป็นเด็กที่ฉลาดแต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่เขาจะเริ่มเรียนด้านการแพทย์ในตอนนี้
“แล้วอย่างนี้ลูกอยากเรียนด้านไหนล่ะ?” เกรย์ยิ้ม
ฟู่เทียนมองไปที่พวกเขาและกล่าวออกมาว่า “ด้านกฏหมาย!”
“กฏหมาย?” เกรย์ลังเลเล็กน้อย “เทียน ลูกรู้รึเปล่าว่าอาชีพนี้ทำงานแบบไหน?” จูร่าถาม
“ฉันรู้ว่ามันเป็นหนึ่งในสามอาชีพพลเรือนที่สำคัญ ทนายความยังมีเกียรติมากกว่าหมออีกด้วย” อันที่จริงแล้วเกรย์ได้มอบตารางอาชีพต่างๆให้แก่ฟู่เทียน มีข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของงานและคุณวุฒิต่างๆที่จำเป็นในการทำงานในแต่ละสาขา ตารางที่ฟู่เทียนได้รับนั้นช่วยให้เขาเข้าใจเส้นทางอาชีพที่เป็นไปได้และผลประโยชน์ของตนเองที่จะได้รับ
“ฉันแค่อยากจะบอกให้ชัดๆอีกหน่อย โรงเรียนกฏหมายนั้นยากที่จะจบออกมาได้ มันยากกว่าการจะเรียนเป็นหมอเสียอีก เธอจะต้องมีความคิดที่มีชั้นเชิงและนอกกรอบ แม้ว่าลูกจะเป็นเด็กที่ฉลาดแต่ก็ต้องคิดถึงความแตกต่างระหว่างความยากของโรงเรียนกฏหมายและสิ่งที่ลูกได้เรียนรู้ในบ้านเด็กกำพร้า มันเป็นเรื่องยากที่จะจบการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายและผ่านการคัดเลือกด้านอาชีพนี้”
ฟู่เทียนจ้องมองด้วยความแน่วแน่ “ผมอยากเรียนกฏหมายไม่ว่าอะไรก็ตาม”
เกรย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่เทียนยืนยันความต้องการของตนเองอย่างหนักแน่นพวกเขาจึงไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร นับตั้งแต่บ้านเอวริลปฏิเสธการแต่งงานครั้งนั้น เกรย์และจูร่าก็เริ่มรับฟู่เทียนเป็น ‘ลูก’ ของพวกเขาอย่างแท้จริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากทำลายความรู้สึกของเด็กชายผู้นี้
“ถ้าลูกอยากเรียนก็ให้เขาลองดู แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสู่สอบเข้าไปสู่ศาลได้ในอนาคตการเป็นทนายความธรรมดาก็เป็นที่ยอมรับได้เช่นกัน อย่างน้อยๆเขาก็จะได้คุ้นเคยและไม่ทำผิดกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถใช้ชีวิตที่สงบสุขได้”
ฟู่เทียนมองไปที่เธอขณะที่เขาคิดครู่หนึ่ง “ผมอยากจะเรียนกฎหมายไม่ใช่เพื่อจะทำตามมัน แต่เพื่อที่จะทำลายมัน!”
เกรย์ถอนหายใจออกมาและกล่าวกว่า “ตกลง”
หัวใจของฟู่เทียนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขามองไปที่ทั้ง 2 ด้วยสีหน้าที่สดใส “ขอบคุณครับ!”
เมื่อเขาได้ยินฟู่เทียนกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของเกรย์ก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันทีขณะที่เขากล่าวว่า “ถ้าลูกเลือกทางนี้แล้วก็จงศึกษามาให้ดี ถ้าหากว่าลูกยอมแพ้มันในอนาคตลูกจะต้องกลับมาที่บ้านและเรียนรู้ด้านการตัดเย็บกับพ่อ ค่าจ้างของงานนี้นั้นมากเพียงพอที่จะทำให้ลูกมีชีวิตอยู่อย่างสบายได้”
ฟู่เทียนพยักหน้าเบาๆ
…
…
หลังจากฤดูฝนหมดลงอุณหภูมิก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
3 วันก่อนการประเมินผลของโรงเรียนต่างๆนั้นเป็นเทศกาลพิเศษที่เรียกว่า “วันแห่งการอธิษฐาน”
แต่ละครอบครัวจะไปยังศูนย์กลางบริเวณใกล้เคียงของวิหารแห่งเวียร่า
พวกเขาอธิษฐานเพื่อ ‘พระบิดาแห่งพระเจ้า’ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยผ่านฤดูถัดไปและช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บได้
มันเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่
เกรย์และภรรยาของเขาต้องการอธิษฐานให้แก่ฟู่เทียน นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ฟู่เทียนได้พบกับผู้นำศรัทธาของผู้คน โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ มีโบสถ์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในย่านย่อยของย่านที่อยู่อาศัย ปฏิมากรรมรูปปั้นขนาดใหญ่ของทูตสวรรค์สี่ปีกถูกสร้างขึ้นที่ใจกลางของจตุรัส มือทั้งสองที่กอดบรรดาผู้ศรัทธาเต็มไปด้วยความเมตตาและความสามัคคี
3 วันหลังจาก ‘วันแห่งการอธิษฐาน’ โรงเรียนต่างๆก็เริ่มลงทะเบียนเรียน
ฟู่เทียนนั้นตามคู่สามีภรรยาไปที่โรงเรียนกฏหมาย พวกเขาเดินทางไปประมาณสิบกิโลเมตรไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา มีผู้ปกครองและเด็กๆจำนวนมากที่หน้าประตูทางเข้า ผู้ค่นส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย มีผิวขาวกระจ่างใสและมีบางคนที่มีผิวสีเหลือง แต่ก็มีบางคนที่มีผิวที่หยาบกร้านซึ่งหมายความว่าเป็นผู้ที่อยู่ในสถานะทางสังคมที่ต่ำกว่าและไม่จำเป็นต้องพาลูกๆของพวกเขาไปสอบวัดระดับร่างกาย เพราะโรงเรียนกฎหมายเป็นนั้นมีชื่อเสียงในเมืองซิลเวียและค่าเทอมนั้นค่อนข้างแพง ผู้ที่อยู่ในสถานะทางสังคมที่ต่ำย่อมไม่อาจจ่ายค่าเทอมไหว
“ผมได้ยินมาว่าคุณไม่เพียงแต่ต้องการเข้าศึกษาโรงเรียนกฎหมายแต่คุณยังต้องการที่จะผ่านการประเมิน”
“อื้ม แต่ถ้ามันไม่ผ่านผมก็คิดจะไปที่โรงเรียนสอนตัดเย็บอาจจะเป็นสถาบันธรณีวิทยา…”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน การสอบประเมินนี้น่าจะยากน่าดู”
ผู้ปกครองบางคนเริ่มพูดคุยกันเบาๆ
“การสอบประเมินของโรงเรียนกฎหมายเริ่มขึ้นหรือยังครับ?”
“มันน่าจะคล้ายกับการสอบประเมินของโรงเรียนทางการแพทย์ของเรา” จูร่ากระพริบตาแล้วก้มลงไปพูดกับฟู่เทียน “ฉันจำได้ว่าการสอบมักจะถามถึงสิ่งง่ายๆ การสอบของวิทยาลัยทางการแพทย์นั้นเกี่ยวกับความจำเรื่องต่างๆ มันน่าจะเหมือนกันกับที่นี่”
เกรย์ยิ้มออกมา “มันขึ้นอยู่กับลูกตอนนี้ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของตัวลูกเอง ถ้าลูกไม่ผ่านที่นี่ไม่ต้องกลัวเรายังไปลงทะเบียนที่โรงเรียนสอนตัดเย็บได้ทัน”
ใจของฟู่เทียนนั้นเต็มไปด้วยความไม่ชอบ เขาจะมีความสุขมากถ้าการสอบนี้เป็นการสอบวัดความจำง่ายๆ ในยุคสมัยก่อนหน้านี้เด็กที่มี IQ ระหว่าง 120 ถึง 140 หนังสือเป็นอัจฉริยะ น้องสาวที่ชาญฉลาดของเขานั้นมี IQ ถึง142 แต่จากการทดสอบ IQ ของเขานั้นคือ 168 เขาไม่มีวันลืมวันที่เขาได้รับการเชื้อเชิญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตอนอายุสิบสอง
IQ ของพี่น้องคู่นี้นั้นเป็นผลมาจากยีนส์จากพ่อและแม่ของเขา ทั้งสองเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ หากภัยพิบัติครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นพวกเขาควรจะได้รับรางวัลด้านวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติด้วยการประดิษฐ์เทคโนโลยี “แคปซูลแช่แข็ง” ของพวกเขา
ในตอนนี้ก็เป็นคิวของฟู่เทียนที่ต้องเข้าไป เด็กๆต่างเดินเข้าไปยังห้องสอบประเมินอย่างต่อเนื่อง
“ผู้ปกครองรออยู่ที่นี่ เด็กๆเข้าไปยังห้องสอบประเมิน” ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนนักวิชาการขวางทางของคู่สามีภรรยาเกรย์เอาไว้
“เทียน โชคเทียนะ!” จูร่าอวยพรให้ฟู่เทียน ฟู่เทียนเห็นความสุขที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
ในห้องที่กว้างขวางฟู่เทียนเห็นผู้ชายและผู้หญิง ผู้คุมสอบวัยกลางคน 2 คนสวมเสื้อคลุมสีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายเย็บปักถักร้อยไหมทองที่ซับซ้อน พวกเขาดูเรียบง่ายและงดงาม เมื่อพวกเขาเห็นฟู่เทียนจึงยิ้มและกล่าวขึ้น “เด็กน้อย มาทางนี้”
ฟู่เทียนก้าวออกไป
“ฉันจะถามคำถามเธอ เธอมีกระทะอยู่หนึ่งใบและสามารถทอดปลาได้เพียง 2 ตัวในเวลาเดียวกัน การทอดแต่ละด้านนั้นใช้เวลา 1 นาที ถ้าฉันอยากจะทอดปลา 3 ตัวระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้คือเท่าไร?” หญิงวัยกลางคนยิ้ม
“ 3 นาที” ฟู่เทียนกล่าวโดยไม่ต้องคิด
คำถามนี้ไม่ได้ยากแต่ก็ทำให้ผู้คุมสอบทั้งสองคนต้องประหลาดใจ แม้แต่เด็กที่ฉลาดมากที่สุดก็ต้องใช้เวลาคิดสักเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามนี้ออกมา ตอบคำถามได้ถูกต้องโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย… เขาค่อนข้างประทับใจกับเด็กคนนี้
“เธอผ่านแล้วเด็กน้อย เธอฉลาดอย่างยิ่ง” ชายวัยกลางคนทางด้านขวายิ้มและกล่าวขึ้น “รับนี่ไปและไปต่อที่การตรวจร่างกาย ถ้าไม่มีปัญหาในการการตรวจร่างกายเธอก็จะสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมายแห่งนี้ได้อย่างเป็นทางการ” เขายื่นกระดาษโน๊ตเล็กๆให้กับฟู่เทียนซึ่งมีข้อความบางอย่างเขียนอยู่ภายในนั้น
“ยังมีการตรวจร่างกายอีกหรอ?” คิ้วของฟู่เทียนยกขึ้นเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องนั้น
“ยากจังเลย!”
“ฉันตอบไปว่า 4 นาทีและฉันก็รู้ว่ามันผิด ทำไมถึงไม่ใช่ 4 นาทีกัน!? ถ้าจะทอดทั้งสองด้านก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 นาทีสิ!
“คำถามนี่มัน… ทำไมปลา อ๊ะ! ฉันไม่ได้อยากที่จะกินปลาแล้วปลาทอดมันเกี่ยวอะไรกับกฎหมายกัน!
“ดีล่ะ พ่อของฉันเป็นเชฟ เขาสามารถทอดปลา 3 ตัวได้ในนาทีเดียว! พวกเขาต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน”
ฟู่เทียนเดินออกมาและได้ยินเสียงของเด็กบางคนที่อยู่ในห้องถัดไป พวกเขาไม่พอใจกับคำถามของการสอบครั้งนี้ ปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาหันหลังกลับไปและรอคอยอยู่ตรงด้านหน้าของคู่สามีภรรยาเกรย์ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเด็กๆพวกนั้น
“เป็นยังไงบ้าง?” เกรย์ยิ้ม เขาได้ยินคำพูดของเด็กคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่รู้อย่างชัดเจนว่าคำถามของการสอบนี้เป็นอย่างไรแต่มันก็คงไม่ง่ายที่จะผ่านอย่างแน่นอน
ฟู่เทียนยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ผ่านแล้วครับ ตอนนี้ผมต้องไปตรวจร่างกาย”
เกรย์ยิ้มแต่อย่างไรก็ตามเขาต้องการให้ฟู่เทียนนั้นไปศึกษาที่โรงเรียนสอนการตัดเย็บ แต่ด้วยความฉลาดของฟู่เทียนนั้นมีมากยิ่งกว่าเด็กคนอื่นๆทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
“ การตรวจร่างกายคือการตรวจสอบค่าของรังสีในร่างกายของเขา ผิวของเทียนนั้นมีสีขาวดังนั้นค่ารังสีก็น่าจะไม่สูงมากนัก เขาน่าจะผ่านมันอย่างง่ายดาย” จูร่าดูเหมือนจะรู้เรื่องการตรวจร่างกายเธอจึงพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ
หลังจากการระเบิดของนิวเคลียร์ทั่วโลก โลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสีมากมาย ก้อนเมฆสีเทาเงินบนฟ้านั้นเป็นผลมาจากการรวบรวมตัวของกัมมันตภาพรังสีเป็นจำนวนมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฤดูฝนถึงยาวนานในโลกใบนี้ ฤดูฝนที่โหดร้ายและอันตรายจนถึงชีวิตนั้นมันได้นำพาโรคภัยไข้เจ็บและความตายลงมาด้วยเช่นกัน
แต่ฟู่เทียนนั้นออกมาจากแคปซูลแช่แข็ง เขาเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นดังนั้นค่ารังสีในร่างกายของเขาก็คงจะไม่สูงมากนัก
แต่เขาก็ยังอยากรู้… ผู้คนที่นี่ตรวจจับค่ารังสีได้อย่างไรกัน?
‘ใช้เครื่องมืออะไรกัน? พวกเขายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมหรือแม้แต่ไฟฟ้าที่พวกเขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร?’
ในตอนนี้จูร่าพาเขามาที่ห้องข้างๆที่มีสัญลักษณ์ของการ ‘การตรวจร่างกาย’ อยู่ ที่นี่ไม่ต้องต่อแถวแต่อย่างใด เพราะผู้ที่ผ่านการทดสอบแรกมาได้นั้นมีจำนวนน้อย ในห้องหญิงวัยกลางคนนำนั่งอยู่ เธอตรวจสอบกระดาษโน๊ตในมือของฟู่เทียนและกล่าวออกมาว่า “เอาล่ะมาเริ่มการทดสอบกันเถอะ”
ฟู่เทียนเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนี้ เขามองออกไปข้างนอกแต่ก็ไม่เห็นเครื่องมือพิเศษแต่อย่างใด มีเพียงหลอดแก้วที่คล้ายคลึงกับเครื่องวัดอุณหภูมิเท่านั้น
หญิงวัยกลางคนตรวจสอบกระดาษโน้ตอีกครั้งเพื่อยืนยัน จากนั้นก็หยิบหลอดแก้วที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ปลายด้านคมของหลอดแก้วนั้นอยู่ใกล้กับนิ้วก้อยของฟู่เทียน เธอยิ้มและกล่าวออกมาว่า “เด็กน้อย ไม่ต้องกลัวหรอก มันไม่เจ็บ”
ฟู่เทียนไม่คาดคิดว่าหลอดแก้วขนาดเล็กอันนี้จะสามารถวัดค่ารังสีได้
ไม่นานหลังจากนั้นเลือดสีแดงของฟู่เทียนก็ได้ไหลเข้าไปยังหลอดแก้วอันนี้ ฟู่เทียนสังเกตเห็นว่าหลอดแก้วนี้มีเส้นสีแดงหนาๆเขียนไว้อยู่
หญิงวัยกลางคนตรวจสอบอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาด เธอตกตะลึงไปในทันทีเมื่อได้เห็นผลการตรวจสอบของฟู่เทียน ผิวของเขามีสีขาวมาก แม้แต่เด็กผู้หญิงที่อยู่ในวัยเดียวกันก็ยังไม่ขาวเท่า
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน “ค่ารังสีต่ำแบบนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็น เหลือเชื่อมาก! เด็กที่มีร่างกายแข็งแรงแบบนี้ปกติจะอยู่ที่ย่านการค้าเท่านั้น!”
จูร่าเข้าใจเครื่องวัดรังสีอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความเหลือเชื่อ เธอหันไปหาสามีที่ดูงุนงงของตนเอง “นี่คือเครื่องวัดรังสี เครื่องมือพิเศษที่ใช้ในการตรวจสอบค่ารังสีของมนุษย์ ค่ารังสีของเทียนนั้น…… ต่ำมาก มันเทียบได้กับเด็กที่อยู่ในตระกูลชั้นสูง”
เกรย์รู้ถึงความสำคัญของค่ารังสีในร่างกายของมนุษย์แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมัน แต่เมื่อจูร่าพูดว่า ‘เทียบได้กับเด็กที่อยู่ในตระกูลชั้นสูง’ ความภาคภูมิใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเปี่ยมล้น เขาลูบไปที่ผมของฟู่เทียน
ฟู่เทียนมองไปยังขีดสีแดงที่อยู่บนเครื่องวัดรังสี ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าขีดสีแดงนี้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิต!
…
…
ในตอนเย็นของวันที่ฟู่เทียนได้ไปลงทะเบียนโรงเรียนกฎหมาย ในปราสาทแห่งหนึ่งในย่านการค้า
ห้องพักหรูหราถูกปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสคเพชร คนๆหนึ่งมองไปที่ผลการสอบบนโต๊ะตรงหน้าของเขา “ผลการสอบออกมาแล้ว ผู้ที่ผ่านการทดสอบนั้นมีทั้งสิ้น 27 คน!”