The Dark King – Chapter 11 กลับสู่สลัม
เฟอร์นันโดขับรถม้าออกไป พวกเขาไม่ได้หยุดที่ปราสาทของหน่วยค้นหาที่เทียนได้เห็นในตอนแรก พวกเขามุ่งตรงไปยังย่านที่อยู่อาศัยแทน
รถม้าหยุดลงก่อนที่จะผ่านกำแพงที่แยกระหว่างย่านการค้าและย่านที่อยู่อาศัยออกจากกัน ฟู่เทียนต้องลงจากรถม้าและเดินกลับไปด้วยตนเอง
“ผมจะไม่ได้เป็นหน่วยค้นหาด้วยหรอครับ” ฟู่เทียนถามด้วยความสงสัย เฟอร์นันโดกลับมายังรถม้าและตอบกลับไปทันทีว่า
“พวกเราได้รับผลตรวจของนายแล้วดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะตรวจใหม่อีกครั้ง” และเขายังบอกอีกว่าอีกไม่กี่วันจะมีคนมารายงานผลให้ทราบเอง
เขาสะบัดแส้และรถม้าสีดำก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
ฟู่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังกลับเดินตามถนนไปตามเส้นทางบ้านของครอบครัวจูร่า เป็นโชคดีของเขาที่ก่อนหน้านี้เคยขึ้นรถม้าของครอบครัวเอวริล ดังนั้นเขาจึงจำทางกลับบ้านได้ ไม่งั้นเขาอาจจะต้องหลงทางตรงนี้ได้
ฟู่เทียนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อเขามาถึงถนนร้อยแปดลินคัง ลมหายใจของเขาเริ่มหนักขึ้น ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและขาของเขาก็เริ่มเจ็บ
ร่างกายของฟู่เทียนยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่เนื่องจากถูกแช่แข็งมาเป็นเวลานาน ดังนั้นแม้ว่าบ้านของครอบครัวจูร่าจะอยู่ห่างจากกำแพงประมาณเจ็ดถึงแปดไมล์ มันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากสำหรับเขา พละกำลังของเขาในตอนนี้ยังถือว่าอ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นๆ
จูร่ามองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเธอเห็นฟู่เทียนที่มุมถนน ทันใดนั้นดวงตาเธอเบิกกวางขึ้นและรีบออกไปข้างนอกพร้อมกับเกรย์ “ทำไมไม่มีใครมาส่งเธอ” ทำไมเขากลับมาที่นี่คนเดียว เกรย์เห็นสภาพที่เหนื่อยล้าของฟู่เทียน เขาจึงรีบอุ้มร่างกายที่เหนื่อยล้าของฟู่เทียนกลับเข้าไปในบ้านทันที หลังจากที่ปิดประตู จูร่านำผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ฟู่เทียนและถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เธอเป็นอะไรไหม? พวกเขาไม่ชอบเธอหรอ?”
จากท่าทีของจูร่าและเกรย์ ฟู่เทียนรับรู้ได้ทันทีว่าจูร่าและเกรย์ทราบว่าเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนกฎหมาย “คุณรู้ได้ยังไงครับ?”
ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งทั้ง 2 คนเรื่องที่เขามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเป็นผู้รักษาความปลอดภัย หน้าของเกรย์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาถามด้วยความสงสัย “เธอสอบไม่ผ่านหรอ”
ฟู่เทียนจำได้ว่าเขาต้องปกปิดเรื่องของหน่วยค้นหาและนักล่าไว้เป็นความลับ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปว่า “ผมสอบผ่าน อีกไม่กี่วันจะมีคนมารับไปรายงานตัว แต่ผมไม่อยากไปที่นั่น ผมสามารถปฏิเสธได้ไหม”
ถ้าเขามีทางเลือก เขาต้องการที่จะเรียนด้านกฎหมาย ฟู่เทียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกปัจจุบันเขาจึงต้องการศึกษาอะไรหลายๆอย่างก่อนที่จะมุ่งหน้าออกนอกกำแพง เกรย์รู้สึกโล่งใจ เขาหัวเราะและพูดว่า “เธอไม่รู้หรอว่าผู้คนมากมายต้องการที่จะได้ตำแหน่งนั้น? โธ่ แต่เธอต้องการที่จะปฏิเสธ? ถ้าเธอเข้าร่วมเป็นผู้รักษาความปลอดภัย เธอจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารการกินตลอดทั้งชีวิต รายได้ดีมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นจะไม่มีใครกล้าที่จะกลั่นแกล้งเธอเลยนะ”
จูร่ามองไปยังฟู่เทียนอย่างอ่อนโยนและถามว่า “เธอยังต้องการที่จะเรียนกฎหมายใช่มั้ย?”
ฟู่เทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง
จูร่ายิ้มและพูดว่า “ถ้าเธอไปฝึก เธอจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้วย ไม่จำกัดแค่เรียนกฎหมายนะ รวมทั้ง แพทย์ศาสตร์ ธรณีวิทยา และอื่นๆอีกมากมาย” ที่นั่นเป็นโรงเรียนที่ครอบคลุมทุกสาขาวิชา
“โรงเรียน” ฟู่เทียนกล่าวด้วยความมึนงง
มีผู้คนมากมายที่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างวิทยาลัยกับโรงเรียน! สรุปแล้ววิทยาลัยมีสาขาเฉพาะทางเช่น โรงเรียนสอนกฎหมาย วิทยาลัยเย็บผ้า โดยที่โรงเรียนก็ประกอบด้วยวิทยาลัยหลายอย่าง และเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นในเชิงลึก
“ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล! เธอจะได้เรียนกฎหมายเมื่อเธอเข้าร่วมเป็นผู้รักษาความปลอดภัย” เกรย์ตบบ่าฟู่เทียนเบาๆ เขายิ้มกว้างพร้อมกับกระตุ้นฟู่เทียนต่อ “ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นค่ายฝึกซ้อมและคัดคน ดังนั้นเธอควรทุ่มกำลังไปกับการฝึกฝนภายในนั้น!”
“คุณป้า” ฟู่เทียนมีโอกาสที่พูดกับจูร่า “ผมอยากจะยืมเงินจำนวนหนึ่งครับ!”
จูร่าประหลาดใจไปชั่วขณะ จากนั้นเธอยิ้มและถามว่า “ต้องการเท่าไหร่จ้ะ ฉันจะให้เธอเอง! ไม่ต้องพูดถึงการยืมและคืนเงินอีกนะเพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ฟูเทียนเตรียมคำตอบล่วงหน้าไว้แล้วว่า “ผมอยากจะซื้ออาหารและกลับไปที่สลัมเพื่อเยี่ยมเด็กๆที่บ้านเด็กกำพร้าเหมยซานและไม่นานก็จะกลับมาที่นี่ครับ”
จูร่ายิ้มและพูดว่า “ตกลงจ้ะ” เธอนำกระดาษสีเขียวปึกนึงออกมาจากกระเป๋าสตางค์ก่อนที่จะนับมัน เธอมอบให้ฟู่เทียนไปทั้งหมดประมาณหนึ่งร้อยเหรียญ
ตั้งแต่เมื่อมีการประดิษฐ์เทคโนโลยีการพิมพ์เมื่อสิบปีที่แล้ว ธนาคารของซิลเวียได้พิมพ์ธนบัตรออกมาจำนวนมาก เพียงแค่ไม่กี่ปีธนบัตรพวกนี้ก็มาแทนที่เหรียญและแพร่หลายไปยังครัวเรือนต่างๆทั้งในย่านที่อยู่อาศัยและย่านการค้า ทุกๆคนเริ่มคุ้นชินกับการใช้ธนบัตรเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขาย แม้บางคนระบุจำนวนเงินเป็นเหรียญ การจ่ายก็จะใช้ธนบัตรในการทำธุรกรรมต่างๆ
“ขอบคุณครับ!” ฟู่เทียนรับธนบัตรมาและเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเขา เกรย์ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกจูร่าให้เตรียมอาหารเย็น
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฟู่เทียนตื่นเช้าล้างหน้าและกินอาหารเช้าก่อนที่จะออกจากบ้าน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หน่วยค้นหาจะส่งคนไปรับ
เขารู้แค่ว่าเขาคงจะไม่ได้ไปที่โรงเรียนสอนกฎหมายในเวลาอันใกล้นี้
“กำมะถัน... ...” ฟู่เทียนนึกถึงองค์ประกอบของดินปืน ณ ตอนนั้น มันเป็นช่วงเทศกาลเมื่อน้องสาวบอกเขาถึงการทำดอกไม้ไฟที่บ้าน เขาไม่สนใจในดินปืน ดังนั้นเขาจึงจำส่วนผสมอื่นนอกจากกำมะถันไม่ได้
ฟู่เทียนไม่ได้ไปซื้อกัมมะถัน เขาจ้างรถม้าและเดินทางไปยังสลัม
ในย่านสลัม ฟู่เทียนตรงไปยังบ้านเด็กกำพร้าเหมยซาน เขาผ่านบ้านเด็กกำพร้าและข้ามถนนสี่เส้นเข้าสู่ถนนที่เงียบสงบระหว่างทางเขาได้กลิ่นเหม็นจากอุจจาระ
เขายังเห็นซากเน่าเสียของแมลง ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็มาถึงกองขยะขนาดใหญ่ กองขยะขนาดใหญ่ซิลเวียตั้งอยู่ตรงที่สลัม
มันไม่มีค่าอะไรสำหรับทุกคนเลย แม้แต่คนยากจนยังหลีกเลี่ยงที่จะไปทิ้งขยะตรงนั้น เพราะสิ่งของที่อยู่ในนั้นเน่าเสียมาเป็นเวลานาน แม้ฟู่เทียนจะยืนอยู่ห่างๆยังคงได้กลิ่นอุจจาระผสมกับกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะ ปัญหาการขับถ่ายของซิลเวียแก้ไขโดยการนำของเสียทุกอย่างมาทิ้งไว้ที่นี่
มีกองขยะเจ็ดถึงแปดกองเป็นกองขนาดภูเขามหึมา เขาไม่เห็นว่ามีใครใกล้ๆ เขาหันไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ฟู่เทียนเข้าไปใกล้พื้นที่ที่เต็มไปด้วยกองขยะ จากนั้นเขาเอาซากขนาดใหญ่ออกมาจากกองขยะ จากนั้นเขาก้มลงถอดผ้าออกและทำความสะอาดรอบๆหลุมดำขนาดเล็ก มันใหญ่พอสำหรับตัวขนาดเล็กของเขา
สำหรับเขาการมาที่แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...