ตุบ เงาสีเทาพุ่งมาที่เมสันอย่างรวดเร็วและกระแทกกับงูลงบนผืนทราย
“วิ่ง!” ฟู่เทียนตะโกนใส่
เมสันยันตัวเองขึ้นมาและวิ่งอย่างสุดกำลัง
ฟู่เทียนมองไปที่งูซึ่งกำลังม้วนตัวและพุ่งตรงมาทางเขา ฟู่เทียนหันตัวพร้อมกับวิ่งสุดแรงเกิดแจ็คเก็ตของเขาพันอยู่มือของเขาอย่างหนาแน่น ก่อนหน้านี้เขาต่อยงูโดยใช้แจ็คเก็ตป้องกันมือของเขาจากการถูกงูกัด
ซู่ววววว!!
ฟู่เทียนวิ่งแซงเมสันไปข้างหน้าในการฝึกความอดทนผลงานของเขาดีที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมห้อง
หลังจากหนีไปไม่กี่ร้อยเมตรฟู่เทียนหยุดและมองกลับมาทางเมสัน ไม่มีเห็นแม้แต่เงาของงู มันน่าจะยอมแพ้ในการล่าพวกเขาแล้ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายแม้แต่สัตว์ก็พยายามหลีกเลี่ยงในการใช้พลังงานที่เปล่าประโยชน์ เพื่อที่มันจะได้ไม่เป็นเป้าในการถูกล่า
ฟู่เทียนรู้สึกโล่งใจและกล่าวว่า “หยุดวิ่งได้แล้ว มันหยุดไล่ตาม พวกเราแล้ว”
เมสัน แซค และแชม มองไปด้านหลังและรับรู้ได้ว่างูหยุดไล่ตามแล้ว พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าคอพวกเขาก็แห้งผาก พวกเขากระหายน้ำและอากาศก็ร้อนระอุ “มันทำให้ฉันกลัวเหลือเกิน” แซคในอาการหวาดผวาตบหน้าอกของตัวเอง
“พวกเราหยุดพักก่อนเถอะ ฉันเหนื่อย” แชมหายใจหอบขณะพูด
เมสันได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็หันไปทางฟู่เทียน เมสันกล่าวกับฟู่เทียนว่า “ดีน ครั้งนี้นายช่วยชีวิตฉันไว้ หลังจาก... ...”
“อย่าพูดเลย” ฟู่เทียนกล่าว “เก็บแรงของนายไว้” แซค แชม พวกเรายังหยุดพักไม่ได้ งูอาจจะติดตามเรามาเรื่อยๆขณะคลานอยู่ในทราย พวกเราไม่รู้ว่าพวกเรายังอยู่ในเขตล่าของมันมั้ย พวกเราจะต้องหาน้ำให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องยากที่จะผ่านค่ำคืนนี้ไปได้
จากนั้นเขาก็เดินหน้าต่อไป
เมสันมองแซคและแชม เขาส่ายหัวด้วยความรู้สึกไม่เห็นด้วยแต่ก็ตามฟู่เทียนไป
แซคและแชมมองไปรอบๆด้วยความลังเลและคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ โดยไม่ต้องพูดอะไรพวกเขาก็เริ่มออกตามฟู่เทียนไป
ฟู่เทียนและลูกทีมของเขายังคงเดินไปทางทิศตะวันตก สิ่งที่พวกเขาเห็นตลอดทางคือทรายและก้อนดินแห้งๆ นอกจากฟู่เทียนทั้งสามคนสงสัยว่าถ้าพวกเขาเดินไปทางอื่นพวเขาจะเจอแหล่งน้ำไหม?
อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นการตัดสินใจของฟู่เทียน ทำให้พวกเขาไม่กล้าเปลี่ยนเส้นทาง
เมื่อพลบค่ำ พวกเขาเดินช้ายิ่งกว่าเต่า ร่างกายของพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เหนื่อยล้า และใบหน้ากล้ายเป็นสีแดงเข้มจากการถูกแดดเผา
“เจอแล้ว!” เสียงของฟู่เทียนดังสะท้อน
เมสัน แซค และแชม ใบหน้าของพวกเขา ณ ตอนนี้เป็นเหมือนศพ ทันทีที่ได้จากฟู่เทียน ตาของพวกเขาก็เป็นประกายด้วยความหวัง
“ที่ไหน?” เมสันรีบถาม
ฟู่เทียนยกมือขึ้นชี้ไปที่ทางลาดเล็กๆด้านหน้าไม่ไกลจากเนินเขามีหญ้าแห้งและต้นกระบองเพชร
“พืช ต้นไม้!” พวกเขาร้องด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าของฟู่เทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ถ้ามีพืชอยู่ก็ต้องมีน้ำ” ทุกคนวิ่งตรงไปยังต้นพืชพร้อมกัน แต่ฟู่เทียนเตือนพวกเขาว่า “ระวังตัวด้วยอาจมีบางอย่างซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่”
เมสันและอีกสองคนเริ่มกังวลและมองไปรอบๆ
อีกไม่นานฟู่เทียนก็เริ่มลงมือขุดทรายใต้หญ้าสีเขียว หลังจากขุดลงไปลึกหนึ่งเมตรในที่สุดพวกเขาก็พบน้ำ
“น้ำสกปรก พวกเจะดื่มได้ยังไง” เมสันและอีกสองคนสงสัย ฟู่เทียนไม่ได้พูดอะไรเขาวางแจ็คเก็ตที่เคยใช้สู้กับงูลงบนพื้น เขาใช้มือทั้งสองตักน้ำที่ผสมกับทรายเทลงบนเสื้อ จากนั้นเขาบิดแจ็คเก็ตสุดแรงเท่าที่จะทำได้ เขารู้ว่าแจ็คเตทำมาจากขนสัตว์ ดังนั้นเขาใช้มัเพื่อกรองน้ำได้ ขณะที่เขาบิดเสื้อแจ็คเก็ตน้ำสะอาดเริ่มไหลออกมา
พวกเขารู้สึกกระหายน้ำมาทั้งวัน น้ำที่ผ่านการกรองนี้มีรสชาติราวกับว่าเป็นน้ำทิพย์จากสวรรค์สำหรับพวกเขา
ฟู่เทียนดื่มน้ำสองสามอึกและไม่ได้ดื่มต่อ แต่ชโลมริมฝีปากด้วยน้ำและลุกขึ้นพร้อมกล่าวว่า “อย่าดื่มเยอะเกินไป หากดื่มเข้าไปเกินความจำเป็นร่างกายจะมีปัญหา”
ตาของเมสันและเด็กอีกสองคนเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวฟู่เทียน
“หญ้าพวกนี้กินได้” ฟู่เทียนดึงหญ้าสีเขียวออกมา เขาสบัดรากหญ้าจากดินเปียกและดึงมันออก เขาค่อยๆเคี้ยวเบาๆรสขมกระจายไปทั่วปากและกลืนลงไป
อีกสามคนเห็นฟู่เทียนก็เริ่มตัดหญ้าเพื่อกิน
“ขมมาก!”
“เป็นเรื่องยากที่จะกินมันลงไป!”
แซคและแชมไม่พอใจกับรัสชาติแต่ก็ยังเคี้ยวและกลืนหญ้าลงไปฟู่เทียนเงยหน้ามองท้องฟ้าและพูดว่า “คืนนี้เราจะค้างที่นี่”
เราจะต้องเก็บรวบรวมไม้แห้งเพื่อก่อไฟ นอกจากนี้พวกเราจะต้องแบ่งเวนเฝ้ายามตลอดทั้งคืน เรามาเลือกกันว่าใครจะทำหน้าที่เฝ้ายามคืนนี้จะได้ให้คนนั้นนอนหลับพักผ่อนทันที
“ฉันอาสาที่จะเป็นยามคืนนี้” เมสันกล่าว “ถ้านายไปนอนก่อน พวกเราไม่รู้จะทำอะไรต่อ”
ฟู่เทียนพยักหน้า “งั้นนายไปนอนเถอะ แซคไปเก็บรวบรวมไม้แห้งมา แชมมากับฉันเราจะสร้างที่พักอาศัยกัน พวกเราต้องหาก้อนหิน” ด้วยความเป็นผู้นำของฟู่เทียนทุกคนต่างยุ่งอยู่กับงานที่ได้รับมอบหมายของตน
...
...
นอกผืนทะเลทรายมีโรงเหล้าตั้งอยู่โดดเดี่ยวอยู่แห่งหนึ่ง
เนื่องจากการกัดเซาะของทะเลทรายทำให้อาคารกว่าครึ่งผุพัง ประตูและหน้าต่างถูกซ่อมด้วยไม้ มีผู้คนหนุ่มสาวนั่งดื่มเบียร์เย็นๆในผับแห่งนี้
“สามร้อยกับหกสิบกว่าชีวิต จะมีกี่คนที่รอดพ้นค่ำคืนนี้ได้?” คริสถามในขณะที่เล่นน้ำแข็งในถ้วยแก้ว
โทบุยิ้มอย่างไม่แยแสและกว่าว่า “มากกว่าที่เธอคิด”
“แน่ใจหรอ?” คริสยักคิ้วในท่าทางหยอกล้อ: “เรามาพนันกันไหม?”
“พนันอะไร?” โทบุแสดงความสนใจ
“จะมีเด็กกี่คนที่สามารถเอาชีวิตรอดหลังจากผ่านไปสิบวัน” คริสยิ้ม “ฉันพนันว่าสองร้อยคน”
โทบุยิ้มและตอบว่า “ฉันพนันสามร้อยคน”
“โอ้?” คริสเหลือบมองโทบุ “ดูเหมือนว่าคุณจะมีความเชื่อมั่นในตัวนักเรียนของคุณเหลือเกินนะ แต่คราวนี้คุณจะต้องเป็นฝ่ายแพ้”
โทบุจิบเบียร์จากเหยือกและถามว่า “ทำไม?”
“ฮ่าๆ ... ...” คริสจับริมฝีปากด้วยมือและพูดว่า “นายไม่รู้หรือว่าทะเลทรายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่ครอบครัวไรอันสร้างขึ้นเมื่อสิบปีก่อน? ครอบครัวไรอันเป็นหนึ่งในหกครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในย่านการค้า แต่น่าเสียดายพวกเขาได้พบกับหนักเล่นแร่แปรธาตุที่ชั่วร้าย ไม่ใช่แค่ครอบครัวของเขาที่ถูกทำลายแต่ดินแดนเหล่านี้ยังได้รับการแปรสภาพเป็นทะเลทรายโดยกองกำลังชั่วร้ายของนักเล่นแร่แปรธาตุ”
“นั่นมันเมื่อสิบปีก่อน ฉันรู้เพราะฉันก็อยู่ที่นั่น” โทบุตอบ
คริสพร้อมกับหัวเราะคิกคักและพูดต่อ แต่คุณไม่รู้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุที่ชั่วร้ายภายหลังถูกฆ่าโดยคริสตจักรอันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เหลือเพียงไม่กี่อย่างที่อยู่เบื้องหลังทะเลทรายแห่งนี้ ขณะนี้มีนักเล่นแร่แปรธาตุชั่วร้ายคนอื่นๆมารวมตัวกันอย่างเงียบๆ สิ่งเหล่านี้คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นผ่านทริคเล็กน้อยของพวกเขาและรู้เกี่ยวกับทุกๆอย่าง
สีหน้าของโทบุเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน “เธอหมายถึงอะไร?”
คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์พร้อมที่จะกวาดล้างนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ชั่วร้ายทั้งหลายที่อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ปัญหาคือว่าพวกเขาซ่อนตัวเป็นอย่างดี ถ้าคริสตจักรส่งอัศวินออกมาพวกนั้นจะไหวตัวทัน ดังนั้นเพื่อล่อให้หนูออกมาจากรังแผนนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาโดยตั้งใจใช้หน่วยค้นหาเป็นเหยื่อ เด็กเหล่านี้จะถูกใช้เป็นเหยื่อล่อให้พวกนั้นออกมา นอกจากนี้ฉันเชื่อว่านักเล่นแร่แปรธาตุไม่พลาดโอกาสนี้แน่ๆ คริสพูดพร้อมกับยิ้มออกมา”