ฟู่เทียนสัมผัสร่างกายของชายแก่อีกครั้งอีกครั้ง แม้ว่าจะมีความกลัวอยู่ภายในจิตใจ แต่ก็ไม่รู้สึกกังวลเท่าก่อนหน้าแล้ว เมื่อสัมผัสเข้ากับเสื้อคลุมก็พบวัตุสองสิ่งอยู่ภายใน
เขาหยิบชิ้นแรกขึ้นมาพร้อมกับชูขึ้นไปบนฟ้าเพื่อต้องการใช้แสงดาวในการมองเห็น
มันคือตะขอชิ้นเล็กๆสำหรับใช้ในการจุดไฟ
เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามอย่างมากเพื่อใช้มันในการจุดไฟขนาดเล็กขึ้นมา ในไม่นานก็มีประกายไฟเล็กๆถูกส่องขึ้นมาในความมืดมิด เขาเห็นแขนของชายแก่ที่หลุดออกจากข้อศอกได้อย่างชัดเจน กระดูกบนหน้าอกหลุดกระเด็นออกและส่วนอื่นๆถูกเผาไหม้จดหมด
หัวใจของฟู่เทียนเต้นรัว เมื่อยืนยันได้แล้วว่าบนหน้าอกไม่มีการเต้นของหัวใจอยู่แล้วเขารู้สึกโล่งใจยิ่งขึ้น มีเอกสารมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นขณะที่เสื้อผ่าที่สวมใส่ต่างหายไปเนื่องจากการระเบิด
เมื่อไฟที่จุดมีขนาดใหญ่ขึ้น ฟู่เทียนสามารถมองเห็นสภาพห้องหลังผ่านการระเบิดได้อบ่างชัดเจน อุปกรณ์ต่างๆกระจัดกระจายหล่นอยู่บนพื้นและมีความเสียหาย บางชิ้นก็ถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนทรายที่ไหลเข้ามาจากภายนอก ในที่สุดเขาก็เจอหน้าไม้ที่มีสายขาดวางเอาไว้อยู่ แน่นอนว่ามันใช้งานไม่ได้แล้ว
จิตใจของเขารู้สึกเป็นทุกข์ เขาเตรียมการที่จะเผาห้องนี้ให้ไหม่ไปทั้งหมด ทันใดนั้นเขาสังเกตุเห็นหนังสือสองถึงสามเล่มวางอยู่อีกฟากของห้อง เขาเดินเข้าไปใกล้ชั้นวางหนังสือและหนังสือเล่มแรกมีชื่อว่า ‘การเล่นแร่แปรธาตุกับชีวิต’
นอกเหนือจากหนังสือ ‘การเล่นแร่แปรธาตุกับชีวิต’ ยังมีหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่เปรธาตุอยู่อีก มันเป็นหนังสือเล่มเล็กๆที่ไม่มีชื่อวางอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดอ่าน
“บันทึกการเล่นแร่แปรธาตุ?” ฟู่เทียนรู้สึกประหลาดใจ เขาลองตรวจสอบเนื้อหาข้างในก็พบว่ามันเป็นบันทึกการทดลองของชายแก่
“ยุคแห่งกำแพง ปี287 เทศกาลหิมะสีดำ”
“การทดลองในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น แน่นอนว่าการจะสร้างชีวิตขึ้นมาได้ต้องทดลองกับมนุษย์ ปัญหากือจะหาวัสดุทดลองอันยอดเยี่ยมได้จากที่ไหน...”
ฟู่เทียนเปิดหน้าถัดไป มีผลการทดลองอื่นๆบันทึกไว้อีก เขาไม่ได้สนใจในรายละเอียดมากนัก จากนั้นเก็บหนังสือ ‘การเล่นแร่แปรธาตุกับชีวิต’และเล่มอื่นๆไว้ในเสื้อคลุม แม้ว่าชื่อหนังสือจะมีความน่าสนใจอยู่แต่ก็เป็นเพียงหนังสือด้านชีววิทยาเบื้องต้นเท่านั้น
เขาไม่สนใจหนังสือเล่มที่หน้าเกินไป เพราะยากที่จะซ่อนและถูกสัมผัสได้ง่าย เมื่อเห็นการกระทำจากชายแก่เขารู้ได้ทันทีว่าการเล่นแร่เปรธาตุบนโลกไม่นี้เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก เพราะเขาต้องซ่อนตัวอยู่บริเวณทะเลทรายเพื่อทำการทดลอง
ฟู่เทียนค่อยๆฉีกหนังสือและโยนมันลงบนกองไฟ เขาโยนหนังสือที่เหลือลงไปบนร่างของชายแก่ก่อนที่จะราดน้ำมันบนพื้นและร่างของชายแก่ ความคิดแรกของเขาก็คือต้องทำลายทุกๆอย่างให้หมด
ขณะที่ไฟกำลังลุกลามไปเรื่อยๆ เขาปีนขึ้นไปบนบันไดที่เคยกลิ้งตกลงมา ในขณะที่กำลังปีนเขาหันมองกลับมา เมื่อได้เห็นเงาสะท้อนก็มีความีรู้สึกเศร้าโศกขึ้นมาภายในใจ เขาถอนหายใจและวิ่งกลับไปยังทิศทางที่พวกเขาตั้งแคมป์ไว้ก่อนหน้า
เมื่อกลับมาก็พบว่ากองไฟได้มอดลงหมดแล้ว รวมถึงไม่พบตัวเมสันและอีกสองคน
ฟู่เทียนยังไม่นังลงและพักผ่อน เขาลากร่างเอาเหนื่อยล้าของตนเองเดินไปรอบๆเพื่อมองหาพวกพ้อง ในไม่นานนักเขาก็เห็นร่องรอยของบางอย่าง เมื่อเดินตามไปก็พบเงาเคลื่อนไหวไปมา
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆเขาก็ได้พบกับ แซค เมสัน และแชม
“เขาไม่เป็นอะไร?” ฟู่เทียนรู้สึกสับสน เมื่อคิดย้อนกลับไป แซคมันเป็นคนที่คอนระมัดระวังตัวอยู่เสมอ บางทีเขาอาจจะแกล้งตายเหมือนกับที่เขาเคยทำมาก่อน
ฟู่เทียนรู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นแซคพยายามช่วยลากแซคและเมสัน เขาผูกบันทึกการแล่นแร่แปรธาตุเอาไว้กับขาด้วยเข็มขัดและเดินเข้าไปหาแซค
“ใครกัน!” แซคกระโดดด้วยความตกใจ เขาทำใหเแชมและเมสันเป็นกังวลเสียแล้ว
“ฉันเอง” ฟู่เทียนกล่าว
เมื่อแซคได้ยินเสียงของฟู่เทียนเขาถึงกับประหลาดใจ “นายกลับมาแล้ว? เป็นอะไรไหม? เกิดอะไรขึ้นกับไอปิศาจคนนั้น?”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฟู่เทียนรู้ได้ทันทีว่าแซคแอบมองเขาและชายแก่ต่อสู้อยู่ห่างๆ “ฉันโชคดีที่หนีออกมาได้ พวกเราควรรีบไปจากที่นี้” เขาจับแขนของเมสันเอาไว้และพบว่าเขายังมีลมหายใจ เขารู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าหมอกสีเขียวนั่นไม่ใช่พิษที่ร้ายแรง
หน้าของแซคซีดเผือดด้วยความกลัว เขาไม่สามารถช่วยฟู่เทียนได้ เขาทำได้แค่เพียงมองไปข้างหลังฟู่เทียนเพราะคิดว่าเจ้าปิศาจตัวนั้นกำลังจับจ้องมองพวกเขาอยู่ในความมืด ฟู่เทียนเขย่าตัวแซคพร้อมกล่าวด้วยความรวดเร็ว “วิ่ง… พวกเราจะไม่ยอมโดนจับอีกครั้ง”
ฟู่เทียนช่วยลากแชมจากข้างหลัง ในตอนนี้พวกเขายังคงมีน้ำดื่มที่เพียงพอ แม้ว่าชายแก่คนนั้นจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าพวกนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆจะไม่ปรากฏตัวอีกเมื่อพวกเขาได้พบแหล่งน้ำถัดไป แต่อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้น
…
…
ครึ่งชั่วโมงถัดมา
ด้านบนของห้องลบของชายแก่มีเงาสองสามเงาปรากฏขึ้น คนที่ตัวเตี้ยหยิบตะเกียงน้ำมันออกมาและจุดไฟให้ความสว่าง เขามองลงไปข้างล่างก็พบว่า ห้องทั้งหมดได้ถูกเผาไปหมดสิ้น
“เขาถูกฆ่า” หนึ่งในเงาพูดราวกับเห็นเหตุการณ์ท่เกิดขึ้น เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเฉยชาพร้อมกล่าวต่อ “ซากศพถูกทำลาย ห้องถูกเผา ดูเหมือนว่ามีคนไม่ต้องการให้มีการแกะรอยตามได้”
“อสูรตัวนี้ใช้วิธีที่ชัวร่าย มันยอมเป็นลูกน้องของปิศาจ ” ร่างอีกร่างที่มีความแข็งแรงกล่าวออกมา
“พวกนักเล่นแร่แปรธาตุได้ขายวิญญาณให้กับปิศาจแล้วทั้งนั้น” เขากล่าว “เพื่อจะได้รับพลังของปิศาจมาพวกมันยอมจ่ายด้วยทุกราคา การฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมัน แต่พวกมันก็ไม่สู้กับคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล ฉันคิดว่าคงจะมีบางอย่างที่สำคัญทำให้พวกมันต้องต่อสู้กัน คงจะดีกว่านี้ถ้าพวกเรามาเร็วกว่านี้หน่อย”
“ดูตรงนั้นสิ! พลังแบบไหนกันที่ทำลายทั้งห้องได้ในทันที?”ร่างที่กำยำในก่อนหน้ามองไปยังทั่วทั้งห้องที่ถูกทำลายพร้อมกล่าวต่อ “ดูเหมือนว่าพวกนักเล่นแร่แปรธาตุจะมีพลังอันน่ากลัวอยู่”