ฟู่เทียนและทุกๆคนนั่งพังอยู่บนอานที่อูฐลากในขณะเดียวกันก็กำลังเดินมาถึงกับสถานที่ชุมนุม มีนักเรียนหลายคนยืนขึ้น แม้ว่าจำนวนทั้งหมดจะลดลงไปจากก่อนหน้า แต่ก็ยังอยู่ในจำนวนที่หน้าพอใจ
“มีคนผ่านการประเมิณผลหลายคนจัง!” เมสันรู้สึกประหลาดใจ
เด็กๆทุกคนล้วนมาจากครอบครัวที่หลากหลาย แต่สุดท้ายแล้วทุกๆคนก็ถูกฝึกฝนโดยโทบุ มันไม่สำคัญว่าจะอ่อนแอสักแค่ไหนหรือจะเป็นเด็กผู้หญิง หลังผ่านการฝึกฝนทุกๆคนจะเปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ การประเมิณผลบนทะเลทรายยังต้องพึ่งโชคและความฉลาดอยู่ไม่น้อย
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนเก่งๆเยอะขนาดนี้” เมสันพูดด้วยท่าทีบางอย่าง “ฉันคิดว่ามีเฉพาะพวกเราเท่านั้นที่จะพยายามเอาชีวิตรอด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าทุกๆคนจะเป็นเหมือนกัน”
ทุกๆคนต่างตระหนักถึงความยากลำบากในการฝึกฝนทั้งสิบวันมานี้ การที่พวกเขารอดมาได้เป็นล้วนเป็นเพราะปาฏิหารย์ แต่ถึงอย่างนั้นทุกๆคนก็รู้ดีว่าการที่จะผ่านกาดทดสอบไปทั้งหมดได้ยังต้องเพิ่มความสามารถขึ้นไปอีก พวกเขาจะต้องผลักดันตัวเองขึ้นไปให้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
เมื่อตะวันตกดิน อูฐตัวสุดท้ายก็ได้กลับมาถึง เด็กนักเรียนทุกคนที่ผ่านการประเมิณผลกำลังได้รับการรักษา
ในเวลานั้นเองรถม้าสีดำก็ขับมาจอดต่อหน้าทุกๆคน คริสและโทบุกระโดดลงมา จากนั้นคริสหันหลังกลับไปเพื่อเปิดประตู เด็กๆทุกคนต่างได้ยินเสียงกระดิ่ง หลังจากนั้นก็มีร่างหนึ่งก้าวลงมา มีเสียงสะดุดล้มกับผืนทราย
โทบุและคริสไม่ได้แสดงท่าทีสุภาพนัก พวกเขาลากโซ่ที่ล่ามชายคนหนึ่งเอาไว้และดึงให้เขาคุกเข่าต่อหน้าเด็กๆทุกคน
ความเงียบปรากฏขึ้น ไม่มีเสียงอะไรเปล่งออกมานอกจากเสียงลมปะทะกับผืนทราย
ฟู่เทียนถึงกับต้องหลับตาเมื่อได้เห็นรูปร่างของสิ่งๆนั้น ร่างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ร่างนั้นก็คือนักเล่นแร่แปรธาตุนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นนักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นยังเป็นคนในกลุ่มเดียวกับนักเล่นแร่แปรธาตุที่เขาได้ฆ่าไป นักเล่นแร่แปรธาตุแห่ง ‘ชีวิต’ ผู้ที่ทำการทดลองกับร่างกายตนเอง
และสิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือ ผลของการทดลองที่เลวร้ายสุดๆ!
เขามีร่างกายกำยำแข็งแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางอย่างงอกขึ้นมาล้อมรอบตัวเขาไว้ ใบหน้าของนักเล่นแร่แปรธาตุเต็มไปด้วยรอยปูดมากมาย มีกระดูกอันแหลมคมงอกออกมาจากข้อมือซ้าย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอยู่กลางน่าอกของเขา ซึ่งมีเขี้ยวสัตว์งอกออกมา
สิ่งๆนี้คงไม่สามารถเรียกว่า “มนุษย์!” ได้อีกแล้ว
ทุกๆคนต่างจ้องมองมา
เหล่าเด็กๆที่ไม่เคยเห็นนักเล่นแร่แปรธาตุมาก่อนต่างจ้องมองมายัง ‘สัตว์ประหลาด’ ด้วยตาที่เบิกกว้าง
โทบุมองไปรอบๆโดยปราศจากรอยยิ้มและกล่าว “สิ่งแรกเลย ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่มีชีวิตรอดจากการฝึกฝน พวกแกทุกคนจะทุกฉันทำลายอีกครั้งในหกเดือนข้างหน้า” เขาใช้ขาของเขาเตะเขากับชายร่างกายกำยำให้ล้มลงกับพื้น “สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ของพวกแกเรียกว่า นักเล่นแร่แปรธาตุ พวกอัครสาวกของปิศาจ!”
เหล่าๆเด็กๆต่างลุมล้อมเข้ามาดู ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับนักเล่นแร่แปรธาตุ ทุกสิ่งทุกอย่างอันเลวร้ายที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับนักเล่นแร่แปรธาตุต่างผุดขึ้นมาในใจของพวกเขา ร่างกายของมันช่วยยืนยันเรื่องที่เคยได้ยินมาได้เป็นอย่างดี - สิ่งนี้คือการเปลี่ยนรูปเป็นปิศาจ!
“ในครั้งนี้ สถานที่พวกแกได้การฝึกฝน มี‘นักเล่นแร่แปรธาตุ’ได้แฝงตัวอยู่ ทำให้หลายคนถูกจัดการไปโดยบังเอิญ” ในตอนนี้คริสลุกขึ้นยืนและกล่าว “แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครต้องตาย ฉันต้องขอแสดงความยินดีกับทุกๆคนเพราะกลุ่มนักเรียนที่ได้เผชิญหน้ากับ ‘นักเล่นแร่แปรธาตุ’ ไม่ได้เกรงกลัวและได้ต่อสู้กับพวกมัน ”
เธอชูมือขึ้นพร้อมกล่าว “ในวันนี้อัศวินแห่งแสงสถิตย์อยู่กับพวกเรา!”
เหล่าเด็กๆต่างเต็มไปด้วยความอึกกะทึกอีกครั้ง รวมถึงความฮึกเหิม เมื่อได้ยินคำปลุกใจของเธอ
อัศวินแห่งแสงไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าทหาร แต่พวกเขาเป็นอัศวินที่อยู่ภายใต้โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงและความบริสุทธิ์ แม้แต่ชนชั้นสูงเองก็ยังต้องการให้ลูกๆของพวกเขาได้แต่งงานกับอัศวินแห่งแสงเพราะเกียรติยศอันสูงส่ง
“อัศวินแห่งแส”
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าอัศวินแหงแสงจะอยู่กับพวกเราเพื่อช่วยจับปิศาจตัวนี้”
“ฉันมีความสุขจริงๆ! อยากเห็นตัวตนของเขา! อยากเจอกับอัศวินแห่งแสงจังเลย!”
เมสัน แชม และแซคต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์
นักเรียนทุกคนต่างอิจฉาผู้ที่ถูกช่วยไว้โดยอัศวินแห่งแสง เมื่อนึกถึงความตื่นเต้นของเหตุการณ์ แต่ละคนต่างรู้สึกถึงความยอดเยี่ยมของมัน!
คริสยิ้มและกล่าว “มีนักเรียนทั้งหมดสามสิบแปดคนถูกนักเล่นแปรธาตุโจมตี แต่สิบเจ็ดคนจากทั้งหมดนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ยอมจำนนกับพวกปิศาจแต่ยังถ่วงเวลาเอาไว้จนอัศวินแห่งแสงมาถึง! โดยเฉพาะเมื่อคืนก่อนลอเรี่ยนได้แอบปล่อยนักเล่นแร่แปรธาตุหนีไปและแอบทำสัญลักษณ์ให้อัศวินแห่งแสงได้ติดตามไปจัดการได้อย่างราบรื่น ”
“ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้ว่าผู้ที่ได้ให้ความช่วยเหลืออัศวินแห่งแสงในการจับตัวนักเล่นแร่แปรธาตุจะได้รับรางวัลเป็นการเลื่อนขั้นสองขั้น สิ่งนี้จะถูกบันทุกเอาไว้กับหน่วยของพวกเธอเอง ในอนาคตเมื่อได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้รักษาความปลอดภัย พวกเธอจะได้เริ่มต้นที่ขั้นหัวหน้าและจะสามารถถูกเลื่อนขึ้นเป็น ‘อัศวิน!’ได้ ”.... เมื่อเธอกล่าวคำว่า ‘อัศวิน’ ขึ้นมานั้นหมายถึง ‘อัศวิน’ ของกองทัพ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ นักเรียนหลายคนเริ่มมีสายตาอันเร่าร้อน
อัศวินและผู้รักษาความปลอดภัยมีความแตกต่างกันจริงๆ!
แม้ว่าอัศวินของกองทัพและอัศวินแห่งแสงจะไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสถานะที่ดีซึ่งมีความด้อนกว่าขุนนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหากในอนาคตสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการอัศวินได้ก็จะมีสถานะเหนือกว่าชนชั้นสูงเสียอีก และหากเป็นอัศวินแห่งแสงเหล่าชนชั้นสูงจะทำทุกวิถีทางเพื่อเชื่อเชิญเขามายังบ้านของเขาเลยทีเดียว
“นอกเหนือจากนั้นเมื่อสิบวันก่อน เหล่าอัศวินแห่งแสงพบรอยเท้าใกล้ๆฐานลับของนักเล่นแร่แปรธาตุ ตามการคาดการณ์ของเขามีใครบางคนถูกจับตัวไป แต่หลบหนีออกมาได้สำเร็จ ฉันไม่รู้ว่าคนๆนั้นคือใครดังนั้นขอได้โปรดแสดงตัวเพื่อที่จะได้มอบรางวัลพิเศษให้” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เมื่อได้ยินถึงเรื่องนี้ทุกๆคนถึงกับต้องตกใจ ในเวลานั้นพวกเด็กๆต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน
หัวใจของฟู่เทียนเต้นรัว เขาเห็นแซคและแชมมองมายังเขาเพื่อรอท่าทีการแสดงออก มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
เมื่อมองไปยังดวงตาทั้งสามที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความตื่นเต้น หัวใจของฟู่เทียนหล่นไปถึงตาตุ่ม หลังจากที่เขาหนีออกมา เขาได้ปกปิดรอยเท้าเพื่อป้องกันการสะกดรอยจากเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุเอาไว้แล้ว
เมื่อได้ฆ่านักเล่นแร่แปรธาตุลง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอัศวินแห่งแสงจะปรากฏตัว เจตนาของเขาก็เพื่อหลบหนีพวกนักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น เมื่อลองมาคิดอีกครั้งเขารู้สึกว่าคิดถูกจริงๆที่ปกปิดรอยเท้าไว้ เขาผูกบันทึกของนักเล่นแร่แปรธาตุไว้กับขา ถ้าหากมันถูกตรวจพบโดยเหล่าอัศวินแห่งแสง เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น…