The Dark King – Chapter 36 “พฤษาที่เบ่งบาน”
“โลกข้างนอกกำแพงยักษ์นั้นเป็นแบบไหนกัน?” เด็กสาวมองมายังฟู่เทียนด้วยความสงสัย “มันเป็นทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่ไพศาลหรือเปล่า?”
ฟู่เทียนหันกลับไปที่ศาลาเขามองหาที่นั่งจากนั้นก็นั่งลงพร้อมยักไหล่ขึ้น “ผมเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคนเก็บขยะและยังไม่เคยออกไปนอกกำแพงยักษ์เลย แต่เรื่องทะเลและผืนป่านั้นมันต้องมีแน่นอน”
“นายรู้ได้ยังไง?” เจนนี่เดินตามเขามาที่ศาลา นั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามและถามด้วยความสงสัย “นายเพิ่งจะบอกว่านายไม่เคยออกไปนอกกำแพงยักษ์ไม่ใช่หรอ?”
ฟู่เทียนเริ่มคิดถึงโลกใบเก่าขึ้นมาทันที เขาเคยเห็นทะเลสีฟ้าและผืนป่าที่กว้างใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนงดงามอย่างยิ่ง หัวใจของเขารู้สึกโศกเศร้าและพูดออกมาเบาๆ “แน่นอนว่าผมเคยเห็น”
“นายเห็นได้ยังไง?” เจนนี่ประหลาดใจ
ฟู่เทียนคิดแล้วตอบออกมาว่า “มันบรรยายไว้ในบทกวี แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องมีอยู่จริงๆอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วคนที่เขียนมันขึ้นมาจะรู้ได้ยังไง? ”
“ได้ก็คิดแบบนั้นหรอ?” เจนนี่รู้สึกยินดีและกล่าวว่า ฉันเองก็คิดแบบนี้แต่พ่อของฉันบอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาของนักกวีเท่านั้น มันไม่ได้มีอยู่จริงเลย แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยออกไปนอกกำแพงยักษ์นี้ ทำไมเขาถึงคอยย้ำว่ามันอันตราย?”
ฟู่เทียนคิดกับตัวเอง บางทีพ่อของเธออาจจะกลัวว่าเธอจะอยากรู้อยากเห็นมากจนแอบหนีออกไปนอกกำแพงยักษ์ เขากล่าวว่า “ข้างนอกนั้นอันตราย”
“มันอันตรายจริงๆหรอ?” ดวงตาของเจนนี่ดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย
ฟู่เทียนเห็นความโศกเศร้าในสายตาของเธอทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ทำลายความหวังของเธอไปแล้ว เขาไม่อยากจะทำร้ายหัวใจของเธอต่อไปจึงพูดต่อไปว่า “แต่แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีทะเลและผืนป่า ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งอันตรายภายนอกกำแพงนั้นจะหายไปและพวกเราจะสามารถออกไปเห็นทะเล ภูเขา และผืนป่าได้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าของเจนนี่เป็นประกายขึ้นและกล่าวว่า “จริงหรอ?
“จริงสิ!” ฟู่เทียนตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เจนนี่ยิ้มและกล่าวว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ฉันเคยบอกกับพ่อก่อนหน้านี้แต่พ่อบอกว่าเลิกคิดเรื่องนี้ไปซะ เขาบอกว่าภายนอกกำแพงยักษ์นั้นเป็นที่ที่เราไม่รู้จัก ความจริงแล้วเขาบอกว่ามีเพียงคนที่พิเศษเหมือนนายเท่านั้นจึงจะสามารถออกไปได้ คนอื่นๆนั้นออกไปไม่ได้ ”
ฟู่เทียนยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฉันอยากจะไปข้างนอกกำแพงยักษ์จริงๆ!” ใบหน้าของเจนนี่เต็มไปด้วยความปรารถนา ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาและมองมายังฟู่เทียนพร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากว่ากำแพงยักษ์นั้นมีอันตราย ทำไมนายถึงยอมออกไปเก็บขยะข้างนอกนั่น? ”
ฟู่เทียนคิดแต่ไม่ได้ตอบไปว่าเรื่องนี้ต้องไปถามชนชั้นสูง แต่ดูเหมือนเด็กสาวผู้นี้ยังอายุน้อยอยู่และเธอยังไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองของเหล่าชนชั้นสูง “ผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน บางทีอาจจะเหมือนคุณที่อยากจะออกไปเห็นโลกภายนอก”
เจนนี่มองมาที่เขาด้วยสายตาที่ชื่นชม “นายแข็งแกร่ง บางทีเราอาจจะอยู่ในวัยเดียวกันแต่ดูเหมือนนายจะมีความกล้ามากกว่าฉัน”
“เพราะผมเป็นผู้ชาย” ฟู่เทียนยิ้ม
เมื่อได้ยินแบบนี้ใบหน้าของเจนนี่ก็แดงขึ้นทันที เธอแอบมองฟู่เทียน เธอเห็นว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นความเขินอายบนใบหน้าของเธอและรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่หัวใจของเธอนั้นเต้นระรัวอย่างรวดเร็ว ฉันและเด็กชายคนนี้มานั่งอยู่ในสวนเดียวกันได้ยังไง? ถ้าพ่อรู้เข้าแล้วก็… ไม่นะ! ไม่นะ!… เขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้
เธอกำลังจะบอกลาฟู่เทียนแล้วจากไป
“อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อเพศหญิง ในค่ายฝึกฝนของพวกเรานั้นก็มีเด็กผู้หญิงมากมาย แต่ผมคิดว่าคุณควรเชื่อในสิ่งที่พ่อคุณบอกดีกว่า ภายนอกกำแพงยักษ์นั้นมีอันตรายมากมาย คุณควรรอจนกว่าอันตรายนั้นจะหายไปหมดก่อน ไม่ช้าก็นานคุณจะได้เห็นโลกภายนอกอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าวันนั้นคงมาถึงในอีกไม่นานหรอก!”
ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องลงมานี้ทำให้เจนนี่สามารถมองเห็นสีหน้าที่จริงจังและมั่นใจของเด็กชายผู้นี้ได้ เธอตกตะลึงไปในตอนนี้และถามกลับไปทันที “จริงหรอ?
“อื้ม!” ฟู่เทียนพยักหน้ายืนยัน
เจนนี่ได้ยินคำพูดของเขา ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อเขา “ฉันจะเชื่อนาย!”
ฟู่เทียนยิ้มและกล่าว “ฉันเชื่อในตัวเอง”
เจนนี่ยิ้ม ความตั้งใจเดิมของเธอดูเหมือนจะหายไปแล้ว “นายรู้ไหมความฝันของฉันคือการเป็น “ผู้พิพากษา” แม้ว่าฉันจะออกไปนอกกำแพงยักษ์ไม่ได้แต่อย่างน้อยฉันก็ยังสามารถตัดสินความถูกต้องภายในกำแพงยักษ์นี้ได้ ฉันเชื่อว่าไม่มีคนเลวร้ายในโลกใบนี้และถ้าหากพวกเราร่วมมือกันก็จะสามารถทำลายอันตรายที่อยู่ภายนอกกำแพงยักษ์ให้หายไปได้”
ฟู่เทียนยิ้มแล้วกะว่า “เธอเรียนกฎหมายหรอ?”
“แน่นอน” เจนนี่ยิ้มด้วยสีหน้าภูมิใจ
ฟู่เทียนหัวเราะ “ผมก็เคยเรียนกฎหมายเหมือนกัน”
เจนนี่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นายเคยเรียนกฎหมายด้วยหรอ?”
“เรียนรู้ด้วยตัวเองน่ะ” ฟู่เทียนเสริมเข้าไป
“นายอยากเป็นผู้พิพากษาเหมือนกันหรอ?”
“ใช่ เป้าหมายของผมนั้นก็ยิ่งใหญ่เหมือนคุณ!”
“ยิ่งใหญ่?” “ใช่แล้วเป้าหมายของคุณนั้นยิ่งใหญ่!”
“นายอายุเท่าไหร่กัน?”
“เพิ่งจะ 11 ปี”
“ฉัน 12 ปี”
ความมืดค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาพูดคุยกันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พวกเขาพูดคุยกันมากมายหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องมุมมองต่อสิ่งต่างๆเช่นกัน พวกเขาสนิทกันราวกับว่าเพื่อนที่จากกันไปได้มาพบกันอีกครั้ง
“ไม่มีหู ไม่มีหาง ฮ่าฮ่าฮ่า … …” เจนนี่รู้สึกปวดท้องเพราะเธอหัวเราะมากเกินไป ในตอนนี้เธอลืมภาพลักษณ์ของชนชั้นสูงไปอย่างสิ้นเชิงและกล่าวว่า “แปลกประหลาดจัง เนื้อเพลงแบบนี้… ฮ่าฮ่าฮ่า… ”
ฟู่เทียนกล่าวว่า “มันเป็นเพลงสำหรับเด็ก”
เจนนี่ยิ้ม เมื่อคิดว่ามันเป็นเพลงสำหรับเด็กที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
ฟู่เทียนอยากจะร้องเพลงสำหรับเด็กให้มากกว่านี้แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามียุงมากัดที่เอวของเขา เขายื่นมือออกไปตบมัน เมื่อมีเสียงดังที่เกิดขึ้นทั้งสองก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ของการพูดคุยกัน พวกเขารีบมองกลับไปที่งานเลี้ยง
เจนนี่เห็นท่าทีของเขา เธอรู้สึกแย่ “ฉันต้องกลับไปแล้ว ถ้าหากว่าพ่อฉันหาฉันเจอเขาต้องโกรธมากแน่ๆ”
ฟู่เทียนก็ต้องกลับไปแล้วเหมือนกันจึงกล่าวว่า “คุณไปก่อนเลย ผมจะรออยู่ที่นี่สักหน่อย อย่าให้ใครเห็นว่าพวกเราออกมาด้วยกัน”
ใบหน้าของเจนนี่แดงขึ้นทันที เธอวิ่งออกไปจากศาลาหลังนี้และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และหันกลับมา “นายคงเคยได้ยินบทกวีดีๆมามากมาย ฉันเองก็ชอบบทกวีเหมือนกัน นายพูดให้ฉันฟังสักบทหนึ่งได้หรือเปล่า?”
ฟู่เทียนรู้สึกประหลาดใจในตอนนี้ เธอไม่ได้เดินกลับเข้ามาในศาลาหลังนี้ แสงจันทร์ตกกระทบลงบนแก้มของเธอ ในตอนนี้เธอดูงดงามราวกับเทพธิดา หัวใจของเขาเต้นระรัวอยู่ภายในเงามืดนี้
เขารู้เรื่องบทกวีมากมายแต่มันเป็นบทกวีบทกวีขอฝั่งตะวันออก มันแตกต่างจากบทกวีในยุคนี้อย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบทกวีสมัยใหม่ที่พี่สาวของเขาเคยอ่านให้ฟังบ่อยๆ
ฉันจะให้คุณมาพบฉันได้อย่างไร
ในตอนที่ฉันงดงามมากที่สุด
ตอนนี้
ฉันวิงวอนต่อพระเจ้ามาตลอด 500 ปี
ฉันขอให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งในโลกแห่งชีวิต
พระเจ้าให้ฉันกลายเป็นต้นไม้
เติบโตอยู่ข้างทางที่เธอเดินผ่านไปทุกๆวัน
…
ฟู่เทียนนึกถึงบทกวีที่มีชื่อว่า “พฤษาที่เบ่งบาน” ขอเปลี่ยนคำว่า “พุทธเจ้า” เป็นคำว่า “พระเจ้า” ขณะที่ท่องวันออกมา เพราะความเชื่อในโลกใบนี้นั้นมีแต่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีศาสนาพุทธแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินบทกวีของฟู่เทียน เจนนี่ก็ตกตะลึงในทันที หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองรอบๆตัวแล้ววิ่งออกไปตามถนนก่อนที่จะหายไปในความมืด