The Dark King – Chapter 39 ฝึกหัด
“เยอะจัง?” จูร่าตกตะลึง
เงินเดือนของเกรย์นั้นมีเพียงแค่ 2 เหรียญเงิน เงินเดือนของจูร่านั้นสูงกว่าเล็กน้อยแต่ก็เพียง 3 เหรียญเงินเท่านั้น หากเธอไม่ได้รักษาชนชั้นสูงที่ร่ำรวยบางคนนั้นเธอจะไม่ได้รับเงินเพิ่มเลย 10 เหรียญเงินนั้นเทียบได้กับเงินเดือนของพวกเขารวมกันถึง 2 เดือนเลย
“เธอจะเอาเงินมากมายแบบนี้ไปทำอะไรกัน?” เกรย์ขมวดคิ้ว
“ผมต้องการใช้มันในการทำภารกิจ เมื่อเสร็จภารกิจแล้วผมจะคืนให้ครับ” ฟู่เทียนกล่าวอย่างจริงจัง
จูร่าและเกรย์มองตากันแล้วก็ตอบกลับมาว่า “อืม แบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่เธอต้องสัญญากับพวกเราก่อนว่าจะไม่ใช้เงินนี้ไปทำเรื่องที่ไม่ดี”
ฟู่เทียนรู้สึกโล่งใจ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้ว่าจูร่าจะให้เงินเขาอย่างแน่นอนเพราะตำแหน่งผู้รักษาความปลอดภัยของเขา หากเขามีอาชีพอื่นเขาคงไม่ได้เงินอย่างแน่นอน
ในวันถัดมา
ในตอนเช้าตรู่นั้นฟู่เทียนไปที่ตลาดนักผจญภัยทิศใต้ในย่านที่อยู่อาศัย
ทุกๆเขตที่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นย่านชุมชนแออัด ย่านที่อยู่อาศัย หรือย่านการค้าแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับด้านอื่นๆ ครอบครัวของฟู่เทียนนั้นอาศัยอยู่บนถนนร้อยแปดลินคังซึ่งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของย่านที่อยู่อาศัย ที่นี่มีตลาดนักผจญภัยทิศใต้ซึ่งชาวเมืองสามารถนำของมาขายได้อย่างอิสระ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายที่นี่ถูกนำมาจากภายนอกของกำแพงยักษ์
กัมมันตภาพรังสีภายนอกนั้นมีค่าสูงอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับภายในนี้ ดังนั้นมีเพียงนักผจญภัยเท่านั้นที่จะเต็มใจออกไปที่นั่น ชื่อของตลาดแห่งนี้ก็ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่นักผจญภัยเหล่านั้น นักผจญภัยไม่ใช่อาชีพที่ทำในระยะยาวส่วนใหญ่จะลาออกหลังจากได้ออกไปเสี่ยงภัยไม่กี่ครั้ง พวกเขาจะได้รับเงินมากเพียงพอที่จะสามารถรักษาตัวเองและมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ฟู่เทียนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสีเพราะเขาได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนหน้านี้ ตะกั่วถูกใช้ในการผลิตเครื่องแบบของเขา มันสามารถป้องกันรังสีได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถเข้าออกนอกกำแพงยักษ์ได้อย่างอิสระเพียงแต่หากเขาไปค้นหาสิ่งต่างๆภายนอกเองคงจะเสียเวลา การซื้อของที่ตลาดแห่งนี้ช่วยให้เขาประหยัดเวลาได้อย่างมากมาย
ตลาดนี้อยู่ไกลจากบ้านของเขาและฟู่เทียนไม่อยากเสียเวลามากนัก
เขาใช้เงิน 5 เหรียญทองแดงเพื่อจ้างรถม้าให้ไปส่งที่ตลาดนักผจญภัยทิศใต้ ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พวกเขาใช้ผ้าห่มหรือพรมปูพื้นเอาไว้และตั้งขึ้นเป็นร้านค้า สิ่งต่างๆที่วางขายจัดเรียงอยู่บนพรมของผู้ขายคนต่างๆ พวกเขาตะโกนขายสินค้าชั่วทางตลาดแห่งนี้
ฟู่เทียนเดินลงไปตามทางเดิน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟู่เทียนก็ได้พบร้านค้าที่ขายแร่กำมะถันแล้ว เขากำลังหาซื้อผลึกดินประสิวด้วยเช่นกัน สำหรับผงถ่านนั้นเขาสามารถผลิตขึ้นมาด้วยตนเองได้จึงไม่อยากเสียเงินไปกับมัน
คนขายนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวคล้ำ ผมของเขานั้นอยู่กระจัดกระจายทั่วศีรษะและมือของเขานั้นมีจุดสีแดงอยู่บางส่วน น่าจะเป็นเพราะเขาติดเชื้อโรคบางชนิดในขณะที่กำลังผจญภัยอยู่ที่ด้านนอกของกำแพงยักษ์ เขาใส่เสื้อแขนยาวเพื่อปกปิดมันแต่รอยจุดสีแดงก็ปรากฏโดยไม่ได้ตั้งใจขึ้นเมื่อเขายกมือขึ้น
ฟู่เทียนรู้ว่าค่ารังสีภายในร่างกายของชายผู้นี้นั้นสูงยิ่งนัก บางทีเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปีเว้นแต่ว่าเขาจะได้รับการรักษาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
หลังจากที่ต่อรองราคาพวกเขาก็ตกลงซื้อขายกันที่ 1 เหรียญเงินและ 20 เหรียญทองแดง ฟู่เทียนกำลังจะออกไปหาซื้อดินประสิวเพิ่ม แต่ดินประสิวนั้นแพงยิ่งกว่า 1 เหรียญเงินเสียอีก
“การใช้ของพวกนี้ทั้งหมดฉันสามารถสร้างระเบิดขึ้นได้เพียงไม่กี่ชุด นอกจากอาหารและอาวุธธรรมดา สิ่งของอื่นนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาไปในการทำภารกิจ ดินปืนไม่ได้มีน้ำหนักมากนักดังนั้นมันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แค่นี้มันก็น่าจะมากพอแล้ว ” ฟู่เทียนกำลังคำนวณสิ่งต่างๆในสมองของเขา
“เด็กน้อย ของพวกนี้มีน้ำหนักมาก เธอควรเรียกคนอื่นๆมาช่วยยกขึ้นไปบนรถม้า เธอต้องการให้ฉันช่วยยกมันขึ้นไปบนรถมาหรือเปล่า? ” คนขายที่รับเงินมากล่าวกับฟู่เทียน
“ไม่เป็นไร” ฟู่เทียนตอบกลับไป ทุกอย่างถูกใส่ลงในถุงผ้าลินิน สำหรับคนธรรมดามันคงจะมีน้ำหนักที่มากมายแต่สำหรับฟู่เทียนนั้นรู้สึกว่าเบาเหมือนขนนก เขาแบกถุงผ้าลินินและเดินจากไป
ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจและจ้องมองไปที่ฟู่เทียนพร้อมกับเบิกตากว้าง
ไม่นานหลังจากนั้นฟู่เทียนซื้อเครื่องมือพื้นฐานต่างๆที่ร้านอื่นๆเพื่อใช้ในการสร้างดินปืนขึ้นมา ในสายตาธรรมดาเครื่องมือพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุ ตัวอย่างเช่นมีเครื่องมือที่แพทย์ที่ใช้ในการบดสิ่งต่างๆเป็นผงเพื่อที่ทำเป็นยาเม็ดต่างๆ
ในตอนบ่ายฟู่เทียนซื้อทุกอย่างที่เขาต้องการมาแล้ว เขาเดินไปรอบๆตลาดเพื่อดูว่ามีของพิเศษอันไหนที่ถูกใจเขาบ้าง เขารู้สึกหิวขึ้นมาเตรียมตัวที่จะกลับไปทานอาหารค่ำ
“คุณครับ ขายมันให้ผมเถอะ ได้โปรด! มันก็แค่ก้อนหินแตกๆ” ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฟู่เทียน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงมองตามไป เขาเห็นเด็กชายที่เตี้ยกว่าเขาเขาครึ่งศีรษะถือถุงผ้าลินินไว้ในมือซ้ายขณะที่ถือก้อนหินสีดำขรุขระขนาดเท่ากำปั้นขนาดใหญ่ในมือขวาของเขา
คนขายนั้นเป็นชายหนุ่มที่ผอมบาง เขาส่ายศีรษะและกล่าวว่า “นี่เป็นแร่เหล็ก แม้ว่าน้ำหนักจะไม่มากนัก แต่นายต้องจ่ายเงินอย่างน้อยสองเท่า”
“คุณครับ ถึงมันจะเป็นแร่เหล็ก แต่มันก็เป็นเพียงแร่ ไม่ใช่เหล็ก แม้ว่าจะถลุงออกมาได้ก็คงได้เหล็กออกมาไม่มากนัก ” เด็กชายเปลี่ยนในการพูดกลยุทธ์ของเขา “มันมีขนาดเล็กมากจนโรงงานถลุงแร่ไม่ต้องการ ไม่มีใครซื้อมันแน่นอน มันคงจะต้องวางขายอยู่ที่นี่ตลอดไป ขายมันให้ผมเถอะแล้วคุณจะได้รับเหรียญทองแดงของคุณไป”
ชายหนุ่มร่างผอมบางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็พูดออกมาว่า: “อืม ก็ได้”
เด็กหนุ่มยิ้มขณะที่จ่ายเงินพร้อมกับรับก้อนหินสีดำในถุงผ้าลินินนั้นไป เขาหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ฟู่เทียนเห็นรอยสักเล็กๆที่อยู่บนข้อมือของเด็กชายคนนั้น มันเป็นรูปตะขอสีดำขนาดเล็ก
“นักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัด?” ฟู่เทียนไม่คาดคิดว่าจะได้พบที่นี่ จากบันทึกของรอสยาร์ดเขาได้เรียนรู้วิถีชีวิตและนิสัยของนักเล่นแร่แปรธาตุ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาก็คือนักเล่นแร่แปรธาตุทุกคนจะมีการออกแบบรอยสักรูปแบบเฉพาะบนร่างกายของพวกเขา มันเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้โดยนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อยืนยันต่อคนอื่นๆ หากไม่มีรอยสักพวกเขาจะไม่ถูกยอมรับจากสังคมของพวกเขา
วิธีการสักนั้นก็เรียบง่ายอย่างยิ่ง พวกเขาจะใช้ผงของพืชบางชนิดและผสมกับน้ำสีดำ หลังจากนั้นก็จะใช้เข็มเพื่อเป็นการวาดรูปขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่จุดเล็กๆที่ไม่มีรูปร่างอะไรเลยก็ถือเป็นสัญลักษณ์ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าการสักนั้นจะไม่ได้มีแต่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ใช้ ชนชั้นสูงรวมถึงโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ก็มีการสักด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาจะหลีกเลี่ยงในการใช้สีดำ
หากพวกเขามีรอยสักสีดำแม้ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็จะถูกคิดว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าที่เป็นหลักฐานที่ใช้ระบุตัวตนของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในทำนองเดียวกันหากไม่มีรอยสักสีดำแม้ว่าจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริงก็จะไม่ถูกยอมรับจากคนอื่นๆด้วยเช่น
ฟู่เทียนมองตามเด็กชายที่เดินจากไป จากนั้นเขาก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ