px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 11 ตกอยู่ในความเงียบงัน


“อ๊าก!! ข้าเจ็บ...” ไม่กี่วินาทีต่อมา เมิ่ง เจียงฉาน ที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความแจ่มใส กลับร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรามาน

ชาวบ้านต่างตาค้างพูดไม่ออก

 

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ไม่ใช่ทุกอย่างต้องเป็นไปได้ด้วยดีหรือ? ไม่ใช่ว่าภาพแห่งการสรรค์สร้างถูกไขปริศนาไปแล้วงั้นหรือ? หรือว่าเป็นกฎของกองตรวจการศักดิสิทธิ์ ใครที่ไขปริศนาแห่งการสรรค์สร้างได้ อย่างแรกคือต้องถูกโบยก่อน 10 ที? ไม่เคยมีใครเคยได้ยินกฎแบบนี้มาก่อน...

ความสับสนเกิดขึ้นบนใบหน้าของชาวบ้านทุกคน แต่ไม่มีใครกล้าที่จะถามออกมา ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นคำสั่งจากธิดาของกองตรวจการศักดิสิทธิ์

 

ฟาง เจิ้งจือ ก็สับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเช่นเดียวกัน

ท่าทีที่นิ่งสงบของ เด็กหญิงนั่นมั่นก็เป็นแค่การแสดง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามปกปิดแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถปิดบังได้ทั้งหมด ดูสิอย่างการสั่งโบยนั่นไง มันเป็นนิสัยที่แท้จริงของเธอ โหยร้ายที่สุด!

 

แต่เดี๋ยวก่อนนะ....

เธอพึ่งพูดว่าไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้างได้งั้นหรือ?

แสดงว่าภาพนั้นถูกไขปริศนาได้แล้ว?

โดยข้า?!

ความตกใจแล่นไปทั่วตัว ฟาง เจิ้งจือ ข้าทำได้! ข้าทำมันได้! ด้วยความสารถของข้า นอกจากข้าจะเข้าใจภาพและเรื่องราวจากภาพแห่งการสรรค์สร้าง ข้านั้นยอดเยี่ยมที่สุด!

หรือข้าจะลองดูดี?

ถ้าเป็นข้าที่ไขปริศนาแห่งการสรรค์สร้างได้ จากพื้นฐานของโลกนี้ที่มีพลังมหาศาล งั้นมันก็เป็นไปได้ที่ข้าจะสามารถปล่อยฝ่ามือทำลายหินได้ หรือสั่นสะเทือนผืนดิน ด้วยการกระทืบเท้าพียงครั้งเดียว?

เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ด้วยการที่เขาเป็นนักวิชาการในโลกเดิม เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่หรือฮีโร่ได้

 

ฮ่า ฮ่า.....

ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะออกมาเงียบๆกับความสำเร็จของตัวเอง เขาลองยกขาของตัวเองขึ้นและกระทืบไปที่พื้นอย่างรุนแรง

ไม่นานหลังจากนั้น เขารู้สึกชาเล็กน้อยที่เท้า

และความเจ็บปวดที่ค่อยๆแล่นขึ้นมาบนตัว....

 

ลานหมู่บ้านที่ทำมาจากหิน....ก็ยังคงเป็นหินที่เรียบเนียนเหมือนเดิม

“….”

 

 

ทำไมกัน? เกิดปัญหาอะไรขึ้น? ไหนละพลังที่เปลี่ยนหินให้กลายเป็นผุยผงด้วยฝ่ามือเดียว หรือสั่นสะเทือนพืนดินด้วยการกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว? เหงื่อเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของเขา หรือว่าภาพแห่งการสรรค์สร้างไม่ได้ถูกไขปริศนาโดยเขา?

 

“ใครที่เป็นคนไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้างนี้ได้?” เด็กหญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะหันไปมองทาง เมิ่ง เจียงฉาน แต่กวาดสายตาไปทั่วลานหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชาวบ้านยืนอยู่

ไม่มีใครที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ตรงข้ามกับลานหมู่บ้าน มีร่างของ เมิ่ง เจียงฉาน ที่ถูกจับโบยพร้อมกับเสียงร้องอันโหยหวนอยู่ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเบาๆจากเข่าของหัวหน้าหมู่บ้านที่กระทบลงกับลานหมู่บ้าน ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบ

 

ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้กำลังงงมาก มันไม่ใช่เรื่องที่พิสูจน์กันง่ายๆ ถึงเขาที่เป็นคนที่ไขปริศนาภาพนั้นได้  แต่เขาไม่มีหลักฐาน ใครจะเชื่อเขา แล้วข้าจะได้รับรางวัลไหมละ?

หรือการไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้างได้จะเป็นเรื่องโกหก? เพราะว่าเด็กหญิงนั่นมีจุดประสงค์เพื่อมาจับกุมเขาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพียงอย่างเดียว

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็เริ่มใจเย็นขึ้น           

 

ไม่ว่าการไขปริศนาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต่อให้เป็นเรื่องจริง แต่การที่เขาไปถีบก้นเธอที่ทางเข้าหมู่บ้าน เขาน่าจะถูกฆ่าตายมากกว่าได้รับความดีความชอบ!

 

เห็นชาวบ้านที่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลย เด็กหญิงเริ่มหมดความอดทน

“มีใครในหมู่บ้านนี้อีกไหมสามารถอ่านหนังสือได้?” ด้วยทางเลือกที่มีอยู่น้อยนิด เธอเลยลองเปลี่ยนคำถามดู

ฟาง เจิ้งจือ คิ้วกระตุก เขาแสดงออกถึงการดูถูกอย่างชัดเจน เหอะ! ข้าอ่านหนังสือได้ แต่ข้ายอมตายเสียดีกว่า ถ้าต้องออกไปแสดงตัว ถ้าเก่งจริงก็จับข้าให้ได้ละกัน!

 

ชาวบ้านคนอื่นๆต่างมองกันไปมาอย่างเงียบเชียบ

10 นาทีผ่านไป, 15 นาทีผ่านไป, ครึ่ง ชม ผ่านไป...

ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงคำถามยังไง คำตอบก็ได้แค่มีแต่ความเงียบเชียบ

 

อีกด้านหนึ่ง หลังจากถูกโบย เมิ่ง เจียงฉานถูกแบกลงมาไว้ที่ด้านล่างของเวที

เลือดของเขาไหล่เอ่อเต็มแผ่นหลัง

มันทำให้ชาวบ้านรอบด้านต่างวิตกกังวลเมื่อได้เห็นภาพที่สยดสยองนี้ ไม่มีใครกล้าจะกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ไขปริศนาได้

 

หัวหน้าหมู่บ้านเมิ่งไป ยังไม่กล้าที่จะยกหัวขึ้นมาจากพื้น ตัวของเขายังก้มโค้งคำนับอยู่บนเวที ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะช่วยหลานชายของเขา แต่เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเ

ดูเหมือนว่าภาพแห่งการสรรค์สร้างจะไม่ได้ถูกไขปริศนาโดยหลานชายของเขา นั่นหมายความว่า การกระทำของ เมิ่ง เจียงฉาน นั้นเป็นการหลอกลวง กองตรวจการศักดิสิทธิ์

 

การทำอย่างนี้เหมือนรนหาที่ตายชัดๆ

ถูกโบย 10 ที? การลงโทษสถานเบาเช่นนี้ เขายังจะกล้าไปร้องขออะไรอีกหรือ?

 

“คุณหนู หรือมันน่าจะเป็น...เอ่อ...แสงแดด?” ทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องเด็กผู้หญิง กล่าวขึ้นมาอย่างนุ่มนวล

เด็กหญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอจึงหันไปทางแม่ทัพหลี่เป็นเชิงขอคำตอบ

แม่ทัพหลี่ขบคิด ทั้งเขาและทหารคนอื่นๆต่างเห็นแสงส่องออกมาจากภาพแห่งการสรรค์สร้างนั้น

แต่ทำไมถึงไม่มีใครยอมรับละ?

หรืออาจจะเป็นเรื่องผิดพลาด? เขามองไปยังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงลงมา เขาเชื่อมั่นในความคิดของเขา

ในหมู่บ้านภูเขาทางใต้ ชาวบ้านต่างไม่สามารถอ่านหนังสือได้ การจะไขปริศนาของภาพแห่งการสรรค์สร้างด้วยตัวเองคนเดียว มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แม่ทัพหลี่พิจรณาถึงสถานการณ์รอบๆ

แสงสีทองที่ส่องออกมา? การสะท้อนของแสงอาทิตย์? มันไม่มีอะไรลึกลับ มันต้องเป็นเพราะการสะท้อนของแสงดวงอาทิตย์แน่นอน!

แม่ทัพหลี่ไม่อยากเสียเวลากับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป เขาต้องเดินทางไปถึงยังเมืองถัดไปก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

ถ้าทหารหลายคนต้องค้างแรมที่หมู่บ้านนี้มันจะทำให้แผนการเดินทางล่าช้า

 

“คุณหนู...มันน่าจะเกิดจากแสงของดวงอาทิตย์” แม่ทัพหลี่ ตัดสินใจ

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เตรียมตัวสำหรับการเดินทางได้แล้ว” เด็กหญิงพยักหน้า

“รับทราบ!” แม่ทัพหลี่ สั่งให้ทหารเอาผ้าคลุมภาพแห่งการสรรค์สร้างไว้และเอามันออกไปจากเวที...

 

เมื่อเห็นแม่ทัพหลี่ เริ่มออกเดินทาง เธอหันไปมองยังหัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ ที่นั่งคุกเข่าอยู่

“ลุกขึ้น!”

“ทราบแล้ว ทราบแล้ว...ขอบคุณคุณหนูมาก!” หัวหน้าหมู่บ้านคำนับด้วยความขอบคุณ หลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาไม่กล้าที่จะเช็ดมันออก

“เมิ่ง ไป่ ข้าขอถามเจ้า ทำไมไก่ขนไฟที่ส่งมาให้ข้าถึงได้ไม่ดูน่ากินเลยสักนิด? เจ้าตั้งใจที่จะเล่นตลกกับข้างั้นหรือ?” เด็กหญิงถามอย่างเรียบง่าย

“ไม่น่ากิน? เล่นตลกกับคุณหนู? นี่.....” เหงือเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินเรื่องใหม่ที่ธิดาของกองตรวจการศักดิสิทธ์ถามเขา ตอนได้ยินว่ากองตรวจการศักดิสิทธิ์ต้องการกินไก่ขนไฟ เขาดีใจมาก เขารีบสั่งให้ย่างไก่ที่บ้านของเขา

ใช่...แต่ดูเหมือนธิดาจากกองตรวจการศักดิสิทธิ์จะไม่พอใจ เขวี้ยงมันทิ้งหลังจากกัดไปแค่คำเดียว ไม่มีทางเลือก หัวหน้าหมู่บ้านต้องรีบหาไก่ขนไฟและพ่อครัวที่ดีที่สุดในหมู่บ้านมา

 

แต่ตอนนี้....

หลังจากย่างไก่ไป 20 กว่าตัวดูเหมือนเธอก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี?

ควรทำยังไงดี? หรือนี่จะเป็นจุดจบของตระกูล เมิ่ง? จุดจบของหมู่บ้านภูเขาทางใต้…..

 

สังเกตุเห็นท่าทีสิ้นหวังของหัวหน้าหมู่บ้านเธอมองไปที่ฝูงชนอีกครั้ง

ฟาง เจิ้งจือ รีบปกปิดตัวเองทันที

เด็กหญิงนั่นสามารถแยกหินยักษ์ได้ด้วยฝ่ามือเดียว มีอำนาจล้นเหลือ สั่งโบยได้เป็นสิบๆครั้ง ใครจะกล้าไปวุ่นวายกับเธอ

 

“ถ้าใครสามารถย่างไก่ขนไฟให้ข้ารู้สึกพอใจได้ เจ้าก็รับทองก้อนนี้ไปได้เลย!” ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่เธอจะสะบัดมือ และมีทองแท่งโผล่ขึ้นมา

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง แสงสะท้อนอ่อนๆจากทองแท่ง เหมือนจุดประกายความตื่นเต้นในใจของชาวหมู่บ้าน

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

รีวิวผู้อ่าน