px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 20 ผลลัพธ์?


“นี่ข้า...เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าแล้วใช่ไหม? ทำไมมั่นงายดายอย่างนี้! ฮ่า ฮ่า....” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มอย่างมีความสุข เขารีบมองไปข้างนอก เห็นกำแพงหินอยูที่ลานหน้าบ้านของเขา

 

“วู้!!” เขากระโดดจากหน้าต่างลงมาบนลาน

รีบเดินไปที่กำแพงหินนั่น

 

“เอาละเจ้ากำลังจะกลายเป็นหนูทดลองของข้า!” ฟาง เจิ้งจือ พยายามทำท่าทางที่เขาคิดว่าเท่ห์ที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้ จากนั้นก็โคจร ‘พลังงาน’ ไปรอบตัว เล็งไปที่กำแพงหิน ก่อนจะนำฝ่ามือกระแทกเข้าไป

“…”

 

พายุมักจะมาหลังจากท้องทะเลเงียบสงบ....

“อ๊ากกกกก!”

ฟาง เจิ้งจือ กัดฟัน ทนรับความเจ็บปวดที่เกือบทำเขาร้องไห้ออกมา กำแพงหินไม่มีรอยแตกแม้แต่นิดเดียว

 

เกิดอะไรขึ้น? นี่มันไม่เท่ากับความพยายามของข้าทั้งคืนสูญเปล่างั้นหรือ? ทำไมข้าไม่เห็นถึงความคืบหน้าอะไรเลย? ข้าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?

 

เดี๋ยวก่อนนะ!!

ถ้าพูดถึงความก้าวหน้า….

ตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างขึ้น การฝึกของเขาคืบหน้าแล้ว! เขารู้ได้ด้วยตัวเอง แต่การคืบหน้าที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแบบที่เขาคาดหวังไว้

สิ่งที่เขาคาดหวังในตอนแรกคือหลังจากที่เขาท่องหนังสืออย่างหนักเมื่อคืนแล้ว กระดูกและเส้นเอ็นของเขาจะถูกชะล้างและแข็งแกร่งขึ้นเหมือนตัวละครเท่ห์ๆในนิยายกำลังภายใน ผิวของเขาต้องแข็งเหมือนโลหะ และมีกำลังราวกับวัวกระทิง

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!

กระดูกและเส้นเอ็นของเขายังคงเหมือนเดิม ความแข็งแรงของเขาก็ยังเท่าเดิม แต่ความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆภายในร่างกายของเขาดีขึ้นมาก

 

มันคือความสามารถในการควบคุม ไม่ใช่ความว่องไว อะไรเทือกนั้น

ความสามารถในการควบคุมอวัยวะภายในแต่ละส่วนของร่างกาย เช่นเขาสามารถควบคุมการยืดขยายของเส้นเอ็น สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกาย และเขายังสามารถเพิ่มความเร็วของการไหลเวียนเลือดได้อีกเล็กน้อยอีกด้วย

เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่ค่อยสนใจมากนัก

เช่นถ้าใครรู้สึกกระวนกระวายใจ ความเร็วการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือระหว่างออกกำลังกายเลือดจะไหลเวียนไวกว่าปกติ

แต่อย่างไรก็ตามความสามารถของเขาในตอนนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เพราะว่า....

ความสามารถของเขาคือการควบคุมอย่างแท้จริง!!

การควบคุม? มันสามารถใช้ควบคุมร่างกายของคนอื่นได้หรือไม่? ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย การฝึกฝนในโลกนี้แตกต่างไปที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง หรือนี่จะคือส่วนหนึ่งขอเต๋าแห่งการสรรค์สร้างเช่นกัน?

 

ไม่กี่วันต่อมา ณ บ้านหลังใหญ่ในเมืองเมืองหนึ่งบนแดนเหนือ

ทหารคนหนึ่งที่ใส่ชุดเกราะสีแดงกำลังคุกเข่าลงเบื้องหน้า เด็กหญิงที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่พร้อมกับมีสาวใช้ที่คอยซับเหงื่ออยู่ข้างๆ

“เขาตอบไม่ได้งั้นหรือ?”

เด็กหญิงขมวดคิ้ว หรือเธอจะทำอะไรผิดพลาด? หรือเหตุการที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์จริงๆ?

“หลี่ เฮ่อ เขามีหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“คุณหนู หลี่ เฮ่อ มีหัวที่โต ตัวใหญ่เล็กน้อย และมีริมฝีปากค่อนข้างหน้า”

“อืม…?”  เด็กหญิงเข้าใจแล้ว เธอยืนขึ้นอย่างช้าๆ เดินออกไปที่ริมหน้าต่างและมองออกไปยังสวนดอกไม้

หลี่ เฮ่อ ไม่ใช่เจ้าเด็กสารเลวนั่น!

มันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ ถึงแม้หัวหน้าหมู่บ้านภูเขาทางใต้จะดูไม่ฉลาดมากนัก แต่เขาควรจะตัดสินใจได้ดีกว่านี้สิ เจ้าสารเลวนั่นสามารถอ่านหนังสือได้เพียงอายุแค่ 6-8 ปี มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนอื่นจะได้เข้าไปยังหอแห่งเต๋า แทนที่จะเป็นเด็กสารเลวนั่น?

 

เธอไม่เข้าใจเลย

ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่?

หรือว่าหัวหน้าหมู่บ้านนั่นจะไม่รู้ว่าเด็กสารเลวนั่นสามารถอ่านหนังสือได้?  มันจะเป็นไปได้หรือไง? พวกเขาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนะ ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องทั่วๆไปเช่นนั้?

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เจ้าเด็กสารเลวนั่นยิ่งระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

ถ้าข้ายิ่งส่งคนไปหมู่บ้านทางใต้อีกในตอนนี้ ยิ่งจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย

ดูเหมือนเด็กสารเลวนั่นจะมีความเข้มแข็งทางจิตใจมาก ไม่เลวเลย! ถึงแม้ข้าจะส่งคนจำนวนมากไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ข้าไม่ควรทำให้เขาแวงรอบตัวตลอดเวลา แต่ข้าจะรอจนเขาลดความระมัดระวังตัวลงและปล่อยตัวสบายๆ จากนั้นข้าจะคิดแผนการอันสมบูรณ์แบบเพื่อจับตัวเขาให้ได้แน่นอน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ดวงตาของเด็กหญิงก็สว่างวาบขึ้นมาทันที

ก่อนที่จะจับเจ้านั่น ข้าต้องหาสิ่งที่เจ้าเด็กสารเลวนั่นไม่สามารถต้านทานได้ให้พบเสียก่อน หลอกล่อเขาให้ติดกับดัก และสุดท้าย....จับตัวมาที่กองตรวจการศักดิสิทธิ์ และสั่งให้โบยเขาอย่างเจ็บปวดทหรามาร ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”

….

 

ฟาง เจิ้งจือ ยังคงฝึกฝนอย่างหนัก ในแต่ละวันเขาท่องหนังสือทั้งตอนก่อนเข้านอน และหลังตื่นนอน ถ้าเบื่อเขาก็จะถือหนังสือ กฎแห่งเต๋าขั้นพื้นฐานและตำราขงจื้อสำหรับเด็ก เดินเล่นไปทั่วหมู่บ้าน

สิ่งนี้ทำให้ชาวบ้านที่เห็นเขาต่างถกเถียงกัน

“โอ้? เจิ้งจือ เริ่มอ่านหนังสืออีกแล้วงั้นรึ?”

“เขายังจะพยายามที่จะเรียนด้วยตัวเองอีกหรือ?”

“เจิ้งจือ มานี่เร็วๆสิ มาหาป้าหน่อย.......บอกป้าหน่อยสิเจ้าอ่านได้กี่คำแล้วตอนนี้?” ผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าลานบ้านึง ฟาง เจิ้งจือ เข้ามาใกล้ๆ

“ข้าไม่บอกหรอก!” ฟาง เจิ้งจือ โต้กลับทันที

“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าอ่านไม่ได้สักคำมช่ไหมละ? ฮ่า ฮ่า...” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมา

 

“แล้วป้าอ่านคำในหนังสือเล่มนี้ออกไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยหน้าตาที่คาดหวัง

“เจ้าพูดอะไรออกมา ป้าจะไปรู้วิธีอ่านได้ยังไง?” หญิงวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยท่าทีเลิกลัก

“ป้าหมายความว่า ป้าไม่รู้แม้แต่วิธีอ่านงั้นหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า....” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเสียงดัง จากนั้นหมุนตัวไปรอบๆและเดินออกไปด้วยความร่าเริง ทิ้งกลุ่มชาวบ้านที่กำลังมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า ไว้เบื้อหลัง

 

หลังจากเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้านแล้ว เขาก็นอนตัวลงบนหินก้อนใหญ่ข้างๆรัวของหอแห่งเต๋า มองไปที่ท้องฟ้าและจินตนาการว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนักเรียนของหอแห่งเต๋า

“ดูนั่นสิ ฟาง เจิ้งจือ แอบฟังอาจารย์สอนอีกแล้ว!”

“เขาได้ยินอะไรจากข้างนอกนั่นบ้าง แต่เขาไม่มีทางเห็นสิ่งที่อาจารย์เขียนได้หรอก คงทำได้แค่ฟังอย่างเดียว?”

“ใครจะไปรู้ละ คงมีแต่สวรรค์ที่รู้เท่านั้น!”

 

เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ที่พยายามแอบฟังเนื้อหาที่สอนในหอแห่งเต๋าชาวบ้านก็เริ่มซุบซิบกันอีกครั้ง แต่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนและก่อความวุ่นวายอะไร วันเวลาผ่านไปชาวบ้านก็เริ่มคุ้นชินและมองเป็นเรื่องปกติ

 

พวกเขาเริ่มเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นเด็กที่มีการศึกษาคนหนึ่งแต่ยังด้อยกว่าพวกที่อยู่ในหอแห่งเต๋า

ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าหนังสือที่ ฟาง เจิ้งจือ อ่านคือหนังสืออะไร? หรือมีประโยชน์ขนาดไหน?

….

 

บ่ายวันหนึ่งขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า ฟาง เจิ้งจือ กำลังนอนอยู่บนหินก้อนเดิมริมรั้วหอแห่งเต๋า

เขาได้รับแรงบรรดาลใจจากบรรยากาศรอบๆจึงท่องกลอนออกมา

“ฤดูใบไม่ผลิจะมีอยู่แค่ในสวนได้อย่างไร? กลีบดอกไม้ที่พัดไปตามแรงลมคงต้องกระทบเข้ากับรั้วของสวนดอกไม้...”’

“เด็กน้อย มานอนรออะไรอยู่ตรงนี้งั้นหรือ?” ในตอนที่เขาเกือบจะหลับนั้น เหมือนมีเงาบางอย่างบังแสงเขาอยู่ เขาลืมตาขึ้นมาเห็นชายวัยกลางคนดูมีความรู้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

ฟาง เจิ้งจือ รู้ในทันทีว่าเขาคืออาจารย์ที่สอนอยู่ในหอแห่งเต๋า ชื่อของเขาคือ หวัง อันฮุย เขาเป็นคนที่ดี แต่ตอนนี้เนื่องจากใบหน้าของเขานั้นใหญเกินไป ทำให้ตอนนี้เขาบังแสงจากดวงอาทิตย์ไปจนหมด

“ข้าเห็นเจ้านอนฟังอยู่ที่นี่ทุกวัน วันนี้ข้าอยากจะทดสอบเจ้าสักหน่อย เจ้าอยากจะลองไหม?” หวัง อันฮุย เหมือนจะไม่เคยได้ยินกลอนที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดมาก่อน

“ถ้าข้าตอบได้ ท่านจะให้สัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนหิน และถามอย่างใสซื่อ

หวัง อันฮุย หงุดหงิดเล็กน้อย เขาไม่เคยเจอนักเรียนคนไหนที่กล้ามีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับเขา มีแต่ตอบกลับมาด้วยความนอบน้อยและจริงใจ ใครจะกล้าตั้งเงื่อนไขกับเขาเช่นเด็กคนนี้กัน?

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กล้าขอบางเรื่องเพื่อแลกเปลี่ยนกับเขาถ้าตอบคำถามได้....

หวัง อันฮุย เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที่ เจ้าเด็กนี่มั่นใจจริงๆงั้นหรือ?

“ฮ่า ฮ่า ...บอกมาสิว่าเจ้าต้องการอะไร?” หวัง อันฮุย ไม่ได้เมินเฉยต่อคำขอของ ฟาง เจิ้งจือ และถามกลับไปด้วยความสนใจ

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

รีวิวผู้อ่าน