px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 37 ยืมมือผู้อื่น (FREE)


มากกว่า 10 วันผ่านพ้นไป

ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย การทำงานร่วมกับหน่วยล่าสัตว์นั้นทำให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เขาทำคนเดียวมาก พลั่วของพวกเขาช่วยกันขุดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา

ส่วน ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้รับบทเป็นผู้คุมงาน… ตรงนี้ต้องขุดลึกลงอีกหน่อย! หินก้อนนี้สูงไปหน่อยนะ ก้อนนั้นเล็กไป...

คนอื่นๆช่วยกันขุดดินในขณะที่เขานั้นเอาแต่นอนเล่นอยู่ในหลุมที่ตัวเองขุดขึ้นมา เขากำลังนอนเล่นอย่างมีความสุขรอเหยื่อเข้ามาติดกับ

 

“ภูเขาลูกนี้เปิดให้เข้าโดยข้า ต้นไม้ข้าก็เป็นคนปลูก ถ้าอยากจะผ่านเข้าไปละก็.. คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสียก่อน!”

เป็นหนึ่งในคำพูดที่กวีโบราณเคยกล่าวไว้ แต่สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังทำในตอนนี้เขาไม่ได้ปกป้องต้นไม้ เขาแค่ปกป้องดินแดนที่เขาอาศัยอยู่

ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหยื่อที่จับได้ในแต่ละวันมีจำนวนมากขึ้น พวกเขาจับกระต่ายได้อย่างน้อย 2-3 ครั้งในแต่ละวัน รวมถึงสัตว์อื่นๆที่มีหลงเข้ามาบ้างอีกด้วย ฟาง เจิ้งจือ ยังมีความคิดที่จะนำอาหารสัตว์มาให้พวกมันเพื่อสร้างที่นีให้เป็นฟาร์มเล็กๆอีกด้วย...

 

ความสำเร็จของหมู่บ้านภูเขาทางใต้ ตามธรรมชาติแล้วมักจะสร้างความอิจฉาเกลียดชังให้แก่หมู่บ้านอื่นๆ โดยเฉพาะ หัวหน้าหน่วยล่าสัตว์ของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ

พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหลังจากถูกปล้นโดย ฟาง เจิ้งจือ...

พวกเขาตัดสินใจเข้าโจมตีหน่วยล่าสัตว์หมู่บ้านทางใต้ 3 ครั้งติดต่อกัน!

หน่วยล่าสัตว์หมู่บ้านภูเขาทางเหนือนั้นได้ลองหลากหลายวิธีเพื่อจะจัดการกับหน่วยล่าสัตว์ภูเขาทางใต้ ทั้งใช้การโจมตีตรงๆ ปิดวงล้อม หรือ จับกลุ่มกัน 2-3 คนเพื่อเข้าโจมตี...

จาง หยางปิง ทั้งทุ่มเทและใช้สมองเป็นอย่างมากเพื่อหาหนทาง

 

แต่สุดท้ายแล้ว…

พวกมันกลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!

ภายใต้ก้อนหินเหล่านั้น แต่ละคนของหมู่บ้านภูเขาทางใต้แค่เคลื่อนตัวไปมาหลบหลังก้อนหินเหมือนจิ้งจอกที่ซ่อนอยู่ในเงามืด คาดเดาไม่ได้ว่าจะโผล่มาจากทิศทางไหน เมื่อโดนโจมตีถึงแม้จะมีแค่ทิศทางเดียว แต่พวกเขาก็ต้องคอยป้องกันระวังทั้ง 4 ด้าน

หลังจากความพยามยามถึง 3 ครั้ง กล่าวได้ว่าหน่วยล่าสัตว์ของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือได้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

ไม่เพียงแต่พวกเขาจะจับสัตว์ไม่ได้ อาวุธของพวกเขาก็ถูกปล้นไปด้วยในทุกๆครั้ง ดาบที่ใหม่และคมที่พวกเขาถือมาตอนแรกนั้นไม่นานก็กลายเป็นดาบเก่าๆและโล่ที่ผุพัง

หากไม่มีอาวุธ สัตว์ที่พวกเขาจะล่าได้ก็น้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ

อาจจะว่าชีวิตของพวกเขาตอนนี้นั้นเข้าขั้นน่าสงสารเลยทีเดียว

ในทางกลับกัน หมู่บ้านภูเขาทางใต้ ตอนนี้พวกเขาใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนกำลังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทุกคนร่าเริงมีความสุขกับสัตว์ที่ล่าได้เป็นจำนวนมากในทุกๆครั้ง ทุกๆครอบครัวสามารถมีเนื้อกินได้ พวกเขาจะไม่มีความสุขได้ยังไง?

….

ค่ำคืนที่เงียบสงบ...

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาเริ่มคุมร่างกายของเขาได้อิสระมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่แปลกประหลาด บางอย่างที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเคยรู้จัก การควบคุมเนื้อหนังรวมถึงเลือดเขาทำได้ดีขึ้นมาก

หรือว่า....

หรือเขาจะเข้าใจผิดมาทั้งหมด? สิ่งที่เขาควบคุมได้นั้นไม่ใช่กล้ามเนื้อ? ไม่ใช่เลือด? มันดูไม่เหมือนเลย...มันคืออะไรกันแน่?

เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เขาได้แต่ใช่วิธีการเดิมที่คุ้นเคยนั่นคือ......สะสมความรู้! ยิ่งเขาอ่านหนังสือเท่าไหร่ เขาก็จะได้รับพลังมากเท่านั้น เมื่อเขาพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง ทุกอย่างก็จะคลี่คลายเอง

.....

ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังอ่านหนังสืออย่างสบายใจอยู่นั่นเอง เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ฮูหยินหลี่ กำลังนั่งไม่ติดนางเดินวนรอบห้องอย่างกระวนกระวายใจ

ด้านข้างของนางเป็น หลี่ จ้วงฉาน ที่เหมือนกำลังจะคิดอะไรบางอย่างอยู่

“เจ้าช่วยคิดอะไรบ้างได้ไหม? เจ้าเรียนอยู่ในหอนั่นทุกวัน คงไม่เห็น...สายตาที่หัวหน้าหมู่บ้านใช้มอง ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้ ไม่ว่าจะครั้งไหนก็เต้มไปด้วยความชื่นชม!”

“กับดักไร้สาระของเจ้านั่น สามารถดักจับสัตว์ที่หลงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย พวกนักล่าสัตว์ต้องทำเพียงอย่างเดียวคือรอและกระโดดลงไปจับสัตว์ในหลุมแค่นั้น!” น้ำลายกระเด็นไปทั่ว ในขณะที่ฮูหยินหลี่กำลังพล่ามไม่หยุด

“ยังไงก็ตาม มันก็เป็นเรื่องที่ดีนี่!” หลี่ จ้วงฉาน นั่งลงบนเตียง

“เรื่องที่ดี? เจ้าลืมแล้วหรอว่าหน่วยตรวจการศักดิสิทธิ์ได้มอบสิทธิพิเศษให้กับหมู่บ้านของเรา มันอาจจะถูกเอาไปโดย ฟาง จ้วงจือ ก็ได้ ถึงแม้หัวหน้าหมู่บ้านจะส่งรายชื่อไปแล้วก็ตาม แต่ใครจะไปรู้ อีก 1 เดือนข้างหน้า? อีก 1 ปีข้างหน้าละ? ใครจะมั่นใจได้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่เอาชื่อ หลี่ เฮ่อ ออกและแทนที่ด้วย ฟาง เจิ้งจือ” ฮูหยินหลี่ เป็นกังวลมาก

 

หลี่ จ้วงฉือ กำลังจมอยู่ในความคิด หลังจากเขาได้เข้าไปเรียนที่หอแห่งเต๋า เขาห็รู้จักโลกภายนอกมากขึ้น อย่างแรกคือต้องสอบให้ผ่านการทดสอบกฎแห่งเต๋า หลังจากนั้นลาภยศชื่อเสียงจะรอเขาอยู่ไม่ไกล

หมู่บ้านภูเขาทางใต้เล็กๆนี่ไม่ใช่ที่ ที่ใครควรจะลงหลักปักฐานอยู่

เดินทางออกจากที่นี ไปยังเมืองต่างๆ หรือเมืองหลวง...นี่คืออนาคตที่ หลี่ จ้วงฉาน วางแผนเอาไว้

“พวกเราจะเสียสิทธิที่จะเรียนในหอแห่งเต๋าไม่ได้ พัฒนาการของ หลี่ เฮ่อ ในช่วงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่เขายังเรียนอยู่ในหอแห่งเต่า ข้ามั่นใจในอนาคตเขาต้องผ่านการทดสอบกฎแห่งเต๋าแน่นอน!” หลี่ จ้วงฉาน มองไปยัง หลี่ เฮ่อ ที่นอนอยู่บนเตียง

“แล้วทำไมเจ้าถึงคิดไม่ออก? ตอนนี้อำนาจของ ฟาง จ้วงจือ ในหมู่บ้านภูเขาทางใต้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเขาต้องทำให้ครอบครัวของเขามีตามีตาในหมู่บ้านได้แน่นอน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปสิทธินั้นต้องตกเป็นของ ฟาง เจิ้งจือ แน่!” ฮูหยินหลี่ พูดอย่างใจร้อน

“ถ้าให้ข้าคิดละก็...เด็กนั่นค่อนข้างฉลาด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีส่วนช่วยเหลือหมู่บ้านเป็นอย่างมาก....โอ้ข้านึกอะไรออกแล้ว!” ดวงตาของ หลี่ จ้วงฉาน สว่างขึ้น

“ความคิดอะไรกัน?” ฮูหยินหลี่ เดินเข้ามาใกล้ๆ

 

“เราจะจ้างคนอื่นฆ่าเขา!”

“อะไรนะ?!” ฮูหยินหลี่ ผงะไป

“อย่าตะโกนสิ! เจ้าอย่าทำใจดีไปน่า!” ตอนนี้ หลี่ จ้วงฉาน นั้นเป็นคนที่มีการศึกษาแล้ว เขามองไปที่ฮูหยินหลี่ ก่อนที่จะอธิบายออกมาด้วยเสียงเบาๆ

“ข้าไม่ได้คิดจะฆ่าเขาจริงๆเสียหน่อย ข้าคิดจะใช้คนจากหมู่บ้านทางเหนือที่เกลียด ฟาง เจิ้งจือ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเราแค่เอารูปที่ ฟาง เจิ้งจือ วาดไปให้พวกเขา พวกเขาต้องหาวิธีการจัดการได้แน่ ข้าต้องการจะฆ่าเด็กนั่น...แต่ว่า คนจากหมู่บ้านภูเขาทางเหนือคงไม่มีทางทำขนาดนั้นเด็ดขาด เพราะทั้งสองหมู่บ้านยังมีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อกันอยู่ แต่ถ้าขาหักหรือแขนหักละก็มันเป็นแค่เรื่องทั่วๆไป!”

 

“เจ้าหมายความว่า?” ฮูหยินหลี่ เริ่มรู้สึกสนใจ

“ทั้งหมดที่ต้องทำคือ ทำให้ขาของเขาหัก จากนั้นเขาก็จะเป็นเหมือนพ่อของเขา ฟาง เฮ่าเตอ ต่อให้เขาช่วยเหลือหมู่บ้านมากมายขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่หัวหน้าหมู่บ้านจะฝากความหวังไว้กับเขาแน่น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าหอแห่งเต๋าอีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้จากนี้ก็แค่หาสัตวืมาให้พวกเรากินแค่นั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

 

แผนการของ ฟาง เจิ้งจือ ดำเนินไปได้ด้วยดี เขาเริ่มทำการเพาะปลูกพืชตามธรรมชาติ และเพื่อลดการฆ่าฟันระหว่างสัตว์ต่างสายพันธุ์ ขาจงใจแบ่งสัตว์เป็นกลุ่มต่างๆ

มี่กี่วันถัดมา เขาก็ดำเนินชีวิตประจำวันไปตามปกติ ยกตะกร้าใบใหญ่ขึ้นมา เตรียมขึ้นไปหาอาหารสัตว์บนเขาคนเดียว

ด้วยการป้องกันของหินที่วางเอาไว้ ตอนนี้พื้นที่บนภูเขาปลอดภัยมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ความสามารถขงเขายังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่เป็นกังวล

หลังจากขึ้นไปบนภูเขา เขาเดินไปยังแถบหินที่เขาคุ้นเคย ตรวจดูว่ามีสัตว์ตัวไหนหิวหรือไม่ ก่อนจะโยนอาหารสัตว์ลงไป

จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ที่เขาชอบนั่งเป็นประจำ หันหน้าเขาหาแสงอาทิตย์ และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

...

ฟาง เจิ้งจือ กำลังใช้ความคิดอยู่กับหนังสือที่อ่าน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้รอบๆตัวเขานั้นเต็มไปด้วยผู้คน 20 กว่าคนกำลังกวัดแกว่งดาบ ถือธนู แอบซุ่มอยู่ พวกเขาคือคนจากหมู่บ้านทางเหนือ

“รองหัวหน้า ข่าวลับที่ได้มานั้นถูกต้อง เจ้าเด็กนั่นมาถึงแล้ว และไม่มีใครสักคนจากหมู่บ้านภูเขาทางใต้สักคนตามเขามา!”

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

รีวิวผู้อ่าน