px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 122 คำตอบที่แท้จริง


ทุกคนที่เฝ้าดูต่าเบิกตากว้างทันที ในพวกเขาบางคนผู้มาสอบที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ก็เพื่อรางวัลเหล่านี้

แต่พวกเขาก็ไม่รู้มาก่อนว่ารางวัลนั้นคืออะไรกันแน่

 

“ตราบใดที่ใครก็ตามผู้มีรายชื่ออยู่ในการทดสอบกลุ่มแรกของการทดสอบกฎแห่งเต๋าด้านปัญญา พวกเขาจะได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม งานเฉลิมฉลองกองตรวจการที่ถูกจัดขึ้นโดยกองตรวจการศักดิสิทธิ์ 3 เดือนหลังจากนี้!” เมื่อ ฉิน ยูเม่ย หรือขุนนางฉินประกาศเสร็จ เขาหยุดรอสักพัก

เมื่อผู้เข้าสอบได้ยินดังนี้ใบหน้าของพวกเขาปรากฎความดีใจขึ้นมาทันที งานเฉลิมฉลองกองตรวจการมันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใชว่าใครที่อยู่บนดินแดนทะเลทรายทางเหนือจะเข้าร่วมก็ได้

นักปราชญ์รอบๆต่างถกเถียงกันอย่างมีความสุข ในงานแม้แต่คนสำคัญของจักรพรรดิก็อาจจะปรากฎตัวขึ้นได้

 

“โอกาสที่จะเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองกองตรวจการนั้นน้อยมาก และยิ่งหายากไปอีกสำหรับ 3 อันดับแรกของการทดสอบจะสามารถเข้าไปใน “หอสมบัติสวรรค์” สำหรับนักปราชญ์คนอื่นๆที่แสดงฝีมือได้โดดเด่นในงานเฉลิมฉลองกองตรวจการ ก็มีโอกาสที่จะได้เข้าไปยังหอสมบัติเช่นเดียวกัน!”

“หอสมบัติสวรรค์ของกองตรวจการศักดิสิทธิ์นั้นมีอะไรอยู่? ข้าเชื่อว่าคงไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม ข้าแค่อยากจะพูดว่าแม้แต่ตัวข้าเองยังอยากจะมีโอกาสเข้าไปในนั้น!”

ฉิน ยูเม่ย มองไปยังผู้เข้าสอบที่นั่งอยู่รอบๆ และยิ้มออกมาด้วยความนับถือ

เมื่อผู้เข้าสอบได้ยินพวกเขาตื่นเต้นอย่างจริงจัง การที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโต มันถือเป็นโอกาสแสดงความสามารถของตัวเองให้เป็นที่สนใจ ใครจะมีความสุขกัน

 

“ขอแสดงความยินดี....นายน้อยหลี่ ท่านต้องถูกจัดอยู่ในกลุ่มแรกของผลการทดสอบแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่เหวิน ท่านจะไม่มีรายชื่อติดอยู่ในกลุ่มแรกได้อย่างไรกัน? ตามตรง ถ้าข้าสามารถเข้าไปยังหอสมบัติสวรรค์ได้ละก็ ชาตินี้ข้าคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว!”

“ข้าเห็นด้วย!”

เหล่าผู้เข้าสอบที่คิดว่าตัวเองมีโอกาสที่จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มแรกของการทดสอบต่างถกเถียงกันอย่างมีความสุข เพราะพวกเขารู้ว่าโอกาสที่จะได้เข้าไปยังหอสมบัติสวรรค์นั้นมีค่าแค่ไหน

 

แต่ ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสับสน

เขาเกลียด ฉิน ยูเม่ย ทำไม่เขาไม่อธิบายให้ข้าฟังหน่อยว่าไอหอสมบัติสวรรค์มันคืออะไรกัน? ข้าไม่รู้จักมัน!

ยิ่งไปกว่านั้น...

ทำไมต้องเป็นรางวัลที่มอบโดยกองตรวจการศักดิสิทธิ์!

 

ร่างเล็กๆร่างหนึ่งยังอยู่ในห้วงความคิดเขาเสมอมา ได้ยินว่า ฉือ กูเหยียน ได้ไปอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว นางคงไม่กลับไปที่กองตรวจการศักดิสิทธิ์เร็วๆนี้มั้ง

เขาเริ่มผ่อนคลายลง

ตราบใดที่เขาไม่เจอ ฉือ กูเหยียน ชีวิตของเขาคงไม่เจอเรื่องเลวร้ายแน่นอน!

 

ต่อไป ฉิน ยูเม่ย เริ่มประกาศ 3 อันดับแรกของการทดสอบและรายชื่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรก ทุกครั้งที่ชื่อประกาศออกมา ผู้คุมสอบที่นั่งอยู่ข้างๆจะคอยบันทึกไว้

เมื่อรายชื่อถูกประกาศเรียบร้อยผู้มีรายชื่อจะได้รับเหรียญโลหะที่สลักชื่อของพวกเขาและตราโรงเรียนหลวงแปะอยู่

“ตราบใดที่เจ้ามีเหรียญนี้ เจ้าถือเป็นที่ยอมรับโดยอณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่ และมีหน้าที่ในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ!” ฉิน ยูเม่ย มองไปยังผู้ที่ผ่านการทดสอบทุกคนและถามออกมา

“เข้าใจแล้ว!” ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียง

 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สนใจพวกพิธีการมอบรางวัล เขาสงสัยเพียงแค่ว่าเหรียญโลหะนั่นจะหาเงินให้เขาได้เท่าไรต่อ 1 เดือน โชคร้ายที่ไม่มีใครบอกอะไรให้เขาเข้าใจเลย

มองไปที่ เหยียน ซิว เขาก็มีท่าทีไม่ค่อยสนใจอะไรเช่นเดียวกัน

เขาจึงถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา

“เจ้าจะไปหอสมบัติสวรรค์ไหม?”

“แน่นอน!” เหยียน ซิว ไม่ค่อยเขาใจว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ จึงถามเช่นนี้

“มีสมบัติอยู่ในนั้นงั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ ยังคงถามต่อไป

“สมบัติ?” เหยียน ซิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความแปลกใจและเข้าใจอย่างรวดเร็ว “เจ้าจะถามข้าว่าอะไรคือหอสมบัติสวรรค์ใช่ไหม?”

“ใช่” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า

 

“หลังจากที่โลกมีกฎแห่งเต๋า มันถูกแบ่งออกเป็นสามพันบท แต่ละบทแสดงถึงสามพันมิติคู่ขนาน แต่ละมิติคู่ขนานประกอบไปด้วยมิติเศษมากกว่าล้านมิติ มนุษย์เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าผ่านมิติพิเศษ ฝึกฝน และพัฒนาไปอย่างช้าๆ”

เหยียน ซิว หยุดพูดสักพัก และพูดต่ออย่างไม่เร่งรีบ

 

“สำหรับหอสมบัติสวรรค์นั้นเป็น 1 ในมิติคู่ขนานที่ถูกจัดการดูแลโดยกองตรวจการศักดิสิทธิ์”

“มิติคู่ขนาน?” ฟาง เจิ้งจือ สับสนเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเรื่องมิติคู่พิเศษอยู่บ้าง

มันเหมือนเป็นมิติพิเศษที่อยู่ในตัวของทุกคน โลกในมิติจะเป็นไปในแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบและวิธีการฝึกของแต่ละคน

แล้ว

ตกลงมิติคู่ขนานคือ?...

 

“ใช่” เหยียน ซิว พยักหน้า เขาไม่คิดจะอธิบายเกี่ยวกับมิติคู่ขนานให้ ฟาง เจิ้งจือ ฟัง เพราะแต่ละมิติก็แตกต่างกันไป มันไม่ใช่เรื่องที่อธิบายได้ง่ายๆ

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขารู้สึกว่าต่อให้ถามออกไปก็สู้เห็นด้วยตาตัวเองไม่ได้อยู่ดี

 

เมื่อเจ้าเมืองฮวายอันได้ยินข่าวผลการทดสอบ เขารีบเดินทางไปยังหมู่บ้านภูเขาทางเหนือในทันที...

ในเวลาเดียวกัน ณ สวนของศาลาเต๋าสวรรค์หญิงรับใช้ใบหน้าเป็นสีแดงรายงานข่าวอย่างกระวนกระวาย

“คุณหนู...นายน้อยฟางเป็นผู้ชนะการทดสอบทั้งสองด้านของการทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับเมืองหลวง!”

นางจกใจมาก แต่ท่าที่ของหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ต้นไม้ในสวน

ตาของนางสดใสราวกับดวงดาวยามค่ำคืน

“เย่เอ๋อร์ เก็บของ” นางพูดขึ้นมา

“คุณหนูจะไปยัง แท่นบูชาของสำนักสวรรค์อีกงั้นหรือ?” หญิงรับใช้ถามออกมา เตรียมจะเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของ

“ไม่ ข้าจะลงจากเขา” ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว

“รับทราบ! ค...คุณหนูข้าจะไปเตรียมของ..หา?! คุณหนูจะลงจากภูเขา?!” หญิงรับใช้ตกตะลึงทันที

“ใช่” ฉือ กูเหยียน พยักหน้า

“คุณหนูเคยบอกว่าท่าจะอาศัยอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์เป็นเวลา 3 ปี? ตอนนี้เราอยู่มาแค่ปีกว่า ทำไมท่านถึงคิดจะลงจากภูเขา?” หญิงรับใช้ เย่เออร์ ถามออกมาด้วยความสับสน

“เพราะว่าเขาได้ให้คำตอบที่แท้จริงกับข้าแล้ว!” ฉือ กูเหยียน มองไปยังทะเลทรายแดนเหนือ นางรุ้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา

“คุณหนูคำตอบอะไรกัน?” หญิงรับใช้ถามขึ้นมา

 

“ผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกตกตะลึงและนำพาความสงบมาสู่โลก!” ฉือ กูเหยียน มองไปที่ เย่เอ๋อร์ แต่ไม่ได้ว่าอะไร

“นั่นก็หมายถึงตัวคุณหนูเองไม่ใช่หรือ?” นางยังคงไม่เข้าใจ

“ฮ่าฮ่า..”ฉือ กูเหยียน หัวเราะเบาๆ

ก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้า

 

“หนานกง เฮา!” ฉือ กูเหยียน พูดชื่อหนึ่งออกมา และจมอยู่ในความคิด

เย่เอ๋อร์ที่เห็นดังนั้นจึงไม่กล้าถามอะไรต่อไป เพราะนางรู้ว่าคุณหนูคงกำลังนึกถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน

ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว ในใจของนางเต็มไปด้วยความอ้างว้าง

“ดาบนั่น..ข้าคงไม่มีถางหลีกหนีมันได้!”

 

เพจหลัก : Double gate TH

รีวิวผู้อ่าน