px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 131 มุมแปลกๆ


เท้าของ ฟาง เจิ้งจือ ยกค้างบนอากาศ แค่เขาเหยียบเท้าลงไป ก็จะเป็นเขตแดนของกองตรวจการแล้ว

ฉือ กูเหยียน กลับมาแล้ว?!

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกราวกับโดนสายฟ้าผ่ากลางหัว ไหนบอกว่านางอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ไง?

แล้ว....

ข้าหนีตอนนี้จะทันไหม

 

“นายน้อยฟาง โปรดเข้ามาข้างใน คุณหนูสั่งมาว่าให้ดูแลท่านเป็นอย่างดี เมื่อนายน้อยฟาง เข้ามาในกองตรวจการศักดิสิทธิ์!” เมื่อเด็กรับใช้เห็น ฟาง เจิ้งจือ หยุดชะงัก เขารู้สึกสับสนทันที

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ ชักช้าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าเร่ง ฟาง เจิ้งจือ อย่างน้อย ฟาง เจิ้งจือ ก็เป็นถึงผู้ชนะการทดสอบระดับเมืองหลวง

นอกจากนี้ ฉือ กูเหยียน ยังมีคำสั่ง ว่าห้ามใครเป็นศัตรูกับเขา

 

ฟาง เจิ้งจือ หันไปรอบๆ ฉือ กูเหยียน สั่งให้ดูแลเขาเป็นอย่างดี?

ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง!

แต่เมื่อเขาหันกลับไป ลู่ ยู่เฉิง ก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“นายน้อยฟาง อย่าบอกนะว่าไม่กล้าเข้าไป?” รอยยิ้มอันเยือกเย็นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา เพราะเขารู้เป็นอย่างดีว่า ฉือ กูเหยียน นั้นเกลียดคนตรงหน้านี้ขนาดไหน

โรคจิต ไร้ยางอาย ไม่มีใครบนโลกใบนี้เทียบเขาได้

ความเกลียดชังของนางนั้นต้องมีมากเกินกว่าที่ใครจะคาดได้

 

“ไร้สาระ!” ฟาง เจิ้งจือ ตอบออกมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินเข้าไปในกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์

รอยยิ้มบนใบหน้าของ ลู่ ยู่เฉิง แข็งค้างไป แสงอันดำมืดวูบขึ้นมาในดวงตาของเขา มือทั้งสองข้างกำแน่น เจ้าเด็กบ้านนอก ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะมีความสุขไปได้อีกนานแค่ไหน!

 

หลังจากผ่านประตูของกองตรวจการ เขารู้สึกงงงวยมาก เพราะเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน มองเข้าไปราวกับเขาวงกต

เส้นทางอันซับซ้อนและพื้นที่อันกว้างขวาง ด้านในมีสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายบ้านหลายๆหลัง ซึ่งแต่ละหลังนั้นแทบไม่ต่างกันแม้แต่น้อย

ถ้าเขาไม่มีเด็กรับใช้คอยนำอยู่ ฟาง เจิ้งจือ เชื่อว่าเขาคงกลับออกมาไม่ได้อีกเลย

ตลอดเส้นทาง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวน ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวสดใส ราวกับข้างในกับข้างนอกนั้นเป็นคนละโลกกัน

 

หลังจากเดินไปประมาณ 15 นาที

ชายวัยกลางคนในชุดสีขาวก็เดินเข้ามาหาเขา

“นายน้อยเหยียน ซิว อยู่ที่นี่แล้ว คนที่อยู่ข้างๆท่านคือนายน้อยฟางใช่หรือไม่?” ชายวัยกลางคนมองไปที่ เหยียน ซิว รอยยิ้มพลันปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา

“สวัสดีท่านผู้ดูแลเหวิน” เมื่อ เหยียน ซิว เห็นชายวัยกลางคนเขาโค้งตัวลงทันที

 

ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่ค่อยคุ้นธรรมเนียมเช่นนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเข้ามาที่ของคนอื่น เขาเลยไม่คิดจะสร้างปัญหา สิ่งที่ต้องการตอนนี้เพียงได้กินข้าวอย่างปลอดภัยเท่านั้น

ดังนั้น ฟาง เจิ้งจือ จึงโค้งคำนับเล็กน้อย

เมื่อผู้ดูแลเหวินเห็นเช่นนั้น ความแปลกใจปรากฎขึ้นมาบนดวงตาเขา เพราะจากข่าวลือที่ได้ยินมา ฟาง เจิ้งจือ นั้นเป็นโรคจิตที่ไม่เข้าใจธรรมเนียมประเพณีอะไรทั้งนั้น

 

“ครั้งนี้ท่านราชัน ได้จัดงานฉลองขึ้นที่ด้านนอกหอสมบัติสวรรค์ ท่านทั้งสองโปรดตามข้ามา” ผู้ดูแลเหวินโค้งคำนับทั้งสองคนพร้อมอธิบาย

ข้างนอกหอสมบัติสวรรค์?

ฟาง เจิ้งจือ ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับหอสมบัติสวรรค์อยู่บ้าง เท่าที่รู้มันเป็นเป็น 1 ในมิติคู่ขนาน

อีกด้านการแสดงออกของ เหยียน ซิว ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ราวกับเขาได้คาดการทุกอย่างไว้แล้ว

...

 

โดยการแนะนำของผู้ดูแลเหวิน ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว เดินไปบนทางเดินหยกขาวอีกครั้ง ได้ยินเสียงสนทนาอันมีชีวิตชีวาจากรอบๆ

เห็นได้ชัดว่า พวกเขาได้เดินมาถึงที่จัดงานฉลองแล้ว

แต่ ฟาง เจิ้งจือ สับสนเล็กน้อย ก่อนหน้านีที่หน้าประตูกองตรวจการ เขาเห็นแขกอยู่จำนวนมาก แต่พอเดินมาถึงที่จัดงานกลับเห็นแค่เด็กรับใช้และแม่บ้านเท่านั้น ไม่เห็นแขกสักคน

“มีถนนมากมายในกองตรวจการศักดิสิทธิ์ พวกแขกต่างเพลิดเพินกับการชมบรรยากาศอันงดงามอยู่!” ผู้ดูแลเหวิน ดูจะเข้าใจความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ

ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า

แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ผู้ดูแลเหวินนั้นกลับคาดเดาความคิดเขาได้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องไม่ใช่ผู้ดูแลธรรมดาทั่วไปแน่นอน

 

“ที่นั่งของท่านทั้ง 2 ได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่า...” เมื่อผู้ดูแลเหวิน เดินถึงทางเข้า เขาหันกลับมามอง ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว อีกครั้งด้วยความลังเล

“มีปัญหาอะไรงั้นหรือ?” เหยียน ซิว เปิดปากอีกครั้ง

“สถานะของนายน้อยทั้ง 2 ค่อนข้างไม่เท่ากัน จากการเตรียมการของกองตรวจการ ข้าเกรงว่าพวกท่านจะไม่ได้นั่งด้วยกัน” ผู้ดูแลเหวินตอบ

“โอ้ งั้นจัดที่นั่งของข้าตามที่นั่งของ ฟาง เจิ้งจือ เลย” เหยียน ซิว พยักหน้าด้วยความเข้าใจ

กองตรวจการศักดิสิทธิ์นั้นมีกฎของตัวเองเสมอ

สถานะที่แตกต่างกันก็ย่อมถูกจัดที่ไว้ต่างกัน

 

เหยียน ซิว เองก็มาจากตระกูลชั้นสูง เขาจึงเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี เขาเองก็รู้เช่นกันว่าการที่คนอยู่ต่ำจะขึ้นไปสูงนั้นยากกว่า คนที่อยู่ที่สูงจะลงมาที่ต่ำกว่า

“งั้นนายน้อยเหยียน ซิว จะเสียสละเอง!” ผู้ดูแลเหวินพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ก่อนจะเดินนำ ฟาง เจิ้งจือ ไปที่ประตูทางเข้างาน

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เขาเองมาที่นี่เพื่อหาของกินเท่านั้น จะนั่งไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ถ้าเขานั่งแถวๆที่พวกคนสำคัญอยู่กันเยอะๆ ฉือ กูเหยียน ต้องสังเกตุเห็นเขาแน่นอน...

 

เมื่อเข้าประตูไป

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกราวกับว่าเขาเดินเข้าไปในทะเลหนังสือ แถวของโต๊ะโบราณถูกวางไว้ตรงกลาง รอบๆมีรูปภาพแขวนไว้อยู่

งานเฉลิมฉลองยังไม่ได้เริ่มขึ้น ดังนั้นจึงมีนักปราชญ์ในชุดผ้าไหมยืนดูรูปอยู่รอบๆ

บางคนก็นั่งท่องกลอนดึงดูดความสนใจจากคนรอบๆ

 

การมาถึงของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าไร มีเพียงบางคนที่สังเกตุเห็นและปรากฎความตกใจขึ้นมาเล็กน้อย

เพราะ..

ทุกคนรู้ว่า ฉือ กู เหยียน เป็นคนออกประกาศจับ

ตามตรรกะแล้ว ฟาง เจิ้งจือ ไม่ควรจะมาร่วมงานเฉลิมฉลองนี้ แต่เปรียบเทียบกับการได้เข้าไปยังหอสมบัติสวรรค์แล้ว เขาอาจจะเห็นว่ามันสำคัญกว่า

 

ความเยือกเย็นของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นช่วยป้องกัน ฟาง เจิ้งจือ จากปัญหาต่างๆ อย่างน้อยก็ไม่มีใครแบบ ลู่ ยู่เฉิน เข้ามาถากถางเข้าอีก

 

ฟาง เจิ้งจือ พึ่งเข้าใจคำว่ามุมแปลกๆ

เพราะมันเป็นที่นั่งที่แปลกที่สุดในงาน

ต้นไม้ขนาดใหญ่บังให้ไม่เห็นที่นั่งหลักเลย แต่ถ้าหาที่นั่งที่ทิวทัศน์งดงามที่สุดก็ต้องเป็นที่นี่

เพราะที่นั่งตรงนี้ สามารถมองเห็นบรรยากาศธรรมชาติรอบๆได้ทั้งหมด

แต่...ใครคิดจะมางานนี้เพื่อชมธรรมชาติกัน? พวกเขาล้วนแต่อยากเข้าไปใกล้ที่นั่งหลัก ที่มีคนสำคัญ บุคคลชั้นสูงนั่งอยู่ทั้งนั้น

 

“นายน้อยฟาง ทางนี้...”

“เยี่ยมมาก!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ที่นั่งนี้เป็นแบบที่เขาต้องการ

ต่อให้กองตรวจการศักดิสิทธิ์ไม่ได้จัดที่นั่งให้เขา ฟาง เจิ้งจือ ก็จะเลือกนั่งตรงนี้อยู่ดี

“ไม่เลว” เหยียน ซิว พยักหน้าเช่นกัน

“งั้นขอให้ทั้งสองท่านสนุกกับงาน!” ผู้ดูแลเหวิน โค้งตัวอีกครั้ง และเดินออกไปเพื่อเชิญแขกคนอื่นๆเข้างาน

 

ไม่นานจากนั้น ผู้ดูแลเหวินปรากฎตัวที่ประตูอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่เขาพามาคือ ลู่ ยู่เฉิน ซึ่งนอกจากเขาแล้วยังมีอีก 2 คนที่ยืนข้างๆที่สถานะสูงส่งพอๆกัน

เพราะผู้ดูแลเหวินได้เดินนำพวกเขาไปใกล้ๆที่นั่งหลัก

ลู่ ยู่เฉิน แสดงท่าทีสุภาพต่อผู้ดูแลเหวิน

แต่ท่าทีนั้นกลายเป็นรู้สึกสนุกสนานทันที เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว นั่งอยู่ในที่นั่งแปลกๆ

เขาจึงพาคนที่มากับเขาทั้ง 2 คน เดินไปทาง ฟาง เจิ้งจือ

 

“โอ้...นั่งตรงนี้? ไม่ไกลเกินไปหน่อยหรือ? อย่างนี้จะไม่เป็นการดูหมิ่น นายน้อยฟางที่เป็นถึงผู้ชนะการทดสอบระดับเมืองหลวงงั้นหรือ ผู้ดูแลเหวิน?” ลู่ ยู่เฉิน มองไปที่ ผู้ดูแลเหวินที่ยืนอยู่ด้านหลัง และกล่าวโทษเขา

“การจัดที่นั่งนั้นตามสถานะทางสังคม โปรดนายน้อยลู่จงเข้าใจ” ผู้ดูแลเหวินเข้าใจจุดประสงค์ของ ลู่ ยู่เฉิน ความกังวลปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าเขา

เขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถห้าม ลู่ ยู่เฉิน ไม่ให้เข้าไปทักทาย ฟาง เจิ้งจือ ได้

แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ดังขึ้นมา

 

“อ้าว ว่าไงเจ้าโง่!”

“จ...เจ้าว่าไงนะ?” เขาถูกด่าถึงสองครั้งในวันนี้ เขาพยายามควบคุมอารมณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก

ท่าทีของเขาดูไม่ได้มีความสุขเท่าใรนัก

 

“นายน้อยลู่ งานจะเริ่มแล้ว!” เห็น บรรยากาศที่อึดอัด ผู้ดูแลเหวินจึงหาทางทำอะไรบางอย่าง

“เขาเป็นเพียงเด็กจากบ้านนอกเท่านั้น นายน้อยลู่ จะไปสนใจทำไม? ปล่อยเขาหาของกินอยู่ตรงนี้เงียบๆไปเถอะ พวกเราไปนั่งข้างหน้ากัน!” ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆที่สวมชุดไหมสีเขียว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ

“ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มานั่งตรงนี้ คงไม่มีใครเห็นเขา ฮ่าฮ่า...” ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะทันที

ได้ยินเช่นนี้ ลู่ ยู่เฉิน ที่กำลังจะระเบิด ก็ค่อยๆควบคุมอารมณ์ตัวเองได้

เขานั้นรู้ความสำคัญของงานนี้เป็นอย่างดี ต่อให้เขาจะหงุดหงิดแค่ไหน ก็ไม่ควรโจมตี ฟาง เจิ้งจือ ในตอนนี้

 

“คอยดูเถอะ!” ลู่ ยู่เฉิน พูดอีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินจากไป

“เจ้าโง่!” ฟาง เจิ้งจือ ตอบ ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก

“จ...เจ้าอย่างน้อยช่วยเปลี่ยนคำพูดหน่อยได้ไหม?” ลู่ ยู่เฉิน หยุดเดิน กัดฟันพูดออกมา ใบหน้าของเขาดำทมึนขึ้นทันที

“โง่!”

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน