px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 31 สังหารเจ้า อาศัยเพียงหนึ่งกระบี่!!


"ต้วนหลิงเทียนเขาไม่คิดใช้กระบี่จริงๆงั้นหรือ!"

เมื่อ ลี่หนันเฟิง,อาวุโสหลักลี่หัว และคนอื่นๆในตระกูลลี่ มองไปยังหลิงเทียนที่คิดจะรับมือฟางเจี้ยนด้วยมือเปล่าพวกมันถึงกับตกตะลึง

เด็กน้อยผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร?

เหตุผลเดียวที่หลิงเทียนสามารถปลิดชีวิตฟางเฉียนที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่การบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 6 ทั้งๆที่หลิงเทียนยังมีระดับบ่มเพาะร่างกายเพียงขั้นที่ 4 นั้น สาเหตุหลักคืออาวุธในมือ กระบี่ที่เขาใช้ออกนั้นว่องไวจนปลิดชีวิตฟางเฉียนได้ในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา!

หลิงเทียนที่ไร้กระบี่ย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรของฟางเจี้ยน

ถึงแม้หลิงเทียนจะมาถึงระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง แต่ว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีระดับการบ่มเพาะถึงขั้นก่อกำเนิด การไม่ชักอาวุธเช่นนี้มันออกจะ...

คนทั้งหมดที่รับชมเหตุการณ์ได้แต่ตกตะลึง

ฝูงชนเริ่มพูดคุยส่งเสียงดังออกมา "ต้วนหลิงเทียนคิดจะรับมือฟางเจี้ยนด้วยมือเปล่าเช่นนั้นหรือ? เขาเสียสติไปแล้วหรือไรกัน? "

"หรือว่าเขารู้ตัวดีว่ามิใช่คู่ต่อสู้ของฟางเจี้ยน เช่นนั้นเขาจึงมิสนใจที่จะใช้กระบี่ คงเป็นเพราะเขาคิดว่าถึงพยายามไปก็ไร้ผลเป็นแน่ ... "

"อืม อาจจะเป็นเช่นนั้น"

......

"ต้วนหลิงเทียน ​​รับกระบี่ของข้า!"

ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนของเฉินเม่ยเอ๋อก็ดังขึ้น ก่อนที่นางจะโยนกระบี่ของนางไปยังหลิงเทียน

นับตั้งแต่วันนั้นที่เฉินเม่ยเอ๋อได้เห็นฝีมือการใช้กระบี่ของหลิงเทียน นางก็ประทับใจในการใช้กระบี่ของเขาจนนางกลายเป็นผู้คลั่งไคล้กระบี่คนหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมานางก็พกกระบี่เอาไว้ไม่ให้ห่างตัวตลอดเวลา

นางไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มีโอกาสมอบกระบี่ที่นางพกมาให้แก่หลิงเทียนเพื่อช่วยเหลือมัน

แต่ในขณะที่นางคาดหวังว่าหลิงเทียนจะรับกระบี่ไปใช้พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนพระคุณ นางกลับต้องตกตะลึงจากการกระทำของหลิงเทียน

เคร้ง!

มันกลับโยนกระบี่ของนางคืนมาอย่างไม่สนใจ นางได้แต่มองกระบี่บนพื้นตรงหน้าด้วยสายตากราดเกรี้ยว

"เจ้า…"

ใบหน้าของเฉินเม่ยเอ๋อคล้ำลงเล็กน้อยก่อนที่จะกระทืบพื้นด้วยความโกรธ หน้าตาที่งดงามพลันบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ตอนนี้นางโกรธจนพูดไม่ออก

"ต้วนหลิงเทียนคงเสียสติไปแล้วจริงๆ! แม่นางเฉินอุตส่าห์ส่งกระบี่ไปให้ด้วยความจริงใจ มันยังกลับกล้าปฏิเสธน้ำใจของนาง หรือมันคิดว่าจะเอาชนะฟางเจี้ยนได้โดยไร้กระบี่จริงๆ? "

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครที่กำลังชมดูเหตุการณ์พวกมันก็อดประหลาดใจไม่ได้ แม้กระทั่ง ลี่หลัวและเค่อเอ๋อ ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นการกระทำของหลิงเทียน

พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าหลิงเทียนคิดจะกระทำสิ่งใดกันแน่

"เด็กน้อยคนนี้คิดกระทำสิ่งใดกันแน่?"

สีหน้าของลี่หัวเต็มไปด้วยความกังวล การปรากฏตัวของอาวุโสหลักตระกูลฟางได้ขัดขวางแผนการที่เขาวางเอาไว้ในตอนแรก

เมื่อมีมันอยู่ตอนนี้ต่อให้หลิงเทียนจะได้รับอันตราย ลี่หัวก็ไม่อาจลงมือช่วยเหลือมันได้ เพราะผู้อาวุโสหลักตระกูลฟางย่อมลงมือขัดขวางมันเอาไว้เป็นแน่

ส่วนสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลลี่ก็ถูกคนของตระกูลฟางคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวแทบจะทุกฝีก้าว

เห็นได้ชัดว่าตระกูลฟางเตรียมการมารอบคอบนัก!

พวกตระกูลฟางต้องการให้ฟางเจี้ยนสังหารหลิงเทียนเพื่อแสดงพลังอำนาจของตระกูล ...

ยามนี้ลี่หัวได้แต่ยืนกังวลอย่างช่วยไม่ได้

ถ้าเขารู้แต่แรกว่าหลิงเทียนจะเสียสติจนไม่คิดจะใช้แม้กระทั่งกระบี่เพื่อรับมือฟางเจี้ยน เขาจะกักตัวมันไว้เสียตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีทางปล่อยมันมาเผชิญชะตากรรมบัดซบเช่นนี้เป็นแน่

แต่ทว่ายามนี้มันสายไปเสียแล้ว!

“ลูกพี่!”

ไขมันน้อยที่ยืนอยู่ติดขอบหน้าของกลุ่มคนตระกูลลี่ตะโกนออกมาอย่างเป็นห่วง ใบหน้ากลมๆกับตาหยีๆของมันฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"ต้วนหลิงเทียน คาดมิถึงว่าเจ้าจักเข้าใจอะไรง่ายเช่นนี้ เจ้าคงรู้ตัวสินะว่า ถึงแม้เจ้าจะใช้กระบี่หรือไม่ใช้ผลที่ได้มันก็ไม่ต่างกัน อย่าได้กังวลข้าจักให้เจ้าตกตายลงอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าไม่ทันได้เจ็บปวดด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า"

ฟางเจียนแสดงสีหน้าหยามหยันพร้อมกล่าวคำเยาะเย้ยออกมา พลังงานต้นกำเนิดของเขาสั่งสมจนมันเปี่ยมล้นไปด้วยพลานุภาพอัดแน่นกันอย่างถึงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว ตอนนี้มันพร้อมจู่โจมออกได้ทุกเมื่อ

"ใครก็สามารถพล่ามวาจาใหญ่โตโอ้อวดได้ทั้งนั้นล่ะ แต่ถ้าเจ้าต้องการจะฆ่าข้าก็ต้องดูกันก่อนว่าความสามารถของเจ้าเพียงพอหรือไม่ ข้าหวังว่ามันคงไม่ใช่ลมที่ผายออกมา"

ต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มเยนชาออกมาพร้อมกับกล่าววาจาตอกหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

"อย่าได้เสแสร้งเป็นทองไม่รู้ร้อนหน่อยเลย ได้เวลาตายของเจ้าแล้วไอเด็กบัดซบ!"

แววตาของฟางเจี้ยนเปลี่ยนไป มันควบแน่นพลังงานต้นกำเนิดไว้ที่สองขาก่อนที่จะปลดปล่อยออกมาราวกับจุดระเบิด มันพุ่งไปยังหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงราวกับลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร

พลังงานต้นกำเนิดในฝ่ามือของมันควบแน่นจนแลคล้ายกลับมีกลุ่มกลุ่มเมฆมาห่อหุ้มเอาไว้ กลิ่นอายอันตรายและรังสีสังหารทั้งหมดพุ่งเป้าไปยังหลิงเทียน อย่างน่าสะพรึง...

วิชาระดับปฐพีขั้นสูง ฝ่ามือเมฆาล่องลอย!

วินาทีเดียวกันกับที่ฟางเจี้ยนปลดปล่อยวิชาฝ่ามือออกมา พลังงานฟ้าดินที่ควบแน่นเป็นบอลสองลูกที่ลอยอยู่เหนือศรีษะของฟางเจี้ยน ก็ฉายภาพร่างแมมมอธโบราณชัดเจนถึงสองตัว!!

ตอนนี้ราวกับว่าหัวใจของทุกผู้คนของตระกูลลี่จะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ลีหลัวกระชับกระบี่ในมือเอาไว้แน่น นางพร้อมตะลุยฝ่าล่าสังหารละเลงเลือดทุกผู้คนของตระกูลฟาง ที่ขัดขวางการช่วยชีวิตบุตรชายของตน

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของฟางเจี้ยนอย่างใจเย็นกล่าวออกมา ราวกับว่ามันไม่ได้สนใจสถานการณ์ร้ายแรงจากการที่ฟางเจี้ยนพุ่งเข้ามาด้วยพลังมหาศาลแม้แต่น้อย

ตอนนี้เขากลับพบอะไรบางอย่างแว่บขึ้นมา ...

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"

มุมปากของหลิงเทียนคลี่ยิ้มเย็นชาออกมา จากการค้นพบอะไรบางอย่าง

ในขณะที่เหลืออีกเพียงเสี้ยวพริบตาที่การโจมตีของฟางเจี้ยนจะบรรลุผล หลิงเทียนพลันขยับตัวด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด!

ร่างกายส่วนบนของมันวูบไหวเอนลงมาราวกับไร้กระดูกในฉับพลัน การเคลื่อนไหวเช่นนี้มนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไปไม่สามารถกระทำได้อย่างแน่นอน

ฝ่ามือของฟางเจี้ยนพุ่งผ่านหลิงเทียนไปโดยไม่อาจแม้แต่จะสัมผัสชายเสื้อของมัน!

แรงลมจากฝ่ามือของฟางเจี้ยนถึงกับกรรโชก ส่งผลให้ชุดคลุมสีม่วงของต้วนหลิงเทียนโบกสะบัด

"ตาย!" เมื่อการลงมือครั้งแรกกลับพลาดเป้าหมาย ฟางเจี้ยนพลันตอบสนองในฉับพลัน มันตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น ก่อนที่มันจะพลิกฝ่ามือเพื่อลงมือจู่โจมต่อเนื่องอีกครั้งไปยังกลางอกของหลิงเทียน ที่สามารถเอนตัวหลบฝ่ามือเมื่อครู่ของมันได้...

แต่ทว่าภาพที่ทุกคนได้รับชมมันกลับพิสดารจนเหลือเชื่อเกินไป

สองขาของหลิงเทียนเริ่มสั่นไหวก่อนที่จะดัดงอในแง่มุมที่เป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมันก็บิดผันราวกับไร้ข้อต่อ แทบไม่ต่างอะไรกับการเคลื่อนที่ของสัตว์จำพวกอสรพิษ

ร่างของหลิงเทียนหยิบยืมแรงปะทะจากฝ่ามือของฟางเจี้ยนในเสี้ยวพริบตาที่ฝ่ามือมันสัมผัสถูกตัว มันอาศัยแรงดังกล่าวบิดตัวเคลื่อนย้ายร่างของมันไปในทิศทางที่อาจเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ มันสามารถม้วนพลิกกลับลำตัวกลางอากาศก่อนที่จะก้าวมายืนด้านหลังของฟางเจี้ยนในเสี้ยวพริบตา

ฝ่ามือเมฆาล่องลอยที่ร้ายกาจของฟางเจี้ยนกลับต้องสิ้นท่าให้แก่หลิงเทียนถึงสองครั้งสองครา หลิงเทียนสามารถหลบได้ถึงสองครั้งติด!

"วิชาท่าร่าง!" อาวุโสหลักลี่หัวและประมุขตระกูลลี่พลันกล่าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

หลังจากที่เสียงของพวกมันดังออก เรื่องราวที่ไม่คาดฝันกลับบังเกิดขึ้นสะกดสายตาของผู้คนทั้งหมดอีกครั้ง ...

ทุกคนโดยรอบที่ยังไม่ทันได้หายตกตะลึงจากการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหลิงเทียน..ตอนนี้ยังมีเรื่องน่าเหลือเชื่ออุบัติขึ้นในสายตาของพวกมันอีกครั้ง

พวกมันได้แต่ยืนมองฉากตรงหน้าอย่างตะลึงงันจนแทบหยุดหายใจ!

ภาพที่พวกมันเห็นคือต้วนหลิงเทียนไปอยู่ด้านหลังของฟางเจี้ยนอย่างน่าอัศจรรย์ และในขณะที่ฟางเจี้ยนหันกลับมาเพื่อย้ายฝ่ามือที่อยู่ในระดับเอวเพื่อเตรียมโจมตีต่อเนื่องออกมาอีกครั้งนั้น ...

“ฉัวะ!!”

มีเพียงผู้บ่มเพาะที่มีระดับสูงเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นประกายแสงสีม่วงวูบไหวตัดอากาศที่เกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา

มันว่องไวจนไม่สามารถมองเห็นได้ชัด!

เพียงพริบตาเดียวที่เส้นแสงบังเกิดขึ้น ก็นับว่าการจู่โจมของหลิงเทียนได้จบลงแล้ว

"อ๊อค…"

ร่างกายของฟางเจี้ยนสั่นสะท้านพร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงออกจากลำคอ

รอยสีแดงเริ่มปรากฏอยู่ตรงลำคอของเขา แม้ว่าเขาจะพยายามปกปิดรอยบนคอสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหยุดยั้งโลหิตที่หลั่งไหลออกมาได้ ...

เพียงเวลาไม่ถึงสองลมหายใจโลหิตก็ชะโลมไปทั่วฝ่ามือของมัน มันได้แต่เบิกตากว้างมองไปยังหลิงเทียนอย่างเหม่อลอย ในขณะที่ค่อยๆทรุดตัวลง

ตอนนี้มันไร้สิ้นอำนาจใดๆที่สามารถทำร้ายเด็กหนุ่มได้อีกแล้ว...

"เจ้าอยู่ในระดับขั้นก่อกำเนิดแล้วอย่างไรกันเล่า? สังหารเจ้าอาศัยเพียงหนึ่งกระบี่!"ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและอำมหิต ฟางเจี้ยนได้แต่มองหลิงเทียนด้วยสายตาสิ้นหวังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะล้มลง

ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ากระแทกไปยังกลางใจของทุกคนที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่

สังหารเจ้าอาศัยเพียงหนึ่งกระบี่!

คำพูดดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าไม่ได้กล่าวเกินเลยแต่อย่างใด ...

และสิ่งที่สำคัญที่สุดผู้ที่ลงมือสังหารคนในระดับชั้นก่อเกิดขั้นที่ 1 กลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 เท่านั้น!

“ลูกเทียน”

"นายน้อย!"

“ลูกพี่!”

ทั้งสามเสียงต่างตอบสนองต่อเหตุการณ์เบื้องหน้าได้รวดเร็วที่สุด ก่อนที่จะกรูกันเข้าไปหาหลิงเทียน

ดูเหมือนเด็กสาวจะลืมความเขินอายไปหมดสิ้นนางพลันถลาเข้าไปกอดหลิงเทียนอย่างแนบแน่น พวงหน้าอ่อนใสของนางปรากฏสีแดงระเรื่อหลังจากที่รู้ตัวว่ากำลังสิ่งใดอยู่ ทว่านางกลับไม่ยอมผละออกจากอ้อมอกของหลิงเทียน

ลี่หลัวและลี่ซวนที่มองไปยังภาพตรงหน้าได้แต่แย้มยิ้มก่อนที่จะส่ายหัวไปมา ทั้งคู่ไม่คิดจะแยกคนทั้งสองออกจากกัน กลับปล่อยให้หลิงเทียนและเค่อเอ๋อโอบกอดกันต่อไป

"ฮ่าฮ่า ... ตาแก่ฟางข้าคิดว่าวันนี้เจ้าคงกลับบ้านมือเปล่าเสียแล้ว"

ลี่หัวมองไปยังอาวุโสหลักตระกูลฟางก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ นำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความเย้ยหยันเมื่อเขาได้หักหน้าศัตรูเก่าของเขา

"ฮึ่ม!"

อาวุโสหลักตระกูลฟาง จ้องมองไปที่หลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะเดินกลับไปเข้าไปยังที่พักของตระกูลฟางอย่างรวดเร็ว

สมาชิกทุกคนของตระกูลฟางรวมทั้งประมุขตระกูลฟางยี่ ล้วนแล้วแต่แสดงสีหน้าน่าเกลียดก่อนที่จะเดินตามอาวุโสหลักของพวกมันเข้าไปด้านใน

พวกเขาคิดจะทำลายขวัญและกำลังใจของตระกูลลี่ แต่ทว่าเรื่องราวกลับพลิกผันตาลปัตร

สิ่งที่พวกมันได้กลับไปวันนี้คือความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ

ในตระกูลลี่บังเกิดสัตว์ประหลาดขึ้นมาแล้ว ซ้ำร้ายมันยังมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ...

อายุแค่ 15 ... ยังเหลือเวลาอีกมากให้มันเติบโต

วิชาท่าร่างกับกระบี่ที่ว่องไวจนแทบมองไม่ทันและยากแก่การคาดเดานั้น ทำให้หัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง

จะปล่อยให้เด็กคนนี้เติบโตไปกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด!

เวลานี้ ภายในใจของพวกมันล้วนแต่คิดเรื่องเดียวกัน

"แค่ก แค่ก... "

ลี่หัวกระแอมไอออกมาสองครั้ง ทำให้เค่อเอ๋อที่กำลังสวมกอดหลิงเทียนอยู่รู้สึกตัว และตอนนี้นางก็รีบผละออกจากอ้อมอกของหลิงเทียนกลับไปยืนข้างลี่หลัวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากความเขินอายอย่างหนัก

ซ้ำตอนนี้นางพึ่งคิดได้ว่าทุกผู้คนกำลังจ้องมองนางอยู่ แก้มที่แดงอยู่แล้วกลับแดงมากขึ้นไป ตอนนี้นางรีบอาศัยแผนหลังลี่หลัวเพื่อมุดหลบสายตาของผู้คนในทันที

ลี่หัวที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในกลุ่มผู้ชมกลับมีชายคนหนึ่งกล่าวออกมาว่า "ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเกรงว่าผู้ที่สามารถสยบหลิงเทียนได้ คงมีแต่แม่นางน้อยผู้นี้เสียแล้วกระมัง!"

เสียงหยอกล้อดังออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้เด็กสาวอวยม้วนก้มศีรษะไม่กล้าแหงนหน้าขึ้นมา

"กลับบ้านเรากันเถอะ ท่านพ่อ!"

หลังจากได้เห็นฉากตรงหน้า สีหน้าของเฉินเม่ยเอ๋อก็กลายเป็นหดหู่ นางกัดฟันกล่าวบอกต่อบิดาให้กลับบ้านทันที

แน่นอนว่าเฉินลี่ย่อมรู้ว่าตอนนี้ในใจบุตรสาวนางเป็นเช่นไร เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หากหลิงเทียนมีใจให้กับลูกสาวของเขาสักนิด เขาย่อมส่งเสริมทั้งคู่อย่างสุดความสามารถ

ทว่าน่าเสียดาย ที่ครานี้เป็นบุตรสาวเขา ที่ตกหลุมรักมันฝ่ายเดียว

"เอาล่ะพอแล้ว มิควรอยู่กล่าวคำใดยังสถานที่แห่งนี้อีก พวกเรากลับตระกูลกันก่อนค่อยกล่าววาจา "

ลี่หัวประกาศออกมา

เมื่อสมาชิกตระกูลลี่เริ่มเดินกลับตระกูล เหล่าฝูงชนก็รีบแยกย้ายสลายตัวมุ่งหน้าไปตามทางของพวกมันในทันที

พวกมันต่างเร่งรีบที่จะกลับไปแบ่งปันประสบการณ์ในวันนี้ให้แก่เพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัวของพวกมัน เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าความเป็นไปของเหตุการณ์ในวันนี้มันน่าตะลึงถึงเพียงไหน

"เด็กนั่นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ"

ในขณะที่ผู้คนกำลังแยกย้ายกันกลับ มีบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง มองไปยังหลิงเทียนที่กำลังเดินกลับตระกูลด้วยสายตาเปล่งประกาย

ณ ห้องโถงหลักของตระกูลลี่

ตอนนี้หลิงเทียนได้กลับมาเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง อาวุโสหลักลี่หัวได้แต่มองไปยังหลิงเทียนอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ "เด็กน้อย เจ้าปกปิดความสามารถเอาไว้ จนทำให้พวกเราต้องประหลาดใจมากแล้ว ... "

ลี่หนันเฟิงและคนอื่นต่างพยักหน้าแสดงความเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้

ไม่ว่าจะเป็นวิชาท่าร่างของต้วนหลิงเทียน หรือกระบี่อ่อนที่หลิงเทียนแอบซ่อนไว้ในเข็มขัด ล้วนทำให้พวกมันได้เปิดหูเปิดตาอย่างมาก

หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเขินอาย "นั่นเพียงเพราะข้าอยากทำให้ฟางเจี้ยนตกตะลึง จนไม่สามารถป้องกันกระบี่ของข้าได้ทัน! หากเรื่องของข้าถูกฟางเจี้ยนล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด เกรงว่ามันคงไม่ประมาทอย่างเช่นวันนี้ และถ้าข้าเกิดโชคร้ายไม่สามารถปกปิดเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ได้ วันนี้คนที่ตายคงไม่ใช่มันแต่เป็นข้า"

เป็นความจริงที่ว่าปัจจัยทั้งหมดที่หลิงเทียนกล่าวออกมามีส่วนช่วยให้เขาเอาชนะฟางเจี้ยนได้ในวันนี้ คำว่า โชค มีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง

ประการแรกเมื่อฟางเจี้ยนเห็นว่า หลิงเทียน ไม่มีกระบี่อยู่ในมือ นั่นทำให้มันผ่อนคลายความระมัดระวังลงจนอาจจะเรียกได้ว่าประมาท

ประการที่สอง ฟางเจี้ยนไม่คิดไม่ฝันว่าหลิงเทียนกลับมีวิชาท่าร่างที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

ปัจจุบันในทวีปเมฆาล่อง วิชาท่าร่างนับว่าหายากอย่างถึงที่สุด

จุดนี้เป็นเพราะว่าความทรงจำของต้วนหลิงเทียนคนเก่าได้ถูกฉายขึ้นมาและข้อมูลดังกล่าวพลันปรากฏขึ้น ในขณะที่ฟางเจี้ยนกำลังเคลื่อนย้ายมาจู่โจมเขา นั่นทำให้เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่าง

ตามความทรงจำของต้วนหลิงเทียนคนเก่า ทำให้เขาค้นพบว่า ในขณะที่ฟางเจี้ยนกำลังใช้พลังทั้งหมดพุ่งมาโจมตีเขานั้น ความเร็วของมันกลับไม่ได้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็นของระดับขั้นก่อเกิดที่สามารถแสดงภาพร่างของช้างแมมมอธโบราณสองตัว ...มันจึงตัดสินใจใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด เพื่ออาศัยช่วงเวลาตกตะลึงเพี้ยวเสี้ยวพริบตาในการตวัดกระบี่

นี่ต้องยกความดีความชอบให้กับความทรงจำของจักรพรรดิที่กลับชาติมาเกิด เพราะมันทำให้หลิงเทียนได้รับความรู้และวิชามากมายจนทำให้เขานำมาใช้ประโยชน์ได้ถึงทุกวันนี้

ในยุคสมัยของจักรพรรดิที่กลับชาติมาเกิดทั้งสองชาติ วิชาท่าร่างนั้นนับว่าเป็นวิชาที่พบได้ทั่วไป มันยังไม่ได้หาได้ยากอย่างเช่นทุกวันนี้

หลิงเทียนอนุมานเอาว่า ในช่วงเวลาหมื่นปีที่จักรพรรดิได้ตกตายลงก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ครั้งที่ 3 ในร่างของเขานั้น วิชาท่าร่างจำนวนมากได้สูญสลายหายไปในช่วงเวลาดังกล่าวจนแทบจะหมดสิ้น

"เด็กน้อยข้าขอยลโฉมกระบี่เจ้าได้หรือไม่?"

ลี่หัวกล่าวถามกับต้วนหลิงเทียน

"ได้ครับ"

หลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะชักกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงออกจากฝักที่อยู่ในรูปเข็มขัดของเขา ส่งมอบให้ลี่หัว

ปล.ผมขอแก้บางอย่างนะครับ เนื่องจากผมมาเริ่มแปลเอาตอนที่ 19 หลังจากนี้ให้ยึดตามนี้นะเพราะนี่ก็ขึ้นกลุ่มใหม่แล้วบางคนอาจจะพึ่งอ่านตั้งแต่แรก

1.ทวีปของพระเอกนั้น คนเก่าแปลว่าอะไรผมหาไม่เจอ Cloud ผมขอใช้ เป็น เมฆาล่อง ละกัน 2.คำว่าวิชา ทักษะ หรือเทคนิค มีความหมายเดียวกัน ผมจะใช้คำว่าวิชาเป็นหลัก จะใช้คำอื่นในกรณีที่ประโยคมันพูดซ้ำหลายๆครั้งเพื่อความสละสลวยในการอ่าน 3.ระดับขั้นของวิชา ของคนเก่าที่เป็น เหลือง ล้ำลึก โลก สวรรค์ ผมขอเปลี่ยน เป็น ปฐพี ห้วงมหรรณพ พิภพ และสวรรค์ อันนี้เอา ตามสัดส่วนความยิ่งใหญ่ พื้นดิน มหาสมุทร โลก แล้วก็สวรรค์

4. วิชาหลักของพระเอกที่เป็นทั้งเทคนิคบ่มเพาะร่างกายและพลัง เป็น 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ของเก่าอะไรผมก็จำไม่ได้ละ

5.รูปแบบที่พระเอกฝึกฝนได้ จากรูปแบบงู,งูใหญ่ ขอเปลี่ยนเป็น รูปแบบอสรพิษ และก็ พญาอสรพิษ

ส่วนอย่างอื่นที่ใช้ไม่ค่อยบ่อยและไม่ค่อยมีความสำคัญ ก็จะไม่ได้แจ้งนะครับ ผมจะเปลี่ยนไปเลย

6.ฝากติดตาม หลินฟ่าน จากระบบเทพเจ้าด้วยเด้อ อ่านอันนี้เครียดๆไปอ่านอันนู้น เอาฮา กันนะ

รีวิวผู้อ่าน


838 วันที่แล้ว

คุณคิดเห็นอย่างไรกับนิยายเรื่องนี้


  แสดงความคิดเห็น