px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 196 พายุและไฟ


ฮัน ฉางเฟิง ไม่ใช่คนเดียวที่เสียความเยือกเย็นไป

ทั่วทั้งโรงเรียนหลวงต่างพูดถึงเรื่องที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ปรากฎขึ้นที่หน้าจอ

ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ เหยียน ซิว และอีก 3 คนนั้น ผ่านศิลาแฝดมาได้ยังไง

พวกเขาจำคำทั้ง 3000 คำบนแผ่นศิลาแล้วคัดลอกลงบนแผ่นศิลาอีกอันได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ยังไง?

ในขณะนี้ทุกคนสามารถคิดถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

"พวกเขาโกงหรือเปล่า?"

...

 

มันอาจจะเป็นไปได้มากกว่าถ้าหากพวกเขาโกง เพราะในการจำคำ 3000 คำนั้นต้องมีความจำที่เหนือกว่ามนุษย์มาก

ไม่มีใครคิดออก ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆยังคงตะลึงงัน
  
ฟาง เจิ้งจือ กำลังยืนนิ่งอยู่ในรอบที่ 3

นี่เป็นที่ราบ  มีก้อนหินซ้อนทับกันอยู่อย่างประณีต และบ้านทรงหินตั้งอยู่ทางตะวันออกของที่ราบ มันรอบล้อมไปด้วยป่าไม้

ในที่แห่งนี้ เหล่าผู้เข้าร่วมแต่ละคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดก็หยุดชะงักการต่อสู้ของพวกเขาลง เพราะคน 5 คนที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้น 
  
"ฟาง ... ฟาง เจิ้งจือ ! "
   
" 5 คน?" 
  
"ทำไมถึงเป็น 5 คน ...พวกมันผ่านรอบที่ 3 มาได้ยังไง?"

เหล่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดต่างนึกถึงพวกตัวประกันทั้ง 3 ที่ ปิง หยาง จับเอาไว้ พวกเขาคิดว่านั้นเป็นโชคร้ายอย่างมาก  แต่ในตอนนี้กลับมี 2 คนยืนอยู่ในรอบที่ 3
   
"อึก!" 1 ในเหล่าผู้เข้าร่วมนั้นกลืนน้ำลายตัวเองด้วยความลำบาก
  
"น่าจะ ... ข้ามสะพานหักมา?"

"ถ้ามากันทั้ง 5 คน คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาแก้ไขศิลาแฝดมาได้หรอกใช่ไหม?" มีคนกล่าวเพิ่มเติม

"เป็นไปได้ยังไง? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะผ่านศิลาแฝดกันมาได้ทั้ง 5 คน"

ความตกใจของพวกเขานั้นยิ่งกว่า ฮัน ฉางเฟิง และคนอื่นๆในโรงเรียนหลวงซะอีก หลังจากที่พวกเขาต้องเสียเลือดมากมายเพื่อเข้าสู่รอบที่ 3 อย่างยากลำบาก

แต่ ฟาง เจิ้งจือ และกลุ่มของเขากลับไม่เสียเลือดเลยสักหยด

พวกเขาไม่มีแม้แต่รอยแผล 
  
"พวกเจ้ายังอยู่ในรอบที่ 3 กันอีกหรือ?" ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ผู้เข้าร่วมรอบๆ  เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันเทียบไม่ได้กับความตกใจของผู้เข้าร่วมคนอื่นๆเลย
  
"เจ้าหมายความว่ายังไง?" 

แต่ผู้เข้าสอบคนอื่นๆถูกเมินในทันที

"เอาล่ะ พวกเจ้าต่อกันได้เลย!" ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจที่จะอธิบาย

เขาหยิบตัวแม่พิมพ์มาจากตัวประกันคนหนึ่งและเก็บมันลงไปในกระจกป้องกันจิตใจของเขา

แม่พิมพ์นี้มีคำจารึกกว่า 3000 คำที่อยู่บนศิลาแฝด มันมีมูลค่าสูงมากอย่างเห็นได้ชัด

เขาต้องการเก็บไว้เป็นของที่ระลึก

นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญมาก

 

อย่างที่บอกไป มันไม่ง่ายเลยที่จะทำแม่พิมพ์สำหรับคำ 3000 ในเวลาเพียงแค่ 15 นาที

ถ้าไม่ใช่เพราะความารถที่มีในโลกนี้ ที่ทำให้เข้าสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายละก็ มันคงจะไม่มีทางสำเร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ

ถ้าเป็นในโลกก่อนหน้านี้ เขาอาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง ในการทำ

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้กับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆได้รู้ และไม่ได้เคลื่อนไหวเข้าสู่การต่อสู้ ผู้เข้าสอบที่เหลือในรอบนี้เหลือไม่มากนัก

นั่นหมายความว่ามีผู้คนเข้าสู่รอบที่ 4 แล้ว

มีเพียงแค่ 4 ด้่านเท่านั้นในโลกแห่งเซียน การเข้าสู่รอบที่ 4 นั้นหมายความว่ามีผู้ที่เข้าสู่รอบสุดท้ายของการทดสอบแล้ว

"นั่นคืออุปสรรคสุดท้าย?" ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่บ้านทรงหินที่อยู่ห่างออกไป

เขาไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ทุกคนที่เข้าไปไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ออกมาจากบ้านทรงหินนั่น ...

...

 

ฝนที่ตกลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย ในความเป็นจริงมันเป็นฝนกระหน่ำที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย

 

แทบจะไม่มีผู้คนที่ออกมาเดินเล่นตามท้องถนนแม้แต่คนเดียว

แม้แต่ยามที่ประตูเมืองเองก็ต้องอดทนอย่างมากในการยืนเฝ้าประตูของเมือง

 

ตอนนั้นเองมีกลุ่มคนหนึ่งเดินฝ่าฝนเข้าไปในตัวเมือง  พวกเขาเป็นเหล่าทหารที่หุ้มเกราะ อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขากำลังเดินนั้น ราวกับว่าห่าฝนได้แหวกทางออก เกราะที่พวกเขาสวมอยู่ไม่โดนฝนแม้แต่หยดเดียว

ฉากนี้ก็เพียงพอจะให้คนอื่นๆต่างเชื่อได้ว่า พวกเขานั้นอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์

ทหารทุกคนขี่ม้าที่ยิ่งใหญ่ ม้าแต่ละตัวเต็มไปด้วยเกล็ดที่มีสีดำสนิท พวกมันเตะฝุ่นกระจายไปทั่วทุกที่ที่วิ่งผ่าน

ความหงุดหงิดของทหารยามหน้าประตูหายไปทันที แทนที่ด้วยความเคารพอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตู

แต่มุ่งหน้าเข้าไปในพระราชวังทันที

 

เมื่อทหารกลุ่มนี้ผ่านไป ทหารยามต่างถอนหายใจทันที อย่างไรก็ตามสายตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ความสงบเข้ามาแทนที่เมื่อทหารเหล่านั้นได้จากไป

แต่ทุกอย่างนั้นดูไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

 

15 นาทีหลังจากกลุ่มทหารเดินผ่านประตูไป ชายสวมชุดสีดำพร้อมกับหมวกที่อยู่บนหัวปรากฎตัวขึ้นมา

ทหารยามตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

ยุคคลนี้ไม่ได้เปิดเผยระดับพลังของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทหารยามที่หน้าประตูสามารถบอกได้ว่าคนคนนี้นั้นไม่ธรรมดา

อันที่จริงใครก็ตามที่เดินไปมาท่ามกลางฝนที่ตกนั้นเป็นเรื่องที่ดึงดูดความสนใจทั้งนั้น นอกจากนี้เขายังดึงหมวกลงมาต่ำปิดบังใบหน้าเอาไว้

 

"หยุดเดี๋ยวนี้ ถอดหมวกออกซะ!" ทหารยามทั้ง 2 คนพูดออกไปโดยสัญชาติญาน

 

ร่างนั้นยังยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน

อย่างไรก็ตามเขาไม่ถอดหมวกออก เขายืนอยู่ที่นั่นเงียบๆ ราวกับเป็นรูปปั้น

"เจ้าไม่ได้ยินข้างั้นรึ ข้าบอกให้เจ้าถอดหมวกออก?" ทหารยามทั้ง 2 ตะโกน ก่อนจะยกหอกขึ้นมา

นักธนูที่อยู่บนกำแพงก็เตรียมง้างธนู พวกเขาจะยิงทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง

การรักษาความปลอดภัยที่เมืองหลวงนั้นแน่นหนาอย่างไม่น่าเชื่อ

มีทหารยาม 2 คนนอกประตู มากกว่า 8 คนอยู่ข้างใน เหนือกำแพงเต็มไปด้วยนักธนู มีทหารอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 20 คน

 

ไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีหยาบคายกับทหารยามหน้าประตูเมือง

 

แต่ชายเสื้อดำเคลื่อนไหว

หลังจากเห็นนักธนูเตรียมยิงธนูออกมา เขาก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เขายกมือขึ้นราวกับเป็นสัญญานว่ายอมแพ้

 

ทหารยามเริ่มตึงเครียด

จากการฝึกฝนของพวกเขาบอกว่าคนแบบนี้นั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะไม่ลดการป้องกันลงเด็ดขาดจนกว่าจะแน่ใจ คนคนนี้ ต้องถอดหมวกออกและประกาศชื่อออกมาเสียก่อน

ถ้ามีความน่าสงสัยพวกเขาจะส่งสัญญานเตือนทันที

"ถอดหมวกออกช้าๆ อย่าพยายามที่จะต่อต้าน มีคันธนูมากกว่า 10 คันกำลังเล็งไปที่เจ้าอยู่! " ทหารยามเตือน พร้อมกับทดสอบไปในคราเดียวกัน

ชายเสื้อดำไม่ได้พูด เขายกมือขึ้นอย่างช้าๆและชี้ไปที่นายทหารทั้งสองคน

"ไฟ!"

ท่าทีของทหารยามเปลี่ยนไปทันที พวกเขาเห็นชายชุดดำดึงบางอย่างออกจากแขนเสื้อ ภายในแขนเสื้อของเขานั้นมืดมิด แต่มีบางอย่างส่องแสงออกมาจางๆ

นั่นเป็นภาพที่น่ากลัว

"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ... "

เสียงของลูกธนูถูกปล่อยออกมา

ลูกศรทั้ง 10 พุ่งไปโดยไม่พลาดแม้แต่น้อย

"ฮึ่ม!"

รังสีความร้อนเป็นประกายออกมาจากแขนเสื้อของชายชุดดำ ด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว เขาหักทำลายลูกศรทั้ง 10 ลง และพุ่งไปท่ามกลางสายฝน ร่างของเขาหยุดลงเลยทหารยามทั้ง 2 ไปเล็กน้อย ที่กำแพงมีรอยอันคมกริบที่ถูกทิ้งไว้

มันเป็นการโจมตีด้วยมีดอย่างรวดเร็ว

 

ทหารยามทั้ง 2 คน มองไปที่ชายในชุดดำด้วยความไม่เชื่อ

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะที่คอของพวกเขาได้ถูกกรีด เป็นรอยเส้นตรงที่เรียบสะอาดหมดจด เหมือนกับบนกำแพงเมือง

ฝนที่ตกหนักดูเหมือนไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย

ลูกธนูระลอกที่ 2 ถูกยิงออกมาอีกครั้ง แต่ชายชุดดำได้จากไปแล้ว

ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวที่ประตูเมือง

เขาฆ่าทหารสองคน

แล้วจากไป?

มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรนัก สำหรับคนที่มีฝีมือเช่นเขา แต่นั่นคือสิ่งที่เขาทำไปและไม่ได้พูดอะไรออกมา

...

 

ที่ริมฝั่งทะเลสาบ มีหินสีแดงยืนตั้งตระหง่านอยูท่ามกลางสายฝน ราวกับไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ท่ามกลางสายฝน

หญิงสาวในชุดขาวนางหนึ่งยืนอยู่บนยอดหิน เธอถือร่มสีเขียวไว้ในมือ บนร่มเต็มไปด้วยภาพวาดหมึก

อย่างไรก็ตามภาพวาดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ภาพวาดธรรมดา

จากจังหวะของแปรงไปจนถึงรอยประทับแดงที่ด้านหลังของภาพวาด ทุกอย่างที่ปรากฎออกมาบ่งบอกว่าภาพวาดนี้มีมูลค่ามากกว่าอัญมณีหรือหยกงงาม

 

อย่างไรก็ตามภาพวาดนี้ถูกวาดอยู่บนร่ม ที่หญิงสาวนางนี้กำลังถือมันอยู่ท่ามกลางสายฝน

นางยกหัวขึ้นเล็กน้อยขณะมองไปที่ทิศทางของเมืองเหยียน ผมสีดำอ่อนนุ่มของปลิวไปตามสายลม ขณะที่ผ้าผิดหน้าของนางถูกพัดขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามข้างใต้

"ทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม... " หญิงสาวดูเหมือนโศกเศร้าเล็กน้อย ดูเหมือนนางพึมพัมกับตัวเอง และก็เหมือนนางกำลังพูดอยู่กับร่างสีดำที่กำลังเดินตรงเข้ามาหานาง

 

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

 

รีวิวผู้อ่าน