px

เรื่อง : ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
 SC:บทที่ 14 วิทยุ


 SC:บทที่ 14 วิทยุ

 

วิทยุ!

แม้กระแสไฟของประเทศจะหยุดทำงานไปแล้ว แต่ตราบใดที่พวกเขาสามารถฟื้นตัวได้ พวกเขาอาจใช้คลื่นวิทยุในการส่งสัญญาณเพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้ามากนัก หากเขาสามารถนำวิทยุนี้จะไปได้เขาอาจใช้ในการฟังข้อมูลที่มีประโยชน์

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้ผู้คนนิยมโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ซึ่งมีฟังก์ชันหลากหลายมากกว่า ส่วนวิทยุและเครื่องทำครัวรุ่นเก่านั้นค่อนข้างหาได้ยาก  หลินเฉิง ค้นหาในโรงแรมถึง 3 วันแต่เขาก็ไม่พบมัน วันนี้คาดไม่ถึงว่าเขาจะพบกันในห้องเก็บของที่มีกลิ่นรุนแรงแบบนี้

เมื่อเห็นวิทยุสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่ตรงมุม หลินเฉิง รีบเดินไปหยิบมันขึ้นทันทีแล้วสำรวจวิทยุนั้น จากนั้นเขาลองเปิดสวิทช์ดูแต่พบว่ามันไม่มีกำลังไฟ ในขณะที่ หลินเฉิง กำลังพยายามเล่นกับวิทยุที่ไม่มีกระแสไฟนั้น

ก็มีเสียงพูดออกมาของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้ความสนใจของ หลินเฉิง กลับมาที่คน 3 คนอีกครั้ง

“ออ ตามที่พวกคุณถาม หมอกด้านนอกได้กระจายหายไปหมดแล้วแต่ มีซอมบี้อยู่ทุกที่!”

หลังจากที่ตอบคำถามอย่างไม่ตั้งใจ หลินเฉิง ก็เห็นถุงเปล่าหลายไปวางอยู่บนพื้น  เขายกวิทยุในมือขึ้นและถามว่า

“วิทยุอันนี้เป็นของคุณหรือไม่ ผมขอได้ไหมแลกเปลี่ยนกับอาหาร”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ หลินเฉิง บอกว่ามีซากศพที่น่ากลัวอยู่ทุกหนทุกแห่งการนอก ดวงตาของหญิงสาวมืดมนอีกครั้ง แล้วเมื่อเธอได้ยินว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องการแลกอาหารกับวิทยุนี้ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น เธอไม่ได้กินอะไรมา 2 วันแล้ว เธอกำลังจะตอบว่าตกลง แต่กลับมีคนหยุดไม่ให้เธอพูด!”

ชายคนหนึ่งใบหน้าซีดเซียว แต่เขายังคงดูดีกว่าอีก 2 คนเล็กน้อย เขาน่าจะอายุประมาณ 30 ปีสวมแว่นทองคำ ดูเหมือนว่าเขาถนัดในเรื่องการค้าขาย เมื่อเขาได้ยินว่า หลินเฉิง ต้องการแลกเปลี่ยนวิทยุกับอาหาร  เขารีบหยุดไม่ให้ผู้หญิงพูดทันที เขาใช้มือเลื่อนแว่นตาเล็กน้อยและมองมาที่ หลินเฉิง

“ คุณมีชื่อว่าอะไร  ผมชื่อเฉาหลาน ผมทำงานอยู่ที่ธนาคาร แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ คุณพึ่งพูดว่าต้องการวิทยุนี้ใช่หรือไม่?”

เมื่อมองไปที่ดวงตาของ เฉาหลาน คนนี้มันทำให้ หลินเฉิง เข้าใจความคิดของเขา  หลินเฉิง หัวเราะเบาๆและพูดว่า

“ใช่แล้ว ผมต้องการวิทยุนี่ และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนอาหารกับคุณ คุณมีปัญหาอะไรไหม?”

หลังจากได้ยินคำตอบนี้ เฉาหลาน หัวเราะขึ้นเบาๆ

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่….คุณจะแลกมันกลับอาหารเท่าไหร่?”

ใบหน้าของ หลินเฉิง ยังคงแสดงออกอย่างเฉยชาทำราวกับไม่ได้ยินเสียงพูดของเฉาหลาน

 หลินเฉิง เอื้อมมือไปหยิบสิ่งของในกระเป๋าของเขาและกระซิบว่า

“ขนมปัง 3 ชิ้น!เชื่อผม สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นของจำนวนมากแล้ว!”

หลังจากได้ยินราคาที่ หลินเฉิง จะให้ ทั้ง 3 คนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพวกเขาหิวโหยจนแทบไม่มีแรงอยู่แล้วแต่ในเวลานี้พวกเขาได้ยินว่าวิทยุที่ไม่มีไฟฟ้านี้สามารถเปลี่ยนขนมปังได้ 3 ชิ้น พวกเขาต้องการตกลงอย่างรวดเร็วแต่ เฉาหลาน หยุดพวกเขาเอาไว้

หลังจากที่ทั้งสองคนต้องการที่จะตอบตกลงแต่ เฉาหลาน พูดขึ้นมาว่า

“พวกเราเข้าใจว่านี่ถือว่าเป็นของจำนวนมากจริงๆ แต่คุณเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์กับอุปทานหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าคุณต้องการมัน และคุณเองก็มีอาหารจำนวนมาก แต่พวกเรามีเพียงวิทยุอันเดียวดังนั้นพวกเราไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขไม่ได้!”

หลังจากนั้นเขาก็หันไปยืนยันกลับอีก 2 คนและกระซิบบอกพวกนั้นเบาๆให้เชื่อฟังตนเอง

 หลินเฉิง เห็นทั้ง 3 คนกำลังสื่อสารกันด้วยเสียงเบาๆ เขารู้สึก หงุดหงิด ทำไมคนโง่ชอบทำแบบนี้?

พวกเขายังคิดว่าพวกเขาอยู่ในสังคมที่มีอารยธรรมอย่างนั้นหรอ?กล้าพูดแบบนี้กับชายที่สามารถเดินไปมาท่ามกลางซอมบี้มากมายบนถนน และยังพูดเหตุผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน  หลินเฉิง อยากจะถามพวกเขาว่าพวกเขายังมีสมองอยู่ในหัวของเขาหรือไม่?ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ หลินเฉิง คงถือวิทยุออกไปเฉยๆ เมื่อ หลินเฉิง หมดความอดทนเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับพวกเขาอีกต่อไป

“ ขนมปัง 2 ชิ้น!”

 หลินเฉิงพูดอย่างเย็นชาต่อหน้าทั้งสามคน

เมื่อพวกเขาได้ยินน้ำเสียง เปลี่ยนไป แม้แต่ขนมปัง 3 ชิ้นของเขาก็ลดเหลือเพียง 2 ชิ้นแต่พวกเขายังคงอดทนที่จะไม่ตอบตกลง

เมื่อมองดูคนโง่ทั้ง 3 คน หลินเฉิง ขมวดคิ้วและพูดย้ำว่า

“ผมพูดว่า 2 ชิ้น จะเอาไหม?”

น้ำเสียงของเฉาหลาน ไม่สุภาพอีกต่อไปเขาพูดขึ้นว่า

“คุณคงล้อเล่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณไปค้นหาวิทยุที่อื่น!”

อย่างไรก็ตามเมื่อ หลินเฉิง ได้ยินคำพูดของ เฉาหลาน เขาหัวเราะเยาะและหยิบวิทยุใส่กระเป๋า จากนั้นเขาเดินออกจากประตูพร้อมทิ้งขนมปัง 1 ชิ้นไว้ในห้อง

เมื่อเห็นพฤติกรรมของ หลินเฉิง ทั้ง 3 คนตกตะลึง เฉาหลาน ต้องการที่จะตอบโต้ทันทีแม้พวกเขาจะกลัว หลินเฉิง แต่พวกเขายังคงลุกขึ้นและติดตาม หลินเฉิง ออกไป

“เดี๋ยว...คุณทำอย่างนี้ไม่ได้ ไหนคุณบอกว่าขนมปัง 3 ชิ้น?”

พวกเขาไล่ตาม หลินเฉิง ออกมาอย่างรวดเร็ว และอยากที่จะยอมรับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังเดินตาม หลินเฉิง ออกมา  หลินเฉิง และใช้ขวานไฟของเขาสับลงบนตู้แสดงของที่อยู่ข้างๆ จากนั้นหันไปมองหน้าทั้งสามคนแล้วพูดว่า

“พวกคุณควรจะดีใจที่ไม่ได้กลายเป็นซอมบี้หรือพวกคุณอยากจะลิ้มรสขวานของผม! ข้อตกลงได้เสร็จสมบูรณ์แล้วผมแนะนำให้ไม่ให้คุณตามผมมาอีก!”

หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็ดึงขวานออกจากตู้แสดงสินค้าและเดินออกไป เมื่อมองรอยขวานลึกที่อยู่บนตู้แสดงสินค้าพวกเขาตองกลืนน้ำลายตัวเอง และไม่กล้าไล่ตาม หลินเฉิง อีกต่อไป พวกเขากลับเข้าไปในห้อง แล้วหยิบขนมปังเพียง 1 ชิ้น ก่อนที่จะหายลับเข้าไป

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู หลินเฉิง ทำได้เพียงส่ายหัวเท่านั้น

หญิงสาวคนนั้นควรจะเป็นพนักงานบัญชีของที่นี่เธอยังคงสวมเสื้อที่มีโลโก้ของร้าน ชายหนุ่ม 1 คนควรเป็นนักเรียน  หลินเฉิง คาดการณ์ว่าเขาอาจจะผ่านไปโรงเรียนโดยแวะที่นี่ก่อน

สำหรับเฉาหลาน

เมื่อนึกถึงชายคนนี้ หลินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ  ชายคนนี้คิดว่าตัวเองฉลาดมากหรือไงถึงเอาวิทยุมาข่มขู่รีดอาหารจากเขา เขาไม่คิดหรอว่า หลินเฉิง นั้นเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกเขา คนที่สามารถเดินไปมาบนถนนที่มีแต่ซอมบี้จะเป็นคนจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างนั้นหรอ

และคนโง่แบบนี้ยังเสนอตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มของ ทั้งสามคน  หลินเฉิง ได้แต่โศกเศร้าโชคชะตาของ 2 คนที่เหลือเท่านั้น

ธรรมชาติของมนุษย์ที่โลภมาก…

 หลินเฉิง โศกเศร้ากับธรรมชาติของมนุษย์อยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สนใจที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาเดินไปที่ประตูและผลักตู้เก็บของที่กั้นประตูก่อนหน้านี้ออกไปจากนั้นเขาเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง เขาสังเกตสถานีตำรวจที่อยู่ในถนนตรงกันข้าม ในเวลานี้ร่างกายของเขามีเสื้อผ้าที่ป้องกันอย่างแน่นหนาและแว่นตาหิมะที่สามารถมองในวันที่หิมะตก ดังนั้นเขาจึงพร้อมสำหรับจุดประสงค์ที่แท้จริงในการออกมาจากโรงแรมในครั้งนี้!

------------------------------------------

รีวิวผู้อ่าน