px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 203 ยากที่จะเอาชีวิตรอด


มันเป็นใบมีดที่ดูธรรมดาทั่วๆไป

มันแปลกมาก เพราะที่ด้านหลังของ ซิง ฉิงซุยนั้นไม่ใครอยู่ มันว่างเปล่า มีเพียงมีดที่พุ่งออกมาจากหิน

ซิง ฉิงซุย หน้าเริ่มซีดขาว เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมากมากและริมฝีปากเริ่มสั่นเทา ก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้น

เขาถูกแทงจากข้างหลัง?!

แต่ทำไมอยู่ดีๆถึงมีมีดไปแทงหน้าอกเขาได้?

 

ยิ่งไปกว่านั้น ...

ไม่มีใครอยู่ด้านหลังเขาสักคน?

ที่สำคัญที่ ซิง ฉิงซุยพูดว่า'เจ้า...' นั้นหมายถึงใครกัน?

 

คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของทุกคนพวกเขาต่างตกตะลึงกำสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ใครที่กล้าโจมตี ซิง ฉิงซุย กัน?

 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้แปลกใจเท่าไรนัก

เขานั้นไม่ได้รู้จักดลกนี้มากมายนัก จะมีเรื่องอะไรเพิ่มมาอีกเขาก็คงไม่กังวลไปมากกว่านี้แล้ว

 

เขาแค่อยากรู้ถึงเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้น

เขาไม่ได้คิดว่าใครเป็นคนทำ แต่เขาสงสัยว่าทำไมมีดที่แทงอยู่ที่หน้าอกของ ซิง ฉิงซุย ถึงธรรมดาขนาดนั้น?

 

นี่คือการทดสอบระดับจักรพรรดิ

ใครบ้างที่ไม่มีอาวุธดีๆใช้กัน?

เขาเพ่งความสนใจมาที่เรื่องนี้ เขาเดาว่าใบมีดคงอยู่ในก้อนหินนั้นอยู่แล้ว ความคิดนี้ทำให้เขาเริ่มสะกิดใจ ก่อนที่ฉากอันน่าตกใจจะเกิดขึ้น

ใบมีดมากมายพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน

มันราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังดึงมันขึ้นมาอยู่ 

ยังไงก็ตาม ผู้เข้าสอบทั้งหมดกำลังคิดเกี่ยวกับความจริงที่ ซิง ฉิงซุย ถูกแทง ไม่มีใครตระหนักเลยว่ามีใบมีดกำลังจ่อหลังพวกเขาอยู่

 

"เหยียน ซิว!" ฟาง เจิ้งจือ พุ่งเข้าไปหาโดยไม่ลังเล

เขารู้ว่ามีใบมีดจ่อหลัง เหยียน ซิว อยู่โดยที่ไม่ต้องหันไปมอง เขาไม่รอช้าแล้วรีบพุ่งเข้าไป

เหยียน ซิว กำลังมองไปที่ ซิง ฉิงซุย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้

ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้น

ก่อนที่เขาจะหันไปรอบๆ เขารู้สึกถึงคลื่นพลังบางอย่างพุ่งใส่เขา จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลงไปกับพื้น

สัญชาตญาณของเขาต่อกรกับมัน

อย่างไรก็ตามเขาก็ยอมแพ้อย่างรวดเร็ว

 

เขาได้ยินเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ และ ฟาง เจิ้งจือ ก็มาอยู่ข้างๆเขา

 

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ รีบพุ่งเข้ามาหาเขาทำไม แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้

"ตูม!" ทั้งสองคนล้มลงไปที่พื้น

 

ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงของใบมีดในอากาศ

 

นั่นไม่ใช่ทั้งหมด

เสียงของใบมีดเจาะทะลุออกมาพร้อม ๆ กัน เสียงเงียบเฉียบที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง พวกเขาถูกใบมีดแทงเสียแล้ว

พวกเขาทั้งหมดถูกแทงเช่นเดียวกันกับ ซิง ฉิงซุย

"อ๊าก!!"

 

"อ่า ... อา..อา ... "

 

เสียงร้องที่เจ็บปวดทรมานมากมายดังก้องออกมา

ไม่ใช่ทุกคนที่ทนได้เหมือนกับ ซิง ฉิงซุย หลายคนเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพช เสียงร้องของพวกเขาดังสะท้อนไปทั่วโลกแห่งเซียน

 

"ดาบ ... ดาบกำลังโจมตีพวกเรา!"

"โลกแห่งเซียนเสียการควบคุมแล้ว!"

 

"วิ่งเร็ว"

เสียงร้องดังลั่นท่ามกลางความโกลาหล

ผู้ทดสอบที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 ตะโกนเตือน ดังนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่หลบเลี่ยงการโจมตีของใบมีดได้

ทุกคนนั้นราวกับเสียสติไปหมด

"ใครกล้าโจมตีข้า?! เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม? " เสี่ยงที่เย่อหยิ่งดังก้องกลางกลุ่มคน แม้แต่ ปิง หยาง เองก็ถูกโจมตี

นางคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรเซี่ย

ใครกล้าที่จะลอบสังหารนางกัน?!

 

นางพยายามเกือบจะตายในชีวิตของนาง

 

นางจะไม่โกรธได้ยังไง?

ความโกรธของ ปิง หยาง ยืนยันความสงสัยของทุกคน ไม่มีผู้ทดสอบคนไหนที่จะกล้าทำเช่นนี้

 

มีอย่างเดียวที่อธิบายได้นั่นคือ โลกแห่งเซียนเสีบการควบคุมไปแล้ว

 

ฟาง เจิ้งจือ ก็เริ่มคิดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขารีบเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว

 

เขานึกถึงที่ ซิง ฉิงซุย พูดตอนที่ถูกแทงด้านหลัง

ซิง ฉิงซุย พูดว่า "เจ้า ... "

เขาไม่ได้กรีดร้อง

 

ซิง ฉิงซุย เป็นคนแรกที่ถูกโจมตี และเรื่องใหญ่คือคำพูดของเขา

ความจริงแล้ว การกระทำของ ซิง ฉิงซุย ได้พิสูจน์แล้ว

ซิง ฉิงซุย กำลังเคลื่อนไหว

 

แม้ว่าเข้าจะได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็ยังถือดาบอุกาบาตเอาไว้ในมือ และมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

เขาเงื้อดาบขึ้นฟัน

 

"แกร้ง!" ใบมีดเล่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินปะทะเขากับการโจมตีของ ซิง ฉิงซุย

 

ทำให้ชายวัยกลางคนหลบการโจมตีของ ซิง ฉิงซุย ไปได้

แม้ว่า ซิง ฉิงซุย จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี ชายวัยกลางคนก็ไม่ลดการป้องกันตัวเองลงแม้แต่น้อย

"ทำไมนายน้อยทำเช่นนี้?" ชายวัยกลางคนจ้องไปที่ ซิง ฉิงซุย ด้วยความประหลาดใจ

"อ่า....นี่...ข้าต่างหากควรจะถามเจ้า?  เจ้าเป็นใคร?" ซิง ฉิงซุย เลียปากเล็กน้อยและเหลือบมองดาบของเขา

 

มือของเขาสั่นสะท้าน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มือของเขาสั่นเทา

บางทีเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บมากเกินไป

ชายวัยกลางคนยิ้มออกมาอย่างสดใส เขามองไปทางผู้เข้าทดสอบที่บาดเจ็บมากมาย ก่อนที่จะหันกลับมามอง ซิง ฉิงซุย

"นายน้อยลืมชื่อของข้าแล้วงั้นรึ? ข้าเป็นทหารที่ภักดีต่อท่านที่สุด ข้าถูกท่านช่วยจากสนาบรบเมื่อ 3 ปีก่อน ข้า ซิง จ้ง ท่านลืมเลือนชื่อที่ท่านตั้งให้ข้าแล้วอย่างนั้นรึ? " เขามองไปที่ ซิง ฉิงซุย

"3 ปีก่อน..." สายตาที่จ้องเขม็งของ ซิง ฉิงซุย เลือนลางเล็กน้อย

ชายวัยกลางคนพูดถูก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนั้นเขาถูกไล่ต้อนอยู่บนยอดภูเขาจากกองทัพปีศาจนับพัน

เขาใช้พลังทั้งหมดเพื่อพยายามหลบหนีจากกับดัก

และเขาได้หมดสติไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาชายคนนี้ก็อยู่ข้างๆเขา

เช่นเดียวกับเขา ชายวัยกลางคนหมดสติอยู่ และดูเหมือนจะใกล้ตายเต็มที่

 

ถ้าไม่ใช่เพราะกองกำลังเสริมมาได้ทันเวลา พวกเขาทั้ง 2 คงจะไม่รอดแล้ว

เพราะแบบนี้ ซิง ฉิงซุย จึงได้ขอให้ชายคนนี้ได้ใช้นามสกุล ซิง  ก่อนที่ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นทหารที่จงรักภักดีที่สุด คนที่เขาจะสั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาชายคนนี้ไม่เคยห่างกายเขาเลยแม้แต่น้อย

ชายคนนี้ทำอะไรมากมาย ในขณะที่เข้าร่วมศึกกับ ซิง ฉิงซุย

"เจ้าไม่ใช่ ซิง จ้ง เขาตายไปแล้ว.... เมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าเป็นใครกัน?! " ซิง ฉิงซุย มั่นใจมาก

เขาได้ตรวจสอบดีแล้วเกี่ยวกับ ซิง จ้ง ชายคนนี้ไม่สามารถมีตัวตนได้

ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ ซิง จ้ง

 

"มันไม่ช้าไปงั้นหรือ ที่นายน้อยตระหนักได้ในตอนนี้?" ชายวัยกลางคนยิ้มแย้มแจ่มใส ณ ตอนนั้นเอง ซิง ฉิงซุย ตระหนักได้ว่ามีใบมีดอีกเล่มหนึ่งจ่อที่ลำคอของเขา

ผู้ทดสอบทุกคนได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา

 

พวกเขาได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด

 

แม้จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็มั่นใจได้ในเรื่องนึง ซิง ฉิงซุย ได้เผยตัวการของผู้ที่ลอบโจมตีแล้ว  ที่สำคัญกว่านั้น ใบมีดในอากาศเป็นเรื่องจริง

"เขาเป็นใครกันแน่?!"

"ทำไมทหารของ ซิง ฉิงซุย ถึงหันคมดาบใส่เขา?"

 

"เขาพยายามจะโจมตีพวกเราจริงๆ "

 

คำถามและคำตอบต่างๆยังคงไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาตั้งคำถามเหล่านี้ เหล่าผู้ทดสอบที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บเริ่มหันอาวุธไปที่ชายวัยกลางคน

3 คนในพวกเขาเริ่มจู่โจม

มีด 3 เล่มลอยขึ้นกลางอากาศ 2 คนเดินตรงเข้าไปทางชายวัยกลางคน ส่วนอีก 1 คนเดินเข้าหามีดทั้ง 3

 

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะช่วยเหลือกันได้

อย่างไรก็ตาม ใบมีดที่จ่อคอ ซิง ฉิงซุย อยู่นั้นเริ่มขยับแล้ว มันเร็วมาก ราวกับสายฟ้า มันเร็วกว่ายิ่งกว่ามีดทั้ง 3 ที่ลอยอยู่

ซิง ฉิงซุย จ้องไปที่ ใบมีดนั้นแต่ไม่ได้หลับตา

การปิดตาคือการกระทำของคนขี้ขลาด  ในฐานะทายาทแห่งกองตรวจการความมั่นคง เขายินดีที่จะเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่หวาดกลัวด้วยสายตาของตัวเอง

 

ทำไม ซิง ฉิงซุย ถึงไม่ป้องกัน?

 

มือของเขากำลังสั่น เขายกดาบไม่ไหวรึ?

 

"แกร้ง!"

"แกร้ง!"

เสียงคมการปะทะกันของอาวุธดังขึ้น

ใบมีดที่ลำคอของ ซิง ฉิงซุย ตกลงไปที่พื้น  และดาบอีกอันหนึ่งตกลงไปที่พื้น มันคือดาบหยกสีเขียว

และดาบอีกอันหนึ่งก็ตกลงไปที่พื้นด้วย

ดาบนั้นอยู่ห่างจาก ซิง ฉิงซุย เล็กน้อย

นั่นคือดาบสีนำเงินเข้ม ที่ยาวกว่าดาบหยกสีเขียวเล็กน้อย

ชายวัยลกางคนไม่ได้ถือดาบอยู่ในมือ ที่เขามีคือกระบี่ กระบี่ของเขามีลวดลายที่ประณีต แต่ปล่อยกลิ่นอายของความเยือกเย็นออกมา มันมีกลิ่นอายของเลือดอยู่จาง ๆ ราวกับมันได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย

 

"โอ๊ะ!" ชายวัยกลางคนมองไปทางด้านขวามือของเขา

ดาบสีน้ำเงินเข้มพุ่งมาจากเขา อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มาจากเหล่าผู้ทดสอบ 3 คน มันมาจากชายหนุ่มที่อยู่ด้านขวาของเขา

 

ชายหนุ่มคนนี้สวมเสื้อธรรมดาทั่วไป แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสงบอย่างไม่น่าเชื่อ

ชายหนุ่มคนนั้นคือ หนานกง มู่

"มันคือดาบคู่ฟ้าเขียว!"

 

ดาบคู่ฟ้าเขียวของสำนักหนานกง อยู่กับ หนานกง มู่ งั้นรึ? เขาฝึกวิชาลับฟ้าเขียวแล้วงั้นรึ? "

 

"พระเจ้า!!.... จะมีใครในโลกที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้อีก?"

ผู้ทดสอบต่างตกใจเมื่อเห็นดาบอยู่บนพื้น เป็นความตกใจที่มากกว่าตอนที่พวกเขาถูกโจมตีโดยชายวัยกลางคน

 

มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ ...

 

หนานกง มู่ ใช้วิชาลับแห่งฟ้าและเขียว

ผู้ทดสอบทั้ง 3 คนหยุดชะงักโดยพลัน ดาบของพวกเขาปะทะกับใบมีดทั้ง 3

 

"ข้าคิดว่าน้องชายของ หนานกง เฮา จะฉลาดกว่านี้เสียอีก ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาก็เป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง? " ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะ

 

" ก็จริง " หนานกง มู่ พยักหน้า

เขาไม่ลังเลที่จะตอบรับแต่อย่างใด และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ไหลไปตามการยั่วยุของชายวัยกลางคนเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาแค่ตอบไปอย่างปกติ

 

ผู้ทดสอบรอบๆต่างไม่เข้าใจ

ทำไม หนานกง มู่ ถึงยอมรับการเย้ยหยันนี้ได้?

"ข้าเดาว่าเจ้าคงเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด?" ชายวัยกลางคนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำตอบของ หนานกง มู่

แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่พอที่จะคิดว่า หนานกง มู่ จะกลัวเขา ถ้า หนานกง มู่ กลัวเขาล่ะก็คงจะไม่จู่มโจมเข้ามา

 

"เจ้าสามารถใช้เงาที่เร้นซ่อนไว้ใต้พื้นเพื่อควบคุมเหล่ามีดได้สินะ ช่างเป็นความสามารถที่น่าประหลาด แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่มนุษย์! " หนานกง มู่ ไม่ตอบคำถามนั้นและพูดพึมพัมกับตัวเอง

 

"เจ้าเป็นคนพูดน้อย แต่กลับมีการสังเกตุที่น่ายกย่องจริง แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ล่ะ " ชายวัยกลางคนยิ้มให้

"เพื่อที่จะสามารถควบคุมมันได้ ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ และมีเพียง 39 คนในโลกเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมเงาได้ขนาดนี้ และพวกเขาไม่ได้เข้าสอบในครั้งนี้ ดังนั้นเจ้าไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ถ้าข้าเดาถูกล่ะก็ มีปีศาจบางตนที่ต่อสู้รูปแบบเดียวกับเจ้า คือ หยิง ชาน " หนานกง มู่ ตอบ

 

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินชื่อ "หยิง ซาน" รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เขาไม่ตกใจในความสามารถของ หนานกง มู่ แต่เขารู้สึกประหลาดใจที่ หนานกง มู่ รู้ถึงตัวตนของเขาได้จากการสังเกตุวิชาที่ใช้ในการต่อสู้ ช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวจริงๆ

"เจ้าจำเรื่องพวกนี้ได้อย่างดีเลยนะ? เจ้าไม่สามารถตบตาข้าได้ ... ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตระกูลหนานยังคงเก็บบันทึกเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ ช่างน่าสงสาร ที่เจ้ากำลังจะตาย " ชายวัยกลางคนไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ หนานกง มู่ กล่าว

 

ดังนั้น...

 

เขายอมรับว่าสิ่งที่ หนานกง มู่ พูดมานั้นถูกต้อง

ผู้ทดสอบรอบๆต่างล่าถอยไปโดยที่ไม่รู้ตัว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ถ้า หนานกง มู่ กล่าวมาเป็นความจริง ...

นี่เป็นหนทางที่น่ากลัวเกินไป

ในหมู่ปีศาจมีเพียงตนเดียวที่นามว่า หยิง ซาน  เขาเป็นถึงรองหัวหน้าของเขตแดนปีศาจของดินแดนหยิง 1 ใน 10 ดินแดนปีศาจ

"เป็นไปได้ยังไงกัน?"

"ทำไมพวกปีศาจถึงส่งระดับรองหัวหน้าเขตแดนมาเข้าร่วมการทดสอบจักรพรรดิ?"

 

"ไม่นะ ข้ายังไม่อยากตาย"

ผู้เข้าทดสอบต่างรู้สึกท้อแท้ พวกเขาไม่มีหนทางต่อกรกับ หยิง ซาน ได้เลย

เขามีพลังมากกว่าผู้ที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ซะอีก

 

"หยิง ซาน นี่... แข็งแกร่งมากงั้นรึ?" ฟาง เจิ้งจือ ลุกจากพื้นแล้วถาม เหยียน ซิว

"ข้าว่าโอกาสที่จะรอดไปในครั้งนี้ คงลำบากแล้วล่ะ!" เหยียน ซิว พยักหน้ารับ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ เหยียน ซิว อธิบายแบบนี้ แถมเขายังมาพูดในเวลาแบบนี้...

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

 

รีวิวผู้อ่าน