px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 204 อภินิหาร


ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้ว การที่ เหยียน ซิว บอกว่าลำบากนั้น แสดงว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตไปนั้นต่ำมาก ไม่มีใครยินยอมที่จะรับความเป็นจริงในข้อนี้

ฟาง เจิ้งจือ คิดหนัก

เขายังซิงอยู่เลย

จะมาตายแบบนี้ไม่ได้!

 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ แต่ทำไม เหยียน ซิว ถึงพูดเรื่องตลกออกมาแบบนี้กัน? แน่นอนว่าไม่ เหยียน ซิว ไม่ได้ล้อเล่น นี่คือเรื่องที่อันตรายจริงๆ

"พวกเรามีโอการอดไปไหม?" ฟาง เจิ้งจือ ถาม

"โอกาสนั้นมีน้อยมาก หยิง ซาน นั้นเข้าสู่ระดับอภินิหารเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในขั้นกลางแล้ว แม้ว่าพวกเราทุกคนจะรวมพลังกัน ก็เป็นเรื่องยาก และตอนนี้มากกว่าครึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส" เหยียน ซิว ส่ายหัวเมื่อมองไปรอบๆ

 

ฟาง เจิ้งจือ เองก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายว่าถัดจากสะท้อนสวรรค์คืออะไร เขาไม่รู้จักระดับอภินิหารมาก่อน แต่ เหยียน ซิว ไม่มีทางโกหก

ยิ่งไปกว่านั้น เหยียน ซิว พูดถูก มีผู้เข้าสอบจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ มีน้อยกว่า 10 คนที่สามารถต่อสู้ได้

ยิ่งรวมกับระดับพลังที่แตกต่างนั้น โอกาสนั้นยิ่งยาก

 

"อย่างแรกบอกข้ามาถึงความแตกต่างระหว่างระดับสะท้อนสวรรค์กับระดับอภินิหาร" ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสมนักที่จะถาม แต่มันคงแย่ถ้าเข้าสู่การต่อสู้โดยไม่รู้ข้อมูลอะไร

เหยียน ซิว เองก็รู้ดี

 

"ถ้าไม่ได้เข้าสู่ระดับอภินิหารจริงๆ ก็ไม่มีทางเข้าใจ เมื่อไรที่เจ้าคิดว่าคนสามารถปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่?" เหยียน ซิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ

"พลังเต็มที่?" ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้เรื่องที่ เหยียน ซิว ถามแม้แต่น้อย เขาคิดสักพักก่อนตอบออกมา

" เมื่อโกรธสุดๆ? หรือตอนตกหลุมรัก?"

มันเป็นคำตอบที่เขาได้ยินมาจากหนัง เมื่อใครก็ตามมีความรัก และเห็นคนที่ตัวเองรักถูกหินทับ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ 

"อืมนั่นก็ใช่ อย่างไรก็ตาม พลังนั้นไม่ได้ควบคุมง่ายๆถ้าเกิดจากอารมณ์ ต่อให้มีพลังมหาศาลก็ตาม นอกจากนี้ความรักและความเกลียดชังไม่สามารถรักษาบาดแผลได้" เหยียน ซิว พูดพร้อมส่ายหัว

"พวกเขาสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้?" ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจ

"ระดับอภินิหาร ก็ตามชื่อ มันทำให้ผู้คนทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงได้" เหยียน ซิว อธิบาย

 

"อภินิหาร?" ฟาง เจิ้งจือ สงสัย แล้วถ้าคนพวกนี้จะตายละ?

"อืม คนที่ป่วยถึงตายก็ออกไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ พวกเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บตัวเองได้ ราวกับความฝัน พวกเขามีพลังอย่างไม่สิ้นสุด"

"เจ้าหมายความว่า?" ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนจะเข้าใจ

"ผู้คนที่อยู่ในระดับอภินิหาร สามารถเดินอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตายได้ พวกเขาสามารถรักษาตัวเองได้อย่างน่าอัศจรรย์!" เหยียน ซิว พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม

ฟาง เจิ้งจือ เองก็อยู่ในความจริงจังเช่นกัน เขาก็คาดการณ์ว่าระดับอภินิหารน่าจะทรงพลัง แต่ขนาดนี้ก็บ้าไปแล้ว

อภินิหาร...

 

รักษาสภาพร่างกายของตัวเองเอาไว้ได้...

ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่ เหยียน ซิว พูด ว่าทำไมโอกาสรอดชีวิตของพวกเขาถึงน้อยมาก

จะสามารถเอาชนะคนที่ปล่อยพลังอย่างเต็มที่ออกมาตลอดได้ยังไง นอกจากนี้ต่อให้บาดเจ็บก็ยังลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก

ฟาง เจิ้งจือ เงียบ ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คงเป็นการวิ่งหนี

แต่...

 

พวกเขาออกไปไม่ได้?

พวกเขาติดอยู่ในโลกแห่งเซียนที่เสียการควบคุม ไม่มีใครออกหรือเข้ามาได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่กับปีศาจ

 

ทำยังไงได้?

ทุกคนรวมถึง ฟาง เจิ้งจือ คิดไปในทางเดียวกัน หนีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ตอนนี้กลับไม่มีโอกาสนั้น

 

เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของผู้คนดังขึ้น

ตอนที่ ปิง หยาง ได้ยินชื่อของ หยิง ซาน ความกลัวแผ่กระจายไปทั่วใบหน้านาง

นางไม่ต่างกับลูกไก่ในกำมือเมื่อเจอกับระดับอภินิหาร

ขาของนางทำงานโดยไม่รู้ตัว วิ่งไปทาง ฟาง เจิ้งจือ และจับมือเขาเอาไว้แน่น นางเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงทำแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ข้าง ฟาง เจิ้งจือ  แม้จะเพียงเล็กน้อยก้ตาม

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าแขนถูกบีบโดย ปิง หยาง อีกครั้ง เขารู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ดึงนางออก

ในฐานะผู้ชายเขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอ

ต่อให้ไม่เต็มใจแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

 

ท่าทีของ หนานกง มู่ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาเป็นคนแรกที่เดาตัวตนของ หยิง ซาน ออก และยังเลือกที่จะต่อสู้

ซิง ฉิงซุย เองก็ไม่ได้หวาดกลัวเช่นกัน เขามีเพียงความคิดเดียว สู้ให้เต็มที่และแพ้อย่างมีเกียรติ

 

หยิง ซาน หัวเราะเบาๆเมื่อมองไปที่ ผู้เข้าสอบรอบๆ

"จริงๆแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสออกจากที่นี่แบบยังมีชีวิตอยู่ ข้าคิดว่าข้านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะโจมตีได้ ขณะที่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย เหล่าผู้คุมสอบจะเข้าแทรกแซงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่โลกแห่งนี้สูญเสียการควบคุมข้าจึงไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป"

หยิง ซาน พูด ขณะมองไปที่ หนานกง มู่, ปิง หยาง และสุดท้าย ฟาง เจิ้งจือ 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าทำไม หยิง ซาน ถึงมองมาที่เขา แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

 

หนานกง มู่ เองก็มองมาที่ ฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน

ทุกคนดูเหมือนจะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ทุกคนตระหนักดีว่า ผู้ที่ทำให้โลกแห่งเซียน หลุดออกจากการควบคุมคือ ฟาง เจิ้งจือ 

"ดึงดาบออกมา และผนึกจะพังทลาย จากนั้นผู้คุมสอบก็จะเข้ามาได้!"  ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่าทุกคนกำลังคิดอะไร

เขารีบหันเหความสนใจของทุกคน

โชคดีที่แผนเป็นไปด้วยดี

 

ทำให้ทุกคนนั้นพอมีความหวังขึ้นมา

ด้วยความหวังและเป้าหมายเดียวกัน พวกเขาจึงกลายเป็นพันธมิตรกัน

ผู้เข้าสอบเริ่มเคลื่อนไหว ไม่ได้ต่อสู้กัน แต่มีเป้าหมายเพื่อดึงดาบออกมา

สายตาของ หยิง ซาน เปลี่ยน ไปอย่างรวดเร็ว

 

"นายท่านพูดถูก เจ้าเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ!" หยิง ซาน พูดเบาๆ ก่อนจะหายตัวไป

จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดอันดังก้องขึ้นมา

หยิง ซาน ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านล่างของก้อนหิน

มีเพียงคนเดียวที่อยู่หน้าเขาคือ หนานกง มู่

มือของเขากุมไว้ที่หน้าอก มีหยดเลือดที่ก่อนหน้านี้ไม่มีมาก่อนไหลออกมา เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นเพราะเสียงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

 

"ตระกูลหนานกงเป็นตระกูลโง่ๆหรือไงกัน เจ้าพยายามจะหยุดข้าโดยไม่มีดาบ?"

"ข้าจะมีดาบหลังจากจัดการเจ้าได้"

หนานกง มู่ ยังคงตอบออกมาอย่างสุภาพ

จากนั้นดาบคู่ฟ้าเขียวก็ไปปรากฎอยู่ข้างหน้า หนานกง มู่ ตอนแรกดาบไม่ได้อยู่หนานกง มู่ แม้แต่น้อย แต่ใกล้ ซิง ฉิงซุย

เขาจึงเตะมันไปให้ หนานกง มู่

หนานกง มู่ หยิบมันขึ้นมา และถือดาบสีเขียวข้างซ้าย และสีฟ้าข้างขวา

 

"ข้าเคยได้ยินมาเสมอว่าตระกูลหนานกง มีสองวิชาอันเยี่ยมยอด "กลยุทธ์มังกรรบ" กับ "วิชาลับฟ้าเขียว" อย่างไรก็ตามผู้คนเคยเห็นแต่เพียงกลยุทธ์มังกรรบ ข้าเดาว่าเจ้าก็รู้ว่าทำไม?" หยิง ซาน เยาะเย้ย ขณะมองไปที่ดาบคู่ของ หนานกง มู่ 

"เจ้าไม่รีบวิ่งไปเอาดาบของเจ้างั้นหรือ?" หนานกง มู่ เมินคำถาม

"จำเป็นด้วยหรือ?" หยิง ซาน ตอบ

ทันทีที่ หยิง ซาน พูดจบ ผู้เข้าสอบที่ปีนขึ้นไปบนหิน ต่างตัวแข็งค้างทันที ทุกคนต่างตกอยู่ในความเจ็บปวด

มีดจำนวนมากโผล่มาจากดิน ก่อนจะบินไปทางผู้เข้าสอบ

พวกเขาเบิกตากว้าง ต้องการจะหลบแต่มันเป็นเรื่องยาก

"ตูม ตูม ตูม..."

 

มีดพุ่งเข้าชนพื้นที่ที่ผู้เข้าสอบจำนวนมากยินอยู่ ก่อนจะกลายเป็นเศษฝุ่นทันที ผู้เข้าสอบทุกคนต่างได้รับผลกระทบ

"เชี่ย!"

ผู้เข้าสอบบางคนทนไม่ได้อีกต่อไปและกระอักเลือดออกมา

ด้วยความรวดเร็ว จากคน เป็น 2 คน และ 3 คน...

 

"ข้าคิดว่าจำเป็น!" หนานกง มู่ เริ่มเคลื่อนไหว เขาลากดาบเขียวและดาบฟ้าตัดกันที่พื้นดิน เส้นแสงทั้งสองตัดกันราวกับมังกร 2 ตัว

"ตูม!" รอยแตก 2 รอยเกิดขึ้นที่พื้นดิน

แสงสีเขียวและฟ้าส่องออกมาจากรอบแตกทั้ง 2

 

ผู้เข้าสอบที่อยู่บนหินดูเหมือนจะโล่งใจและผ่อนคลายเล็กน้อย

"ดูเหมือนข้าจะประเมิณเจ้าต่ำเกินไป!" หยิง ซาน ผงะไปเล็กน้อย และเริ่มจริงจังขึ้นมา

ผู้เข้าสอบที่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พวกเขาเบิกตากว้างมองไปอย่างไม่เชื่อ

 

"เขาจะป้องกันมันงั้นรึ?"

"นี่คือพลังของวิชาลับฟ้าเขียวงั้นรึ?"

เขาตั้งใจจะป้องกันการโจมตีของ หยิง ซาน ทั้งๆที่อยู่แค่ระดับสะท้อนสวรรค์ มันก็น่าตกใจแล้ว

 

จากนั้นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น

หนานกง มู่ โจมตี หยิง ซาน เขาเอาดาบอันหนึ่งไว้ข้างหน้าเพื่อโจมตี อีกอันไว้ข้างหลัง เขตแดนฟ้าเขียวเกิดขึ้นรอบๆตัวเขาทันที

เขียวสำหรับไม้ ฟ้าสำหรับน้ำแข็ง

 

เป็นเขตแดนที่ไม่สัมพันธ์กันแม้แต่น้อย

 

ไม้จะตายเพราะน้ำแข็ง

เหมือนกับต้นไม้ในฤดูหนาว ไม่มีโอาสเอาชีวิตรอด

อย่างไรก็ตาม เมื่อหนานกง มู่ ควบคุมเขตแดนทั้ง 2 พวกมันเริ่มเข้าใกล้กัน และผสมผสาน

มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง

 

วิชาลับฟ้าเขียว ไม้ และ น้ำแข็ง?

มันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หนานกง มู่ เขาพอเข้าใจได้ว่าทั้ง 2 สีหมายถึงอะไร แต่หนานกง มู่ ผสานมันเข้าด้วยกันได้ยังไง?

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะผสานเขตแดนทั้ง 2 เข้าด้วยกัน

แต่หนานกง มู่ ได้ปฏิเสธความเข้าใจของเขา ไม้สามารถรวมกับน้ำแข็งได้

 

หยิง ซาน ไม่ได้ถอย เขาแค่ใช้กระบี่ป้องกันมันอย่างง่ายๆ แต่มันก็ดูไม่ได้ง่ายนัก

หนานกง มู่ โจมตีด้วยดาบสีฟ้า น้ำแข็งก่อน

คลื่นน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งไปหา หยิง ซาน

กระบี่ของ หยิง ซาน ที่รับการโจมตีกลายเป็นน้ำแข็งไปทันที

 

จากนั้นกระบี่ของ หยิง ซาน ก็ถูกคลื่นพลังสีเขียวเข้าโจมตีต่อ

ทันใดนั้นเหตุการณ์แปลกๆได้เกิดขึ้น

น้ำแข็งบนกระบี่ของ หยิง ซาน ดูเหมือนได้รับชีวิต มันค่อยๆขยายไปที่แขนของ หยิง ซาน และปกคลุมมันอย่างรวดเร็ว

"นี่คือวิชาลับฟ้าเขียว?"

"ทรงพลังมาก!"

 

ผู้เข้าสอบต่างตะโกนให้กำลังใจ เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาเห็นโอกาสชนะ

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ หยิง ซาน ไม่ได้เปลี่ยนไปนัก

"ข้าสงสัยจริงๆว่าเจ้าทำมันได้ยังไง?" หยิง ซาน ถาม

"ฟ้าคือน้ำแข็ง เขียวคือไม้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายถึงไม้ธรรมดา แต่มันหมายถึงชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิต รวมถึงน้ำแข็ง" หนานกง มู่ อธิบาย

 

"ไม้คือชีวิต ข้าเข้าใจแล้ว...อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่กลัวว่าตอบข้าตรงๆจะไม่เป็นการเปิดเผยวิชาลับของตระกูลเจ้างั้นรึ?" หยิง ซาน พยักหน้า

"เจ้ารู้แล้วยังไง? ทำได้ไหม?"

"ฮ่าฮ่า เจ้าพูดถูก ข้าทำไม่ได้ ข้ายอมรับ ถ้าข้าอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์คงแพ้ไปแล้ว!" หยิง ซาน พยักหน้าอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็สั่นแขน น้ำแข็งที่เกาะอยู่รอบๆแขนเริ่มแตกออก อย่างไรก็ตามเพราะแขนของเขาพึ่งถูกปกคลุมโดยน้ำแข็งมา จึงมีสีม่วงเล็กน้อย

ก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เพจหลัก : Double gate TH

รีวิวผู้อ่าน