px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 261 ปัญหาของ ฟาง เจิ้งจือ


"10,000 เหรียญเงิน ... สำหรับคืนเดียว?" ปิง หยาง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ฉือ กูเหยียน นั้นเป็นคนฉลาดที่สุดที่นางรู้จัก

 

เมื่อไรกันที่ ฉือ กูเหยียน เริ่มทำอะไรโง่ๆ?

 

อยางไรก็ตาม ฉือ กูเหยียน กำลังทำเรื่องโง่ๆอยู่

บ้านหลังแค่นี้จะมีค่าถึง 10000 เหรียญเงินต่อ 1 คืน? แล้วบ้านพัก ปิง หยาง คงไม่เป็นล้านงั้นหรอกรึ? 10,000 เหรียญเงินนั้นเพียงพอที่จะซื้อหมู่บ้านได้ทั้งหมด

"เจ้าคิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง?" ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างไม่แยแส

 

"15,000" ฉือ กูเหยียน เสนอเพิ่ม

"แม่ เตรียมที่นอนสำหรับท่านหญิงคนนี้ได้เลย! ข้าอยากจะรู้นักว่านางจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน! " ฟาง เจิ้งจือ หันหลังเดินเข้าบ้าน

 

ปิง หยาง ตกตะลึง

ความภาคภูมิใจ ศักดิ์ศรีของเขาไปอยู่ที่ไหนกัน? เขาพึ่งพูดว่าเงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง? แต่อยู่ๆกลับเปลี่ยนใจ? เขายังคงเป็นเหมือนเดิม! ไร้ยางอาย

ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอที่ได้เงินจำนวนมากเด็ดขาด!

เขาเข้าไปในบ้าน

ฉิน ซูเหลียน พึ่งได้สติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ฟาง เจิ้งจือ ได้กลายเป็นคนดังในหมู่บ้านตั้งแต่ได้ฆ่าหมาป่าเพลิงฟ้า ต่อมาชื่อเสียงของเขาดังไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง

หลายคนมาที่ครอบครัวฟาง เพื่อขอหมั้น

ฉิน ซูเหลียน ไม่ได้ตกลงใครไป

ลูกชายของนางนั้นยิ่งใหญ่ วันหนึ่งเขาต้องไปที่เมืองใหญ่! เด็กหญิงเหล่านี้จะเหมาะกับเขาได้ยังไง?

แต่ ฉิน ซูเหลียน นั้นชอบ ฉือ กูเหยียน ตั้งแต่เห็นครั้งแรก นางมีความรู้ และวางตัวดี

 

ตั้งแต่ตอนนั้น ฉิน ซูเหลียน ต้องการให้ ฉือ กูเหยียน เป็นลูกสะใภ้

แต่ทำไมลูกชายของนางจึงทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้?

หญิงสาวคนนี้ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวยหรือทรงอิทธิพล นางเป็นธิดาแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีพรสวรรค์สูงสุดของอาณาจักร ทั้งองค์ชาย องค์หญิง ต้องปฏิบัติกับนางด้วยความนับถือ

 

นางได้รับความชื่นชมนับไม่ถ้วน

แต่ทำไมลูกชายนางถึงปฏิบติกับนางแบบนี้?

ยิ่งไปกว่านั้น…

ฉือ กูเยียน ไม่โกรธ! นางได้เสนอเงินให้เป็นจำนวนมาก! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือนางตกหลุมรัก ฟาง เจิ้งจือ จริงๆ?

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์หญิงทรงให้เกียรติมาพักบ้านพวกเรา เชิญอยู่ได้ตราบที่ท่านต้องการ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงิน ทั้งคู่ได้โปรดเข้ามาก่อน ! " ฉิน ซูเหลียน ไม่สนใจความต้องการของ ฟาง เจิ้งจือ

ในฐานะแม่ นางตัดสินใจในทันที

ถึงแม้ความเป็นไปได้จะต่ำ แต่นางก็ทำมัน

ตราบเท่าที่มีความหวัง นางก็จะลองดู

"ขอบคุณท่านป้า!" ฉือ กูเหยียน ยิ้ม และกอดแขนของ ฉิน ซูเหลียน เอาไว้ นางมองไปยัง ปิง หยาง ที่กำลังไม่พอใจ และเดินเข้าประตูไปอย่างสบายๆ

"ลูกไปย่างเนื้อมา! องค์หญิงชอบมัน! " ฉิน ซูเหลียน ดีใจที่ ฉือ กูเหยียน กอดแขนนาง

นางลืมเรื่องที่ผ่านมาทั้งวันจนหมดสิ้น

ได้รับการสนับสนุนจากธิดาแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องที่นางไม่เคยคาดฝันมาก่อน

"ถ้านางอยากกิน นางก็ทำเองสิ!" ฟาง เจิ้งจือ กล่าวอย่างไม่ยินดี

"เจ้าพูดอย่างนั้นได้ยังไงกัน? แม่บอกให้เจ้าไปย่างเนื้อ บางส่วนส่งให้ลุงหยางปิง เขาบาดเจ็บอยู่ และต้องการเนื้อ! " ฟาง เฮ่าเตอ ตะโกนขึ้นมาเมื่อได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ ตอบ

เจ้าจะเป็นกบฎงั้นหรือ?

ปิง หยาง ยิ้มเมื่อนางเห็นฉากที่เกิดขึ้น "ท่านลุง ท่านป้า ข้าชอบกระต่ายย่าง!"

"ลูก เจ้าได้ยินไหม ไปย่างประต่ายขนเขียวมาสองตัว!" ฟาง เฮ่าเตอ หัวเราะ

"ข้ามีคำถามข้อหนึ่ง" เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังออกมาจากห้องครัว

"อะไรงั้นรึ?"

"ข้าไม่ใช่ลูกของพวกท่านงั้นรึ?"

"เดี๋ยวเถอะ! ถ้าเจ้าไม่ทำตอนนี้ ข้าจะไปหักขาเจ้า! "

"เยี่ยมมาก! ท่านลุงเอาเลย ข้ามียารักษาเขาอยู่! นี่เป็นยาพิเศษสำหรับราชวงศ์! มันสามารถรักษากระดูกหักได้! " ปิง หยาง ยังคงราดน้ำมันลงกองไฟ นางโบกขวดสีเขียวไปมา

ฟาง เฮ่าเตอ และ ฉิน ซูเหลียน ต่างพูดไม่ออก  นางเป็นองค์หญิงจริงๆงั้นหรือ?

พวกเราควรทำยังไง?

 

ทันใดนั้นร่างหนึ่งรีบออกมาจากในบ้าน วิ่งผ่าน ปิง หยาง จนเกิดแรงลม

"ไม่เลวเลย!"

ก่อนที่ ปิง หยาง จะตอบโต้ ขวดในมือก็ถูกเอาไปโดย ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่เขาจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ

 

ก่อนที่นางจะได้แกล้งเขากลับ ...

 

ฟาง เจิ้งจือ ก็ปิดประตูทันที "ข้าจะย่างเนื้อ!"

ปิง หยาง ไม่คิดจะปล่อย ฟาง เจิ้งจือ ไปอย่างง่ายดาย ขณะที่นางเตรียมจะไล่ล่า ฉือ กูเหยียน ก็ได้ดึงตัวนางไว้

"เนื้อที่เขาย่าง เป็นเนื่อที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน"

ปิง หยางมองไปที่ ฉือ กูเหยียน ด้วยความไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามนางเบื่อกับการกินเศษอาหาร นางไม่มีทางเลือก นอกจากกลืนกินความภาคภูมมิใจทิ้งไป

"ฮึ่ม ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากได้กินเนื้อนั่น! ปิง หยาง กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ

...

อาหารมื้อนี้ทุกคนค่อนข้างมีความสุข

ปิง หยาง ดวงตาเป็นประกาย เมื่อนางเห็นเนื้ออยู่ตรงหน้า นางดูราวกับหมาป่าที่หิวกระหาย

นางโยนท่าทางของพวกชั้นสูงออกไป

นางกัดเนื้อคำใหญ่ และดื่มไวน์ด้วยถ้วย ปากของนางเต็มไปด้วยคราบมัน แม้ปากของนางจะเล็ก แต่ก็สามารถจัดการกระต่ายทั้งตัวและขาแกะได้ทั้งหมด!

ยามค่ำคืน ความสงบกลับคืนสู่หมู่บ้าน ดวงจันทร์ส่องสว่าง ณ กลางลานหมู่บ้าน

ฟาง เจิ้งจือ พิงตัวอยู่ที่ม้านั่ง ในลานหน้าบ้าน ดื่มด่ำกับความสงบ เขามีจานแตงโมและขวดไวน์ไว้ข้างๆ

ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็รากฎขึ้นมา  นางสวมสีชุดชมพู ราวกับดอกไม้บาน

 

ฉือ กูเหยียน ได้เลิกการปลอมตัวของนาง

นางหยุดอยู่ด้านขวาของ ฟาง เจิ้งจือ นางไม่พูดอะไรออกมา และเลือกยืนอยู่เฉยๆ

ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต้องไม่เชื่อตาตัวเอง ชาวบ้านนอนอยู่ ส่วนธิดาแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ข้างๆ

 

แต่นี่เป็นฉากที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ปิดลงราวกับไม่เห็นการมาถึงของ ฉือ กูเหยียน เขายื่นขวดไวน์และจานผลไม้ออกไป

ฉือ กูเหยียน มองขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ส่งมันมาให้

นางยกมือขึ้น ขวดไวน์ลอยเข้ามาในมือนาง จากนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ นางจิบไวน์

หลังจากนั้นนางก็ส่งมันกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม

ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อย แต่ไม่ลืมตา เขาเปลี่ยนไปนอนในท่าที่สบายขึ้น

ฉือ กูเหยียน ยังคงไม่พูด

ทุกอย่างยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน ดวงจันทร์ถึงจุดสูงสุดพร้อมกับอุณหภูมิที่ลดลง มันเป็นช่วงปลายเดือนที่เกือบทุกชีวิตบนภูเขากำลังหลับไหล

"ตอนนี้เจ้าได้ทำสิ่งที่ต้องการทั้งหมดแล้ว ทำไมจึงยังอยู่ที่นี่อีก?" ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็พูดขึ้นมา

" ความจริงที่ข้ายังอยู่เพราะธุระยังไม่เสร็จ" ฉือ กูเหยียน ตอบ

"เจ้าได้ส่งเรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขาให้กับ ซิง เฮ่า แล้ว เจ้ายังเหลืออะไรให้ทำอีกละ? "

 

"มี!"

 

"ชีวิตก็เหมือนหมากรุก มันคุ้มที่จะยอมแพ้เพื่อรักษาหมากตัวเดียว? "

 

"ไม่"

 

"แล้วทำไมเจ้าถึงยังไม่ไป?"

"ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ"

 

ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็พูดขึ้น "ภูเขาคังหลิงเป็นกับดักของพวกปีศาจ พวกมันต้องการกำจัดกองตรวจการความมั่นคง และเจ้าเองก็มาที่ภูเขาคังหลิง ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าได้วางกองกำลังไว้ที่นี่แล้ว"

 

"ใช่ ข้าเตรียมหน่วยปีกสีชาดไว้แล้ว 1000 คนและคนของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์อีก 500 คน พวกเขาซ่อนตัวอยู่บริเวณตีนเขาคังหลิง" ฉือ กูเหยียน ตอบความจริง

 

"แต่เจ้าไม่บอกอะไรข้าเลยตลอดการเดินทาง"

"ถ้าข้าบอกแล้วจะได้อะไร?"

"ถ้าข้ารู้เรื่องนี้ก่อนข้าจะได้ไม่ไปเตร็ดเตร่ที่ไหน ข้าจะรีบกลับมาที่นี่และไล่ทหารพวกนั้นไป! "

 

"ผลสุดท้ายจะต่างกันยังไงล่ะ?"

 

"แน่นอน ทุกวันก่อนที่ข้าจะมาถึง พวกชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมารตลอด"

"มันน้อมากเมื่อเทียบกับพวกเขาเคยได้รับ? ทั้งความแห้งแล้ง ดินถล่ม อดอยาก พวกเขาก็ประสบมาแล้ว 8 ปีที่ผ่านมา เจ้าเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง? "

"เปลี่ยน?" ฟาง เจิ้งจือ นิ่ง

 

เมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่นแล้ว เขาทำให้หมู่บ้านนี้ดีขึ้นมาก

แต่ความจริงชาวบ้านยังคงช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พวกเขาแทบจะกินไม่อิ่มท้อง ไม่มีทั้งร้านค้า หรือเงินเก็บ

เงินของเขาตลอดปีก็นำไปช่วยเหลือหมู่บ้าน

ต้องมากเท่าไหร่ที่คนๆหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านได้?

"ถ้าข้าเดาถูก เจ้าอยากจะอยู่ที่นี่และไม่เคยคิดเข้าเมืองเลย เจ้าไม่ได้อยากเข้าร่วมการทดสอบการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย " ฉือ กูเหยียน พูดต่อ

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ตอบ เขาก็คิดแบบนี้ เขากลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก เขากลัวการแก้แค้นที่อาจเกิดขึ้น

เขาต้องการที่จะอยู่ในหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ เขาต้องการปกป้องพ่อแม่และสมาชิกทุกคนในครอบครัวนี้

"ด้วยความสามารถของเจ้าตอนนี้ ก็อาจจะปกป้องหมู่บ้านได้ แต่เจ้าจะปกป้องไปได้ตอลดรึ? " เสียงของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้น

 

"ข้าก็มีวิธีของข้า" ฟาง เจิ้งจือ ตอบเรียบๆ

"ใช่ข้ามั่นใจว่าเจ้าทำได้ แต่เจ้าไม่สามารถทำได้โดยเร็วเท่าข้าแน่! ยกเว้นถ้าเจ้ามีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของหมู่บ้าน! ด้วยคำสั่งเดียว ข้าสามารถทำให้หมู่บ้านภูเขาทางเหนือเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในตอนเหนือได้! "

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ปฏิเสธมัน เป็นความจริงทั้งหมด ในฐานะของผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดของอาณาจักร นางคงเปลี่ยนหมู่บ้านนี้ได้โดยง่าย

นอกจากนี้นางก็ไม่ได้มีชีวิตเพื่อเกียรติยศและตำแหน่งของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ แต่ชีวิตของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอยู่กับตัวนาง

นางไม่ได้มีชื่อเสียงเพราะเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูลที่มีอิทธิพล แต่นางมีชื่อเสียงด้วยตัวเอง

"น่าเสียดาย ข้าอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงหมู่บ้าน เมือง หรือแม้แต่มณฑลก็ย่อมได้ แต่ข้าไม่สามรถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของอาณาจักรและโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้! " น้ำเสียงของ ฉือ กูเหยียน เริ่มจริงจัง แต่ท่าทียังสงบเช่นเดิม

"ข้าได้ยินว่าผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะนำพาความสงบสุขมาสู่โลกใบนี้!" ฟาง เจิ้งจือ กล่าว

"เจ้าเชื่อหรือไม่?"

"ไม่"

"แต่ข้าเชื่อ คำทำนายของสวรรค์ไม่มีทางผิด! เจ้าอาจจะคิดว่าข้าไม่สนใจหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ แต่ข้านั้นกังวลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก ใครสักคนต้องทำมัน ไม่เป็นเจ้าก็ข้า โลกนี้จำเป็นต้องมีวีรบุรุษเสมอ"

 

"เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นวีรบุรุษรึ?"

"ไม่ ข้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง หมากในแผนการของใครบางคน "

"ถ้าเจ้าเป็นแค่หมาก ข้าคงจะเป็นหมากที่อ่อนแอกว่าเจ้านัก" ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบา ๆ

"ข้ามีคำถามที่สงสัยมานานแล้วอยู่ 2 ข้อ" ฉือ กูเหยียน ไม่ตอบแล้วเปลี่ยนเรื่อง

"มีเรื่องที่เจ้าไม่รู้ด้วยรึ?"

 

"ใช่ อย่างเช่นเจ้าเรียนรู้วิชาของคนอื่นอย่างรวดเร็วได้ยังไงกัน? เจ้าแก้ปริศนาของเต๋าแห่งการสรรค์สร้างทั้งหมดได้ยังไง? ทำไมเจ้าถึงมีพลังที่มากยิ่งกว่าสะท้อนสวรรค์ของคนอื่น แม้พึ่งจะเข้าถึงมันได้ไม่นาน? "

"ข้าตอบคำถามแรกของเจ้าได้ ข้าไม่อยากตอบคำถามที่ 2 ส่วนคำถามที่ 3 ข้าเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน " ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างจริงจัง

ฉือ กูเหยียน เงียบ แววตาของนางลุกโชนด้วยความคาดหวังขณะที่ฟังการตอบกลับของ ฟาง เจิ้งจือ

"ข้าเข้าถึงเต๋าได้ตั้งแต่ 8 ปีก่อน ปีต่อมาข้าก็เข้าถึงระดับผนวกดารา ข้าไม่รู้เกี่ยวกับระดับขั้นพลังต่างๆ ข้าจึงใช้เวลาสะสมดาวมาถึง 7 ปี ... "

 

"สิ่งที่เจ้าพูดคือ เจ้าเข้าใจเต๋ามากมาย?"

"ข้าไม่รู้ว่ามันมีจำนวนมากแค่ไหน ข้าคิดว่าราวๆ 200-300 ได้? " ฟาง เจิ้งจือ ตอบลวกๆ

 

"200-300 ... " ฉือ กูเหยียน หน้าถอดสี นี่เป็นครั้งแรกที่นางสูญเสียความสงบต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตามนางกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ความกลัวกลับกลายเป็นความปลาบปลื้ม ก่อนนางจะเผยยิ้มออกมา

 

นางดูสวยงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

ฟาง เจิ้งจือ ที่ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่น อย่างไรก็ตาม เขามอง ฉือ กูเหยียน และตัวเขาเองในฐานะคนจากโลกที่แตกต่างกันเสมอ

นางต่อสู้เพื่ออาณาจักร ข้าต่อสู้เพื่อบ้าน พวกเขาจะเข้ากันได้ยังไง?

 

"ข้ารู้ว่าปัญหาของเจ้าอยู่ที่ไหน!"

ทันใดนั้น ฉือ กูเหยียน ก็พูดขึ้นมา ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

เป็นภาพที่หาได้ยาก

เป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ เห็น ฉือ กูเหยียน เป็นแบบนี้

"ข้ามีปัญหาอะไร?"

"ถ้าข้าเดาไม่ผิดในมิติพิเศษของเจ้ามีผลไม้ที่ขนาดเท่ากันมากมาย ! " ฉือ กูเหยียน ต้องการยืนยันสิ่งที่นางคิด

 

ฟาง เจิ้งจือ ตะลึง

มิติพิเศษนั้นต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธิและเทคนิกการฝึกฝน

แล้ว...

ฉือ กูเหยียน เดาได้ยังไงว่ามิติพิเศษของเขาเป็นแบบไหน?

มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์สักหน่อย!

ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตามคำพูดของ ฉือ กูเหยียน ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็น

"แล้วมันยังไงกันละ?" ฟาง เจิ้งจือ ถาม

"เจ้า... เจ้าอยากเป็นคนเล่นหมากรุกไหม?" ฉือ กูเหยียน ยิ้ม ขณะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ

"ผู้เล่นหมากรุก?" ฟาง เจิ้งจือ อยากจะบ่น ฉือ กูเหยียน ว่านางเปลี่ยนหัวข้อเร็วไปหรือไม่ ตอนที่พวกเขากำลังพูดเรื่องหมากรุกก็เปลี่ยนเป็นการบ่มเพาะพลัง ตอนนี้พอพูดเรื่องกาบ่มเพาะพังกลับเปลี่ยนเป็นอย่างเดิม?

"ใช่ เจ้าไม่ได้พูดว่าเจ้าเป็นตัวหมากที่อ่อนแอกว่าข้างั้นรึ? ถ้าเจ้าไม่ต้องการเป็นหมาก ก็เป็นผู้เล่นที่ควบคุมโชคชะตาของคนอื่นซะสิ "

"ข้าไม่อยากเป็นผู้เล่นหมากรุก" ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวและพูดต่อ "ในความเป็นจริงข้าไม่ต้องการเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง มีอีกประเภทคือผู้ชม! มีคำเล่าอันเก่าแก่ว่า ผู้ชมนั้นจะรู้ทุกอย่างดีที่สุด! "

"ผู้ชมนั้นจะรู้ทุกอย่างดีที่สุด..." ฉือ กูเหยียน พูดพึมพัมกับตัวเอง หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ นางได้พูดขึ้น "จริงๆแล้วนั่นเป็นสิ่งที่ข้าพยายามทำมาแล้ว อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถทำมันได้ ข้าก็คิดว่าเจ้าไม่น่า  ... "

ฉือ กูเหยียน หยุดพูด นางเงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์อันสดใส "เจ้าต้องการเอาชนะข้างั้นรึ?"

 

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

รีวิวผู้อ่าน