px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 270 ชายหนุ่มผู้รักษาเวลา


เหยียน ซิว ได้ จัดการคู่ต่อสู้ไปในรอบก่อนหน้านี้ แต่ในรอบนี้เขากลับดูอ่อนแอลงมาก

ก่อนหน้านี้ เหยียน ซิว พุ่งใส่ตรงๆ

แต่ครั้งนี้ เหยียน ซิว ใช้วิชาเงาสายลม

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้โจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ผู้ที่ต่อสู้กับ เหยียน ซิว เองก็ตกตะลึง เขาเตรียมป้องกันเมื่อเห็น เหยียน ซิว เคลื่อนไหวไปรอบๆเวที แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า

"กลลวง?"

"เขาพยายามหลอกข้าว่าเขาอ่อนแอ?"

 

"พยายามล่อให้ข้าเข้าไป? "

คำถามเกิดขึ้นในใจคู่ต่อสู้ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ในการต่อสู้ มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่คิดจะใช้กลลวง

แต่ เหยียน ซิว อ่อนแองั้นรึ?

แน่นอนว่าไม่

ดังนั้น...

 

เหยียน ซิว กำลังพยายามทำอะไร?

"ถ่วงเวลา!" ในที่สุดเขาก็เข้าใจ แต่เขาไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองก็เป็นเพียงแค่ของเล่นเลย

ขณะที่เขากำลังคิด รังสีดาบก็พุ่งมาทางเขา

เขาตกตะลึงไป

 

โอ้? ข้าคิดว่าเขาจะถ่วงเวลาเสียอีก?

"ตูมมม!" ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ทัน รังสีดาบก็ปะทะเข้ากับร่างเขา ร่างกายของเขาถูกส่งบินไปบนท้องฟ้า

โชคดีที่เขาตกอยู่ที่ขอบเวที ไม่ใช่นอกเวที

 

นอกจากนี้ ...

รังสีดาบนั้นไม่ได้คมมากนัก เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและกระดูกไม่ได้หัก

เห็นได้ชัดว่า เหยียน ซิว ไม่ได้ใช้พลังเต็มที่

ถ้าเขายังไม่เข้าใจว่า เหยียน ซิว กำลังทำอะไรอยู่ เขาคงโง่จริงๆ เหยียน ซิว ถ่วงเวลา แต่ไม่ได้ทำแบบเปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงความโกรธของเหล่าเจ้าหน้าที่

เช่นนี้ เหยียน ซิว จึงใช้เขาเป็นกระสอบทราย

"คิดว่าข้าจะยอมงั้นรึ!" เขานั้นมีความภูมิใจ ไม่เป็นไรถ้าเจ้าจะถ่วงเวลา แต่กลับทำกับข้าเป็นกะสอบทราย? เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!

คนที่ผ่านมาหลายรอบ ไม่มีทางอ่อนแอ

รังสีดาบเริ่มปรากฎขึ้นมาบนมือเขา มันส่องแสงเป็นประกายและดูทรงพลัง

แต่ เหยียน ซิว กลับทำให้มันดูไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

ด้วยวิชาเงาสายลม เขาสามารถหลบหลีกได้ทั้งหมด แม้แต่ชายเสื้อของ เหยียน ซิว เขาก็ไม่สามารถตัดได้

 

เขาโดนการโจมตีของ เหยียน ซิว อีกครั้งและกระเด็นออกไปในอากาศ

...

หลังจากผ่านไป 15 นาที คู่ต่อสู้ของ เหยียน ซิว โดนโจมตีใส่และกระเด็นออกไปนับครั้งไม่ถ้วน  แต่ละครั้ง เขาโชคดีที่ไม่ตกออกไปจากเวทีเลยสักครั้ง

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างคิดว่า "นี่เป็นการทดสอบระดับสภาจริงๆงั้นหรือ?"

 

30 นาทีผ่านไป

45 นาทีผ่านไป

1 ชั่วโมง...

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป

เจ้าหน้าที่ต่างขมวดคิ้ว ขณะที่ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก การต่อสู้ครั้งนี้นานเกินไป มันใกล้เที่ยงแล้ว

แสงอาทิตย์ยิ่งร้อนมากยิ่งขึ้น

แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน แม้แต่องค์จักรพรรดิยังไม่พูดอะไร จะมีใครคัดค้านกัน?

 

นอกจากนี้มันยังเป็นแค่การทดสอบระดับสภาเบื้องต้น ใครจะกล้าขัดการต่อสู้กัน? แม้ว่าจะรู้ว่า เหยียน ซิว กำลังถ่วงเวลาแต่จะทำอะไรได้บ้าง

 

แล้วมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนานเท่าไร?

เจ้าหน้าที่ต่างเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ความจริงแล้ว คู่ต่อสู้ของ เหยียน ซิว นั้นเป็นคนที่ทุกข์ทรมารที่สุด เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง

เขามีแต่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย

แต่มันเป็นการทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เขาไม่สามารถเอาชนะ เหยียน ซิว ได้.... แต่ก็ยอมแพ้ไม่ได้ เดี๋ยวก่อนนะ!

ใช่ เขาสามารถยอมแพ้ได้!

"ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าขอยอมแพ้!" ตาของเขาดูสดใสขึ้นมาทันที เขาไม่สามารถทนความอับอายนี้ได้อีกต่อไป

"ตูมมม!"

ร่างกายของเขากระเด็นไปในอากาศ คราวนี้เขาตกลงไปที่พื้นนอกลานประลอง

 

ฝูงชนต่างนิ่งเงียบ

เขายอมแพ้?!

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาและยิ้มออกมา ทุกคนก็อยากจะยอมแพ้ด้วยเช่นกัน

"เหยียน ซิว เป็นผู้ชนะ!" ผู้คุมสอบกำลังหลับอยู่ เขาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร่างกายผู้แข่งขันตกลงมาโดนพื้น เขาจึงรับประกาศชัยชนะของ เหยียน ซิว ออกมาทันที

"เกือบเที่ยงแล้วเหรอ?"

เมื่อ ปิง หยาง ได้ยินสิ่งที่ผู้คุมสอบพูด ดวงตาของนาเป็นประกายบางอย่าง นางดูไม่พอใจและมองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยดวงตาอันน่าสงสาร

"ท่านพ่อ พวกเรานั่งดูมานานแล้วนะ ข้าหิว!"

 

"โอ้เจ้าหิวแล้วหรือ?" องค์จักรพรรดิมองไปยัง ปิง หยาง ด้วยความเอาอกเอาใจ

"เรียนองค์จักรพรรดิ นี่ก็เลยเที่ยงมาสักพักแล้ว ทำไมพวกเรา ... " ยู่ ยี่ปิง ที่ยืนอยู่ข้างน้า ปิง หยาง พูดขึ้นมาเมื่อได้ยิน ปิง หยาง พูด

"ทำไมอะไรหา? ข้าหิว ข้าจะกินเดี๋ยวนี้! " ปิง หยาง เหลือบมองเขา

"ใช่ ใช่ องค์หญิงทรงหิวแล้ว ข้าจะส่งคนไปเตรียมอาหารให้ท่าน! " ยู่ ยี่ปิง พยักหน้า จากนั้นหันหน้าไปทางผู้คุมสอบ "เริ่มต้นรอบต่อไป ข้าจะไปเตรียมอาหารให้นางเอง รอไม่นาน! "

"รับทราบ!" ผุ้คุมสอบรู้ว่า ยู่ ยี่ปิง ต้องการอะไร ก่อนที่ ปิง หยาง จะพูดอะไร ผู้เข้าสอบก็พูดขึ้นมา "รอบถัดไป หนานกง มู่ สู้กับ ฟาง เจิ้งจือ!"

เจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มเมื่อได้ยินผู้คุม ไมวา เหยียน ซิว จะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน หรือ ปิง หยาง จะเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางขัดผู้คุมสอบได้

พวกเขาทั้งหมดต่างรอให้ผู้คุมประกาศให้ ฟาง เจิ้งจือ พ่ายแพ้

 

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ท่ามกลางฝูงคน

"ข้าอยู่นี้..."

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนเดินออกมา เขาพึมพัมกับตัวเอง "ข้ามาทันเวลา โชคดีที่ข้าเลือกมาทางด่วน โชคดีที่ข้าไม่สาย!"

"โปรดเรียกข้าว่าเด็กหนุ่มผู้รักษาเวลา!" ร่างหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวที ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตัวแข็งค้าง ทุกคนรู้จักชายคนนี้

"นั่นมัน ฟาง เจิ้งจือ ?!"

 

"เขามาจริงๆ แต่ ... ที่เขาพูดคืออะไร? ไม่สาย?!"

"เด็กหนุ่มผู้รักษาเวลา? มีใครไร้บางอายกว่าเขาอีกไหมเนี่ย? "

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างคั่งแค้น ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่า ฟาง เจิ้งจือ มาสาย เหยียน ซิว คงไม่ต้องพยายามถ่วงเวลา และพวกเขาคงไม่ต้องนั่งทนตากแดดร้อนๆนานขนาดนี้!

"เจ้าดูผอมลงนะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ข้าได้นำเนื้อมานิดหน่อย ถ้าสู้จบแล้ว ข้าย่างให้เจ้าบ้างเอาไหม? " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ เหยียน ซิว บนเวที

"เยี่ยมมาก ข้าขอด้วย!" ก่อนที่ เหยียน ซิว จะตอบ ปิง หยาง ก็ตะโกนขึ้นมา

"ข้าบอกว่าจะให้เจ้าตอนไหน? เจ้ายังไม่ได้จ่ายค่าที่พักให้ข้าเลยนะ! " ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ปิง หยาง

เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างตกตะลึงกับคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ มันเป็นเกียรติมากที่องค์หญิงชอบสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ไม่เพียงเขาไม่ให้นาง เขายังบอกให้นางจ่ายค่าที่พักอีก?

 

จากนั้นพวกเขาก็จำข่าวลือที่แพร่กระจายได้

15,000 เหรียญเงินต่อคืน!

 

มันเป็นความจริงหรือ?

"อ้อหรอ! ข้าอยู่บ้านท่านลุงฟางและท่านป้าฉินต่างหาก บ้านเจ้าที่ไหนกัน! " ปิง หยาง หันกลับไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก

"ท่านลุงฟาง? ท่านป้าฉิน? "

ความกลัวเริ่มแสดงออกในสายตาของเจ้าหน้าที่ ปิง หยาง เป็นองค์หญิง แต่นางเรียกคนธรรมดาว่าท่านลุงและท่านป้า...

"ปิง หยาง อย่าตะโกนอย่างนั้น" องค์จักรพรรดิรู้ความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตือน ปิง หยาง

"โอ๊ะ!" ปิง หยาง รีบหุบปาก แต่นางยังคงมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ราวกับจะพูดว่า ข้าไม่ให้เจ้าซะอย่าง เจ้าจะทำอะไรได้?

 

ฟาง เจิ้งจือ เมิน ปิง หยาง และมองไปที่ เหยียน ซิว "แล้วเจ้าจะเอาไหม?"

"แน่นอน!" เหยียน ซิว พยักหน้าและเดินออกจากเวทีด้วยความใจเย็น อย่างไรก็ตาม เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความโล่งอก

"ฟาง เจิ้งจือ!" หนานกง มู่ ได้เดินขึ้นไปบนเวทีด้วยดวงตาแห่งความเงียบสงบ ไม่ใช่ไร้อารมณ์ แต่เป็นความมุ่งมั่นในการต่อสู้

"โอ้ข้าก็ไม่เห็นเจ้ามาสักพักเช่นกัน! เจ้าดูดำขึ้นนะ! " ฟาง เจิ้งจือ ทักทาย หนานกง มู่

"มาสู้กันเถอะ!" หนานกง มู่ เดินตรงไปหา ฟาง เจิ้งจือ

"ต่อสู้เดี๋ยวนี้? ข้าไม่คิดว่ามันคงดีเท่าไร " ฟาง เจิ้งจือ กล่าวด้วยความจริงใจ

"ข้าพร้อมแล้ว!" หนานกง มู่ ดึงดาบฟ้าและเขียวออกมา เจตนาแห่งการต่อสู้ถูกปลดปล่อยออกมาในอากาศทันที

 

"โอเค งั้น... " ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินไปหา หนานกง มู่ "งั้นมาจับมือกันก่อนสู้ไหม?"

หนานกง มู่ ตะลึง  เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่ยื่นมือออกมา หลังจากลังเลไปชั่วครู่ เขาถือดาบทั้งสองด้วยมือเดียวและยื่นมือขวาออกไป

"เอาอาวุธลับของข้าไปกิน!" ทันใดนั้น แสงสีเงินก็พุ่งออกมาจากแขน ฟาง เจิ้งจือ และล้อมรอบ หนานกง มู่ ในทันที

เจ้าหน้าที่ทุกคนมองด้วยความสับสน ไม่ใช่ก่อนหน้านี้เขาบอกจะจับมืองั้นหรือ? แต่กลับใช้อาวุธลับ?

 

จะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปแล้ว!

 

"ไร้ยางอาย!"

"ไร้ยางอายไม่มีสิ้นสุดจริงๆ!"

 

"ลอบโจมตี!"

เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มสาปแช่ง

"คนคนนี้... ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้! " ริมฝีปากของ ปิง หยาง อ้าค้าง นางไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำแบบนี้

แต่ ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นวิชาลับฟ้าเขียวของหนานกง มู่

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหาโอกาสโจมตีคู่ต่อสู้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะพุ่งเข้าไปตงๆ!

นอกจากนี้ ...

หนานกง มู่ เองก็พูดว่าเขาพร้อมแล้ว!

"คลิ้ง แคล้ง!" เข็มสีเงินทั้งหมดตกลงไปที่พื้น หนานกง มู่ ไม่ได้ถอย เขาใช้ดาบในมือซ้ายเพื่อป้องกันการโจมตี กระจกน้ำแข็งได้ป้องกันสิ่งที่ปรากฎขึ้นทันที

เข็มทั้งหมดพลาดเป้า

"ฟาง เจิ้งจือ เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย!" หนานกง มู่ ไม่ได้ประหลาดใจกับการลอบโจมตี เขารู้สึกนับถือ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยซ้ำ

 

มันดูเหมือนเป็นแค่ของเล่น

 

แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น

ในโลกแห่งเซียน ฟาง เจิ้งจือ ได้ใช้พวกมันหลอกล่อ หนานกง มู่

ถ้า ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ เลือกสู้ตรงๆ ... หนานกง มู่ คงคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เลือกที่จะไม่สู้กับเขาอย่างเต็มที่

"ขอบคุณสำหรับคำชม!" ฟาง เจิ้งจือ ยอมรับคำชมเชยจาก หนานกง มู่ จากนั้นเขาก็บีบวัตถุสีดำในมือ

ระเบิดแฟลช!

ทันใดนั้น ทุกสิ่งถูกปกคลุมด้วยสีขาว

"โอ้พระเจ้าตาของข้า!"

 

"เชี่ยนี่มันอะไรกัน?!"

"ทำไมข้ามองไม่เห็นอะไรเลย?"

เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มกรีดร้อง แสงนั้นสว่างเกินไป ราวกับแสงนับไม่ถ้วนได้โจมตีดวงตาพวกเขา

ฝูงชนทั้งหมดอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

อย่างไรก็ตาม ไม่นานแสงสีขาวก็เริ่มหายไป

 

ดวงตาของพวกเขาพร่ามัวเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นสีแสงหมุนไปมามากมาย

วิ้ง วิ้ง วิ้ง.

"เชี่ยนี่มันอะไรกัน?!"

 

"ทำไมข้าถึงรู้สึกมึนนิดหน่อย... "

 

"ตึ้ง!"

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งล้มลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ตามด้วยคนที่สอง สาม และกลายเป็นหลายคน

พวกเขาไม่ทราบว่าผู้แข่งขันทั้งสองเป็นลมไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้ชมจำนวนมากเป็นลมไป..

ช่างน่าประทับใจ!

 

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

รีวิวผู้อ่าน