px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 332 ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาก็ตาม


"เดี๋ยวก่อน! ข้าแค่ทดสอบปฏิกริยาของพวกเจ้าเท่านั้น พวกเจ้าพูดถูก...ข้าเป็นทูต!" ฟาง เจิ้งจือ ยกมือขึ้นเขาไม่สามารถเอาชนะพวกคนเถื่อนได้ทั้งหมด เพราะพวกเขามีหมาป่าเขาเหล็กมากกว่าพันตัวและกองกำลังอีกมาก พวกเขาสามารถบดขยี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างง่ายดาย

 

เขาไม่สามารถวิ่งหนีได้เช่นกัน  ดังนั้นเขาต้องหาทางเอาชีวิต

 

"งั้นบอกมาเจ้ามาที่นี่ทำไม" ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างรวดเร็วโดยไม่เกรงกลัวอะไร

"ถ้าข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ละ?" ฟาง เจิ้งจือ ลองหยังเชิง

"ข้าก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับขุนเขา เลือดเนื้อและกระดูกของข้าจะทำให้พืชพันธุ์เติบโตและอุดมสมบูรณ์ ข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนนี้ตลอดไป!" ชายวัยกลางคนตอบอย่างภาคภูมิใจ

"เอาล่ะ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น" ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเขารู้ว่าที่นี่เองก็มีความเชื่อ

 

พวกเขาใช้ความเชื่อบางอย่างเพื่อหลอมรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียว

"งั้นเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร" ชายวัยกลางคนไม่คิดจะเสียเวลา

"ข้าสามารถบอกได้ แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้"

 

"แล้วใครละที่เจ้าบอกได้?"่

"แน่นอน ว่าผู้นำของพวกเจ้า"

"ผู้นำ?"ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าข้าเข้าใจแล้ว โปรดตามข้ามา!"่

ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม

เกิดอะไรขึ้น?

 

แผนของเขาสำเร็จแล้ว?

เขาจะได้เจอกับผู้นำของที่นี่ จากนั้นเขาก็จะได้คิดแผนการต่อ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเขาอาจจะต้องลักพาตัวผู้นำของที่นี่!

ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ เขาวบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ ที่เขาต้องทำคือหาโอกาสหลบหนี

...

ตอนแรก ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเขาคงถูกมัดไม่ก็เอาผ้ามาปิดตา อย่างไรก็ตามไม่มีเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น

เขาจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

แต่เขาต้องตื่นตัวทันทีเมื่อออกจากป่า

มีหินที่สูงกว่าร้อยเมตรด้านหน้าเขา ด้านล่างของมันมีค่ายขนาดใหญ่อยู่ มันสร้างขึ้นจากไม้และใช้ใบไม้เพื่อพลางตา

มันค่อนข้างมองหาได้ยาก  โดยเฉพาะเมื่อมองจากที่สูง

นี่เป็นค่ายของกองทัพที่แท้จริง  แต่ทำไมพวกเขาต้องมาตั้งมั่นอยู่ที่นี่ด้วย?

ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะหนี แต่เขายังไม่มีโอกาสเลย

เขากำลังถูกพาตัวไปยังกองกำลังหลักของดินแดนภูเขาทางใต้!

ชายวัยกลางคนพา ฟาง เจิ้งจือ เดินผ่านค่ายเข้าไปมากกว่า 15 นาทีแล้ว ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เห็นว่ากองกำลังของดินแดนภูเขาทางใต้เป็นยังไง

ทหารแต่ละคนมีผิวคล้ำและสวมเกราะหวายเหมือนกัน พวกเขาถือหอกที่มีขนาดใหญ่และยาวมาก

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เดินผ่าน ทุกคนต่าทำหน้าสงสัย แต่ไม่มีใครถามอะไรออกมา

ในที่สุดชายวัยกลางคนก็หยุดและคุกเข่าลงพึมพัมบางอย่างราวกับอธิษฐานขอพร

ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นและชี้ไปยังเส้นทางที่ทำด้วยไม้ด้านหน้าด้วยความเคารพ

 

"ท่านฑูต เชิญ!"่

"ขอบคุณ" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า

 

ฟาง เจิ้งจือ พบบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากกระโจมด้านหน้ามันถูกปกคลุมไปด้วยใบพืชสีเขียวทึบหนา มีเสาตรงกลางที่ถูกแกะสลักอย่างงดงาม

 

ชายวัยกลางคนคุกเข่าให้รูปแกะสลักเหล่านี้

การป้องกันรอบๆกระโจมนั้นเข้มแข็งเป็นอย่างมากแต่ละด้านมีคนคุ้มกันมากกว่า 20 คน รวมคนที่เฝ้ารอบกระโจมอย่างน้อยก็ 100 คน

หลังจากพวกเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ และ ชายวัยกลางคน

ผู้คุ้มกันที่หน้ากะโจมก็พูดขึ้นมา  เขาชี้หอกมาที่ ฟาง เจิ้งจือ

"ชายคนนี้คือใคร?"่

"ทูต"ชายวัยกลางคนตอบอย่างสุภาพ

"ข้าเข้าใจแล้ว เชิญเข้าไปด้านใน" ทหารพยักหน้า จากนั้นเขาก็กลับไปยืนที่เดิม

ชาย วัยกลาง คนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเปิดกระโจมออกจากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ ฟาง เจิ้งจือ

เมื่อประตูกระโจมถูกเปิดออก ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินเสียงมาจากด้านใน ราวกับมีการถกเถียงกัน

ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไป

เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เข้าไป ทั้งกระโจมก็เงียบลงทันที

ฟาง เจิ้งจือ เองก็เงียบเขาพบว่าคนที่อยู่ในกระโจมมีมากกว่าคนเดียว

มีผู้นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะมากกว่า 20 คน

พวกเขาทั้งหมดแต่งกายแตกต่างจากทหารด้านนอก เกราะของพวกเขาซับซ้อนและมีส่วนที่เป็นหนังอีกชั้น

 

ที่สำคัญที่แขนของพวกเขามีแสงส่องออกมาจากๆ  เมื่อดูชัดๆ ฟาง เจิ้งจือ พบว่าพวกเขาค่อนข้างประหลาด

แน่นอนที่ ฟาง เจิ้งจือ เงียบไม่ใช่เพราะมีคนอยู่ในกระโจมจำนวนมาก แต่เพราะคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ...

 

เป็นผู้หญิง

หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหนังสีทอง

ผิวของนางเปล่งปลั่งบ่งบอกว่าสุขภาพดี จุดสงวนของนางมีหนังสีขาวปกปิดเอาไว้

ขาของนางนั้นเรียวสวย  นางเป็นผู้หญิงที่ชวนให้หลงไหลมาก

ที่ขาขวาของนางมีสายหนังเหน็บมีดสั้นไว้ 2 เล่ม

นอกจากชุดของนางจะแตกต่างจากคนอื่นแล้วนั้น บนหัวของนางยังประดับไปด้วยมงกุฎกระดูกและมีขนนก 5 สีอยู่บนนั้น

 

มันแสดงว่านางเป็นผู้มีอำนาจ!

"แปลกมาก?" ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองหญิงสาวด้านหน้าด้วยความชื่นชม

หญิงสาวนางนี้มีความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์

นางไม่ได้บึกบึนหรือหยาบกร้านแต่กลับงดงามเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ...

 

ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอ

ยังไงนางก็ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของที่นี่

มันเป็นเพราะวัฒนธรรมของดินแดนภูเขาทางใต้งั้นหรือ?

"องค์หญิง ข้าพาฑูตตัวปลอมมาแล้ว!" ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปและคุกเข่าลง เขาไม่กล้ามองนางตรงๆ

"อืม ... เจ้าออกไปได้แล้ว" เสียงของนางดังขึ้น จากนั้นนางก็นั่งลง

ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปทันที

 

องค์หญิง?!

เขารู้คำนี้ดี  เขาพึ่งไปกินหม้อไฟและดื่มเหล้ากับองค์หญิงนับ 10 คนมา

 

แต่ตอนนี้...

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน ...

 

เขารู้ว่าเขาจบสิ้นแล้ว!

 

มีฑูตที่ไหนเรียกองค์หญิงว่าผู้นำกัน?

ทุกอย่างล้วนเป็นกับดักเพื่อล่อเขามาที่นี่  และตอนนี้เขาก็เหยีบเข้ามาในกับดักเรียบร้อยแล้ว

ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเสียใจเขาควรจะฟัง วู่ จวี้เอ๋อ และไม่ควรมาที่นี่

 

แต่ตอนนี้...

 

เขาเป็นได้แค่เหยื่อเท่านั้น

พวกเขาจ้าเอาข้าไปย่างหรือทอดไหม?

 

ชายวัยกลางคนทำตามคำพูดของหญิงสาว หัวของเขาก้มโค้งตลอดเวลาขณะเดินออกจากกระโจม

 

ฟาง เจิ้งจือ ต้องรักษาความสงบไว้

มีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า จงอย่าเคลื่อนไหวถ้าศัตรูไม่เคลื่อนไหว ถ้าศัตรูเคลื่อนไหว จงทำอะไรที่พวกมันจะคาดไม่ถึง!

"พวกเราสามารถพูดคุยกันก่อนได้   ท่านสามารถถามอะไรข้าก็ได้  ข้าจะบอกในทุกสิ่งที่ข้ารู้  " ฟาง เจิ้งจือ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนและพยายามจะซื้อเวลาให้ตัวเอง

มีแต่ความเงียบ

หลังจาก ฟาง เจิ้งจือ พูดจบ

ทุกคนในกระโจมก็หัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง

"โอ้ย ไม่ไหวแล้ว!ฮ่าฮ่าฮ่า .. ข้าได้ยินว่าคนของอาณาจักรเซี่ยนั้นแข็งแกร่ง แต่ทำไมเจ้านี้กลับขี้ขลาดขนาดนี้กัน!" หญิงสาวที่นั่งหัวโต๊ะหัวเราะออกมาอย่างสดใส

 

"ช่างไร้ยางอายจริงๆ ขนาดพวกเรายังไม่พูดอะไร เขาก็เต็มใจจะทรยศอาณาจักรตัวเองแล้ว "

 

"คนแบบนี้ไม่มีค่าอะไร ควรฆ่าเขาทิ้งเลย"

"อืม เจ้าพูดถูก  คนของดินแดนภูเขาทางใต้นั้นกล้าหาญ  พวกเรามีภูเขาเป็นพวก มีต้นไม้เป็นเพื่อบ้าน แม้แต่พายุก็สนับสนุนพวกเรา  คนขี้ขลาดนั้นไม่ควรจะเสียเวลาด้วย"

แม่ทัพทุกคนกล่าวด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด

 

ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง

คนที่เขาสนใจมีเพียงหญิงสาวที่นั่งหัวโต๊ะเท่านั้น  นางเป็นคนเดียวที่มีอำนาจสูงสุด  เขาได้ทำสิ่งที่เขาต้องการสำเร็จแล้ว

ทำให้นางหัวเราะ

 

มันเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เข้าจะได้ใกล้ชิดนางมากขึ้น

แน่นอนว่ามีเสียงหัวเราะหลายแบบ เพราะความตื่นเต้น เพราะอารมณ์ดี...

และเยาะเย้ย

ฟาง เจิ้งจือ ใช้วิธีที่ง่ายที่สุด มันไม่สำคัญว่าองค์หญิงจะเยาะเย้ยเขาหรือไม่

"ฝ่าบาท ไม่ต้องไปฟังคนพวกนี้  ข้านั้นมีประโยชน์มากมาย  ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกฎแห่งเต๋า  นอกจากนี้ข้ายังรูเรื่อง โหราศาสตร์, บทกวี อืม....และแน่นอนข้าเองก็เป็นพ่อครัวที่ดีเช่นกัน!  แม้แต่องค์จักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยยังชอบอาหารที่ข้าทำ เขาให้รางวัลข้าเป็นเงินจำนวนหนึ่งด้วย " ฟาง เจิ้งจือ เปิดเผยความสามารถของเขา

โดยการสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง

ต่อไปก็พยายามขายตัวเองให้น่าสนใจ  แสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นประโยชน์  นั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขามีชีวิตรอด

"ชายคนนี้ไม่เพียงแต่ไร้ยางอาย แต่ยังขี้อวดด้วย"

"ความสามารถของเขาในการโอ้อวดก็ไม่เลว"

"้ข้าได้ยินมาว่าคนของอาณาจักรเซี่ยนั้นฉลาดแกมโกง ข้าคิดว่าคงจริง "

ทุกคนต่างเย้ยหยันทันทีเมื่อได้ยินที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดความรังเกียจของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ  มีใครพูดชมตัวเองแบบนั้นกัน?

"ฮ่าฮ่า ... น่าสนใจ เจ้าบอกเจ้าจำกฎแห่งเต๋าได้ งั้นข้าจะทดสอบเจ้า  ถ้าเจ้าจำได้จริงๆ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อ แต่ถ้าเจ้าผิดพลาดแม้แต่คำเดียวข้าจะตัดนิ้วเจ้าซะ ทุกคำที่ผิดพลาดนั้นหมายถึงหนึ่งนิ้วของเจ้าจะถูกตัดออก"

"แล้วถ้าข้าจำผิด 11 คำละ?" ฟาง เจิ้งจือ ถามออกมา

"ก็หัวของเจ้าไง!"่

"อ้าวแล้วเท้าข้าละ?"่

"ไร้สาระ  คำพูดของข้านั้นถือเป็นสูงสุด ถ้าเจ้าจำผิด 11 คำนั้นหมายถึงหัวของเจ้าจะถูกตัด ไม่มีการต่อรองใดๆอีก!"่

"รับทราบ ท่านเป็นหัวหน้า  ข้าต้องทำตามที่ท่านสั่ง " ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า วันหนึ่งเขาจะทำให้นางได้ริ้มรสความอับอายแน่นอน!

นางไม่ได้คิดมากกับสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด นางเพียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

"ภูเขาเหลย อยู่ห่างไปทางใต้ 300 กิโล ที่นั่นมีทั้งหยกและทอง น้ำจากทะเลสาบของที่นั่นดื่มได้ รวมถึงเป็นที่อยู่ของสิงโตจำนวนมาก...ว่ายังไงต่อ"่

แม่ทัพทุกคนต่างตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็หันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ราวกับมองคนตาย

ฟาง เจิ้งจือ ผงะไปเล็กน้อย

หญิงนางนี้ช่างโหดเหี้ยม นางเลือกหนึ่งในส่วนที่ซับซ้อนที่สุดในบทความเรื่อง "ทะเลและภูเขา"

ที่สำคัญนางไม่คิดจะให้เขาใบ้ใดๆ นางจะให้ ฟาง เจิ้งจือ พูดประโยคต่อไป

 

คนปกติคงยากที่จะเติมมันให้สมบูรณ์ได้

แต่ ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนธรรมดางั้นรึ?เขาเป็นนักโบราณคดีที่มีพรสวรรค์ในโลกก่อนหน้านี้ ในโลกนี้เขาใช้เวลากว่า 8 ปีเพื่อศึกษากฎแห่งเต๋า

ความจำของเขานั้นไม่มีใครเทียบเท่าได้  เขาใช้ความพยายามไปมาก  ตอนนี้ต่อให้พูดกฎแห่งเต๋าแบบกลับหลังเขายังทำได้

"อีก 300 กิโลเมตรถัดมาทิศใต้เป็นภูเขาชุนจวงมีหยกและทองมากมาย  นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยหินปูน รวมถึงมีสัตว์ร้ายจำนวนมาก มีหมา6ขาและนก ... "

ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาไม่หยุด

 

 

เขาอ่านบทความ "ทะเลและภูเขา" จบทั้งหมดภายในอึดใจ  แน่นอนว่าไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว

ความเงียบเข้าปกคุลม

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หญิงนางนั้นรู้สึกตกใจมาก  ผู้ที่นั่งอยู่รอบๆมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกับปากที่อ้าค้างเขาทำมันได้จริงๆงั้นรึ?

เขาจำได้ทั้งหมด? เป็นไปได้ยังไง?

แม้อาณาจักรเซี่ยจะส่งกฎแห่งเต๋าฉบับคัดลอกมาที่ดินแดนภูเขาทางใต้ แต่มันก็น่าเบื่อและซับซ้อนเกินไป

สมัยก่อนมีอาจารย์2-3คนที่ถูกส่งมาสอนกฎแห่งเต๋า  อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไปก็มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นทีพอรู้กฎแห่งเต๋าบ้าง

"ข้าควรพูดต่อไหม?" ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นมาหลังจากพูดจบ

"อืม ...แน่นอน!"หญิงสาวระงับความตกใจและหันมองแม่ทัพคนหนึ่ง

แม่ทัพพยักหน้า เขาเขาใจสิ่งที่นางต้องการทันที  เขาเดินออกจากกระโจมไปด้วยความเคารพ

ไม่นานกระโจมถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง มีชาย 6 คนถือหีบไม้เข้ามา

 

มันถูกเปิดออก

เผยให้เห็นหนังสือที่ถูกเย็บด้วยด้ายสีทอง

นี่คือกฎแห่งเต๋า เป็นเล่มดั้งเดิมที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรเซี่ย  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงดูปราณีตมาก

มันถูกวางอย่างระมัดระวังไว้หน้าหญิงสาว

 

จากนั้นนางก็พลิกมันลวกๆ

 

"อะไรที่ต่อจาก... เต๋าสร้างทุกอย่าง ศีลธรรม ธรรมชาติและทุกสิ่ง ทุกสิ่งมีลักษณะที่ต่างกันมากมาย สภาพแวดล้อมนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชิวิตสามารถเจริญเติบโตได้"

"แม้อย่างนั้น ศีลธรรมนั้นมีค่ามากกว่าเต๋า เต๋าอาจจะสร้างทุกสิ่ง ศีลธรรมอาจจะหล่อเลี้ยงทุกอย่าง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างดำเนินไปตามเส้นทางของตัวเอง " ฟาง เจิ้งจือ ตอบโดยไม่ลังเล

นางตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

แม่ทัพทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน คนคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม?  เขาจำกฎแห่งเต๋าได้จริงๆ?

 

 

เพจหลัก : Double gate TH

รีวิวผู้อ่าน