px

เรื่อง : Gate of God
ตอนที่ 337 ต้องแพ้!


"ฟุ้บ! เสียงลูกศรดังขึ้นมาอีกครั้ง

ลูกศรพุ่งผ่านดวงตาของทุกคนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า จาดนั้นก็ปักลงบนเป้า  ลูกศรสีขาวที่ปักอยู่ก่อนหักเป็นสองส่วนอีกครั้ง

"แกร้ก!"

เสียงดังออกมา

แน่นอนว่าลูกศรนั้นเป็นของ ฟาง เจิ้งจือ  เศษซากลูกศรที่ร่วงลงพื้นเป็นขององค์หญิง ฉาน ยู่ เช่นกัน

อย่างไรก็ตามฉากนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป

ก่อนที่ทุกคนจะได้สติ เหตุการณ์เดิมได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

ร่างกายของทุกคนสั่นเทา  ดวงตาของแม่ทัพไถ่แทบถลนออกมา

"เข้าเป้าอีกครั้ง?"

ครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วครั้งถัดมาละ?

มันเป็นเรื่องบังเอิญอีกไหม?

นี่เป็นคำถามที่ไม่ต้องคิดมากนัก  แต่มันเป็นคำถามง่ายๆที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ

"มันเป็นไปไม่ได้ที่แค่เด็กตัวเล็กๆจะทำแบบนี้ได้ เขาเป็นแค่สาย... "

เช่นเดียวกับแม่ทัพไถ่ คนอื่นๆที่ยืนอยู่ก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

แค่ 15 นาทีที่แล้ว พวกเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ย่างเยาะเย้ย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้

พวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

"ทักษะการยิงธนูที่แม่นยำมาก!"

นี่เป็นความคิดเดียวในหัวพวกเขา

ดินแดนภูเขาทางใต้ให้ความสำคัญกับความสามารถในการต่อสู้ ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพ

ในบรรดาความสามารถต่างๆ ธนูนั้นได้รับการยกย่องมากที่สุด เนื่องจากภูมิประเทศของดินแดนภูเขาทางใต้นั้นซับซ้อนและเต็มไปด้วยป่าเขา พวกเขาต้องแย่งชิงทุกสิ่งอย่างเพื่อมีชีวิตอยู่  เรื่องนี้ทำให้แต่ละพื้นที่ต้องต่อสู้กันตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่างถิ่นฐานต่างๆไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในที่โล่งกว้าง

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรูปแบบของการซุ่มโจมตีในป่าทึบและระยะไกล

ดังนั้นการที่จะอยู่ในดินแดนภูเขาทางใต้ได้ทักษะด้านธนูเป็นสิ่งสำคัญ

"เขา ...ทำมันได้จริงๆ?" ตัวขององค์หญิง ฉาน ยู่ ตอนนี้แข็งค้างไปอย่างสมบูรณ์

ในฐานะผู้นำรุ่นเยาว์ของดินแดนภูเขาทางใต้ นางได้รับสมยานามเป็นที่1ด้านการยิงธนู  การที่จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีทั้งความแข็งแกร่งและพลัง

นางเป็นที่1

การยิงของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้น่าชื่นชม หรือแปลกประหลาดอะไร  เขาใช้ท่วงท่าธรรมดาที่สุดในการยิงธนู

ถ้าองค์หญิงอยากจะทำ นางก็ทำได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามนางประมาทเกินไป นางประเมิณคู่ต่อสู้ต่ำไป  ตั้งแต่ที่นางได้ยินว่าลูกศรของ ฟาง เจิ้งจือ 3 ดอก นางก็ไม่สนใจเรื่องอื่นอีก

"หน้าด้าน!" องค์หญิง ฉาน ยู่ สามารถใช้ได้แค่คำเดียวเพื่ออธิบายการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ

เพราะนางไม่สามารถหาคำอื่นที่จะอธิบายความโกรธของนางได้

ลูกศรทั้ง 2 ผ่าลูกศรของนางออกอย่างแม่นยำ

ทำให้ผลลัพธ์ตอนนี้นางกลายเป็นยิงเข้าเป้าเพียง 28 ดอก ต่อให้นางจะได้รับสิทธิ์ใช้ลูศรได้อีก 1 ดอก ก็รวมเป็น 29 ฟาง เจิ้งจือ เองตอนนี้ก็มีลูกศรบนเป้า 29 ดอกเช่นกัน ก็เท่ากับเสมอ

ที่สำคัญ ฟาง เจิ้งจือ ยังเหลือลูกศรอีกดอกหนึ่ง

ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ปล่อยมันเพื่อทำลายลูกศรของนาง

ผลที่ตามมาคือ ฟาง เจิ้งจือ จะเป็นผู้ชนะแน่นอน

30 ดอก มี 27 ปักตรงกลางและ 3 ดอกที่รอบนอก ในทางกลับกันนางมี 27 ดอกปักตรงกลาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็ไม่มีทางชนะ ฟาง เจิ้งจือ

โหดร้าย!

แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าองค์หญิงกำลังคิดอะไรอยู่  อย่างไรก็ตามเขายังคงยิ้มอย่างสดใสและอบอุ่นขณะโบกมือให้องค์หญิง ฉาน ยู่

ในสายตาขององค์หญิงมันเป็นการเยาะเย้ย

ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะใส่ใจองค์หญิงอีก เขาดึงธนูอีกครั้ง

ทุกคนมองไปยังลูกศรที่อยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ

รวมถึงองค์หญิง ฉาน ยู่

ตอนนี้แม้แต่เสียงหายใจก็เหมือนจะหยุดลง

เพราะทุกคนรู้ว่าถ้า ฟาง เจิ้งจือ ทำลายลูศรสีขาวลงอีกครั้ง องค์หญิงจะแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้

"ฟุ้บ!"

ลูกศรพุ่งออกไปอย่างงดงามผ่านอากาญเป็นเส้นโค้ง

มีแต่ความเงียบ

ทุกคนมองไปที่เป้า

โดยไม่ต้องสงสัยลูกศรดอกนี้ปักลงตรงกลางเป้าอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ...

ครั้งนี้มันไม่ได้ทำลายลูกศรสีขาว

มักราวกับลูกศรที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็น  ไม่คิดสนใจจะแตะโดนลูกศรสีขาวด้วยซ้ำ  มันเพียงปักลงบนเป้าเงียบๆ

ขณะเดียวกันเอง ฟาง เจิ้งจือ ก็อยู่ในความนิ่งสงบ เช่นเดียวกับเรือลำน้อยที่แล่นผ่านดงพายุ มันต้องยอมแพ้ให้กับสายลมและสายฝน

มีแต่ความเงียบ

ไม่มีใครพูดอะไร

แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ได้ทำลายลูกศรขององค์หญิงอีก แตตามกฎที่องค์หญิงพูด ตอนนี้เขามีจำนวนลูกศรมากกว่า เขาก็เป็นผู้ชนะแล้ว

แต่องค์หญิงจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆงั้นรึ?

"โถ่ ข้าพลาดซะได้!"

ฟาง เจิ้งจือ สบถ ก่อนจะเขวี้ยงธนูลงบนพื้นด้วยความผิดหวัง  ธนูหักออกเป็นสองส่วน

จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้าองค์หญิงด้วยความสังเวชและขมขื่น

"นี่สามารถ... นับเป็นเสมอได้ไหม?" ฟาง เจิ้งจือ ชี้ไปที่ลูกศรทั้ง 3 บนเป้าหมาย

"เสมอ?!"

ทุกคนล้วนมองหน้ากันด้วยความสับสน

โดยเฉพาะแม่ทัพไถ่และแม่ทัพมู่  พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงพูดเช่นนั้นทั้งๆที่ตัวเองชนะ

เขาโง่หรือไงกัน?

"เจ้าอยากเสมอกับข้า?" องค์หญิงประหลาดใจเล็กน้อย

"ถูกต้อง ข้ามี 30 ดอกบนเป้า แต่มีเพียง 27 ดอกที่ปักลงตรงกลาง แต่องค์หญิงมี 28 ดอก ตรงกลางเป้า รวมกับลูกศรที่ได้รับเพิ่มนับเป็น 29     ข้าจึงคิดว่าท่านสามารถเมตตานับลูกศร 2 ดอกที่อยู่ขอบเป้าเป็น 1 ดอกที่อยู่กลางเป้าได้ไหม?" ฟาง เจิ้งจือ อธิบายด้วยความเศร้าโศก

นับ 2 ดอกที่ไม่เข้าตรงกลางเป้าเป็น 1 ดอกตรงกลางเป้า?

เมื่อองค์หญิงได้ยินเช่นนี้ดวงตาของนางสว่างขึ้นทันที  ขณะที่นางจะตอบรับนางก็พบว่าตัวเองจะดูกระตือรือร้นเกินไป

นางจึงกระแอมเบาๆ

"ข้าคิดว่าต้องเป็น 3 ดอกถึงเทียบเท่าได้?"

"เห้อ ... ข้าทั้งเด็กและมีพรสวรรค์ มันควรเป็นเวลาที่ข้าได้ทำผลงานได้ดีในสนามรบ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาตายไกลบ้านขนาดนี้ ข้าคิดว่าจะกลับไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่ที่ข้ารักเสียอีก...ช่างน่าเศร้า!" เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยิน เขาก็พูดขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด

"เอาล่ะ เอาล่ะ  เห็นเจ้าเป็นคนยุติธรรมดี ด้วยความดีและมีศีลธรรมของข้า ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!" องค์หญิงมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่มีท่าทางน่าอดสูและโบกมือด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

"ขอบคุณองค์หญิง!" ฟาง เจิ้งจือ สรรเสริญ นางทันที แต่เขาไม่ได้คุกเข่าลง

องค์หญิงดูไม่ได้ใส่ใจมากนัก  แต่นางกลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกที่ตัวเองนั้นยืนอยู่บนยอดเขาสูง มองไปที่ไหนก็ไม่เคยเจอคู่แข่ง

"ทักษะการยิงธนูขององค์หญิงไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้!"

"องค์หญิงแข็งแกร่งมาก!"

"องค์หญิงช่างเมตตา!"

เมื่อทุกคนได้ยินก็โห่ร้องชื่นชมนางทันที

ในทางตรงข้ามท่าทีของแม่ทัพไถ่กลับดำมืด  นางไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่จริงๆ? ขณะที่เขากำลังจะพูด แม่ทัพมู่ก็ดึงเขากลับมาพร้อมส่ายหัว

"เด็กคนนี้ฉลาดมาก  เกรงว่าจะฉลาดกว่าที่เราจะคิดได้เสียอีก!" แม่ทัพมู่ กล่าวเบาๆ

"เจ้า ทำไมถึงยกย่องมันขนาดนั้นกัน?  ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความหน้าด้าน! สำหรับทักษะการยิงธนูของเขา ...ก็ถือว่าไม่ได้แย่!"เมื่อแม่ทัพไถ่ได้ยิน เขาไม่พอใจทันที

"ไม่ใช่เลย ทักษะในการยิงธนูของเขาดีมาก  อย่างน้อยก็มากกว่าสิ่งที่เขาแสดงให้เห็น  อย่างไรก็ตามเพื่อให้เขาจะได้มีชีวิตอยู่รอด เขาทำได้เพียงแค่แพ้เท่านั้น..." แม่ทัพมู่ ส่ายหัว

"เขาทำได้แค่แพ้เท่านั้น?   อย่าบอกนะว่าการกระทำของเด็กคนนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดไว้ทั้งหมด?"แม่ทัพไถ่ดูตกใจมาก

"ข้าไม่รู้  แต่เขาก็พยายามหาทางเอาชีวิตรอดใช่ไหมละ?" แม่ทัพมู่มองไปที่แม่ทัพไถ่

แม่ทัพไถ่ไม่ได้พูดอะไรต่อ  แต่เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ  เขาต้องการที่จะหาความจริงจากใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงที่เขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ ชูนิ้วกลางใส่เขา

"เด็กสารเลว ...ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!"

...

ในเมืองภูเขาเซียน

เมืองโบราณถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาที่สูงที่สุดในดินแดนภูเขาทางใต้  ตำนานบอกว่าพันปีที่แล้วไม่มีภูเขานี้อยู่  เมืองภูเขาเซียนตั้งอยู่ในผืนป่าธรรมดาๆ

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ได้เปลี่ยนชะตาของเมืองนี้ไปตลอดกาล

คืนนั้นเปลวไฟลุกท่วมไปทั่ว กลืนกินเมืองภูเขาเซียนไปจนหมด  เปลวไฟลุกไปทั่วดินแดนภูเขาทางใต้  มันเป็นภัยพิบัติ

เมืองที่มีคนจำนวนมากอยู่กำลังจะถูกลบหายไปจากโลก

อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองที่ผู้แข็งแกร่งมาที่เมืองนี้ ด้วยพลังของเขา เขาได้เคลื่อนย้ายดินแดนและสร้างภูเขาสูงขึ้นมา

เขาได้ช่วยชีวิตคนเป็นหมื่นเป็นแสนเอาไว้ ศพของเขาถูกฝังไว้บนภูเขาสูง

เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เขา เมื่องจึงถูกเปลี่ยนเป็นเมืองภูเขาเซียน

กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนของดินแดนภูเขาทางใต้

เมืองภูเขาเซียน ถูกสร้างมากจากหินภูเขาที่แข็งแกร่ง  หลังจากผ่านมานานหินที่ถูกใช้สร้างเมืองได้ถูกปกคลุมด้วยชั้นสีเขียว

กลายเป็นเมืองโบราณสีเขียว

ด้านตะวันออกของเมืองโบราณแห่งนี้มีอาคารหนึ่งเหมือนพระราชวังที่สร้างด้วยหยกสีขาว  มันเป็นที่พักของราชาและเหล่าเชื้อพระวงศ์ของดินแดนภูเขาทางใต้

 

 

เพจหลัก : Double gate TH

รีวิวผู้อ่าน