เขาไม่รู้ว่าการออกเดินทางครั้งนี้ เขาจะได้กลับมายังเมืองนี้อีกทีเมื่อไหร่
เมื่อนึกย้อนไปเขาก็อดสงสารไขมันน้อยที่ร้องไห้ราวกับฟ้ารั่วไม่ได้ตอนที่เขากล่าวลามัน ท่าทางของมันเศร้าเป็นอย่างมาก
"นายน้อยท่านกำลังคิดถึงนายน้อยลี่ซวนเหรอคะ?" เด็กสาวหน้าตาน่ารักเอยถามขึ้นมาอย่างเข้าใจ
"เฮ่อ..มีพบก็ต้องมีจาก หวังว่าในอนาคตจะได้พบกันอีก"
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมา
"ลูกเทียน เมืองออโรร่าก็ไม่ได้ห่างไกลจากเมืองวายุโปรยมากนัก ค่าเดินทางก็ไม่ได้มากมายอะไร หากเจ้าว่างก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยือนได้ตลอดเวลา"
ลี่หลัวกล่าวอย่างนุ่มนวลพร้อมส่งรอยยิ้มให้เขา
"ครับท่านแม่"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
เมื่อไม่กี่วันก่อนประมุขตระกูลลี่ได้เรียกเขาและเค่อเอ๋อเข้าไปพบ และอธิบายเรื่องตระกูลหลัก และอยากให้เขาเดินทางไปยังตระกูลหลัก
หากเขาไปตระกูลหลักอนาคตเขาต้องดีกว่าอุดอู้อยู่ในเมืองวายุโปรยแห่งนี้
เมืองวายุโปรยมันเล็กเกินไปสำหรับเขา
ช่วงต้นของการเดินทางค่อนข้างสงบและปลอดภัยไร้เรื่องราว ...
หลังจากออกเดินทางจากเมืองวายุโปรย ตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ทันใดนั้นเองคิ้วของลี่หลัวก็ขมวดลงเล็กน้อย "ดูเหมือนจะมีบางคนไม่อยากให้พวกเราเดินทางไปยังเมืองออโรร่า"
ดวงตาของหลิงเทียนพรี่ลง "ตระกูลฟางหรือท่านแม่?"
รถม้าสั่นเล็กน้อยก่อนีท่จะหยุดกึก
"ทะ... ท่านหญิง ... " คนขับรถม้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
เมื่อหลิงเทียนเปิดผ้าม่านคลุมออกไปดู เขาก็พบร่างของคนๆหนึ่งกำลังยืนขวางทางพร้อมจ้องมายังมันด้วยสายตาอำมหิต!
มันกลับเป็นชายชราคนหนึ่ง
และที่สำคัญ มันคืออาวุโสหลักของตระกูลฟาง ฟางจุน
มันอยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 นับว่าเป็นหนึ่ง ใน 3 คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองวายุโปรย
"ฟางจุน!"
ลี่หลัวก้าวลงมาจากรถม้า แววตานางแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่นางจะเอ่ยปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ลูกชายของข้าก็ตัดสินใจออกเดินทางจากเมืองวายุโปรยแล้ว เขาคงไม่ได้อยู่สร้างปัญหาอะไรให้แก่ตระกูลฟางอีก แล้วเหตุใดท่านยังดื้อรั้นเช่นนี้เล่า?"
"ตระกูลฟางต้องการเลือดของไอเด็กนั่นมาล้างความอัปยศ"
การตอบกลับของฟางจุนช่างเรียบง่ายและนี่คือเหตุผลที่มันจะมาฆ่าหลิงเทียนในวันนี้
"เค่อเอ๋อ เจ้าอยู่ในรถนะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเด็กสาวก่อนที่เขาจะก้าวลงจากรถตามหลังลี่หลัวไป
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้กังวลยังไงเสียวันนี้ก็ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ วันนี้เจ้าทั้งหมดต้องตกตาย นี่ถือว่าข้าปราณีแล้วที่ส่งพวกเจ้าลงนรกไปพร้อมๆกัน จะได้ไม่เหงาอย่างไรเล่า"
ฟางจุนมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับมันมองคนที่ตายไปแล้ว
ลี่หลัวหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างร้อนรน "ลูกเทียน รีบพาเค่อเอ๋อหนีไป!"
แม้นางจะทุ่มสุดตัว แต่ก็ไม่น่าจะต้านทานฟางจุนเอาไว้ได้
"ท่านแม่หากจะไปเราต้องไปด้วยกัน"
น้ำเสียงของหลิงเทียนจริงจังอย่างมาก
"พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกัน... วันนี้ไม่มีใครจะรอดจากมือข้าไปได้!"
ฟางจุนหัวเราะก่อนที่จะพุ่งตัวมาราวกับสายฟ้าฟาด มือของเขากางออกไปข้างหน้าแรงกดดันถาโถมเข้าใส่หลิงเทียนและลี่หลัว
ภาพเงาร่างแมมมอธโบราณ ถึง 10 ตัวปรากฏเหนือศีรษะเขา ...
ฟึ่บ!
ลี่หลัวเค้นพลังออกมาทั้งหมดก่อนที่จะพุ่งไปรับมือฟางจุน
บนศีรษะนางปรากฏเงาร่างแมมมอธโบราณ 6 ตัว ...
กระบี่ยาวสามฟุตในมือนางถูกชักออกมาฟาดฟันด้วยความเร็วสูง!
วิชา วาดกระบี่!
ฟึ่บ!!!
ประกายดาบวูบไหวขึ้นมาเพียงเสี้ยวพริบตาแต่ทว่าฟางจุนกลับยกแขนออกมาปิดป้องเอาไว้ได้ทัน
"เพลงกระบี่กระบี่ที่ยอดเยี่ยม!"
ฟางจุนได้แต่จ้องมองอย่างตะลึง ก่อนที่มันจะรีบฟาดฝ่ามือออกไปหนักหน่วงราวกับขุนเขา
ปัง!!
ฝ่ามือที่งดงามราวกับหยกของลี่หลัวพยายามต้านรับเอาไว้อย่างเต็มกำลัง ภายในลำคอสัมผัสได้ถึงรสสนิมที่เอ่อล้นขึ้นมา กระบี่ที่สร้างจากเหล็กชั้นเลิศในมือนางแตกกระจายเป็นเสี่ยง ร่างบอบบางกระเด็นถอยออกไปก่อนที่จะทรุดลงเล็กน้อย
"ท่านแม่!"
สีหน้าของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนในฉับพลัน
ฟุ่บบ!
วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย! ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหวราวกับมีจิตวิญญาณของพญาอสรพิษเข้าสิง มันวูบไหวไปมาพุ่งเข้าหาฟางจุนในฉับพลัน
เส้นสายสีม่วงกำลังจะวาดผ่านลำคอของฟางจุน
"เจ้าประเมินตนเองสูงไป!"
ฟางจุนสบทออกมาก่อนที่จะฟาดแขนปัดกระบี่ของหลิงเทียนจนกระบี่เขาหลุดมือ
"ตาย!"
ฟางจุนลงมือต่อเนื่องในพริบตา มันฟาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังมายังหลิงเทียน...
หากหลิงเทียนถูกฝ่านี้ คงไม่หลงเหลือลมหายใจสืบไป!
"ลูกเทียน"
สี่หน้าลี่หลัวพลันเปลี่ยนเป็นตระหนกอย่างมาก นางอยากพุ่งตัวไปช่วยบุตรชายของนางแต่ทว่ายามนี้ไม่ทันการแล้ว
"นายน้อย!"
เด็กสาวที่หนีออกมาจากรถพยายามวิ่งไปหานายน้องของนางอย่างสุดกำลัง ภาพตรงหน้าทำให้นางรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคนเอามีดมากรีดแทงใจของนาง นายน้อยกำลังจะถูกฆ่า
ปัง!!!
พริบตานั้นเอง ร่างเงาของบุคคลหนึ่งพลันวูบมาอยู่ตรงหน้าของหลิงเทียนราวกับเส้นแสง มันสามารถรับฝ่ามือของฟางจุนเอาไว้ได้อย่างไม่เสียเปรียบ ..บนเหนือหัวของร่างตรงหน้าหลิงเทียนนั้น มีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 10 ตัวเท่ากับฟางจุน
เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 10 ตัว เทียบเท่าฟางจุน นี่หมายความว่า ...
"อาวุโสหลัก!"
หลังจากที่หลิงเทียนมองคนตรงหน้าอย่างชัดๆ เขาก็รู้ว่าเป็นผู้ใดที่มาช่วยเขาเอาไว้
มันคืออาวุโสหลัก ลี่หัวของตระกูลลี่
หลิงเทียนโล่งใจขึ้นมาก เขารู้ดีว่าหากลี่หัวมาด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกมันย่อมปลอดภัยแล้ว
"หลี่ลี่หัว ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาวุโสหลักของตระกูลเช่นเจ้า กลับมาด้วยตนเองเพียงเพื่อปกป้องสมาชิกตระกูลที่ไม่ได้ใช้แม้แต่ชื่อสกุลตระกูลเจ้าด้วยซ้ำ ดูเหมือนไอเด็กนี่คงมีความสำคัญกับตระกูลลี่ไม่น้อยเลยทีเดียว ... "
หลังจากที่ฟางจุนเห็นลี่หัวมาด้วยตัวเอง มันย่อมรู้ดีว่าวันนี้ไม่อาจฆ่าหลิงเทียนได้อีกแล้ว
"ฟางจุน เจ้าก็เป็นถึงเฒ่าชราผู้หนึ่ง ทว่ากลับลงมือหวังสังหารผู้เยาว์ตระกูลลี่ เจ้าไม่ละอายบ้างหรือไร เจ้ากล้ากระทำการต่ำช้าเช่นนี้ เห็นทีวันนี้คงต้องเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเจ้าแล้ว!"
ท่าทางของลี่หัวแลดูดุดันมาก ตอนนี้มันเต็มไปด้วยโทสะ
หลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นอาวุโสหลักโกรธแค้นและมีโทสะถึงขนาดนี้
"ลี่หัว ความแข็งแกร่งของเราทั้งสองก็พอๆกัน ถึงแม้เจ้าจะมีลี่หลัวคอยช่วยเหลือ แต่หากข้าจะไปพวกเจ้าจะมีปัญญาอะไรในการรั้งตัวข้า" ฟางจุนกล่าวอย่างเย้ยหยัน
"หากสองคนไม่เพียงพอ เช่นนั้นนับรวมพวกข้าอีกสองคนไปด้วยเป็นเช่นไรเล่า?"
ทันใดนั้นเองกลับปรากฏร่างเงาสองร่างปิดล้อมตำแหน่งของฟางจุนเอาไว้
"ประมุขตระกูลเฉิน"
หลิงเทียนรู้จักหนึ่งในสองคนนั้น มันย่อมจำได้ว่า คนหนึ่งต้องเป็นประมุขตระกูลเฉิน เฉินลี่อย่างแน่นอน แต่ทว่าชายชราอีกคนนั้นมันไม่รู้จัก
ชายชราคนนั้นมีแววตาดั่งราชสีห์ร่างกายแผ่กลิ่นอายพลังงานกดดันออกมา
"เฉินคุน นี่เป็นเรื่องราวของตระกูลลี่และตระกูลฟาง เหตุใดเจ้าจึงสอดมือเช่นนี้"
เมื่อฟางจุนเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครมันก็ตะโกนออกมาด้วยโทสะ พร้อมเอ่ยชื่อ "เฉินคุน?" ขึ้นมา
อาวุโสหลักตระกูลเฉิน เฉินคุน? สายแววตาของหลิงเทียนเปล่งประกายวูบขึ้นมา
ตอนนี้ 3 ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองวายุโปรยได้มารวมตัวกันอย่างครบถ้วน
"ฟางจุน เจ้ากล่าวผิดแล้ว เรื่องนี้หาได้เป็นเรื่องราวของตระกูลฟางและตระกูลลี่อีกต่อไป"
เฉินคุนยิ้มอย่างไม่แยแส
"พวกเจ้า…."
ท่าทางของฟางจุนเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว มันกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง "เฉินคุน ตระกูลลี่มอบอะไรให้เจ้ากันแน่ เจ้าถึงกล้าหันมาเป็นศัตรูกับข้าอย่างชัดเจนเสียขนาดนี้?"
"อนาคตตระกูลเฉิน ... "
หลี่คุณเอ่ยออกมาเพียงห้าพยางค์ และไม่คิดอธิบายอะไรอีก เขาลงมือเคลื่อนไหวทันที!
บนเหนือศีรษะเขา เงาร่างแมมมอธโบราณ 10 ตัวปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด ...
ฟุ่บๆๆ!
ลี่หัว ลี่หลัว เฉินลี่ เองก็ประสานการโจมตีครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง
ทั้งสี่คนลงมือจู่โจมแทบจะพร้อมเพรียงกัน ตอนนี้เงาร่างช้างแมมมอธโบราณนับสิบตัวกำลังพุ่งไปปะทะกับฟางจุน!
ตอนนี้ฟางจุนตกเป็นรองอย่างมาก หลังจากที่โดนฝ่ามือของลี่หัวร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน ฝ่ามือของลี่หัวฟาดเขาจนกระเด็นราวกับว่าวสายป่านขาด ตอนนี้ฟางจุนบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส เขากระอักเลือดออกมา ตอนนี้ขไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…"
ทันใดนั้นฟางจุนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา สายตาของมันเต็มไปด้วยความเย็นชาก่อนที่จะมองไปยังคนของตระกูลเฉิน "เจ้าทั้งสองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ตระกูลลี่เป็นเช่นไรจากผลการประลองที่ผ่านมาไม่กี่วันแต่เจ้ากลับกล้าช่วยเหลือพวกมัน ... พวกเจ้ากำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองหรือไร! "
"ฟางจุน เจ้าไม่ต้องพยายามยุยงให้พวกเราแตกแยกกัน ทางตระกูลลี่ได้ตกลงจะแบ่งปันความลับบางอย่างของพวกเขาแก่ตระกูลเฉิน... และเงื่อนไขของเรื่องนั้น คือการสังหารเจ้า!"
เฉินคุนหัวเราะเย้ยหยันฟางจุนเล็กน้อย ก่อนที่แววตาของเขาจะเต็มไปด้วยความอำมหิต เขาพุ่งไปฟาดศีรษะฟางจุนอย่างรุนแรง...ฟางจุนไม่สามารถต้านทานฝ่ามือนี้ของมันได้
ก่อนที่จะตาย แววตาสุดท้ายของฟางจุน มันเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ
หลังจากที่หลิงเทียนได้ยินคำกล่าวของเฉินคุน เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ...
"ขอบคุณประมุขเฉิน และอาวุโสคุนมาก"
ลี่หลัวรีบกล่าวขอบคุณทั้งสองก่อนที่จะหันไปทางหลิงเทียนแล้วขยิบใบหน้าให้หลิงเทียนรีบมาทำความขอบคุณทั้งสองด้วย
หลิงเทียนจึงเดินมาขอบคุณทั้งสองคนด้วยตัวเอง
"นายน้อยท่านสบายดีไหมเจ้าคะ?"
สาวน้อยกล่าวถามขึ้นทั้งคราบน้ำตา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก
"ข้าสบายดี"
ต้วนหลิงเทียนรีบเดินไปกุมมือนางไว้ด้วยความอ่อนโยน
"ต้วนหลิงเทียน หากอาวุโสหัวไม่บอก ข้าคงไม่รู้ว่าเจ้ามีอาจารย์เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับ 7"
เฉินลี่มองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาล้ำลึกก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาว่า "หากข้าเดาไม่ผิดอาจารย์ของเจ้าย่อมเป็นช่างตีอาวุธด้วยใช่หรือไม่?"
ช่างตีอาวุธ?
หลิงเทียนรู้สึกสับสนว่าทำไมเฉินลี่ถึงเอ่ยถามออกมาแบบนี้
ลี่หลัว ลี่หัว ได้แต่มองไปยังหลิงเทียน เรื่องนี้เองพวกเขากลับไม่เคยรู้มาก่อน
"ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจ้าได้มาซื้อวัตถุดิบมากมายจากร้านค้าตระกูลเฉินของพวกเรา เพื่อนำไปหลอมสร้างอาวุธใช่หรือไม่?"
เฉินลี่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ราวกับเขาล่วงรู้ถึงความลับหลิงเทียน
ตอนนี้ในที่สุดหลิงเทียนก็เข้าใจ
ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ...
อย่างไรก็ตามวัตถุดิบเหล่านั้นเขาเอาไปจารึกอาคม ไม่ใช้เอาไปทำอาวุธ
แต่แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะตอบไปในลักษณะนี้
"ข้าคงต้องกล่าวแสดงความเสียใจกับการคาดเดาของประมุขเฉินเสียแล้ว ท่านคาดผิดไปนิดหนึ่งอาจารย์ของข้าต้องการวัตถุดิบพวกนั้นเพื่อหลอมโอสถ หาได้นำไปใช้หลอมสร้างอาวุธอย่างที่ท่านเข้าใจไม่"
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
เท่าที่เขารู้ในเมืองวายุโปรยไม่มีใครมีความรู้ระดับผู้หลอมโอสถขั้นที่ 7 ดังนั้นเรื่องที่เขากล่าวออกไปคงไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเท็จ
เฉินลี่ก็ได้แต่ยอมรับเรื่องราว "เช่นนั้นเอง"
"เจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลลี่ที่มีอนาคตไกล การร่วมมือของตระกูลเฉินกับตระกูลลี่ครั้งนี้ หากตระกูลลี่ประสบความสำเร็จ ตระกูลเฉินคงได้รับผลพลอยได้ไม่น้อย"
เฉินคุนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
"อาวุโสคุนเกรงใจไปแล้ว"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับอย่างสุภาพ
"เอาล่ะในเมื่อเรื่องราวก็สิ้นสุดลงแล้ว เช่นนั้นพวกเราขอลา" เฉินคุนกล่าวออกมาก่อนที่จะจากไปพร้อมกับเฉินลี่
ร่างของพวกเขาหายลับจากสายตาไปอย่างรวดเร็ว
"เด็กน้อยข้าได้รับปากกับทางตระกูลเฉินไปว่าหากเรื่องราวครั้งนี้ยุติข้าจะตอบแทนเขาด้วยสูตรโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวน ... เจ้าคงไม่คิดตำหนิข้าเรื่องนี้หรอกนะ?"
ลี่หัวกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
นี่คือข้อตกลงขอความช่วยเหลือจากตระกูลเฉินเพื่อฆ่าฟางจุน
ก่อนจากมาหลิงเทียนได้มอบสูตรโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนแก่ลี่หัว
"อาวุโสท่านอย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้ หากไม่ได้ท่านมาช่วยไว้ป่านนี้ข้าคงไม่มีชีวิตมายืนสนทนากับท่าน เรื่องโอสถน้ำ หากอาวุโสเห็นว่าควรทำเช่นไรนั่นก็แล้วแต่ท่านเถิด"
หลิงเทียนได้แต่ส่ายหัว
สำหรับเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเขาและครอบครัวอีกแล้ว...
ยิ่งไปกว่านั้นเขาคาดไม่ถึงเลยว่า สูตรโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนจะสามารถแลกเปลี่ยนกับชิวิตของอาวุโสหลักตระกูลฟางได้ มันช่างถูกอย่างยิ่ง!!
"เอาล่ะหากเจ้าไม่เอาผิดข้าก็นับว่าเป็นเรื่องดี ตอนนี้ฟางจุนตกตายไปแล้วการเดินทางหลังจากนี้ของเจ้าคงปลอดภัยเสียที ... จำไว้ว่าเมื่อเข้าไปถึงตระกูลหลักให้พยายามแสดงฝีมือให้มากๆ หากเจ้าเป็นที่ยอมรับได้เร็วเท่าไร สิ่งของที่เจ้าจะได้รับเพื่อการสนับสนุนการบ่มเพาะก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น"
ลี่หัวกล่าวกับหลิงเทียนอย่างจริงจัง
หลิงเทียนพยักหน้ารับคำกล่าวสั่งสอนของลี่หัว
การเดินทางหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรบ้าง แม้จะมีโจรออกมาเป็นครั้งคราวแต่ก็ถูกลี่หลัวไล่กลับไปจนหัวหดทั้งสิ้น
ในตอนค่ำพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
เมืองออโรร่า!
เมืองนี้มีขนาดใหญ่กว่าเมืองวายุโปรยนับสิบเท่า
กำแพงเมืองเก่าแก่โบราณ สัมผัสได้ถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผันผ่านไปตามกาลเวลา
ภายในเมืองเต็มไปด้วยรถม้า ขี่สวนทางกันไปมาจำนวนผู้คนหนาแน่นและคึกคักกว่าเมืองวายุโปรยอบ่างมาก
"วุ่นวายไม่น้อย…"
เด็กสาวที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถแสดงความสนใจภาพเมืองและผู้คนที่พลุกพล่านอย่างมาก นางไม่เคยได้ออกไปไหนหรือพบเจออะไรหน้าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้
แต่ทางต้วนหลิงเทียนนั้นกลับแสดงท่าทีเรียบเฉย
ถึงแม้ว่าเมืองออโรร่าจะเป็นเมืองใหญ่ในโลกแห่งนี้ แต่ตอนเขาอยู่โลกเก่านั้น เขาไปมาแล้วทุกเมืองใหญ่ทั่วทั้งโลก หากเลือกมาเปรียบเทียบสักเมือง เมืองออโร่ร่าก็คงไม่ต่างอะไรจากเมืองเล็กๆตามชนบท
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่