px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 38 หมัดพยัคฆ์คำรน? หมัดทะลวงร่าง?


หลังจากที่มาถึงตระกูลหลักหลิงเทียนก็ได้รู้ว่า ตระกูลลี่ที่เมืองวายุโปรยมันเล็กแค่ไหน

ในตระกูลสาขานั้นหากนับรวมสมาชิกทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในตระกูล ไม่ว่าจะใช้แซ่ลี่หรือไม่ได้ใช้แซ่ลี่ คนทั้งหมด ก็มีราวๆ 200 คนเท่านั้น

ทัพยากรของตระกูลลี่ที่เมืองวายุโปรยนั้น กล่าวได้ว่า มีเพียง 1 ใน 3 ของทั้งเมืองวายุโปรยเท่านั้น เพราะต้องคอยแบ่งกับอีก 2 ตระกูลที่เหลือ และที่สร้างรายได้ให้กับตระกูลลี่มากที่สุดก็คือเหมืองเล็กๆ

อย่างไรก็ตามตระกูลหลักแห่งนี้ เอาเฉพาะคนของตระกูลหลักจริงๆ ก็มีจำนวนนับพันแล้ว!

นอกจากนี้ตระกูลหลักยังควบคุมกิจการร้านค้าต่างๆมากมายรวมถึงพื้นที่ตลาดใหญ่ ซ้ำยังมีที่ดินที่สำคัญหลายๆแห่ง ที่รวมทั้งเหมืองสำคัญต่างๆ...

ทั้งสองตระกูลแม้จะใช้ชื่อตระกูลลี่เหมือนกันทว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

ด้วยระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 8 ของหลิงเทียนและเค่อเอ๋อ ถึงแม้จะเป็นตระกูลลี่สาขา ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าสู่ตระกูลหลัก

ในตระกูลหลักก็นับว่าความเร็วระดับนี้ไม่ธรรมดาอย่างมาก

สำหรับตระกูลหลัก การที่เข้าสู่ระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 8 ตอนอายุ 16 ปีนั้น ถึงจะพิเศษแต่ทว่าก็มีหลายคนที่สามารถกระทำได้ พวกเขามีแม้กระทั่งเยาวชนที่มีอายุ 17 ปี แต่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9

‘สมแล้วที่เป็นตระกูลหลัก ทรัพยากรและความพร้อมช่างต่างจากตระกูลสาขามากมายนัก’

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจเล็กน้อย

เหล่าสาวกของตระกูลหลักไม่ได้ขาดแคลนโอสถบ่มเพาะร่างกาย หรือโอสถที่มีผลคล้ายๆ กับเม็ดยาเพลิงอัสนี

แต่ในตระกูลสาขา บางคนยังไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อยาเสริมการบ่มเพาะธรรมดาด้วยซ้ำ

ในตระกูลหลักหากไม่เป็นคนขี้เกียจฝึกฝน อย่างน้อยบิดามารดาก็สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อโอสถน้ำบ่มเพาะ และเม็ดยาเพลิงอัสนีให้ใช้ได้ทุกเดือน

ตระกูลลี่ที่เป็นตระกูลหลักแห่งนี้ นับว่ามีพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองวายุโปรยเสียอีก

สาวกในตระกูลถูกแบ่งออกเป็น สาวกชั้นในและสาวกชั้นนอก

แต่ละส่วนก็จะได้รับการดูแลแตกต่างกัน

บุคคลเช่นหลิงเทียนและเค่อเอ๋อ ที่พึ่งมาถึงตระกูลลี่ จะมีสิทธิ์เป็นเพียงสาวกชั้นนอกก่อนเท่านั้นในช่วงแรก และจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 30 เหรียญเงินต่อเดือน

"โอ้ย เจ้าทั้งสองได้รับเงินต่อเดือนมากกว่าข้าตอนอยู่เมืองวายุโปรยเสียอีก ข้าได้เพียงแค่ 20 เหรียญเงินเท่านั้นเอง ดูสิพวกเจ้ามาถึงก็ได้ตั้ง 30 แล้ว"

ขณะที่ลี่หลัวกำลังจัดแจงหาที่พักให้แก่หลิงเทียนและเค่อเอ๋ออยู่นั้น นางก็บ่นงึมงำออกมาด้วยความอิจฉาเมื่อได้รับรู้ถึงเบี้ยเลี้ยงที่หลิงเทียนและเค่อเอ๋อได้รับ

"ท่านแม่เหรียญเงินนี่ไม่ใช่ว่าจะได้มาโดยง่าย หากสาวกจากตระกูลสาขาไม่สามารถเข้าเป็นสาวกชั้นใน ได้ภายในอายุ 19 ปี พวกมันจะต้องถูกส่งกลับตระกูลสาขา โดยทันที"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย

เมื่อหลิงเทียนได้รับพื้นที่พัก เขาก็พอใจอย่างมาก

พื้นที่ที่พวกเขาทั้งสามได้รับนั้น มีลานบ้านเล็กๆ แล้วก็มีอาคารหลังกำลังพอเหมาะให้อยู่กัน 3 คนอย่างสะดวกสะบาย

โดยปกติแล้ว บ้านพักที่จัดให้กับสาวกจากตระกูลสาขาจะมีเพียงสองห้องพักเท่านั้น

"นายน้อยต้องเป็นสาวกชั้นในได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" เด็กสาวที่กำลังช่วยลี่หลัวจัดของอยู่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ

"เค่อเอ๋อเจ้าควรพูดว่า เราทั้งสองคน มากกว่านะ"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ

"ลูกเทียนเมื่ออยู่ในตระกูลหลักแล้ว เจ้าต้องขยันให้มากขึ้นรู้ไหม เมื่อครู่ตอนเดินผ่านข้าเห็นหลายคนที่มองมายัง เค่อเอ๋อ หากเจ้าเกียจคร้านนางอาจถูกแย่งชิงหรือหันไปชื่นชอบผู้อื่นขึ้นมาเจ้าจะเสียใจ"

ลี่หลัวกล่าวเตือนหลิงเทียน

ก่อนที่หลิงเทียนจะทันได้ตอบอะไร เด็กสาวก็รีบพูดออกมาด้วยความร้อนรน "นายหญิงข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น"

ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็หันไปยิ้มกับมารดา ส่วนลี่หลัวก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา "อา..ข้าล่ะสงสัยจริงๆ เจ้าใช้ยาเสน่ห์อันใดกับเค่อเอ๋อกันแน่"

ด้วยการลงมือของทั้งสามคน ที่พักก็ถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางภายในเวลาไม่นาน

"ท่านแม่พักผ่อนเสียก่อน ข้าจะนำเค่อเอ๋อไปเดินดูรอบๆเอง"

หลังจากแจ้งกับลี่หลัวแล้วหลิงเทียนก็พาเค่อเอ๋อเดินออกมาทันที

ในเวลาไม่นานทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงลานฝึกซ้อมหลักของสาวกสายนอก

ในลานฝึกซ้อมมีสาวกที่กำลังขยันฝึกกันอยู่มากมาย พวกมันต่างฝึกฝนอย่างเต็มที่ บางคนฝึกฝนหมัดบางคนฝึกฝนกระบี่บางคนฝึกฝนเพลงเตะ มากมายปะปนกันไป ...

การปรากฏตัวของคู่รัก ทำให้ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาอย่างสนใจ

และเมื่อพวกมันได้เห็นเค่อเอ๋อ สายตาของพวกมันก็ฉายแววปรารถนาออกมา

สาวน้อยผมยาวสีดำสลวยพวงแก้มขาวเจือไปด้วยสีชมพูระเรื่อๆ รูปร่างอ้อนแอ้นอระชร ริมฝีปากแดงอมชมพู ตอบรับกับดวงตากลมโต น่ารักราวกับเทพธิดาน้อยๆ

คิ้วได้รูป ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกเล็กพอดีกับใบหน้า ริมฝีปากแดงอ่อนๆ ทุกอย่างรวมกันเป็นความงดงามที่ไร้ที่ติ!

หน้าอกที่เริ่มขยายตัวก็เหมือนดอกท้อที่เริ่มผลิบาน กำลังจะเปล่งประกายความงามเย้ายวนออกมาในอนาคต

เอวที่เพรียวบางลำตัวอ้อนแอ้นแต่กลับไม่เล็กจนเกินไป ราวกับว่าใช้เพียงแค่มือเดียวก็สามารถโอบอุ้มนางไว้ได้อย่างง่ายดาย สะโพกเข้ารูป ขาที่เรียวยาว ทำให้นางดูผอมและสง่างามเป็นอย่างมาก ทุกๆคนต่างจ้องมองนางอย่างหลงใหล

"เขตนอกแห่งนี้ มีสาวงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?"

สุดท้ายแล้วสาวกทุกคนในลานฝึกซ้อมเขตนอกที่เป็นบุรุษต่างหยุดฝึกฝนและหันมาชื่นชมความงดงามของเค่อเอ๋อ ตอนนี้หากจะให้พวกมันกลับไปฝึกพวกมันคงทำไม่ได้ เพราะถูกความงดงามของนางสะกดจนตราตรึง ไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้แม้แต่ปลายนิ้ว

“เห็นว่าเพิ่งมาจากตระกูลสาขา”

ทุกๆคนสามารถคาดเดาได้ทันที

"นางงดงามยิ่ง ไม่ได้ด้อยไปกว่า ลี่ฉีฉี แม้แต่นิด"

ดวงตาของหนุ่มๆต่างจ้องนางตาเป็นมัน กระทั่งมีบางคนนำลายไหลออกจากมุมปากด้วยซ้ำ

ครึ่งปีที่แล้ว ลี่ฉีฉี ก็เป็นสตรีที่มาจากตระกูลสาขา และนางก็มีหน้าตารูปร่างที่กล่าวได้ว่างดงามปานล่มเมือง นางถูกมอบตำแหน่ง สตรีที่สวยที่สุดในเขตนอกได้อย่างไม่ยากเย็น

"มาเถอะ เรารีบไปทำความรู้จักกับนางกัน"

ชายหนุ่มที่สวมชุดเขียวรีบกล่าวชักชวนพรรคพวกก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไป

"ลี่เซียว ข้าคิดว่านางมีคนรักแล้ว" เยาวชนที่เดินตามหลังชายชุดเขียวกล่าวขึ้นมา

"นั่นคงเป็นคนที่มาจากตระกูลสาขาเช่นกันใช่หรือไม่มันน่าจะมาพร้อมกันกับนาง พวกเจ้าหวาดกลัวคนจากตระกูลสาขาที่อ่อนด้อยตั้งแต่เมื่อไหรกัน?" ลี่เซียวกล่าวถามออกมา

"พวกเราหาได้หวาดกลัวไม่!"

กลุ่มคนทั้งหมดตอบรับเป็นเสียงเดียวกันก่อนที่จะเดินตามลี่เซียวไป

ต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อที่คิดจะเดินไปยังลานฝึกซ้อมกลับถูกกลุ่มคนเดินมาขัดขวาง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะสะกิดไหล่ของเขา

แต่หลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจอะไร เขายังคงมุ่งหน้าต่อไป

และในตอนนี้เอง ชายชุดเขียวก็เดินมาขวางหน้าหลิงเทียนและเค่อเอ๋อ

"มีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายชุดเขียวตรงหน้าด้วยสายตาเรียบๆ ก่อนที่จะกล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่แยแส

อย่างไรก็ตามชายชุดเขียวไม่ได้สนใจอะไรหลิงเทียน มันเอาแต่จ้องมองไปยังเค่อเอ๋อ

ลี่เซียวที่กำลังส่งยิ้มให้กับเค่อเอ๋อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ "เจ้าคงเป็นคนจากตระกูลสาขาที่เพิ่งมาถึงใช่หรือไม่ ข้าคือ ลี่เซียว สาวกจากตระกูลหลัก"

ลี่เซียวกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

แต่ภายใต้การจับจ้องของลี่เซียว เค่อเอ๋อกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นางมองข้ามและเมินทุกคนที่กำลังเฝ้ารอคำตอบ ก่อนที่จะหันไปคุยกับชายข้างๆของนาง "นายน้อยเราไปกันเถิด"

"ได้สิ"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับก่อนที่จะเดินต่อโดยไม่สนใจกลุ่มคนที่พยายามขัดขวาง

"หยุดอยู่ตรงนั้น!"

หลี่เซียวไม่อาจอยู่เฉยๆได้แบบนี้ ตอนนี้มันอับอายอย่างมาก มันหันไปมองเค่อเอ๋ออีกครั้งก่อนที่จะกล่าวว่า ข้าเป็นสาวกของตระกูลหลัก เจ้าไม่คิดจะไว้หน้าข้าบ้างเลยหรือไร?"

ดวงตาของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับลี่เซียวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "หน้าตาและชื่อเสียงของคนๆหนึ่ง ไม่ได้รับมาจากครอบครัวหรืออาศัยคนอื่น หากอยากให้พวกข้าไว้หน้า เจ้าก็ต้องแสดงความสามารถ...หากไม่กล้าก็ไสหัวไปให้พ้นทางข้า!"

ไสหัวไปให้พ้นทาง?

ลี่เซียวพลันแปรเปลี่ยนท่าทีเป็นโง่งม ราวกับมันไม่มั่นใจในสิ่งที่หลิงเทียนกล่าว มันเลยหันไปหาพรรคพวกก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา "เมื่อครู่ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ที่มันกล่าวไล่ข้า ให้ไสหัวไป?"

เยาวชนพยักหน้า "ท่านได้ยินไม่ผิด มันกล่าวเช่นนั้นจริงๆ"

ตอนนี้ลี่เซียวเริ่มเต็มไปด้วยโทสะ "เด็กน้อย ข้าต้องการประลองกับเจ้า!" เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงดังลั่น

การตะโกนครั้งนี้ได้ดึงดูดเหล่าสาวกทุกคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ในลานฝึกซ้อม ก่อนที่พวกมันจะเริ่มล้อมวงเข้ามาเพื่อรับชมการประลอง ราวกับนี่เป็นสิ่งที่ลี่เซียวต้องการให้เกิดขึ้น

"ขอโทษที ข้าไม่สนใจ"

หลังจากที่ตอบไปอย่างไม่แยแส หลิงเทียนก็หันไปคว้ามือของเค่อเอ๋อเตรียมที่จะเดินออกไป

เมื่อลี่เซียวเห็นการกระทำของหลิงเทียนมันรีบกล่าวออกมาด้วยเสียงดังลั่น "เจ้าขี้ขลาด เจ้าไม่กล้ายอมรับการประลองของข้า เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่!"

เหล่าสาวกที่อยู่โดยรอบพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินคำกล่าวเหยียดหยามของลี่เซียว พวกมันล้วนส่งสายตาดูถูกดูแคลนไปยังหลิงเทียน

คนที่อ่อนแอและขี้ขลาด จะถูกมองด้วยสายตารังเกียจและดูถูกเสมอ

หลิงเทียนที่กำลังเบื่อหน่ายหันไปมองหน้าลี่ซวนอย่างไม่หวาดเกรง ประกายตาของหลิงเทียนคมกล้าขึ้นมา ก่อนที่มันจะกล่าวว่า "ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าที่เจ้าทำแบบนี้เพราะต้องการอะไร ถึงจะไร้สาระไปหน่อยแต่หากเจ้าต้องการประลองและกล่าวท้ามาเช่นนี้แล้ว ข้าจะเล่นด้วยกันกับเจ้าสักเล็กน้อย เค่อเอ๋อรอข้าเพียงครู่หนึ่ง ไม่กี่ลมหายใจข้าจะกลับมา "

หลังจากแจ้งกับเค่อเอ๋อแล้ว หลิงเทียนก็ก้าวมาเผชิญหน้ากับลี่เซียวอย่างไม่หวั่นเกรง

"เด็กน้อย คนจากตระกูลสาขาเช่นเจ้า ข้าลงมือเพียง 3 กระบวนท่าเจ้าก็พ่ายแพ้แล้ว!"

ลี่เซียวดูลักษณะแล้วจะแก่กว่าหลิงเทียนเล็กน้อย ร่างกายที่กำยำของเขาบิดไปด้านหลังก่อนที่หมัดของเขาจะง้างไปด้านหลังราวกับลูกธนู เสียงกระดูกลั่นดังออกมาอย่างไพเราะและชัดเจน สั่นสะท้านรูหูของผู้ที่อยู่รอบๆ

"หืม นี่มัน…"

เมื่อหลิงเทียนเห็นท่าทางของมัน เขากลับคุ้นเคยเล็กน้อย มันคล้ายๆ กับหมัดทะลวงร่างที่เขาเคยใช้

หลังจากตั้งท่าอยู่ครู่หนึ่งลี่ซวนก็กระโจนเข้ามาราวกับพยัคฆ์ตะปบเหยื่อ

หลิงเทียนรู้สึกคุ้นเคยการเคลื่อนไหวแบบนี้มาก

"วิชานี้น่าจะมีระดับเหนือกว่า วิชาระดับปฐพีขั้นกลางอย่าง วิชาหมัดปราบพยัคฆ์อยู่ไม่น้อย"

ท่าทีของหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย

"ดูนั่น! จากกระบวนท่าเริ่มต้นของลี่เซียว ไม่ผิดแน่มันคือวิชา หมัดพยัคฆ์คำรน!"

เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังออกมาจากกลุ่มคน

"ไม่ผิดแน่ หมัดพยัคฆ์คำรน"

ไม่นานนักเยาวชนทั้งหมดก็ยอมรับว่าวิชาที่ลี่เซียวใช้ คือเพลงหมัดพยัคฆ์คำรน

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าหอตำรายุทธ์จะกำหนดให้สาวกเขตนอกได้รับแต่เพียงวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นต่ำไม่ใช่หรือไร แล้วเหตุใดลี่เซียวจึงใช้วิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางได้เล่า?”

"เฮ้ เรื่องนั้นมันเก่าไปแล้วเจ้าไม่ได้รับฟังข่าวใหม่เลยหรือไร ลี่ซ่งพี่ชายลี่เซียวได้กลายเป็นสาวกชั้นในแล้ว ตอนนี้ทางตระกูลมีกฎใหม่ว่า วิชาต่างๆสามารถถ่ายโอนให้คนในครอบครัวที่เกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดสามารถฝึกฝนร่วมกันได้ "

"เช่นนี้นี่เอง ลี่ซ่งคงส่งมอบวิชานี้ให้เขา"

...

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของผู้คนรอบๆ ในที่สุดหลิงเทียนก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

ที่แท้ทักษะนี้อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นกลาง!

หึ!

ด้วยการเคลื่อนไหวของลี่เซียว ร่างของเขางอตัวลงราวกับคันธนู ก่อนที่จะพุ่งออกมาราวกับลูกธนู เท้าของเขาขยับเร็วมากจนแทบไม่เห็นร่องรอยการเคลื่อนที่ เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาถึงหน้าของหลิงเทียน

กำปั้นของเขาพุ่งตรงฝ่าสายลมดังสนั่นมายังหลิงเทียน!

"รวดเร็วมาก!"

ต้วนหลิงเทียนสั่งเกตุว่าเมื่อครูลี่เซียวน่าจะใช้วิชาท่าร่าง อีกทั้งหมัดนี้ยังนับว่ารุนแรงพอสมควร หลิงเทียนไม่คิดประมาท เขาเตรียมรับมืออย่างจริงจัง

เขาใช้วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย เพื่อถอยหลังไปสองก้าวในเสี้ยวพริบตา

ก่อนที่หลิงเทียนจะเหวี่ยงแขนไปด้านหลัง พร้อมกับเอนตัวจน กระดูกสันหลังของเขาโค้งลงราวกับคันศรที่โก่งจนสุดสาย

พริบตานั้นเอง หมัดที่เร็วปานสายฟ้าของหลิงเทียนก็ถูกส่งออกโจมตี!

หมัดทะลวง!

แม้ลี่เซียวจะจู่โจมเข้ามาอย่างดุดัน แต่ทว่าหลิงเทียนหาได้หวาดเกรงไม่ เขาเลือกที่จะปะทะกำปั้นกับลี่เซียวอย่างองอาจ หมัดขวาของหลิงเทียนถูกส่งมาปะทะหมัดขวาของลี่เซียวอย่างจัง

ปัง!!!

กำปั้นของทั้งคู่ปะทะกันดังสนั่น! หลังจากนั้นกลับเป็นฝ่ายต้วนหลิงเทียนที่แสยะยิ้มออกมาเพราะตอนนี้แรงของกำปั้นลี่เซียวได้ถูกหมัดของเขาปะทะหักล้างจนหมด ซ้ำหมัดของเขายังมีกำลังเหลืออยู่อีกมาก พลังทำลายของหมัดพุ่งไปยังกำปั้นของลี่เซียว

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกดังออกมาอย่างชัดเจน ตอนนี้ลี่เซียวที่ประหมัดกับต้วนหลิงเทียนต้องก้าวถอยหลังอย่างไม่เป็นท่า ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด

ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกจากกำปั้นทำให้ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ลี่เซียวหันไปจ้องหลิงเทียนด้วยความไม่เชื่อสายตาก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเครือว่า "เจ้า... ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะฝึกฝนวิชา หมัดพยัคฆ์คำรนจนถึงขั้นแก่นแท้!"

หมัดพยัคฆ์คำรน ถึงขั้นแก่นแท้!

ฝูงชนต่างลุกฮือกันด้วยเสียงสับสน

คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ สามารถฝึกฝนวิชาหมัดพยัคฆ์คำรนได้?

นอกจากนี้เมื่อครู่ลี่เซียวยังกล่าวออกมาอีกว่า หมัดพยัคฆ์คำรนของมันฝึกฝนจนถึงแก่นแท้?

เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ระดับห้วงมหรรณพขั้นกลาง การฝึกฝนให้สามารถใช้ออกได้ หรือทำความเข้าใจ มีความสำเร็จเล็กๆน้อย นั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร แต่หากให้เชี่ยวชาญ จนถึงขั้นแก่นแท้เช่นนี้มันยากเย็นอย่างยิ่ง

หลังจากที่เสร็จเรื่อง หลิงเทียนก็ไม่คิดจะอยู่ให้เสียเวลาอะไร เขาจูงมือเค่อเอ๋อจากไปทันที

แววตาของลี่เซียวหมองลงเล็กน้อยเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่มันก็ฝืนลุกขึ้นก่อนที่จะตะโกนถามหลิงเทียน "เจ้าชื่ออะไร?"

"อะไร เจ้าอยากแก้แค้นงั้นเรอะ?" หลิงเทียนหันกลับมาจ้องไปยังลี่เซียวก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างกวนอารมณ์เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะนิ่งไปแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวว่า " ข้ามาจากตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรยนามว่าต้วนหลิงเทียน!"

"เจาเป็นคนตระกูลลี่ แต่เจ้ากลับใช้แซ่ตระกูลอื่นเช่นนั้นเหรอ?"

คนส่วนใหญ่ค่อนข้างตกตะลึงกับเรื่องนี้มาก

"ต้วนหลิงเทียน ข้าจะจำชื่อเจ้าเอาไว้ หากข้าฝึกฝนหมัดพยัคฆ์คำรนจนถึงขั้นแก่นแท้เมื่อไหร่ ข้าจะมาท้าทายเจ้าอีกครั้ง!"

ลี่เซียวกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวแววตาของเขาฉายแววไม่ยอมแพ้ มันแฝงไปด้วยความเย็นชาและเพลิงปรารถนาอันแรงกล้า

รีวิวผู้อ่าน