บทที่ 2 สิ่งที่รับมือได้ยากที่สุดก็คือ “สาวงาม”
เช้าวันที่สอง หลังจากที่จางเช่อลุกขึ้นจากเตียง เขาก็เห็นซุนหลานแม่ของเขากำลังเตรียมอาหารเช้าให้เขาอยู่ในครัว
เมื่อเห็นจางเช่อเปิดประตูห้องออกมา ซุนหลานที่กำลังทอดไข่อยู่ในครัวก็พูดขึ้นมาว่า
“เช่อน้อยตื่นแล้วเหรอลูก ไปล้างตาล้างตาก่อนไป เดี๋ยวแม่จะรีบทอดไข่ให้”
“ขอบคุณครับแม่!”
จางเช่อตอบกลับเสียงใส ขณะที่เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ
เมื่อหกปีก่อน พ่อของจางเช่อถูกสัตว์อสูรฆ่าตายในตอนที่สัตว์อสูรบุกครั้งที่สาม ดังนั้นจางเช่อจึงอาศัยอยู่ในสลัมกับซุนหลานแม่ของเขาแค่สองคน
รายรับในทุกเดือน นอกเหนือจากเงินประกันอันน้อยนิดที่ทางรัฐบาลมอบให้แล้ว ก็เป็นรายได้จากการทำงานของซุนหลาน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ทางรัฐบาลให้เรียนฟรีแล้วล่ะก็ จางเช่อคงไม่มีเงินไปโรงเรียนแน่ๆ
แต่ในชีวิต พรแห่งโชคไม่เคยมาเป็นคู่เลยสักครั้งและโชคร้ายก็ไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว เมื่อครึ่งปีก่อน ซุนหลานถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งร้าย ด้วยศักยภาพทางการแพทย์ในปัจจุบัน บวกกับการวิจัยและการพัฒนาพวกวัสดุที่ได้มาจากสัตว์อสูร ดังนั้นจึงมียาซ่อมแซมพันธุกรรมที่สามารถใช้รักษาโรคนี้ได้
แต่ทว่ายาซ่อมแซมพันธุกรรมนับได้ว่าเป็นยาระดับแนวหน้า ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ราคาของมันอยู่ที่ราวๆสิบล้าน
ค่าใช้จ่ายที่แพงขนาดนี้ บ้านของจางเช่อไม่มีทางหามาได้อย่างแน่นอน
นอกเสียจากว่าจางเช่อจะผ่านการทดสอบของบีสมาสเตอร์ และกลายเป็นบีสมาสเตอร์อย่างเป็นทางการ ถึงจะสามารถสู้ราคาไหว
หลังจากล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จางเช่อก็มานั่งทานอาหารเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้ จากนั้นเขาก็สะพายเป้และเดินออกจากบ้าน
“แม่ ผมไปโรงเรียนก่อนนะ”
“อืม ระวังตัวด้วยล่ะ” ซุนหลานมองตามหลังบุตรชายไป ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “เช่อน้อย พยายามเข้านะลูก แม่เชื่อว่าครั้งนี้ ลูกจะต้องผ่านการทดสอบบีสมาสเตอร์อย่างแน่นอน”
จางเช่อหันหน้ากลับมามองซุนหลานก่อนจะคลี่ยิ้มสดใสออกมา “ครับ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน! แม่ ผมไปก่อนนะ”
พูดจบ จางเช่อก็วิ่งตึงๆลงบันไดและมุ่งหน้าออกจากสลัม
ที่โลกเก่าพ่อแม่ของเขาได้หย่ากันตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก จากนั้นเขาก็ถูกปู่กับย่าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ โดยที่ไม่เคยได้รับความรับจากพ่อแม่ คิดไม่ถึงเลยว่าชาตินี้เขาจะมีแม่ที่คอยให้ความรักและความห่วงใย ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
เพื่อหาเงินมาซื้อยาซ่อมแซมพันธุกรรม วันนี้เขาจะต้องผ่านการทดสอบบีสมาสเตอร์ให้จงได้!
หลังจากที่จางเช่อเดินออกจากสลัมไป ซุนหลานก็เอนตัวพิงระเบียงด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“เช่อน้อย ความจริงแล้วแม่ไม่หวังให้ลูกผ่านการทดสอบบีสมาสเตอร์หรอกนะ แม่อยากให้ลูกเป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น”
พ่อของจางเช่อเคยเป็นบีสมาสเตอร์ระดับต่ำ เขาถูกฝูงสัตว์อสูรที่บุกโจมตีเมืองในครั้งที่สามรุมทึ้งจนตาย ดังนั้น ซุนหลานจึงคาดหวังว่าลูกชายของตัวเองจะไม่เดินทางนี้ ชีวิตนี้แค่แต่งผู้หญิงธรรมดาๆและอยู่อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ซุนหลานรู้ดีว่าพรสวรรค์ของลูกชายตัวเองนั้นธรรมดามาก ถ้าครั้งนี้โชคดีได้ผ่านการทดสอบ และกลายเป็นบีสมาสเตอร์ เขาก็คงเป็นได้แค่บีสมาสเตอร์ระดับต่ำในหมู่บีสมาสเตอร์ด้วยกัน ในอนาคตหากได้ก้าวเท้าสู่สนามรบกับฝูงสัตว์อสูร เกรงว่าคงยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้
เขตสลัมที่จางเช่ออาศัย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนลำดับสองของเมืองเฉียนเว่ย เขาสามารถขึ้นรถบัสที่อยู่ด้านนอกของสลัม และนั่งรถผ่านไม่กี่ป้ายก็ถึงหน้าโรงเรียนแล้ว
“เช่อน้อย นายก็มารอรถบัสเหมือนกันเลย”
จางเช่อยืนรอได้สองสามนาทีก็ยังไม่มีรถบัสที่ผ่านโรงเรียนแล่นมาเลยสักคัน ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
เมื่อจางเช่อหันไปมอง ก็พบว่าเป็นหวงเที๋ยหลาน เพื่อนร่วมชั้นของเขา ดวงตาที่เธอมองมาที่เขาดูเป็นประกายสดใสมาก
โอ้พระเจ้า บ้านของเธอไม่ได้อยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าจะบอกว่าบังเอิญก็บ้าแล้ว!
“คุณเพื่อนร่วมชั้นหวงเที๋ยหลาน กรุณาเรียมผมว่าจางเช่อ!”
หวงเที๋ยหลานยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส่ พลางตอบกลับเสียงดังว่า “ตกลง เช่อน้อย!”
ก็อย่างที่เห็น เขาได้ทะลุมิติมาสิงร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นสาวแอบชอบ จางเช่อคงจะรู้สึกดีใจมากกว่านี้ ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สูง180 เซนติเมตร และน้ำหนักร่วม108กิโลกรัม!
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีแค่ไขมัน แต่ยามที่เธอเกร็งร่าง กล้ามเนื้อก็จะปูดขึ้นมาเป็นลูกๆ!
จางเช่อตัดสินใจทำตามนิสัยของเจ้าของร่างเก่า นั่นก็คือไม่สนใจสตรีเหล็กคนนี้
อ่อ สตรีเหล็กเป็นฉายาของหวงเที๋ยหลานที่พวกเพื่อนๆตั้งให้ ซึ่งจางเช่อก็แอบคิดว่ามันก็เหมาะกับเจ้าตัวดี
“เช่อน้อย ทำไมนายถึงไม่สนใจฉันล่ะ ฉันเจ็บปวดนะ”
หวงเที๋ยหลานกระเง้ากระงอดขึ้นมา เธอกระทืบเท้าลงกับพื้นดินเสียงดังตึมๆ จนทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว
จางเช่อเริ่มรู้สึกไม่ดี เขารู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆที่ทุกคนจ้องมองมาที่เขา ราวกับจะบอกว่า ‘เฮ้เพื่อน รสนิยมนายไม่เหมือนใครเลยจริงๆ!’
ถึงแม้ว่าจางเช่อจะไม่สนใจตัวเอง แต่หวงเที๋ยหลานก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้เลยสักนิด นางพาร่างกายอันแข็งแกร่งเบียดให้คนที่อยู่รอบๆตัวของจางเช่อถอยไป จากนั้นก็เดินเข้าไปประชิดตัวของจางเช่อ แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า
“เช่อน้อย ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานหลังเลิกเรียน นายถูกอู่จวิ้นยู้ทำร้ายใช่ไหม? วางใจเถอะ รอให้ถึงโรงเรียนก่อน แล้วฉันจะจัดการหมอนั้นเอง ฉันจะทุบให้มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู!”
หวงเที๋ยหลานพูดอย่างโมโห ราวกับว่าเธอไม่เห็นอัจฉริยะอู่จวิ้นยู้อยู่ในสายตา
อืม ความจริงแล้วที่ผู้หญิงคนนี้มีมั่นใจขนาดนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอได้กลายเป็นบีสมาสเตอร์ตั้งแต่ตอนอายุ 16 ปี พ่อของเธอนั้นดีใจมากและซื้อการ์ดอสูรระดับเงินให้เธอหนึ่งใบ ไม่ว่าจะพละกำลังหรือแม้แต่สัตว์อสูร เธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอู่จวิ้นยู้เลยสักนิด
แล้วทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงสาวที่บอบบาง และกำลังถูกแฟนหนุ่มผู้แข็งแกร่งปกป้องกันอยู่ล่ะเนี่ย?
จางเช่อตัวสั่นเล็กน้อย ขนในร่างพลันลุกขึ้นพรึบพั่บ เขาหันไปมองหวงเที๋ยหลานด้วยสีหน้าที่จนปัญยาและกล่าวว่า
“หวงเที๋ยหลาน เรื่องของผม ผมจัดการเองได้ ดังนั้นคุณไม่ต้องเข้ามายุ่งจะได้ไหม?”
ทันใดนั้นสีหน้าของหวงเที๋ยหลานพลันเปลี่ยนไป นางเผลอกระทืบเท้าแรงๆ จนทำให้พื้นดินที่อยู่รอบๆสั่นไหวขึ้นมา “เช่อน้อย ทำไมนายถึงกีดกันฉันขนาดนี้!”
จางเช่อได้ยินดังนั้น ก็รีบวิ่งขึ้นรถบัสที่จอดอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
หวงเที๋ยหลานแทบไม่ต้องคิด เมื่อเห็นจางเช่อวิ่งขึ้นรถบัส นางก็ร้องหึออกมา ก่อนที่จะรีบก้าวเท้าตามไปติดๆ แต่ทว่ารถบัสในตอนนี้คนเต็มเสียแล้ว ดังนั้นประตูรถจึงปิดลง และขับออกไปทันที
“ไอหยา น่าเกลียดจริงๆ ทำไมถึงไม่รอคน!”
หวงเที๋ยหลานตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว ขณะที่กระทืบเท้าลงบนพื้นดินซ้ำไปซ้ำมา
ในตอนนี้เธอดูเหมือนสัตว์ยักษ์ที่กำลังเดินงุ่นง่านอยู่ริมทางเดิน จนเกิดฝุ่นลอยฟลุ้งขึ้นมาบนอากาศ
ท่ามกลางผู้คนที่แออัดอยู่บนรถบัส จางเช่อยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อและพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เพิ่งจะผ่านไป แต่ทว่าเขาก็ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่ดี
หลังจากขับรถมาได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถบัสก็แล่นมาจอดที่ป้ายหน้าโรงเรียน จางเช่อลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นก็มีร่างของเด็กหนุ่มที่สูงใหญ่คนหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงหน้าของจางเช่อพร้อมกับรอยยิ้มที่ซุกซน เขากวาดสายตามองจางเช่อตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจว่า
“โอ้โหจางเช่อ นายดูสบายดีนี่ ดูเหมือนว่าเจ้าเสี่ยวเฮยของฉันจะควบคุมพลังของตัวเองได้ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เสียเงินฝึกฝนมัน”
พูดจบ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ควักการ์ดสีเขียวออกมาใบหนึ่ง แล้วแกว่งตรงหน้าจางเช่อ