px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 41 ลี่ฉีฉี


บริเวณมุมหนึ่งของลานฝึกซ้อมสาวกชั้นนอก

ร่างกายของต้วนหลิงเทียนวูบไหวไปมาราวกับอสรพิษ ...

การเคลื่อนที่ดูเหมือนจะช้า แต่ทว่าเสียงแหวกสายลมที่เกิดขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่ารวดเร็วเพียงไหน

"ข้าคงมีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้นอย่างเร็วก็อีก 10 วัน อย่างช้าคงอีกประมาณครึ่งเดือน"

ร่างกายของหลิงเทียนวูบไหวไปมาอีกรอบ ก่อนที่เขาจะหยุดลงพร้อมฉีกยิ้มบางๆที่มุมปาก

จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด หลิงเทียนรู้ว่า วิชาวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของเขาอยู่ในระดับขั้นตอนพื้นฐานปลายๆเกือบจะถึงขั้นตอนเริ่มต้นอยู่แล้ว

เมื่อวิชาวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของเขา เข้าสู่ขั้นตอนความสำเร็จเริ่มต้นความเร็วของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นการบิดตัวในแง่มุมต่างๆยังทำได้คล่องแคล่วกว่าเดิมอีกด้วย ...

วิชาทาร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย นับว่าเป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง แม้จะสำเร็จเพียงขั้นตอนเริ่มต้น มันก็เทียบได้กับขั้นตอนของผู้เชี่ยวชาญในวิชาท่าร่างระดับมหรรณพขั้นกลางแล้ว หากเทียบกับระดับมหรรณพขั้นต่ำ ก็เปรียบเหมือนผู้ที่อยู่ในขั้นตอนแก่นแท้

ต้วนหลิงเทียนหยุดการฝึกฝนเพราะเริ่มมืดค่ำแล้ว ถึงแม้จะฝึกต่อแต่คืนนี้ก็คงไม่ได้อะไรเพิ่มเติม เขาต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ฝึกมาวันนี้

เขาเตรียมพร้อมที่จะดูดซับโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวน และเม็ดยาเพลิงอัสนี เพื่อให้ตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 โดยเร็วที่สุด

จากข่าวคราวที่เขาสืบทราบมา เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนการประลองของสาวกชั้นนอกก็จะเริ่มต้นขึ้น

หากเขาต้องการเป็นสาวกชั้นใน เขาต้องแข็งแกร่งและแสดงพลังให้คนตระกูลหลักเห็นว่าเขามีค่าพอ ที่จะกลายเป็นสาวกชั้นใน

มุมของสนามฝึกซ้อมสาวกชั้นนอกที่หลิงเทียนเลือกมาฝึกฝนนั้นอยู่ในบริเวณลับตาคนและไม่ค่อยมีคนสัญจรสักเท่าไร

ในระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับที่พัก เมื่อเขาตัดมายังกลางสนามฝึกซ้อมบริเวณตรงกลาง เขาก็พบเหล่าสาวกกำลังมุงดูอะไรบางอย่างกันอย่างหนาแน่น

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลิงเทียนเลยเดินเข้าไปดู

ท่ามกลางฝูงชนปรากฏร่างสตรีงดงาม กำลังยืนถือกระบี่ อยู่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ นางหลับตารวบรวมสมาธิ มือกระชับกระบี่เอาไว้อย่างแน่น

นางอายุราวๆ 17 ปี ใบหน้าสวยงาม ความงามของนางเปล่งประกายแข่งขันกับจันทราอย่างสูสี

ตั้งแต่ที่หลิงเทียนมาถึงโลกนี้ สตรีที่งดงามขนาดนี้ที่เขาเคยพบก็มีแค่ 3 คนเท่านั้น มารดาของเขา เค่อเอ๋อ และก็นาง ถึงแม่ว่านางจะด้อยกว่าคนใกล้ตัวมันอยู่นิดหน่อย แต่ก็นับว่ายังงดงามมากอยู่ดี

ผมของนางสยาย พริ้วสลวยสวยสง่ายามนางขยับตัววูบไหวพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งใต้ต้นไม้

กระบี่ของนางวาดไปวาดมาบังเกิดเส้นแสงลากผ่านไปในอากาศราว 3-4เส้น

เหนือศีรษะของนางมีเงาร่างแมมมอธโบราณปรากฏออกมา 1 ตัว

ฟึ่บ!

เสียงสะบัดกระบี่ดังขึ้น ในที่สุดกระบี่ของนางก็หยุดนิ่งลง

ใบไม้ ทั้ง3 ใบที่ร่วงลงมาจากลำต้น ถูกนางผ่าออกเป็นสองส่วน ทั้ง 3 ใบ

เมื่อหญิงสาวตวัดกระบี่เสร็จสิ้น เหงื่อของนางก็เริ่มไหลออกมา

แปะๆๆๆๆๆๆ ...

ทันใดนั้นเสียงเชียร์และเสียงปรบมือก็ดังก้องกังวานไปทั่วสนามฝึกซ้อม

“สุดยอดไปเลย นี่หรือคือฝีมือ 3 อันดับแรกของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด”

“เพลงกระบี่ไร้เงาของนาง สามารถฟาดฟันใบไม้ให้เป็น สองส่วนอย่างง่ายดาย แม้ในขณะที่อยู่กลางอากาศ”

“อีกทั้งนางยังทำได้ ถึง 3 ใบ หากข้าพบกับนางเกรงว่าลำคอของข้าคงขาดสะบั้นไม่ต่างอะไรกับใบไม้พวกนี้”

“ใช่แล้วอีกทั้ง ใบไม้ยังไม่ได้อยู่ใกล้กันด้วยนะ นางตวัดกระบี่ได้รวดเร็วมาก ในบรรดาสาวกสายนอกคงไม่มีใครมีวิชากระบี่เหนือล้ำนางแล้ว ลี่ฉีฉี คือมือกระบี่อันดับ หนึ่ง”

“อายุเพียงท่านเพียง 17 ปี แต่กลับมีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 อีกทั้งท่านยังฝึกวิชาระดับมหรรณพขั้นต่ำ อย่างกระบี่ไร้เงา จนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ นับว่าพี่ฉีฉี เป็นสตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในสาวกสายนอกแล้วล่ะค่ะ”

......

ต้วนหลิงเทียนที่ทึ่งกับเสียงเชียร์และเสียงตกมือ ถึงกับยืนสับสน

นี่เหรอ สามอันดับแรกของสาวกสายนอก?

พี่สาวฉีฉี?

"หรือนางจะเป็น ลี่ฉีฉี?"

หลิงเทียนจำได้ว่าในขณะที่อยู่ในร้านขายโอสถ เขาได้ยินพวกลี่หยวนและลี่เซียวคุยกันถึงเรื่องความเก่งกาจของนาง

จากที่มันเห็น นางก็นับว่าสมคำร่ำลือ!

ในแง่ของความสวยงาม นางก็นับว่าด้อยกว่าเค่อเอ๋อเพียงเล็กน้อย...

"พี่ฉีฉี เช็ดเหงื่อของท่านก่อนค่ะ"

เด็กสาวยิ้มอยางอ่อนโยนในขณะที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ลี่ฉีฉี

ในขณะที่ลี่ฉีฉีเช็ดหน้าเช็ดตานั้น นางก็เหลือบไปเห็นบุรุษคนหนึ่งที่มีทีท่าแตกต่างจากบุรุษทั้งหมด บุรุษทุกคนล้วนแล้วแต่ปรบมือ ไม่ก็ส่งเสียงเชียร์พยายามเรียกร้องความสนใจจากนาง ทว่าคนๆ นั้นกลับต่างออกไป

ทุกคนในที่นี้หลงไหลในวิชากระบี่ของนาง

แต่บุรุษผู้นั้นกลับทำสีหน้าราวกับ วิชากระบี่ของนางไม่ได้เลิศเลออะไรมากมายนัก

ในหัวใจของนางรู้สึกแย่เพราะไม่เคยมีใครกล้าดูแคลนนางมาก่อน

"ท่านคิดว่า วิชากระบี่ของข้า ไม่คู่ควรให้ท่านชื่นชมเช่นนั้นหรือ จึงได้ทำสีหน้าเช่นนั้น?"

ลี่ฉีฉีกล่าวเสียงดังขึ้นในขณะที่นางหันไปสบตากับหลิงเทียน ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างหันไปมองตามทิศทางที่นางจ้องไปอย่างพร้อมเพรียง

และพวกมันกลับพบชายหนุ่มคนหนึ่ง

"หืม นั่นต้วนหลิงเทียนไม่ใช่หรือ?"

"มันเป็นเขา! วันนั้นข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์"

"ดูเหมือนเขาจะมีอายุแค่ 16 ปี ... "

"เอ๊ะปกติข้าได้ยินมาว่า เขามักจะมีสาวน้อยที่คอยเดินตามราวกับตัวติดกัน อีกทั้งข้ายังได้ยินคนกล่าวว่างดงามยิ่งกว่าลี่ฉีฉีอีกไม่ใช่รึ เหตุใดวันนี้จึงไม่เห็นเล่า "

......

ไม่ได้ยินเสียงสนทานาอื้ออึงรอบๆ ลี่ฉีฉี ถึงกลับประหลาดใจ

นางพอทราบข่าวคราวมาบ้างว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดอะไรขึ้น

"วิชากระบี่ท่าน ก็ไม่เลวนัก หากลดความแหลมคมลงมาสักหน่อย ผลลัพธ์ที่ได้มันอาจจะดีขึ้น "

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเป็นจุดสนใจกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ลดความแหลมคม?”

หลังจากนั้นทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันคงไม่คิดว่าตัวเองมีความสำเร็จในวิชาหมัดพยัคฆ์คำรนนิดหน่อย จะสามารถแนะนำวิชากระบี่ให้ มือกระบี่อันดับ 1 อย่างฉีฉีได้หรอกนะ?"

"เป็นแค่คนบ้านนอก กลับกล้ากล่าววาจาไร้สาระ!"

"แม้ระดับความสำเร็จของวิชากระบี่ไร้เงา กับหมัดพยัคฆ์คำรนของมัน จะเรียกได้ว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่พี่ฉีฉีมีระดับการบ่มเพาะมากกว่ามันถึง 1 ขั้น อีกทั้งด้วยกระบี่ยาว 3 ฟุตในมือนาง หากต้องการชีวิตมันก็ง่ายเพียงแค่ขยับมือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะทำอะไรพี่ฉีฉีได้ "

......

ฝูงชนเริ่มกล่าวต่อต้านหลิงเทียนและเข้าข้างลี่ฉ๊ฉี

"ข้าได้ยินมาว่าหมัดพยัคฆ์คำรนของท่านน่าตื่นตาตื่นใจมาก หรือว่าท่านยังเจนจัดในวิชากระบี่ด้วย? "

ลี่ฉีฉี จ้องมองหลิงเทียนด้วยสายตาล้ำลึก

หลิงเทียนไม่คิดว่าคำแนะนำดีๆ ของเขาจะได้รับการต่อต้านจากฝูงชน

เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

บางครั้งคำพูดที่ถูกต้อง แต่ผิดเวลา มันก็ไม่ได้ให้ผลดีเสมอไป

"กระบี่!"

หลิงเทียนไม่สนใจ มันเดินไปด้านหน้าก่อนจะยื่นมือพร้อมเอ่ยเสียงออกมาเพียงหนึ่งคำ

ลี่ฉีฉีพลันตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ รู้ตัวอีกทีนางก็โยนกระบี่ในมือให้หลิงเทียนไปเสียแล้ว นางสับสนเล็กน้อยได้แต่จ้องมองว่าหลิงเทียนจะทำอะไรกันแน่

"เฮอะ ต้วนหลิงเทียนคงคิดจะควงขวานต่อหน้าหลู่ปัน?" (*แสดงความสามารถเล็กน้อยต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ)

"เขาโอหังเกินไป!"

คนส่วนใหญ่แสดงทีท่าสมเพชออกมา

หลิงเทียนขี้เกียจต่อปากต่อคำเลยแสดงให้ดูเสียเลย

พริบตาต่อมาหลิงเทียนก็ถือกระบี่ไปยืนสงบอยูใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นเดียวกับ ลี่ฉีฉี

พลันวาโยโชยพัดดังหวีดหวิว ใบไม้บินปลิดปลิวพริ้วร่วงหล่น หนึ่งกระบี่วูบไหวในมือคน น่าฉงนสิ้นไร้คำใดๆ

ฟึ่บ!!!

ภายใต้สายตาของทุกคนหลิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหว

ทุกคนในที่แห่งนั้นได้แต่เบิกตากว้างเมื่อเห็นกระบวนท่าของหลิงเทียน ยิ่งลี่ฉีฉีนางได้แต่เหม่อมองราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง

มันเป็นเพียงประกายแสงที่แวบเข้าคลองจักษุของพวกมันเพียงเสี้ยวเวลากระพริบตาเท่านั้น ไม่มีใครรู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลิงเทียนใช้กระบี่จู่โจมออกไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีทุกอย่างพลันจบสิ้นลงแล้ว

"มะ..มันใช้กระบี่จู่โจมออกไปแล้วเช่นนั้นหรือ?"

ทุกคนต่างมีเพียงหนึ่งคำถามเดียวในหัวใจ

"ดูตรงนั้นเร็วเข้า!"

มีใครคนหนึ่งที่เหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง รีบตะโกนออกมาอย่างร้อนรน ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

เมื่อคนทั้งหมดหันไปดูตามทิศทางที่มันชี้ ก็พบใบไม้นับสิบๆใบ ร่วงหล่นอยู่บนพื้นอีกทั้งทุกใบล้วนแล้วแต่ถูกผ่ากลางเป็นสองส่วนอย่างไร้ที่ติ ราวกับธรรมชาติสร้างพวกมันให้เป็นสองส่วนเช่นนี้อยู่แล้ว

ฟืดดด!

ทุกคนที่เห็นภาพดังกล่าวอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บ

ทันทีที่หลิงเทียนนำกระบี่มาคืน ลี่ฉีฉีพลันได้สติขึ้นมา

เมื่อนางมองไปยังแผ่นหลังของหลิงเทียนนางได้สัมผัสคำว่าพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิต ต่อหน้าวิชากระบี่ของเขา คำกล่าวเยินยอว่ามือกระบี่อันดับ 1 ของนางนั้น น่าขำจนนางรู้สึกปวดใจ ...เกียรติยศผู้แข็งแกร่ง 3 อันดับแรกของสาวกสายนอกราวกับเป็นชื่อที่คอยล้อเลียนตอกย้ำนาง เมื่อนำไปเอยต่อหน้าเขา

นับตั้งแต่วันแรกที่นางฝึกฝนกระบี่

หากเทียบกับคนทั่วไปแล้วนางนับว่ามีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่ามาก

แต่นางก็รู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้หากให้นางและหลิงเทียนจับกระบี่ขึ้นมาต่อสู้กัน ต่อให้นางมีระดับการบ่มเพาะมากกว่าเขา 1 ขั้น ...แต่ชีวิตของนางก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของเขาเท่านั้น

"ต้วนหลิงเทียน ข้าจะจดจำท่านไว้"

ลี่ฉีฉี กล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ

ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดในเรื่องที่บังเอิญเห็นเมื่อครู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ

เขาพยายามเทียบวิชากระบี่ไร้เงา ที่มีระดับห้วงมหรรณพขั้นต่ำกับความทรงจำในวิชากระบี่ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ...

และหลิงเทียนก็ได้ข้อสรุปว่า

วิชาวาดกระบี่ของเขานั้น เทียบเท่าวิชาห้วงมหรรณพขั้นกลาง ที่มีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ หรืออาจจะเทียบได้กับ วิชากระบี่ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ

แต่ถ้าเขาใช้ออกอย่างฉับพลันมัน คงไม่มีใครสามารถวัดระดับวิชากระบี่ของเขาได้

“อืม?”

ต้วนหลิงเทียนหยุดอย่างกะทันหันก่อนที่จะมองไปยังตรงหน้าของเขาที่เป็นทางเดินกลับที่พัก

พวกมันเหมือนจะเฝ้ารอเขาอยู่นานแล้ว

เป็นลี่หยวนและลี่เซียว

ต้วนหลิงเทียนพยายามเดินหลีกออกด้านข้าง โดยไม่สนใจพวกมัน

แต่ทว่า พวกมันกลับจงใจเดินมาบังเส้นทางของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

"มีเรื่องสำคัญอะไร?"

หลิงเทียนกล่าวถามพร้อมกับส่งสายตาเย็นชาออกไป

ถึงแม้เขาไม่อยากสร้างปัญหา แต่ทว่าเขาหากลัวที่จะเกิดปัญหาไม่

"ต้วนหลิงเทียน ส่งมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเจ้ามาซะ!" ลี่เซียวกล่าวออกมาพร้อมโทสะ

เมื่อมีลี่หยวน ที่เป็น 3 ผู้แข็งแกร่งของสาวกสายนอกอยู่ด้วย ทำให้มันมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

เพียงแต่ว่า หากมันรู้ถึงฝีมือกระบี่ของหลิงเทียนที่สั่นสะท้านสะกดใจผู้คนทั่วทั้งลานฝึกซ้อมเมื่อครู่ อีกทั้ง ลี่ฉีฉี ยังยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสุดหัวใจ รับรองลี่เซียวคงไม่กล้าเสนอหน้าทำกร่างเช่นนี้ได้แน่นอน

เรื่องราวในโลกล้วนไม่เป็นไปตามใจคน

"เจ้าต้องการเงินทั้งหมดที่ข้ามี?"

หลิงเทียนหัวเราะก่อนที่จะตบไปยังบริเวณหน้าอกที่ 'พอง' ของเขา "เงินข้านั้นมีมากมายนัก แต่ทว่า เหตุใดข้าจึงต้องมอบให้พวกเจ้ากันล่ะ?"

"เหตุใด เหรอ?"

ลี่เซียวหัวเราะเยาะ ก่อนที่จะกล่าวออกมา "หากเจ้าไม่อยากทุกข์ทรมานก็รีบมอบเงินและทรัพย์สมบัติของเจ้าออกมาแต่โดยดี อ่อ อีกทั้งเด็กสาวที่งดงามนามเค่อเอ๋อนั่น ก็รีบส่งมอบให้พี่ลี่หยวนของข้าได้เชยชมด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ"

"หุบปาก!"

คิ้วของหลิงเทียนขมวดลงเล็กน้อย ตอนนี้มันดูคมกริบราวกับดาบ ประกายตาของหลิงเทียนวูบไหวขึ้นมาด้วยความอำมหิต ท่าทางของเขายังไม่เปลี่ยนไปมากสักเท่าไร แต่ตอนนี้แรงกดดันและกลิ่นอายแห่งความตายเริ่มแผ่ออกมาอย่างมากมายมหาศาล

เค่อเอ๋อเปรียบเสมือนเกล็ดย้อนของมังกร ผู้ใดกล้าแตะต้องมันต้องรับโทสะทั้งหมดของเขา!

ตอนนี้ลี่เซียวเริ่มหวาดกลัวจนหน้าซีดและสั่นเทิ้มไปทั้งร่างกาย

จิตสังหาร ราวกับเทพแห่งการต่อสู้อาชูร่าล้นทะลักออกมากดดันจิตใจของมันอย่างถึงที่สุด

“เฮอะ!”

ต้วนหลิงเทียนรีบเดินจากไปพร้อมสะกดจิตสังหารอย่างรวดเร็ว

หากเป็นที่อื่นป่านนี้ลี่เซียวคงไม่เหลือลมหายใจแล้ว

แต่ที่นี่คือตระกูลลี่ แห่งเมืองออโรร่า และยังเป็นถึงตระกูลหลัก หากเขาฆ่าลี่เซียวไป คนในตระกูลลี่ต้องมาเอาเรื่องกับเขาอย่างแน่นอน

เพราะลี่เซียวก็เป็นบุตรของสาวกหลักของตระกูลลี่

เขาไม่สามารถวู่วามได้

"พี่ลี่หยวนเหตุใดท่านจึงไม่หยุดเขา?" ลี่เซียวที่เริ่มหายจากอาการหวาดกลัว หันไปถามลี่หยวนด้วยความหงุดหงิด

"ดูเหมือนเราจะประเมินหลิงเทียนผู้นี้ต่ำไปแล้ว มันหาได้ธรรมดาอย่างที่คิดไม่"ตอนนี้ท่าทางของ ลี่หยวนนั้นดูหวาดกลัวอย่างมาก

แม้ว่าจิตสังหารของหลิงเทียนเมื่อสักครู่จะมีเป้าหมายไปที่ลี่เซียว แต่ทว่าลี่หยวนเองกลับสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของมัน และพบว่ามันน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน

"หมายความว่าท่านจะปล่อยมันไปเช่นนี้?" ลี่เซียวยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไร

"พวกเราสามารถจัดการเขาได้อีกครั้ง เมื่อวิชาระฆังทองคลุมกายของข้ามีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้น บอกตามตรงตอนนี้แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้"

"อะไรนะ?"

ท่าทางของลี่เซียวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เขาไม่คิดว่าสาวกที่มีอันดับ 1 ใน 3 ผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการสนับสนุนจากบิดาที่เป็นสาวกหลักอย่างดี เช่นลี่หยวน จะไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเอาชนะหลิงเทียนได้ในตอนนี้ มันถึงกับต้องคิดดำเนินแผนการถึงสองครั้งสองครา

หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลี่เซียวก็ถามว่า "พี่ลี่หยวน เราให้พี่ชายของข้าลงมือดีหรือไม่?"

ลี่หยวนกระพริบตาก่อนที่จะเอ่ยออกมา "เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเจ้าอยากให้พี่ชายของเจ้าแย่งชิงส่วนแบ่งทั้งหมดไป? จากที่ข้ารู้มา ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่สู้ดีนัก เขายังเรียกเจ้าว่าขยะทุกครั้งที่เจอด้วยซ้ำไม่ใช่หรือไร หากเขารู้เรื่องนี้และลงมือด้วยตัวเอง ข้าเกรงว่าจะไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงสักถ้วยให้พวกเราได้ดื่มกิน"

ท่าทางของลี่เซียวพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน

เรื่องที่ลี่หยวนกล่าวนั้นถูกต้อง

ไม่มีใครจะเข้าใจในความหยิ่งยโสโอหังและบ้าอำนาจของพี่ชายเขาดีเท่ากับเขาอีกแล้ว! ..เขาสิ้นคิดไปหน่อย

"เช่นนั้น ก็รอให้พี่ลี่หยวนฝึกวิชาระฆังทองคลุมกายจนมีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้นก่อนค่อยลงมือแล้วกัน ช่วงนี้ก็ปล่อยให้หลิงเทียนมันสบายใจไปก่อนสัก 2-3 วัน "

ลี่เซียวตัดสินใจได้ในที่สุด

รีวิวผู้อ่าน