px

เรื่อง : Crazy Leveling System
ตอนที่ 3 ป้าที่อหังการ


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 





นอกเหนือจากนี้ยี่ เทียนหยุนก็ตั้งข้อสังเกตเป็นจำนวนมาก หลังจากทำการตรวจสอบคุณลักษณะก็แสดงผลให้เห็นอย่างทันที







" อืม โหมดคลั่งให้ผลเป็นจำนวนมากเท่าไร?? " ยี่เทียนหยุนทำการตรวจสอบรูปแบบคลั่งอย่างทันทีทันใด คุณลักษณะถูกนำเสนออย่างรวดเร็ว





ระบบคลั่ง : เพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ไม่ว่าอะไรก็ตามผลกระทบเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทันที อาทิเช่นการปรุงยา การกินยา การโจมตี การบ่มเพาะพลัง การได้รับค่าประสบการณ์







" เพิ่มประสิทธิภาพ 2 เท่านี่มันอะไรกัน นี่คือ..... ผลกระทบที่ได้ในระดับ 1 ยังงั้นหรือ?? ถ้ามันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งติดต่อกันไม่รู้จะได้ผลมากซักขนาดไหน..... " ยี่ เทียนหยุนในที่สุดก็น้ำลายไหลกับระบบคลั่งนี้ ความง่ายดายนี้คือพลังความสามารถของระดับพระเจ้า!!







มันจะทำให้การบ่มเพาะสามารถย่นเวลาได้ นี่หมายความว่ากินหนึ่งเท่ากับกินสอง!! แต่เมื่อเขาดูความสิ้นเปลืองที่ตามมาใบหน้าของเขาก็จมลงทันที มันเผาผลาญแต้มทุกๆนาที







เผาผลาญแต้มทุกๆนาที ตอนนี้เขามี 5 แต้มถึงแม้ว่าการเผาผลาญจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ได้รับเป็นสิ่งของตามมาด้วย การฆ่าฝางเฉินรางวัลที่ได้รับนั้นใช่ว่าจะขาดแคลน??







"ฟางเฉิน..... ตายแล้ว?? แก แกได้ฆ่าฝางเฉิน!!" เจี๋ยวฮ่าวผู้ที่อยู่ในกลุ่ม ค้นพบว่าฟางเฉินได้เสียชีวิตแล้ว เขาหมดแรงนั่งลงกับพื้นในทันที





ยี่ เทียนหยุนไม่ได้ประหลาดใจ ถูกสังหารด้วยดาบสั้นที่อาบยาพิษของตัวเอง ตายอย่างง่ายดาย ใครใช้ให้มันต้องการจะลอบกัดเขา พื้นฐานการบ่มเพาะของเขาได้รับการเลื่อนระดับ มันคาดคะเนได้ว่าฟางเฉินผู้นี้ได้ตายเรียบร้อยแล้ว







ที่เขาไร้ความปราณี พวกมันได้พูดดูถูกตัวเขาเองและป้าของเขา เขาจะไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างแน่นอน!!







" ข้าฆ่าเขารึ ? เขาต้องการจะฆ่าข้าซะมากกว่า ไม่อย่างงั้นข้าคงจะไม่ทำเช่นนั้น!! " ยี่ เทียนหยุนมองดูพวกเขา สายตากล่าวอย่างเฉยชา







" เกิดอะไรขึ้น?? "







เสียงร้องที่น่าอนาถได้นำความสนใจไปสู่ภายนอก ผู้คนต่างก็รุดมาที่นี่ด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง กลุ่มแรกที่มาเป็นศิษย์ของตำหนักหยกสวรรค์เมื่อเห็นสถานการณ์ที่นี่อย่างชัดเจนแล้วพวกเธอต่างก็พากันเอามือปิดปากของตัวเองด้วยความตกตะลึง เห็นฟางเฉินนอนอยู่บนพื้น หน้าอกยังมีมีดสั้นปักอยู่ดูราวกับตายอย่างแข็งค้างเลยทีเดียว





ในทางตรงกันข้าม ยี่ เทียนหยุนจับหอกยาวแน่นยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มีสีหน้าเขร่งครึมราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย







ฉี ซู่หยุนมาที่นี่ด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเธอถูกเสียงร้องอันน่าอนาถชักนำให้มาพามาที่นี่ ลานที่ยี่ เทียนหยุนมักจะฝึกฝนเป็นประจำ ดังนั้นแล้วเธอจึงต้องรีบรุดมาที่นี่อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชัดเจนถึงสถานการณ์ปัจจุบันเธอก็เกิดอาการช็อคในทันที เธอไม่คิดเลยว่าชาย 3 คนที่สะเพร่าเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ จะเข้ามาภายในตำหนักหยกสวรรค์จริงๆแล้วยังเป็นคนที่นอนกองอยู่กับพื้นอีกต่างหาก







พบยี่ เทียนหยุนจับหอกยาวแน่น เธอรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ฝางเฉินและพวกที่เหลือถูกตีจนล้มลงโดยยี่ เทียนหยุน







" เจ้าวังฉี เกิดอะไรขึ้น..... นี่มันฟางเฉินนี่!! " ต่อจากฉี ซู่หยุ่นก็มีกลุ่มคนเดินมา คนแรกที่มาก็คือ ผู้อาวุโสสองของนิกายวิญญาณสวรรค์ เมื่อพบว่าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นคือใคร สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยพลันในทันที







" น้องชาย!! " ในเวลานี้มีใครบางคน ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความโกรธจับร่างของฟางเฉินเอาไว้ หลังจากที่เขาตรวจสอบเพียงเล็กน้อยเขาก็ค้นพบว่าฟางเฉินเสียชีวิตแล้ว!! "







" น้องชาย เขาตายแล้ว....." ฟางหยุนสายตาพลันเย็นชา หันหน้าไปทางยี่ เทียนหยุนด้วยความโกรธแค้น " เป็นเจ้าที่ฆ่าน้องชายข้าใช่ไหม!! "







ปัจจุบันหนุ่มคนนี้ก็คือฝางหยุน พี่ชายของฟางเฉิน ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมากกว่าฝางเฉิน การบ่มเพาะปัจจุบันของเขานั้นรุดหน้าไปถึงขั้นปรับแต่งกายาระดับที่ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับฟางเฉินแล้วสูงกว่าเป็นอย่างมาก ในนิกายวิญญาณสวรรค์ นี่เป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่นเลยทีเดียว







" พวกเขาต้องการชิงเม็ดยาเลือดมังกรจากข้า ข้าไม่ให้ดังนั้นพวกเขาจึงชิงลงมือ ข้าก็เลยตอบโต้พวกเขา " ยี่ เทียนหยุนขณะกล่าวถือหอกยาวมองพวกเขาอย่างเย็นชา







" ข้าบอกได้เลยว่า พวกเราไม่ได้ชิงเม็ดยาเลือดมังกรสวรรค์ของเขา เขากล่าวหาเราอย่างไม่เป็นธรรม..... พอพวกเรามาถึงที่นี่ เขาก็เคลื่อนไหวทำการสั่งสอนพวกเรา..... " เจี๋ยวฮ่าวที่อยู่ใกล้กันนั้นก็เริ่มที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่นัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่ลดราวาศอก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะประนีประนอมกับยี่ เทียนหยุน







" เราไม่ได้คิดที่จะชิงเม็ดยาของเขาเลย พอพวกเรามาถึงใครมันจะไปรู้ว่า เขาจะพูดว่าที่นี่เป็นที่ของเขาจากนั้นเขาก็โจมตีพวกเราโดยทำการลงมือโดยที่พวกเราไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย พวกเราเป็นฝ่ายโดนรังแก....." นอนคลานด้วยความเจ็บปวดพยุงตัวเข้าไปใกล้กับป่าบริเวณละแวกนั้น มีผู้อาวุโสของพวกเขาคอยสนับสนุน ใยพวกเขาจะต้องกลัวสิ่งใดอีก







ฟางหยุนเองจะไม่รู้ถึงอารมณ์ของฟางเฉินได้อย่างไร เขาต้องการที่จะปล้นเม็ดยาเลือดมังกรอย่างแน่นอน สิ่งนี้ล้ำค่าเป็นอย่างมากสามารถเสริมสร้างพลังงานในเลือดได้เป็นจำนวนมากเพื่อไปถึงการบ่มเพาะในจุดที่อยู่สูงกว่า ไม่มีอะไรที่ต้องจ่ายเพียงเล็กน้อยแล้วก็ให้ผลอย่างแท้จริง นี่เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดที่คนที่มีพื้นฐานการบ่มเพาะพลังในระดับต่ำจำเป็นจะต้องใช้







เมื่อฐานการบ่มเพาะค่อนข้างต่ำจีงจำเป็นจะต้องใช้พลังงานในเลือดที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ต้องมุ่งเน้นการปรับแต่งร่างกายเป็นอย่างมาก!! นี่ถึงเป็นการข้ามฝั่งขั้นการปรับแต่งกายา สิ่งนี้ไม่ได้เป็นการพูดอย่างเลื่อนลอย ต้องปรับแต่งร่างกายจึงจะสามารถทะลวงผ่านในขั้นนี้ไปได้







แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับ เรื่องราวที่ว่าศิษย์ของพวกเขาปล้นเม็ดยาเลือดมังกร!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟางเฉินตาย นิกายวิญญาณสวรรค์ของพวกเขาจะต้องกู้สถานการณ์ในที่เกิดเหตุนี้อย่างแน่นอน







" คนของเราจะไปปล้นเม็ดยาเลือดมังกรได้อย่างไร!! " ผู้อาวุโสนิกายวิญญาณสวรรค์ฮั่วหลง พูดด้วยโทนเสียงต่ำว่า " เจ้าตำหนักฉี ท่านมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับพวกเรา ข้าไม่คิดเลยว่าคนที่มีความปรารถนาดีจะมาตายเช่นนี้ เจ้าตำหนักฉีต้องการที่จะบ่อนทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองยังงั้นรึ?? "







ยี่ เทียนหยุนงอหมวกใบใหญ่ของเขาไปทางฉี ซู่หยุน ศิษย์ของตำหนักหยกสวรรค์จำนวนมากในเวลานี้ตกอยู่ในความหดหู่ใจ ต่างคนต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน แต่ละคนนัยน์ตาต่างก็เปิดเผยให้เห็นถึงความโกรธและความไม่พอใจยิ่งนัก ทุกคนรู้ดีว่าสถานะของนิกายวิญญาณสวรรค์นั้นไม่ได้ต่ำต้อยเลยแม้แต่น้อย ขืนไปทำให้นิกายวิญญาณสวรรค์โกรธ ตำหนักหยกสวรรค์ของพวกเขาก็อาจจะต้องมีเรื่องให้ต้องเป็นกังวล







ฉี ซู่หยุนมองนิกายวิญญาณสวรรค์อย่างเฉยชา เธอจะไม่รู้อารมณ์ของยี่ เทียนหยุนได้อย่างไร เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตลอดเวลาถ้าคนอื่นไม่ได้ไปยั่วยุให้ยี่ เทียนหยุนโกรธ เขาจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มอย่างแน่นอน คล้ายกับที่ยี่ เทียนหยุนได้พูดไว้จริงๆที่เป็นพวกเขาที่ต้องการจะปล้นเม็ดยาเลือดมังกร!!







ฉี ซุ่หยุนเชื่อยี่ เทียนหยุน แต่พวกนิกายวิญญาณสวรรค์ไม่เชื่อรวมถึงศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์ก็ไม่เชื่อ แม้ว่านี่ยี่ เทียนหยุนจะไม่ได้บ่อนทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ถ้าสถานการณ์มันเลวร้ายลงไป..... นั้นเท่ากับว่าตั้งตนเป็นอริกับนิกายวิญญาณสวรรค์







" ท่านต้องการให้ข้าทำยังไง " ฉี ซุ่หยุนไม่ให้ยี่ เทียนหยุนโต้แย้งใดๆ อาวุโสสองนิกายวิญญาณสวรรค์จ้าวฮั่วหยุนผู้นี้คิดว่าชื่อเสียงของพวกเขาอยู่เหนือกว่าพวกเรา โต้เถียงกันไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา







" ข้าต้องการต่อสู้เป็นตายกับเขา!! " ฟางหยุนผู้ยืนมองยี่ เทียนหยุนด้วยสายตาที่เย็นชาได้พูดว่า

" เจ้าฆ่าน้องชายของข้า ข้าต้องการต่อสู้เป็นตายกับเจ้า!! "







จ้าว ฮั่วหลงพูดด้วยโทนเสียงต่ำอยู่ด้านข้างว่า " ดี ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนของพวกเราทั้งสองได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตราบใดที่ไม่เดินเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามก็จะไม่ถูกลงโทษ!! แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายศิษย์ของพวกเราแต่ยังฆ่าฟางเฉินอีกด้วย จะปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปคงเป็นไปไม่ได้ พวกเราจะเลือกการต่อสู้ที่ยุติธรรมเป็นตัวเลือก ที่จะให้เขาเป็นตัวแทนเข้าร่วมการต่อสู้บนเวทีการแข่งขันอย่างจริงจังหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ทุกอย่างเป็นอันจบ!! "







กีบเท้าที่แยกออกเปิดเผยให้เห็นในทันที พวกเขารู้สถานการณ์ของยี่ เทียนหยุนเป็นอย่างดี พลังงานในเลือดติดลบแม้ว่าระดับจะดีแค่ไหนแต่จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เข้าสู่สงครามในนามของตำหนักหยกสวรรค์ไม่เท่ากับส่งมอบชัยชนะให้กับฝ่ายตรงข้ามยังงั้นหรอกรึ??







ฉี ซู่หยุนย่นคิ้วแล้วพูดว่า " ยี่ เทียนหยุนไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการได้รับเลือกในการประลอง กรุณาเลือกศิษย์ของเราคนอื่น







เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะให้ยี่ เทียนหยุ่นเข้าต่อสู้ประลองวิทยายุทธ์ในนามของตำหนักหยกสวรรค์ พลังงานสายเลือดอยู่ในขั้นเลวร้าย ต่อสู้ธรรมดาก็ดีไปแต่หากตกอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบากจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง อาจจะทำให้เขาตายได้แล้วหล่อนจะให้ยี่ เทียนหยุนตกลงไปในเกมแห่งอำนาจนี้ได้ยังไง??







จ้าว ฮั่วหลงพูดเยาะเย้ยว่า " เจ้าวังฉี ไม่ว่าเขาจะอยู่ในขอบข่ายการได้รับเลือกหรือไม่มันไม่ได้สำคัญแล้ว เพราะว่าในตอนนี้เขาได้ท้าทายอำนาจของนิกายวิญญาณสวรรค์ของพวกเรา!! มันดูเหมือนเจ้าวังต้องการที่จะยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราทั้งสองรึอย่างไร?? "







นี่ คือ การคุกคาม!!







" อย่างนี้มันไม่ได้!! ขอเพียงไม่ใช่เขา คนอื่นคท่านสามารถที่จะเลือกเอาได้ " ฉี ซู่หยุนยังคงพูดอย่างเด็ดขาด







คนของนิกายวิญญาณสวรรค์เห็นว่าฉี ซู่หยุนนั้นยังคงยืนกราน นัยน์ตาของพวกเขานั้นมันเต็มไปด้วยความเย่อยิ่งและการดูถูก ไม่ว่าฉี ซู่หยุนจะปกปิดอย่างไร ข้อมูลก็ยังถูกส่งผ่านไปยังโลกภายนอก

ด้วยความจริงที่ว่า ยี่ เทียนหยุนนั้นเป็นขยะที่ไม่มีพลังงานในสายเลือด นี่ถ้าเข้าสู่การประลองจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยและยังจะทำให้ตำหนักหยกสวรรค์นั้นต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกด้วย







ในตอนนี้ไม่เพียงแต่คนของนิกายวิญญาณสวรรค์จะดูถูกยี่ เทียนหยุนเท่านั้น ศิษย์ของตำหนักหยกสวรรค์ก็มีความไม่พอใจอย่างมหาศาลต่อยี่ เทียนหยุน ที่เป็นตัวก่อเรื่องจุดประเด็นสำคัญขึ้นมาทำให้เกิดปัญหา ปัญหานี้จะไม่ทำให้ตำหนักหยกสวรรค์ตกอยู่ในความวุ่นวายหรอกรึ!!







" ข้าพอจะรู้เป็นเลาๆว่า เกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าจำไม่ผิด เขาน่าจะเป็นบุตรชายของเจ้าวังคนก่อน โลกภายนอกประกาศอย่างเป็นทางการว่าพลังงานสายเลือดของเขาไม่เพียงพอ เขาอาจจะตายลงในไม่ช้านี้จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าวังฉี ไม่ต้องการอนุญาตให้เขาได้เข้าร่วมประลอง ท่านคงจะคิดซิน่ะว่าถ้าให้ขยะที่พลังงานในสายเลือดไม่เพียงพอที่ไม่ใช่มืออาชีพเข้ามามีส่วนร่วมในการแข่งขันนั่นจะทำให้นิกายวิญญาณสวรรค์ได้รับชัยชนะ แต่ในเมื่อท้าทายอำนาจนิกายวิญญาณสวรรค์ของพวกเราแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นขยะก็จะต้องสู้กับพวกเรา มิฉะนั้นนี่จะเป็นการดูหมิ่นนิกายวิญญาณสวรรค์!! "







เบื้องหลังคำอธิบายอย่างยาวเหยียด ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องการให้ยี่ เทียนหยุนเข้าร่วม ระดับของความไร้ยางอายนี้เมื่อเปรียบเทียบกับความหนาของหิมะที่อยู่ด้านนอกนั้น มันดูธรรมดาไปเลย







ทันใดนั้นกลิ่นอายที่แสดงถึงความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากก็ถูกปลดปล่อยออกจากร่างของฉี ซู่หยุน ครอบคลุมบริเวณโดยรอบในทันที หิมะที่รอบล้อมบริเวณนี้อยู่ ล้วนถูกเป่ากระเด็นไปกลายเป็นเกล็ดหิมะเต็มท้องฟ้าแล้วตกลงมา ลักษณะของการปะทุพลังที่น่ากลัวนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี่รู้สึกถึงความกดดันอย่างหนักหน่วงในทันที







ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นแก่นการควบแน่น มีกลิ่นอายที่มีอำนาจครอบงำถึงเพียงนี้เชียวหรือ







หลังจากนั้น15 นาที " ฉี ซู่หยุนก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของจ้าว ฮั่วหลงอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้จ้าว ฮั่วหลงได้ตอบสนองเธอก็ลงมือฟาดฝ่ามือของเธออย่างรวดเร็วจากนั้นก็หายตัวไป " เสียงที่น่าอภิรมย์นั้นดังอย่างชัดเจน เสียงมันดังก้องไปทั่วลานแห่งนี้







หลังจากที่ตบหน้าจ้าว ฮั่วหลงแล้วฉี ซู่หยุนก็กลับมายืนอยู่ที่เดิมโดยมาปรากฏตัวที่ตรงหน้าของยี่ เทียนหยุน เสื้อผ้าสีขาวบนร่างกายพลิ้วไหวเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างไม่มีความยุ่งเหยิงแม้แต่นิดเดียว กลิ่นอ่อนๆอันหอมหวานลอยแตะจมูกของยี่ เทียนหยุนให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้าของจ้าว ฮั่วหลงปรากฏรอยนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วอยู่บนใบหน้า มันชวนให้ปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่โดนกระทำแต่..... มันยังหมายถึงความเคารพยำเกรงในตัวของเขาอีกด้วย







ไม่มีใครคิดว่าฉี ซู่หยุนจะกระทำเช่นนั้น ตบจ้าว ฮั่วหลงโดยตรง การตบนี้ไม่ใช่สะบัดลงบนใบหน้าของเขาเท่านั้นแต่มันหมายถึงเกียรติของเขาด้วยที่มันไม่เหลืออะไร??







" เจ้าวังฉี นี่หมายความว่ากระไร ตัวท่านไม่กลัวที่จะกระตุ้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายหรืออย่างไร?? " คอที่สั้นทู่ของจ้าว ฮั่วหลงพลันมีสีแดงเข้ม ความรู้สึกภายในของเขานั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เป็นเพราะพื้นฐานการบ่มเพาะพลังของเขานั้นด้อยกว่าฉี ซู่หยุน ไม่อย่างงั้นเขาคงจะเริ่มกระทำการกดขี่อย่างแน่นอน







" คำพูดอะไรที่ควรพูด คำพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ผู้อาวุโสจ้าวไม่เคยได้ยินหรือ?? ย้อนไปถึงขยะ ถ้าเขาเป็นขยะ..... ไอ้พวกที่นอนอยู่บนพื้นนั่นเป็นอะไร ไม่ใช่ขยะรึ?? " เสียงของฉี ซู่หยุนนั้นเย็นชาและมืดมน ถ้าจ้าวฮั่วหลงไม่ใช่ผู้อาวุโสของนิกายวิญญาณสวรรค์ เขาจะไม่ได้รับการสั่งสอนเพียงแค่ตบเบาๆ







ยี่ เทียนหยุนเป็นบุคคลที่ทำให้ความโมโหของเธอถึงขีดสุด ใครทำร้ายเขา มันผู้นั่นต้องตาย!!







โดยการกระทำที่สั่นสะเทือนนี้เอง ยี่ เทียนหยุน ก็ตระหนักได้ว่า นี่คือ ป้าของเขาผู้มักจะยืนเคียงข้างเขาอยู่เสมอ เพื่อคอยปกป้องเขา






 

 

 

 


































 

รีวิวผู้อ่าน