px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 47 ลี่ซ่ง


"เค่อเอ๋อ ข้าจะบุกเข้าไปตรงหน้ารับมือกับหมาป่าจำนวน 7 ตัวด้านหน้านั่น ในขณะที่ข้าพุ่งเข้าไปให้เจ้าอ้อมไปทางด้านหลังและจู่โจมหมาป่า 3 ตัวตรงนั้น ลงมือ!"

หลิงเทียนยิ้มให้กับเด็กสาวเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งไปราวกับจรวด

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

เขาพุ่งไปอยู่ตรงหน้าฝูงหมาป่าอย่างรวดเร็วเพื่อดึงดูดความสนใจ และตอนนี้หมาป่าทั้งสิบต่างเบนความสนใจมาที่เขา

เด็กสาวรางบ่างนั้นสั่นด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนที่นางจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งที่หลิงเทียนบอกเอาไว้ล่วงหน้า และเมื่อนางอ้อมมาด้านหลังได้สำเร็จ นางก็เฝ้ารอจังหวะที่หลิงเทียนจะทำการจู่โจมเพื่อดึงความสนใจ แล้วค่อยประสานการโจมตีจากทั้งสองทาง

วิชา วาดกระบี่!

ต้วนหลิงเทียนเริ่มใช้กระบี่จู่โจมออกมา

ฟึ่บ!

ประกายสีม่วงสะท้อนขึ้นมาในอากาศเพียงชั่วพริบตาก่อนที่มันจะหายไป

กรรร!

หมาป่าส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่ลำคอของมันจะฉีกขาดส่งสายธารโลหิตพุ่งทะยานอย่างน่าสะพรึง...มันตกตายภายใต้การวาดกระบี่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

กลิ่นเลือดทำให้หมาป่า 9 ตัวที่เหลือเริ่มตื่นตัว ดวงตาของพวกมันแดงก่ำก่อนที่จะจับจ้องมายังหลิงเทียนเพื่อเตรียมพร้อมจู่โจม

หมาป่า 6 ตัวด้านหน้าพุ่งเข้ามาหมายจะขย้ำลำคอของหลิงเทียน

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ราวกับพญาอสรพิษเข้าสิงร่างของหลิงเทียน ตัวมันบิดเบี้ยวราวกับไร้กระดูก สองขาสลับไปสลับมาไร้รูปแบบ พลิกตัวหลบการจู่โจมของหมาป่าทั้ง 6 ตัวได้อย่างแยบยลไร้ซึ่งบาดแผล

และทุกครั้งที่มีโอกาส ประกายแสงจากกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงจะวูบไหวขึ้นมาในอากาศปลิดปลงชีวิตหมาป่าอย่างเงียบงัน

เพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่อึดใจ หมาป่าที่กลุ้มรุมหมายจะขย้ำเขากลับสิ้นท่าตกตายลงจนหมด

ส่วนอีกด้าน.. ย้อนกลับไปเล็กน้อย

เด็กสาวที่รวบรวมความกล้าได้ เมื่อหลิงเทียนเริ่มทำการจู่โจม นางก็ออกไปโจมตีหมาป่าด้วยเช่นกัน ทันทีที่นางพุ่งออกไป หมาป่า 3 ตัวด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงผู้บุกรุก พวกมันหันมาเตรียมเล่นงานเค่อเอ๋อทันที

วิชาวาดกระบี่!

ฟึ่บ!

ประกายแสงจากการวาดกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงปรากฏขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา

ทันใดนั้นหมาป่าที่พุ่งมาจู่โจมเค่อเอ๋อตัวแรก ก็วิญญาณหลุดลอยกลางอากาศ เลือดของมันพรั่งพรูออกมาจากลำคอ เปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ เค่อเอ๋อที่อยู่ใกล้ก็ถูกสายธารโลหิตชโลมไปทั่วด้วยเช่นกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เด็กสาวก็เริ่มปั่นป่วนนางรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ทำให้ท่าร่างของนางหยุดชะงักลง

"ระวัง!"

เมื่อสังเกตเห็นหมาป่าอีกสองตัวที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เค่อเอ๋อที่ชะงักลงเพราะความหวาดกลัว หลิงเทียนรีบพุ่งเข้ามาช่วยเหลือในพริบตา

ฟุ่บ! ฉัวะ!!

หมาป่าทั้งสองถูกสังหารภายใต้การวาดกระบี่เพียง 1 ครั้ง

เด็กสาวไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป นางอาเจียนเอาอาหารที่กินไปออกมาจนหมดสิ้น สีหน้าของนางซีดลงอย่างมาก

“หืม?”

ทันใดนั้นทีท่าหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป เพราะมันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

“แย่แล้ว ต้องรีบหนี!”

โดยไม่ลังเลหลิงเทียนรีบอุ้มเค่อเอ๋อก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ตัวเขาวูบไหวไต่ระดับผ่านลำต้นราวกับงูไปถึงยอดไม้

บรู๊ววววววววววว!

บรู๊ววววววววววว!

......

ในขณะนั้นเอง ปรากฏร่างฝูงหมาป่าอีกสองฝูงพุ่งมาเดินรอบล้อมฝูงหมาป่าที่ถูกเขาและเค่อเอ๋อสังหารไปเมื่อครู่

เสียงเห่าหอนของมันเต็มไปด้วยความโกรธ

หลิงเทียนเริ่มกังวลใจเล็กน้อยเมื่อรอบบริเวณที่เขาอยู่เต็มไปด้วยหมาป่า

เขาอุ้มเด็กสาวไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะกระโดดเคลื่อนไหวตามกิ่งไม้จากต้นหนึ่งไปสู่ต้นหนึ่ง

เขาใช้กิ่งไม้ราวกับถนนในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ...

แต่ทว่าพริบตานั้นเอง เสียงร้องดังกังวานของนกอินทรีย์ก็แว่วเข้ามาในโสตประสาทการรับฟังของเขา

หลิงเทียนรีบเงยหน้าขึ้นและเพ่งตามองไปยังจุดดำๆที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง มันเห็นร่างนกอินทรีย์ท่าทางดุร้ายตัวหนึ่งกำลังพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายของมันคือเขาและเค่อเอ๋อ!

"บัดซบ!"

ท่าทางหลิงเทียนเต็มไปด้วยความกังวล

"เค่อเอ๋ออาการเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง?"

เขารีบก้มไปถามเด็กสาวในอ้อมกอด

นางพยักหน้าตอบรับเขาเบาๆ

"เช่นนั้นเจ้าลงมายืนด้วยตนเอง แล้วอย่าขยับไปไหนเข้าใจหรือไม่"

เมื่อจัดร่างเค่อเอ๋อให้ยืนอย่างมั่นคงบนกิ่งไม้แล้ว ท่าทางของหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

เขาส่งตัวเองขึ้นไปบนยอดไม้เพื่อรอรับการโมตีของมหันตะภัยทมิฬจากฟากฟ้าที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง

นกอินทรีย์ก็พุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

นกอินทรีย์สีดำพุ่งลงมาราวกับดาวตก ขนสีดำทมิฬของมันยามต้องกับแสงอาทิตย์บังเกิดเป็นประกายสวยงาม กรงเล็บของมันแวววาวราวกับเพชรส่องประกาย หากมันไม่ได้มุ่งหวังชีวิตของหลิงเทียน หลิงเทียนคงอดไม่ได้ที่จะยืนชื่นชมความงดงามของมัน

"เดรัจฉาน ตายซะ!"

ตอนนี้ในใจของหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น สายตาของมันมองผ่านกรงเล็บของนกอินทรีย์จับจ้องไปบริเวณส่วนอกอย่างแน่วแน่

วิชา วาดกระบี่!

ฟุ่บ!

กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงสะบัดออกมาราวกับแส้ด้วยความไวราวกับสายอัสนีบาต

ทว่านกอินทรีย์ช่างมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วสมกับเป็นเจ้าเวหา กรงเล็บของมันเคลื่อนมาด้วยความไวที่เหนือชั้นพยายามหยุดยั้งคมกระบี่ไม่ให้ทะลวงตัดขั้วหัวใจของมัน

"บัดซบ เป็นเดรัจฉานที่รวดเร็วยิ่งนัก"

ต้วนหลิงเทียนถึงกับสบถออกมาเมื่อกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วง ถูกกรงเล็บของนกอินทรีย์ตะปบหยุดพลังทำลายลงไปได้บางส่วนทำให้กระบี่ของมันทิ่มแทงไปไม่ทะลุตัดขั้วหัวใจ

พั่บบบ!

นกอินทรีย์ที่เฉียดตายระบายโทสะด้วยการฟาดปีกที่แข็งแกร่งของมันมายังหลิงเทียน

ถึงแม้ตอนนี้กระบี่อ่อนของต้วนหลิงเทียนจะทะลวงทรวงอกของมันจนปลายกระบี่ห่างจากหัวใจเพียงเส้นขน แต่มันก็ยังเหลือเรี่ยวแรงสะบัดปีกที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ามาทางหลิงเทียนด้วยความเร็วที่เหนือล้ำ เสียงแหวกอากาศดังหวืออย่าน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล!

หลิงเทียนรีบใช้วิชาป้องกัน พลังเคลื่อนย้ายจักรวาลออกมาโดยไม่ลังเล!

ผัวะ!

ปีกที่ใหญ่และแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ากระแทกไปยังทรวงอกของหลิงเทียนอย่างจัง

ร่างกายของหลิงเทียนสั่นสะท้าน เลือดของมันรั้งไว้ที่ลำคอเกือบจะกระอักออกมา

ฉึกกก!!

ถึงแม้ว่าพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลจะสามารถรับพลังทลายทั้งหมดและหมุนวนส่งมันกลับไปทำร้ายนกอินทรีย์ได้อย่างหมดจดจนทำให้มันสิ้นเรี่ยวแรงคอยฉุดรั้งคมกระบี่ ทำให้หลิงเทียนได้โอกาสผลักดันกระบี่ให้ทะลุไปตัดขั้วหัวใจของมัน... แต่ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากการปะทะยังคงหลงเหลืออยู่นั่นทำให้อวัยวะภายในของหลิงเทือนได้รับแรงกระแทกเล็กน้อย

"บัดซบ เดรัจฉานตัวนี้ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าข้าเลย เผลอๆพละกำลังของมันอาจจะเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ด้วยซ้ำ"

ต้วนหลิงเทียนอดที่จะตกใจไม่ได้

"นายน้อยท่านปลอดภัยหรือไม่?"

เด็กสาวที่ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว กระโดดไต่ต้นไม้ขึ้นมาหาหลิงเทียนที่ยืนหยัดอยู่บนยอดไม้

"นายน้อย ท่านได้รับบาดเจ็บ!"

เมื่อนางสังเกตถึงมุมปากของหลิงเทียนที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยนางถึงกับตกใจ กล่าวถามออกมาอย่างกังวล

"ไม่เป็นไร แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย"

หลิงเทียนตอบออกมาพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย แต่ภายในใจของมันได้แต่คิดไปด้วยความขมขื่น

มนุษย์ต้องฝึกฝนบ่มเพาะผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้

แต่เดรัจฉานเช่นนกอินทรีย์นั้นเมื่อเติบโตขึ้นมา ก็เรียกได้ว่าอยู่จุดบนสุดของห่วงโซ่อาหารแล้ว เมื่อมันเติบโตขึ้นความแข็งแกร่งที่ไม่ได้ฝึกฝนอะไร กลับมีมากมายถึงเพียงนี้ อาวุธที่ธรรมชาติมอบให้มันช่างมีอำนาจแทบไม่ต่างอะไรกับอาวุธชั้นเลิศของมนุษย์สักนิด

...กรงเล็บของมัน..ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยยามปะทะกับกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงของหลิงเทียน

มันสามารถฉีกเสือดาว และงูเหลือม ออกจากกันได้อย่างง่ายดาย

การจู่โจมครั้งแรกของนกอินทรีย์นั้นหากให้หลิงเทียนเทียบ มันอันตรายแทบไม่ต่างอะไรกับการโจมตีจากวิชาต่อสู้ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความสำเร็จอยู่ในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 8 เลยสักนิดเดียว!

โชคดีที่หลิงเทียนสามารถสังหารมันได้ลงในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา ทำให้มันไม่สามารถใช้การจู่โจมที่แข็งแกร่งในรูปแบบอื่นออกมา

ไม่งั้นหลิงเทียนก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!

"นายน้อย ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเค่อเอ๋อไร้สามารถ"

ตอนนี้ดวงตากลมๆของสาวน้อยเริ่มปรากฏหยาดน้ำใสๆหลั่งรินออกมา

"เจ้าพูดอะไรกัน? เพียงการต่อสู้ครั้งแรก เค่อเอ๋อที่กล้าหาญของข้ากลับสามารถสังหารหมาป่าทีดุร้ายโดยอาศัยเพียงกระบี่เดียว ... อีกไม่นานเจ้าก็จะต่อสู้พวกมันได้อย่างสบายๆแล้ว อย่าห่วงเลยเค่อเอ๋อการลงมือฆ่าครั้งแรกไม่ว่าผู้ใดก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น ครั้งแรกของข้า ข้าเป็นมากกว่าเจ้าเสียอีก เค่อเอ๋อของข้านับว่าเก่งกาจอย่างมากแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวปลอบโยนนางด้วยความอ่อนโยน

เด็กสาวพยักหน้าตอบรับเบาๆ แววตาของนางเปล่งประกายด้วยความดีใจเมื่อถูกชมเล็กน้อย

ต้วนหลิงเทียนนำโอสถ ทองประสานกาย ที่เป็นโอสถระดับ 9 ออกมารักษาตัวมันเองกับเค่อเอ๋อ ทั้งคู่ค่อยๆเดินต่อไปอย่างช้าๆ เพื่อรอให้ร่างกายฟื้นตัว

ตอนที่เขาจากเมืองวายุโปรยมานั้น ลี่หัวอาวุโสหลักของตระกูล ได้มอบโอสถทองประสานกายซึ่งเป็นโอสถที่มีไว้รักษาอาการบาดเจ็บทั่วไป ให้แก่หลิงเทียนมาจำนวนหนึ่ง

หลังจากนั้นในการเดินทางกลับ ทั้งคู่ก็ได้พบกับสัตว์ร้ายอีกมากมาย แต่ทว่าคราวนี้เค่อเอ๋อกลับแข็งแกร่งขึ้น นางไม่มีอาการพะอืดพะอมเมื่อเห็นเลือดหรือทำการสังหารสัตว์ป่าอีกแล้ว ทำให้การล่าของทั้งคู่นั้นราบรื่นอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งคู่และการประสานงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้การล่าสัตว์ป่าในป่าหมอกมรณะชั้นนอกเป็นไปด้วยความง่ายดาย

ความสวยงามและสัดส่วนที่น่าทะนุถนอมของเค่อเอ๋อทำให้หลิงเทียนรู้สึกอิ่มเอมใจ ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกทุกข์ใจจากการอดกลั้นเล็กน้อย.... (มืงอดกลั้นอัลไลว้าาาาา)

“นายน้อย ตรงนั้นเหตุใดจึงมีหมอกหนาแน่นอย่างมากเลยล่ะเจ้าคะ”

เด็กสาวกล่าวถามออกมา ในขณะที่มองไปด้านหน้า

ห่างไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร ตรงป่าเบื้องหน้า กลับมีหมอกสีขาวปกคลุมอยู่หนาแน่น มองไม่เห็นอะไรด้านหลังแม้แต่น้อยราวกับมีม่านมากั้นเอาไว้

นี่เป็นเหตุผลที่ป่าแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ป่าหมอกมรณะ

"หากข้ามหมอกนั้นไปคงเป็นเขตป่าชั้นนี้ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรเดินกระจายไปทั่ว ...เค่อเอ๋อวันนี้เราก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยแล้ว เรากลับกันก่อนเถิดพรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่"

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็นำเค่อเอ๋อเดินย้อนกลับไปทางเก่าที่พวกมันมา

เมื่อหลิงเทียนมายังพื้นที่ที่พวกเขาได้ทำการสังหารฝูงหมาป่า ก็พบว่ามันเหลือแต่รอยเลือดแล้ว ซากศพหมาป่ากลับหายไปหมด

น่าจะเป็นจ่าฝูงหมาป่าที่กระทำเช่นนี้

ทั้งคู่ควบม้ากลับมาถึงเมืองออโรร่าในเวลาเดียวกันกับที่พระอาทิตย์ตกดิน

หลิงเทียนนำชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่ได้จากการล่าสัตว์ไปขาย ก็ได้รับเงินมาถึง 1,300 เหรียญเงิน เมื่อไม่มีอะไรแล้ว เขาจึงนำเค่อเอ๋อกลับตระกูลลี่

ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินผ่านประตูของตระกูลนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

"ต้วนหลิงเทียน!"

หลิงเทียนจำต้องหยุดเท้าลง

เขาจำเสียงนี้ได้

ลี่เซียว

เขาคาดไม่ถึงว่าลี่เซียวจะกล้ากลับมาสร้างปัญหาให้เขาอีกครั้งหลังจากที่มันหนีไปครั้งก่อน

แต่ทันใดนั้นหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ถึงชายหนุ่มอายุราวๆ 18 คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างลี่เซียว

ใบหน้าและท้าทางของมันคล้ายคลึงกับลี่เซียวอยู่หลายส่วน

"ท่านพี่ มันนี่ล่ะคือต้วนหลิงเทียน ท่านต้องสั่งสอนบทเรียนให้มันนะท่านพี่" ลี่เซียวกล่าวขึ้นมากับชายหนุ่มด้านข้าง

หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาหลิงเทียนก็หันไปจ้องชายคนนั้น มันทราบสถานะของคนดังกล่าวแล้ว

มันเคยได้ยินลี่เซียวกล่าวถึงพี่ชายที่ได้เป็นสาวกสายในตั้งแต่ 1 ปีก่อน

ลี่ซ่งผู้นี้มีอายุ 18 ปี และมันก็พึ่งตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด เมื่อ 3 เดือนก่อน

"ขยะเอ๊ย เจ้านี่มันไม่ได้ผิดไปจากที่ข้าเรียกไว้สักคำ แค่เด็กน้อยนี่เจ้ายังไม่มีปัญญาเอาชนะได้ เจ้าไม่ละอายบ้างหรือไร? "

ลี่ซ่งกล่าวหยามน้องชายตัวเองอย่างไม่ไว้หน้า

ลี่เซียวก็ได้แต่ยิ้มรับด้วยความอับอาย

"เป็นเจ้างั้นรึ ที่สามารถเอาชนะน้องชายของข้าได้?"

ลี่ซ่งจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาเย็นชา

"เขาว่าเช่นไรก็อย่างนั้นล่ะ"

หลิงเทียนทำเพียงยักไหล่ตอบ

"แม้ว่าลี่เซียวมันจะเป็นขยะ แต่จะอย่างไรมันก็เป็นน้องชายของข้าลี่ซ่ง เจ้าทำมันเสียหน้าก็เท่ากับตบหน้าข้าด้วยเช่นกัน เจ้าคิดจะขอขมาข้าอย่างไรล่ะ? "

ลี่ซ่งหัวเราะเย้ยหยันออกมา

แต่อย่างไรก็ตามลี่ซ่งยังคงประหลาดใจเล็กน้อย

เขาได้ยินจากน้องชายมาว่า เด็กหนุ่มตรงหน้านั้นสามารถเอาชนะลี่หยวนได้ด้วย

เด็กคนนี้มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

ในช่วงอายุ 16 ปีและอยู่ในระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 8 แบบมัน ในตระกูลลี่ก็มีไม่น้อย..

แต่ทว่าก็ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะลี่หยวนได้

"ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าที่มีอายุ 18 ปี ก็ยังสามารถเข้าร่วมงานประลองกระชับมิตรของสามตระกูล ในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ได้ไม่ใช่รึ ...หากเจ้าต้องการสั่งสอนข้าจริงๆเหตุได้จึงต้องรีบร้อนนัก ไปฉีกหน้าข้าบนลานประลองน่าจะสาแก่ใจเจ้ามากกว่าไม่ใช่หรือไร "หลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยสายตาไม่แยแส

งานประลองประชับมิตรของทั้ง 3 ตระกูลนั้นจัดขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่ในทุกๆปี

สาวกของตระกูลลี่ที่มีอายุระหว่าง 16-18 ปี ไม่ว่าจะเป็นสาวกสายในหรือสายนอก สามารถเข้าร่วมงานประลองได้ทั้งสิ้น

"ท่านพี่อย่าได้ไปฟังมัน มันจงใจถ่วงเวลาชัดๆ" ลี่เซียวรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรน

ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังลี่ซ่งด้วยแววตาท้าทาย ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ "น้องเจ้ากล่าวถูกแล้วอันที่จริงข้าเจตนาถ่วงเวลา แต่หากเจ้าเกรงกลัวที่จะประลองกับข้าในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็เชิญลงมือตอนนี้ได้เลย ข้าไม่คิดจะหลบหนีอยู่แล้ว "

"น่าสนใจยิ่งนัก ... ตอนนี้เจ้ามีระดับการบ่มเพาะร่างกายเพียงขั้นที่ 8 เวลาแค่ครึ่งเดือนอย่างมากเจ้าก็อยู่ในระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ข้าอยากจะรู้นัก ถึงเจ้าจะอยู่ในระดับนั้นจริงหลังผ่านไปครึ่งเดือน แต่เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้! "

ลี่ซ่งจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาเย้ยหยันก่อนจะกล่าวออกมาอย่างดูแคลน เมื่อมันกล่าวจบมันก็หันหลังจากไป

“ท่านพี่!”

ลี่เซี่ยวกำลังกังวลอย่างหนักในเวลานี้

เมื่อมันหันไปมองสายตาเย็นชาของหลิงเทียนอดไม่ได้ที่มันจะบังเกิดความขลาดเขลาหวาดกลัวหลิงเทียนออกมา มันรีบวิ่งหนีจากไปทันที

“ลี่ซ่งนี่แทบไม่ต่างอะไรกับลี่ฉีฉีจริงๆ นับว่าบ้าการต่อสู้ด้วยกันทั้งคู่”

หลิงเทียนเผยรอยยิ้มจางๆออกมา

"นายน้อยทราบได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?" เด็กสาวที่อยู่ข้างๆกล่าวถามออกมา

“รูปลักษณ์เค่อเอ๋อของข้างดงามราวกับดอกไม้ แต่มันกลับไม่แม้แต่จะเหลียวแล นี่หากไม่ใช่เพราะมันสนใจแต่การฝึกยุทธ์และการต่อสู้ จะให้ข้าอธิบายว่าอย่างไร?”

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาดังลั่น

"นะ..นายน้อยล้อเค่อเอ๋อเล่นอีกแล้ว"

แก้มของเด็กสาวแดงราวกับลูกตำลึงสุกเพราะความเขินอาย

"เอาล่ะพวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่เป็นกังวล "

......

ภายในร้านโอสถ ที่อยู่ในตลาดของเมืองออโรร่า ในเวลาเดียวกันกับที่หลิงเทียนกำลังเดินทางกลับบ้าน

"บัดซบเพราะงานประลองกระชับมิตรของสามตระกูลใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น เม็ดยาบ่มเพาะร่างกายจึงถูกกว้านซื้อไปหมดมิมีเหลือ ไม่รู้ร้านค้านี้ยังมีเหลืออีกหรือไม่ หากไม่มี รับว่าข้าโชคร้ายยิ่งนัก!"

ชายหนุ่มอายุราวๆ 16 กล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง ด้านหลังของมันมีผู้ติดตามท่าทางดุร้ายเดินตามมาสองคน

"นายน้อยเซี่ยว"

เมื่อสังเกตเห็นถึงลูกค้าที่มาเยือน ผู้ดูแลร้านค้าถึงกับเผยยิ้มออกมา

สามตระกูลใหญ่ในเมืองออโร่ร่าแห่งนี้หากให้เรียงลำดับความแข็งแกร่งได้แก่ ตระกูลลี่ ตระกูลหลิง และตระกูลเซี่ยว

เขาย่อมรู้จักเด็กน้อยเบื้องหน้าอย่างดี มันเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลเซี่ยว

"ผู้ดูแลท่านสามารถหา เม็ดยาบ่มเพาะร่างกายให้ข้าสักสามชุดได้หรือไม่" เด็กน้อยในชุดหรูหรากล่าวออกมา

ผู้ดูแลร้านกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า "นายน้อยเซี่ยวข้ามีโอสถน้ำชนิดหนึ่งอยากจักแนะนำท่าน ผลลัพธ์ของมันนั้นเหมือนกับเม็ดยาบ่มเพาะรางกายโดยไม่มีผิดเพี้ยน แต่ทว่าหากเทียบกันแล้ว นับว่าความเร็วในการบ่มเพาะยามใช้โอสถชนิดใหม่นี้ กลับเร็วกว่าเม็ดยาบ่มเพาะร่างกายถึงเท่าตัว ไม่ทราบว่านายน้อยคิดเช่นไร?"

รีวิวผู้อ่าน