px

เรื่อง : Crazy Leveling System
ตอนที่ 114 กลับสู่เมืองกระแสลมแห่งสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง









ภายใต้สปีดอันน่าทึ่งของมังกรดำ ยี่ เทียนหยุนก็มาถึงหมู่บ้านฆ้องหมอกในทันที จากนั้นเขาก็โดดลงมาและก็ทำการเก็บมังกรดำเข้าไปในระบบ สัตว์เลี้ยงมังกรดำตัวนี้ไม่สามารถที่จะให้ผู้อื่นพบเห็นได้ มิฉะนั้นแล้วมันจะก่อให้เกิดปัญหาเป็นอย่างมากตามมาอย่างแน่นอน พวกชาวบ้านจะพากันหวาดกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร หากข่าวลือแพร่สะพัดออกไป เขาก็อาจจะมีปัญหามากมายตามมาได้



มังกรดำเผ่าพันธ์ุมังกรตัวนี้ ทั่วทั้งร่างของมันล้วนเป็นสมบัติ กลุ่มอิทธิพลเกรด 3 จะจับจ้องมันตาเป็นมันในทันที เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะต้องใช้กำลังบังคับจับตัวมันไปอย่างแน่นอน ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นแล้วพึงระวังตัวไว้จะเป็นการดีที่สุด ควรจะเก็บมันเอาไว้อย่างหมาป่าหิมะ เปรียบดั่งถือไพ่เอาไว้ในมือ เอาไว้เรียกพวกมันออกมาเพื่อลอบโจมตีในทันทีเมื่อไหร่ก็ได้ นี่จะเป็นการสังหารอันทรงพลังอย่างสมบูรณ์แบบ !!



หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยี่ เทียนหยุนก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านฆ้องหมอก หมู่บ้านฆ้องหมอกในยามนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความครึกครื้น แต่ก็ยังมีหญิงมีครรภ์ที่ตกอยู่ในความเศร้าเสียใจ หลังจากที่ชาวบ้านบางคนถูกจับตัวไป และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาไม่ได้กลับมาพร้อมๆกับชาวบ้านคนอื่นๆที่ได้กลับมา เขาคงจะตายแล้วอย่างมิต้องสงสัยเลย



เกี่ยวกับโจรกลุ่มนี้ พวกมันต่างก็เห็นชีวิตเป็นผักปลา มิใช่ชีวิต จึงได้เข่นฆ่าตามอำเภอใจ พวกมันเลือกที่จะใช้วิธีทารุณ ทรมานชาวบ้าน ถึงในที่สุดจะตายไป มันก็จะเอาศพไปโยนทิ้ง ด้วยวิธีที่เหี้ยมโหดและไร้ซึ่งปราณีนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นลงโทษคนหนึ่งเปรียบเสมือนการเตือนไปถึงบุคคลที่เหลือ อีกทั้งพวกมันจะจับกุมพวกที่เหลืออยู่ทั้งหมดหากว่าไม่ยอมที่จะเชื่อฟัง ทำตามคำสั่งของพวกมัน



" ฮีโร่หนุ่มยี่ท่านกลับมาแล้วยังงั้นหรือ ?! "



ยี่ เทียนหยุนเพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในหมู่บ้าน ใครบางคนก็สังเกตเห็นเขาได้ในทันที พวกเขาต่างก็รีบเดินกันเข้ามาด้วยรู้สำนึกในบุญคุณ คุกเข่าลงโขกศีรษะลงกับพื้นดินน้อมนมัสการยี่ เทียนหยุนด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของเขา นี่ทำให้ยี่ เทียนหยุนแสดงท่าทางห้ามปรามอย่างเร่งรีบ แต่ฝั่งตรงข้ามก็ยังไม่ฟัง ยังคงโขกศีรษะให้กับเขาอยู่เช่นเดิม



" ฮีโร่หนุ่มยี่ อย่าห้ามพวกเราเลย พวกเราคงจะตายอยู่ที่ป้อมสมบัติมังกรแล้ว พวกเราไม่มีรางวัลอะไรที่จะมอบให้ท่าน ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราสามารถจะทำได้ มีเพียงขอร้องท่านได้โปรดรับการคารวะจากพวกเรา แทนการแสดงความขอบคุณของพวกเรา นี่เป็นสิ่งที่เราจะสามารถทำให้กับท่านได้เพื่อตอบแทนบุญคุณอันมากมายที่ท่านได้ทำไว้ !! "



" ใช่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอร้องท่านโปรดรับการคารวะจากพวกเราเถอะ !! หากท่านไม่ยอมรับการคารวะจากพวกเรา นั่นเท่ากับว่าดูถูกพวกเรา !! "



ทั่วทั้งหมู่บ้านต่างคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อเป็นการคารวะต่อยี่ เทียนหยุน รวมไปถึงหลิว เสี่ยวเหลียนก็ไม่เว้น ที่นี่คือบ้านเกิดของเธอ ยี่ เทียนหยุนได้ช่วยทั้งหมู่บ้านเอาไว้ นี่ก็เท่ากับว่าได้ช่วยชีวิตเธอด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วตัวเธอจึงได้น้อมคารวะต่อยี่ เทียนหยุนในลักษณะที่คล้ายกัน



" นายน้อย ท่านได้โปรดยอมรับการน้อมคารวะของพวกเราเถอะ พวกเราชาวบ้านไม่มีอะไรจะมอบให้กับท่าน สิ่งของที่่พวกเรามีอยู่ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร พวกเราทำได้ก็เพียงแค่แสดงการคารวะเพื่อสำนึกในบุญคุณเพียงเท่านี้ นี่เป็นความรู้สึกภายในใจของพวกเรา " หลิว เสี่ยวเหลียนพูด



ยี่ เทียนหยุนรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาทำได้เพียงยอมรับการแสดงการคารวะนี้ พวกเขาพูดว่า หากไม่ยอมให้พวกเขาทำแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าจริงๆแล้วยี่ เทียนหยุนนั้นดูถูกพวกเขา



หลังจากที่พวกเขาแสดงการคารวะแล้ว พวกเขาต่างก็ยืนขึ้น แต่สีหน้ายังคงแสดงการขอบคุณอยู่ บุญคุณในครั้งนี้พวกเขาชาวบ้านจะไม่มีวันลืมเลย เมื่อพวกเขาต่างก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ยี่ เทียนหยุนได้ปรากฏกายขึ้นมา ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ นี่เท่ากับว่าตัวเขาก็คือ ผู้กอบกู้



ทั่วทั้งหมู่บ้านในตอนนี้ต่างก็ตกอยู่ในความสุขสนุกสนาน พวกเขาต่างก็ได้รับสิ่งของมีค่ามากมายกลับมาจากป้อมสมบัติมังกร ทำให้สถานการณ์ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นเล็กน้อย ทุกครัวเรือนต่างก็ได้รับแป้งข้าวเจ้าและเป็ดไก่อันเหลือเฟือ การสังหารหมู่ของยี่ เทียนหยุนในครั้งนี้ มันทำให้พวกเขาต่างพลอยได้รับอานิสงค์ของปริมาณอาหารที่เหลือเฟือติดไม้ติดมือขนกลับมาด้วยในครั้งนี้



ยี่ เทียนหยุนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผู้คนต่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่นี่บรรดาผู้คนทั้งหมด ล้วนห้อมล้อมไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงที่ต่างคนต่างก็มีให้แก่กัน



ระยะเวลาแห่งความสุขสนุกสนานมักจะแสนสั้นอยู่เสมอ หลังช่วงเวลาแห่งความสำราญก็ถึงเวลาแห่งการลาจาก ยี่ เทียนหยุนช่วยพ่อของหลิว เสี่ยวเหลียนรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของเขา เขาสามารถที่จะลุกขึ้นออกจากเตียงเดินได้ในทันที ส่วนที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร



พวกเขาไม่อยากที่จะย้ายออกจากที่แห่งนี้ ที่ตรงนี้มันเป็นแหล่งทรัพยากรที่สามารถจะนำไปใช้ได้ การทำเกษตรกสิกรรมยังคงเป็นเจ้าอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้แล้วยี่ เทียนหยุนจึงไม่ได้ทำการเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกเขาแต่อย่างใด ป้อมสมบัติมังกรถูกทำลายลงอย่างราบคาบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่จึงกลายมาเป็นที่ที่ปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง จากนี้เป็นต้นไปในวันข้างหน้า จะมีโจรกลุ่มอื่นเกิดขึ้นอีกหรือไม่ มันช่างยากที่จะตอบซะจริงๆ



แต่อย่างไรก็ตามที ยี่ เทียนหยุนก็ได้ละทิ้งทักษะยุทธ์ระดับมนุษย์เอาไว้ เผื่อเอาไว้ว่าจะมีเด็กหนุ่มที่ดีเป็นผู้มีพรสวรรค์บางคนสามารถที่จะฝึกฝน บ่มเพาะมันได้ สามารถที่จะบรรลุในขั้นสูงได้ เผื่อว่าในวันหนึ่งข้างหน้า ยี่ เทียนหยุนอาจจะแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนพวกเขาในอนาคตก็เป็นได้



" เหลี่ยนน้อย..... คนอย่างฮีโร่หนุ่มยี่ ถือว่าเป็นคนดี มีคุณสมบัติสามารถที่จะกลายมาเป็นลูกเขยของข้าได้ " ผู้เฒ่าหลิวรู้สึกพึงพอใจในตัวของยี่ เทียนหยุนเป็นอย่างมาก และเขาก็คิดว่าลูกสาวของเขานั้นเป็นคนที่ดีเช่นกัน จึงเหมาะสมกับตัวเขา



" พ่อ ท่านอย่าได้พูดจาไร้สาระไป ไหนเลยตัวข้าจะเหมาะสมกับนายน้อย..... " เมื่อหลิว เสี่ยวเหลียนพูดประโยคนี้ออกมา ภายในดวงตาคู่สวยของเธอก็กลายเป็นหม่นลงเล็กน้อย เหมือนคล้ายเป็นคนเจียมตัว



" ไม่มีความเหมาะสมอะไร ลูกสาวของข้าไม่มีความสามารถที่จะคู่ควรกับเขาอย่างนั้นรึ ?? " ผู้เฒ่าหลิวยกยิ้ม " เหลียนน้อย เจ้าสามารถที่จะเข้าร่วมตำหนักหยกสวรรค์ได้ นี่มิใช่เป็นเกียรติอันสูงส่งของพวกเราอย่างนั้นหรือ ไม่มีใครที่จะไม่คู่ควรหากหมั่นที่จะอบรมฝึกฝนตนเองให้ดีพอ เพียงเท่านี้ แล้วใครกันที่จะเหมาะสมกับตัวเจ้าได้ !! "



นัยน์ตาของหลิว เสี่ยวเหลียนนั้นแดงก่ำ เธอรู้ในทันทีว่า นี่คือการให้กำลังใจ สนับสนุนตัวเธอให้พยายามอย่างหนักที่จะไล่ตามความฝัน ไม่ควรที่จะท้อถอยหรือยอมแพ้



" พ่อ ตัวข้าจะพยายามอย่างหนัก !! " หลิว เสี่ยวเหลียนพยักหน้าพร้อมกับความมุ่งมั่น



" อืม มองดูเจ้า ยิ่งดูก็ยิ่งคล้ายแม่ของเจ้า หากแม่ของเจ้ายังอยู่มันก็คงจะดี เธอจะได้เห็นว่า ลูกสาวของพวกเราจะได้มีโอกาสในวันข้างหน้า สามารถที่จะยืนหยัดได้โดยลำพัง จะได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ความรับผิดชอบในงานสำคัญ..... " ผู้เฒ่าหลิวนัยน์ตาแดงก่ำ



" พ่อ..... "



ค่ำคืนนั้นทั้งพ่อและลูกสาว ต่างก็พูดคุยกันถึงอดีตในวันวาน เรื่องราวแห่งวันคืนเก่าๆที่ผ่านมา สัพเพเหระสารพันเรื่องราว



" นายน้อย พวกเราออกเดินทางกันเถอะ !! " หลิว เสี่ยวเหลียนออกเดินทาง ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองดูคล้ายกับดอกแอปเปิลป่าอันสวยงามที่กำลังเบ่งบานสะพรั่ง


 



" พี่สาวเสี่ยวเหลียน ดูเหมือนว่าท่านกำลังอารมณ์ดี !! " ยี่ เทียนหยุนกล่าวแย้มยิ้ม



" ย่อมต้องดีอยู่แล้ว สามารถที่จะขจัดความกังวลทิ้งไปได้ก็ย่อมที่จะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน " หลิว เสี่ยวเหลียนพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม



" ใช่แล้ว..... " ยี่ เทียนหยุนเอามือแตะจมูก จริงๆมันก็เป็นเรื่องทุกข์ร้อนใจครั้งใหญ่จริงๆนั่นแหละ " งั้น พวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปยังเมืองกระแสลมแห่งสวรรค์ในตอนนี้กันเลย ซื้อวัตถุดิบเท่าที่ต้องการกลับไปเยอะๆท่าจะดี "



" อืม !! หลิว เสี่ยวเหลียนมองดูด้านหลังของยี่ เทียนหยุน ดวงตาคู่สวยของเธอในตอนนี้เปล่งประกายอยู่หลายส่วน



.....



ทั้งสองต่างก็เร่งรีบเดินทาง จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองกระแสลมแห่งสวรรค์ อดีตที่ผ่านมา ยี่ เทียนหยุนได้รับแต้มคลั่งเป็นจำนวนมาก ณ ที่แห่งนี้ ถึงแม้ปัจจุบันแต้มคลั่งในตอนนี้ของเขาจะมีเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับยี่ เทียนหยุนในตอนนี้แล้ว ปริมาณที่มีมันช่างน้อยนิด ยังมีความสามารถพระเจ้าอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการจะเลื่อนระดับ



ต่อให้เขามี 100,000,000 แต้มคลั่งในตอนนี้ มันก็สามารถหมดได้ในทันที !!



ได้กลับมาที่ตึกสายฝนแห่งสวรรค์ ฉากที่คุ้นเคย ทำให้ยี่ เทียนหยุนหวนนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งก่อน ฝั่งตรงข้ามตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ไม่มีแล้ว ตึกสายฝนแห่งสวรรค์ก็เข้ามาแทนที่ นี่เป็นการให้ผลประโยชน์แก่ตึกสายฝนแห่งสวรรค์



ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มอิทธิพลที่เป็นปรปักษ์ ล้วนประสบกับหายนะ เมื่อยี่ เทียนหยุนก้าวเข้าสู่ตึกสายฝนแห่งสวรรค์ ด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ การ์ดบางคนก็จำเขาได้ในทันที พวกเขากลายเป็นช็อค สายตาพลันตกตะลึง



" ยี่ เทียนหยุนจริงๆรึ !! "



ซักพักจิตวิญญาณของพวกเขาก็ค่อยๆกลับเข้าสู่ร่างอย่างช้าๆ การ์ดบางคนจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังด้านบนของตึก บุคคลที่การ์ดต้องรีบรายงานไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร นั่นก็คือ จือ ยูร์เวยนั่นเอง



จือ ยูร์เวยรีบวิ่งลงมาจากตึกอย่างเร่งรีบ ใบหน้าในตอนนี้กลายเป็นสีแดง เมื่อเธอเห็นยี่ เทียนหยุนความซับซ้อนที่ถูกเติมเต็มฉายแววอยู่ภายในดวงตาของเธอ ความทรงจำเมื่อครั้งก่อนก็หวนย้อนคืนมา ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สำคัญที่สุดที่สุดก็คือ ในตอนแรกเธอไม่ได้เข้าปกป้องยี่ เทียนหยุน ได้พบกันอีกครั้งหนึ่งในตอนนี้ มันชวนให้อึดอัดใจยิ่งนัก คิดแล้วก็ไม่สบายใจ



" เจ้าของตึกจือ ไม่ได้พบกันซะนาน " ยี่ เทียนหยุนแย้มยิ้ม เขาโบกมือทักทาย ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด



เขารู้ดีว่าเวลานั้น จือ ยูร์เวยตกอยู่ในความยากลำบาก จำต้องวางตัวเฉยต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น แรกเริ่มเดิมทีตึกสายฝนแห่งสวรรค์ก็ไม่ได้เป็นกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่โตอะไร ย่อมไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามทีในตอนท้าย จือ ยูร์เวยได้กล่าวเตือนตัวเขาให้รีบหนีเอาตัวรอดไปโดยเร็ว นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุดและมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เธอจะหนีไปด้วยกันกับเขา ??



ดังนั้นยี่ เทียนหยุนจึงมิได้คิดตำหนิในตัวของจือ ยูร์เวยแต่อย่างใด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นมันก็สามารถที่จะยืนยันเป็นนัยๆได้แล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ จะไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน จะเป็นเพียงแค่คนที่ร่วมงานกันเท่านั้น ในเมื่อไม่ได้ยืนเคียงข้างช่วยเหลือเขาในตอนแรก นั่นจึงเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น



ณ เวลานั้น ยี่ เทียนหยุนสามารถที่จะหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงออกมาได้ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งตึกสายฝนแห่งสวรรค์ แต่ตึกสายฝนแห่งสวรรค์ก็ยังมิได้เลือกที่จะเข้าช่วยปกป้องเขา นี่จึงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่มีคุณค่าพอที่เขาจะต้องแสดงความจริงใจด้วย



อย่างไรก็ตามที เมื่อความจริงได้ปรากฏออกมา ภายในตึกสายฝนแห่งสวรรค์ก็รู้สึกเศร้าเสียใจ เมื่อรู้ว่าฐานพลังของยี่ เทียนหยุนนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ครั้นเมื่อพวกเขาต้องการที่จะสานสัมพันธ์ด้วยการผูกมิตร มันก็สายเกินไปเสียแล้ว และก็ยังจะเป็นการเริ่มการรบกวน ก่อความไม่สงบแทนที่จะมาผูกมิตร ตัวแทนที่พวกเขาส่งมานั้นล้วนถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างอนาถ ยกเว้นก็แต่จือ ยูร์เวยเพียงคนเดียวเท่านั้น

 






















 

รีวิวผู้อ่าน