px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 354: อุโมงค์ลับ


Chapter 354: อุโมงค์ลับ

“ จุ๊...จุ๊.... “

ข้างในอุโมงค์นั้นไม่ได้ราบเรียบ บางพื้นทีนั้นเป็นมีแง่งโผล่ออกมาจากขอบ ในตอนที่ จางเทีย ผ่านที่แบบนั้น หัวเขาก็ต้องชนกับแง่งบนเพดาน ผลก็คือมีดินร่วงลงมา ทำให้หัวของเขานั้นสกปรก ดินพวกนั้นถึงกับเข้าปากเขาด้วย ดังนั้น จางเทีย จึงรีบถุยมันออกมา

เขาถือพลั่วและจอบไว้ในมือ  จางเทีย เดินไปจนสุดอุโมงค์แคบๆนี้ที่เขามาถึงเมื่อวาน ด้วยขาข้างหนึ่งที่คุกเข่าลงที่พื้น เขาได้ดึงแว่นของตัวเองขึ้นมาแล้วเหวี่ยงพลั่วลงไปที่พื้น  ผลก็คือมีดินจำนวนมากที่ถูกขุดออกมา

ด้วยแรงที่เขามี ในไม่กี่นาที จางเทีย ก็ได้ขุดดินออกมาจำนวนมากและเริ่มเดินหน้าต่อไปอีก

เมื่อเห็นดินที่ถูกขุดออกมานั้นกองกันเยอะ  จางเทีย ก็วางพลั่วลง จากนั้นเขาก็ได้ใช้จอบที่ตัดด้านจับไปแล้วยกดินกว่า 10 กก.  เขาเพ่งพลังวิญญาณแล้วเทดินลงในบ่อแห่งความวุ่นวายทันที....

จางเทีย ยังคงขุดต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ต่อไป

หลังจากทำงานหนักมาหลายวัน จางเทีย ก็เริ่มคุ้นกับการเคลื่อนที่ต่างๆ ดินที่ขวางทางในอุโมงค์นี้ในที่สุดก็ถูกขุดออกและยังกลายมาเป็นพลังงานให้กับ Castle of Black Iron

จางเทีย เดินหน้าต่อไปอีกหลายเมตร หลังจากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนไปใช้พลั่วเพื่อเดินหน้าต่อไปอีก

ด้วยแรงและร่างกายที่มีและยังบ่อแห่งความวุ่นวาย ทำให้ จางเทีย จัดการกับดินพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแล้วประสิทธิภาพในการทำงานจึงสูงอย่างมาก ใช้เวลาไม่กี่นาทีเขาก็เดินหน้าไปต่อได้ 1-2 ม.

แม้ว่าอุโมงค์นี้จะมืดแต่มันไม่ได้มีปัญหากับ จางเทีย เลยเพราะเขามีความสามารถในการมองเห็นที่มืด

หลายชั่วโมงต่อมา  จางเทีย ก็ได้หยุดทำงาน เขาแนบหูเข้ากับกำแพงอุโมงค์และได้ยินเสียงน้ำไหลที่ชัดเจนมาจากด้านข้าง   จางเทีย คึกและเริ่มลงมือขุดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก

10 นาทีต่อมาทรายจำนวนมาก็ได้ถล่มลง ในเวลาเดียวกัน จางเทีย ก็ได้ขุดอุโมงค์ทะลุจนได้และได้ไปโผล่อยู่ในลานถ้ำของแม่น้ำที่ซ่อนอยู่ในภูเขาหยุนจู

ถ้ำแห่งนี้มีพื้นที่แค่ไม่กี่หมื่นตารางเมตรและยังสูงกว่า 10 ม.  ด้านในถ้ำนั้นบิดเบี้ยวและมีหินรูปร่างแปลกๆ แม่น้ำที่กว้างกว่า 5-6 ม.ไหลผ่านในถ้ำไป

ส่วนมากแล้วสิ่งที่มนุษย์กลัวนั้นมาจากสิ่งที่ไม่รู้จัก ความมืดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าใครสามารถมองเห็นรอบๆได้อย่างชัดเจน ความกลัวนั้นจะลดลงไปอย่างมาก

จางเทีย เองก็เป็นแบบพวกนั้น ถ้าเขาไม่ได้มีความสามารถในการมองเห็นในที่มืดแล้ว เขาอาจจะกลัวที่แปลกๆแบบนี้แต่หลังจากที่มองเห็นรอบถ้ำได้อย่างชัดเจน  จางเทีย ก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาทันที

“ ดูเหมือน หลิวกง จะไม่ได้โกหกข้า  ตามการสำรวจภูมิประเทศแล้ว มันมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำนำไปสู่บึงกลืนกิน ! “- จางเทีย พึมพำ

หลังจากที่เช็ครอบๆถ้ำแล้ว  จางเทีย ก็พบว่ามันเป็นพื้นที่ปิด นอกจากอุโมงค์ลับที่เขาขุดขึ้นมาแล้ว จางเทีย ไม่เห็นทางเข้าอื่นเลย ดังนั้น จางเทีย จึงเริ่มวางใจขึ้นมาได้

หลังจากที่เช็ครอบๆถ้ำ จางเทีย ก็ได้สำรวจแม่น้ำซึ่งลึกแค่ 3-4 ม. หลังจากที่เดินทะลุถ้ำไปได้สักพัก เขาก็ได้มาถึงที่ที่ถูกซ่อนไว้ในภูเขา

จากการเช็คคร่าวๆที่ถ้ำและแม่น้ำ  จางเทีย พอเดาได้ถึงที่ที่เขาอยู่และตำแหน่งของบึงกลืนกินด้านนอก ดังนั้นเขาจึงดำน้ำลงไปโดยไม่ลังเลย

แม่น้ำนี้ใสอย่างมาก ด้วยความช่วยเหลือของความสามารถมองเห็นในที่มืด  จางเทีย สามารถเห็นทุกอย่างใต้น้ำได้อย่างชัดเจน  จางเทีย มีประสาทรับรู้ถึงการไหลของน้ำที่เฉียบคม อีกอย่างแล้วเขายังว่ายน้ำไปได้อย่างรวดเร็วและมีอากาศหายใจไม่จำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอะไรในตอนที่โดดลงไปในน้ำ

ถ้าเป็นคนอื่น แม้ว่าจะคนที่แข็งแกร่งกว่านี้สักสิบเท่าและเก่งเรื่องว่ายน้ำ คนนั้นก็คงไม่โดดลงไปเพราะเขาไม่รู้ทิศทางการไหลของน้ำและสภาพแวดล้อมของแม่น้ำนี้

แล้วถ้าเจอทางตันในตอนที่ว่ายลงไปในน้ำที่เหมือนท่อยาว 1,000 กม.แล้วไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาหายใจล่ะ ?

แม้ว่าจะรู้สึกว่าน้ำที่นี่น่ะไหลช้าและบ่งบอกว่าไม่ได้มีอันตรายใดๆแต่ถ้าหลังจากที่ว่ายไปหลายพันกิโล อยู่ๆพบว่าน้ำนั้นได้ไหลไปสู่น้ำตกที่น่ากลัวซึ่งนำคุณไปสู่ความตายล่ะ ? ถ้ามีน้ำวนขึ้นมาแล้วทำให้คุณจมล่ะ ? แต่ละอย่างตะกี้น่ะสามารถฆ่าคุณได้

ดังนั้นแล้วจึงเกือบไม่มีใครกล้าที่จะลงมาว่ายแม่น้ำที่ไม่รู้จัก แม้ว่าจะมีความสามารถในการว่ายน้ำที่สูงจนสามารถคิดว่าทะเลน่ะเป็นสระน้ำส่วนตัวก็ตาม  เทียบกับทะเลแล้ว อันตรายของแม่น้ำแบบนี้น่ะคาดเดาไม่ได้

หลังจากที่ว่ายน้ำมาสักพักแล้ว จางเทีย ก็พบว่าทางข้างหน้าน่ะแบ่งออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งนำไปยังบึงกลืนกิน ส่วนอีกทางน้ำไปสู่เมืองมังกรขาว

จางเทีย เลือกเส้นทางที่นำไปสู่บึงกลืนกิน มันมีระยะทางแค่ 500-600 ม.จากนี่ ทางน้ำตรงหน้าเริ่มแคบลงกว่าเดิมจาก 5-6 ม. มาเป็น 2-3 ม. ผลก็คือการไหลของน้ำก็ช้าลงไปด้วย  ที่ที่แคบที่สุดนั้นกว้างไม่ถึงเมตรเพราะมันอยู่ระหว่างหินสองก้อนแต่ในที่สุด จางเทีย ก็ว่ายน้ำผ่านมาได้

ด้วยแสงสว่างที่มี  จางเทีย  ได้เงยหน้าขึ้นและพบว่าเขาได้ออกจากแม่น้ำนั้นแล้ว กว่า 20 ม.บนหัวของเขาคือผิวน้ำบึงกลืนกิน  จุดเชื่อมต่อของแม่น้ำในถ้ำกับบึงนี้อยู่ที่ก้นบ่อด้านที่ใกล้กับภูเขาหยุนจูมากที่สุดซึ่งมีน้ำไหลออกมาช้าๆจนแทบไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆ

ปลาในน้ำแหวกว่ายไปตามสาหร่าย ส่วนระดับน้ำของบึงนั้นส่องประกายไม่ต่างจากทอง  จางเทีย ได้โผล่หัวออกมาจากสาหร่ายและทำให้พวกปลากลัว   จางเทีย สังเกตระดับน้ำไปสักพักและพบว่ามีเรือกำลังแล่นอยู่ห่างเขาออกไป 300 ม.

เมื่อมองจากด้านล่างแล้ว จางเทีย เห็นท้องเรือได้อย่างชัดเจน

มันไม่ใช่เวลาที่จะมาโผล่ออกไปจากน้ำ หลังจากที่รู้สภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว จางเทีย ก็ได้พลิกตัวกลับแล้วว่ายกลับไปที่อุโมงค์ ในตอนที่เขาว่ายมาถึงทางแยก  จางเทีย ก็ได้คิดสักพักก่อนจะว่ายน้ำไปยังทางเมืองมังกรขาว

หลายนาทีต่อมา จางเทีย “โผล่หัวออกมาจากน้ำ หลังจากที่หายใจได้สองเฮือก  จางเทีย ก็ได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองขึ้นไป เขารู้สึกว่าทางเข้าถ้ำนี้มันแปลกเล็กน้อย ตอนนั้นมีวัตถุสีดำนั้นตกลงมา ต้องขอบคุณที่ จางเทีย ว่ายหนีได้อย่างรวดเร็ว ไม่งั้นแล้วเขาคงโดนมันหล่นทับหัว

หลังจากที่กลัวอย่างมาก  จางเทีย ก็ได้สังเกตวัตถุนั้นและพบว่ามันคือถัง  จางเทีย รู้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ไหน

“ หวันฟู ไอ้บ้านี่ เจ้าอู้อีกแล้วรึไง ? เจ้าเตรียมน้ำไปรดสวนด้านหลังรึยัง ? เสี่ยวฮี และสาวๆคนอื่นน่ะรออยู่นะ  ดอกไม้ของลอร์ดน่ะต้องรดตอนเช้าและเย็น  ถ้าเรารดน้ำไม่ทันเพราะเจ้า เราจะหักขาเจ้า ไอ้บ้า... “ – เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบน

“ ฮาฮา  พ่อบ้านเซ่า ข้าจะไปกล้าหลับที่นี่ได้ไง ? ดูสิ ข้ากำลังตักน้ำจากบ่ออยู่ ! “  -  เมื่อเสียงนั้นพูดจบ ถังไม้ก็จมลงมาในน้ำ ไม่กี่วินาทีมันก็ได้ตักน้ำแล้วถูกยกขึ้นไปจากบ่อ

“ อย่าคิดนะว่าข้าไม่เห็น  ชัดแล้วว่าเจ้าน่ะเริ่มทำงานก็ตอนข้ามาเห็น เจ้าน่ะบกพร่องต่อหน้าที่  ข้าจะหักเงินเจ้าครึ่งเดือน ! “ – เสียงสั่งการอันเย็นชาดังขึ้นมา พ่อบ้านเซ่า ได้เดินเข้ามาใกล้บ่อมากกว่าเดิม

“ ไม่นะ ถ้าเป็นแบบนั้นข้าคงต้องแย่แน่ จากนั้นข้าก็ต้องกินเหล้าไปเยอะเพราะความเศร้า ยิ่งถ้าเป็นแบบนั้นแล้วก็คงปิดปากเงียบเรื่องที่ข้าเห็นในตอนเย็นเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ได้แน่ ! “

“ เจ้าหมายความว่าไง ? “

หวันฟู ลดเสียงลงมา

“ เพราะข้าดื่มมาเยอะไป ข้าเลยต้องไปเข้าห้องน้ำในคืนนั้นแต่เพราะข้าเมาและมันก็มืดมาก ข้าเลยหาห้องน้ำไม่เจอ ดังนั้นข้าจึงไปที่สวนด้านหลังเพื่อไปเยี่ยว บังเอิญว่าข้าเห็น ท่านกับ เสี่ยวหง คนใช้ของมาดามในถ้ำ  ฮี่ฮี่ พ่อบ้าน ท่านน่ะมีรูปร่างดีนะ ! “

“ แค่ก...แค่ก... “ - พ่อบ้านเซ่า เริ่มไอออกมา – “ หวันฟู เจ้าซื่อสัตย์และเป็นคนดี คนแบบเจ้าจะมาทำงานหนักแบบนี้คนเดียวเสร็จได้ไง ? แค่เติมน้ำในถังน้ำหลังสวนวันนี้พอ พรุ่งนี้ก็พักซะ ข้าจะเพิ่มเงินเดือนให้ 5 เงินเป็นค่าตอบแทนนับจากนี้ อย่าเลือกงาน  ลอร์ดต้องให้รางวัลกับงานหนักที่เจ้าทำแน่ ! “

“ ขอบคุณ พ่อบ้านเซ่า ! “

...

เมื่อได้ยินบทสนทนานั้น จางเทีย ก็ด่าออกมาในใจแล้วดำน้ำกลับลงไปอีกครั้ง

...

หลายนาทีต่อมา จางเทีย ก็ได้กลับมาในถ้ำที่ภูเขาหยุนจู แม้ว่าจะไม่มีใครมาที่นี่แต่ จางเทีย ก็ยังคงใช้สาหร่ายน้ำและหินปิดทางเข้าถ้ำเอาไว้ก่อนจะเข้ากลับไปด้วยอุโมงค์ลับของเขา

ห้องลับนี้ก็คล้ายๆกับห้องของ ดอนเดอร์ ที่แบล็คฮ็อต  มันมีพื้นที่กว่า 200 ตร.ม.และมีบันไดเชื่อมต่อไปด้านบน อีกอย่างแล้วมันยังมีโคมไฟและของใช้ประจำวันอยู่ด้วย ที่นี่น่ะเอาไว้ใช้สำหรับให้ จางเทีย เข้ามาทำสมาธิและบ่มเพาะทักษะต่อสู้ในปราสาทจินวู

หลังจากที่ออกมาจากอุโมงค์แล้ว จางเทีย ก็เอาหินหนักกว่า 300 กก.กลับไปปิดที่เดิม  จากนั้นเขาก็ได้เอาโต๊ะมาวางไว้ที่พื้นหินนั้น ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครรู้เรื่องอุโมงค์ลับได้

มีอุโมงค์ลับอันอื่นในปราสาทซึ่งต่อไปยังห้องนอนและห้องหนังสือของ จางเทีย  ผ่านอุโมงค์พวกนี้แล้ว จางเทีย สามารถออกจากปราสาทได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นและไปที่สนามบินใกล้ๆได้

อุโมงค์พวกนี้น่ะสร้างขึ้นโดยกลุ่มลองวินเพื่อให้สำหรับ จางเทีย แต่หลังจากที่ หลิวเซียง ทรยศแล้ว จางเทีย ก็เข้าใจมันได้อย่างชัดเจนว่าอุโมงค์ที่พาเขาไปยังสนามบินน่ะไร้ประโยชน์สหรับเขา

ความลับที่รู้กันมากกว่าสองคนน่ะก็ไม่ใช่ความลับอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นมีมากกว่าสองคนที่รู้เรื่องอุโมงค์พวกนี้อย่างคนออกแบบและช่างก่อสร้าง ดังนั้นแล้วพวกคนที่อยากมาจัดการ จางเทีย ก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่

บางทีตอนนี้บางคนในเกาะอาจจะจับตาดูอุโมงค์ลับผ่านทางกล้องส่องทางไกลอยู่ก็ได้

แน่นอน จางเทีย จะไม่สร้างแผนรึเก็บความลับอะไรไว้กับอุโมงค์พวกนี้ซึ่งมีคนอื่นรู้อยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ที่เขากลับมาที่นี่  จางเทีย ก็ยังคงอยู่ในห้องลับของเขาเพื่อทำการบ่มเพาะและทำสมาธิอยู่นานทุกวัน จริงๆแล้วในช่วงนี้ จางเทีย ได้แอบสร้างอุโมงค์ขึ้นมาจากข้อมูลซึ่งไม่มีคนอื่นรู้นอกจากตัวเขาเอง

ตอนแรกช่างที่รับหน้าที่ในการสร้างปราสาทพูดถึงแค่โครงสร้างของภูเขาให้ จางเทีย ฟัง แต่ชายคนนั้นคงคิดไม่ถึงแน่ว่า จางเทีย ได้จำคำพูดนั้นไว้และขุดอุโมงค์ลับไปยังถ้ำของภูเข่าหยุนจูและพบเส้นทางน้ำที่ออกจากปราสาทนี้ได้

บางทีแม้แต่ช่างเองก็จำไม่ได้ว่าเขาได้พูดเรื่องนี้ออกไป ยังไงซะเขาก็เป็นคนพูดมากอยู่แล้ว  ไม่มีใครจำประโยคแบบนี้ได้หรอก 

จางเทีย รู้สึกดี หลังจากที่วนรอบห้องลับและวางทุกอย่างไว้ที่เดิมแล้ว  จางเทีย ก็ได้มองนาฬิกาและตัดสินใจที่จะกลับออกไป ตอนั้นเขาได้ก้มหน้าลงและรู้สึกอายนิดๆ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปที่ Castle of Black Iron หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็เช็คหน้าตาในกระจกแล้วกลับออกมา

ลักษณะของ จางเทีย ตอนนี้ ไม่มีใครคิดว่าเขาได้ไปขุดหลุมอยู่

‘ ข้าจะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองมังกรขาว ถ้าเป็นไปได้ ข้าจะซื้อบ้านในเมืองนั้นด้วยชื่ออื่น ด้วยวิธีนั้นมันจะสะดวกกว่าที่ข้าจะออกจากปราสาทไปและมันยากกว่าเดิมที่คนอื่นจะหาร่องรอยข้าเจอ บ้าเอ้ย ! กระต่ายที่ฉลาดมักจะมีสามหลุม ข้านี่ฉลาดยิ่งกว่ากระต่ายอีก ! ‘

เมื่อคิดแบบนั้น จางเทีย ก็ได้เดินขึ้นบันไดไป หลังจากที่ผ่านทางเดินยาวกว่า 10 ม.มา  จางเทีย ก็ได้เปิดล็อคของประตูห้องลับออกก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น

...

ไม่กี่นาทีต่อมาที่ จางเทีย ออกจากห้องนั้นก็ได้มีบางคนที่ จางเทีย ได้เชิญมายังงานปาร์ตี้ได้มาถึงที่ด้านนอกปราสาทโดยพวกนี้มาก่อนเวลา

“ เว่ยเว่ย เรามาเร็วไปหน่อยรึเปล่า ? จางเทีย บอกว่ามาที่นี่หลังพระอาทิตย์ตกดิน แต่นี่ก็อีกกว่าชั่วโมงนึง... “ – จางหงเชง เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และได้พูดออกมาเบาๆ – “ ไม่ใช่ว่ามันน่าอายนิดๆรึไงที่ถ้าเราไปถึงเร็วไป ?”

“ ช่างเถอะ มันน่าอายถ้าเราไปถึงช้า ! “ - เว่ยเวย โบกมือ – “ เราน่ะคือเพื่อนกลุ่มแรกของ จางเทีย และเป็นเพื่อนในวังมังกรลับ แน่นอนว่าเราต้องมาก่อน เราจะได้ช่วยเขาจัดเตรียมงานไง  ข้าได้ยินมาว่า จางเทีย น่ะเชิญคนมาตั้ง 20-30 คน  เราน่ะมาฉลองที่เขาย้ายมาบ้านใหม่ ดังนั้นเราก็ต้องมาถึงก่อน ! “

“ มันน่าจะมีคนอื่นในปราสาท เขาไม่ต้องให้เราช่วยหรอก  ข้าสงสัยเกี่ยวกับปราสาทจินวู  ถ้าเราไปที่นั่นเร็วหน่อย เราจะได้เดินดูปราสาทได้ ถ้าเราสาย จางเทีย ก็คงยุ่งกับการดูแลเรา ! “ - จางหยุนเฟย ยิ้มออกมา

หลังจากที่บ่มเพาะมากกว่าครึ่งปี จางหยุนเฟย ที่ซึ่งเหนียมอายมาก่อนตอนนี้ได้สูงขึ้น,ผิวเข้มและดูแข็งแรง  เขาแตกต่างจากคนเมื่อครึ่งปีก่อนอย่างสิ้นเชิง นอกจาก จางหยุนเฟย แล้ว  เว่ยเว่ย และ จางหงเชง เองก็เปลี่ยนไปอย่างมาก  ไม่นานพวกเขาก็จะปลุกจุดชีพจรที่ 8 ได้และเป็นนักสู้ระดับ 6 ได้อย่างเป็นทางการ

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จางคีเหลียง ที่ซึ่งทำตัวเหมือนพี่ชายก็ได้ตอบกลับแค่รอยยิ้ม  เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปราสาท

ในยุคนี้ผู้ชายทุกคนต่างก็อยากมีปราสาทเป็นของตัวเอง  การมีปราสาทของตัวเองนั้นหมายถึงการเริ่มตระกูลของตัวเอง เขาไม่เคยพูดเรื่องความฝันกับใครมาก่อนซึ่งความฝันของเขาก็คือการมีตระกูลของตัวเองและมีปราสาทแบบนี้ให้ได้สักวัน

เขาไม่ได้อิจฉากับความสำเร็จของ จางเทีย  เขากลับมีแรงกระตุ้นขึ้นมาแทน เขาภูมิใจที่มี จางเทีย เป็นเพื่อนเพราะเขาจะได้รับพลังและพลังงานบวกจาก จางเทีย

‘ สักวันข้าก็จะทำได้ !’ จางคีเหลียง พึมพำ

หลังจากที่ทำการตกแต่งแล้วด้านนอกกำแพงนั้นไม่ได้เป็นสีเทาเหมือนเดิมแล้ว มันมีชั้นหินที่ตกแต่งอย่างดีซึ่งได้มาจากภูเขา ด้วยวิธีนี้จะทำให้การป้องกันนั้นหนาแน่นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังสวยกว่าแต่ก่อนอีก

อีกอย่างแล้วสไตล์ของปราสาทก็เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก เทียบกับปราสาททั่วไปแล้วซึ่งดูเป็นสีเหลี่ยม ปราสาทนี้น่ะดูยืดหยุ่นมากกว่าและดูมีบุคลิกกว่า

ดังนั้นปราสาทจินวูจึงกลายเป็นปราสาทที่สวยที่สุดบนเกาะแห่งนี้

แม้ว่าพวกเขาจะเห็นปราสาทบนเกาะมาแล้วหลายครั้งแต่เมื่อมาถึงที่ปราสาทจินวู พวกเขาต่างก็ช็อกกับความสูงของกำแพงและชายคาที่สูงส่ง เมื่อมองไปแล้วกลุ่มพวกเขาได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่ที่พื้น

บนกำแพงนั้นมีเครื่องจักรไอน้ำ มีทหารสวมเกราะเหล็กเดินไปมาพร้อมกับหอกซึ่งทำให้ปราสาทนี้ดูยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ด้านนอกประตูมีทหารยืนเรียงกันสองแถวยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของสะพาน

แม้ว่าปราสาทนี้จะเพิ่งเสร็จแต่มันก็ถือว่าเสร็จได้ในระดับที่ใช้งานได้แล้ว

ในตอนที่กลุ่มของ เว่ยเว่าย เดินเข้าไปใกล้ประตู  ทหารตัวสูงคนหนึ่งที่มีดาบยาวที่เอวก็ได้เดินเข้ามาหาพวกเขา

“ โทษทีนะ พวกคุณมาปาร์ตี้คืนนี้งั้นเหรอ ? “

“ ใช่ ! “ - จางหยุนเฟย ตอบ

“ ข้า เลน็อก หัวหน้าของยามปราสาทนี้ ข้าขอดูจดหมายเชิญได้มั้ย ? “

ในตอนที่พวกเขากำลังจะโชว์จดหมายก็ได้มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง เลน็อก

“ ไม่จำเป็นหรอก เลน็อก พวกนี้เป็นเพื่อนข้า ! “ - จางเทีย เดินออกมาจากข้างในพร้อมกับยิ้ม

ในตอนที่พวกนั้นเห็น จางเทีย  พวกนั้นต่างก็ยิ้ม ส่วนทหารนั้นก็ได้ทำความเคารพทันที

เว่ยเว่ย , จางคีเหลียง และอีกสองคนต่อยไปที่ไหล่ จางเทีย แล้วยิ้มออกมา  จางเทีย ต่อยคืนเหมือนกับการทักทายแล้วหัวเราะกันออกมา

“ เพื่อน เจ้ารวยแล้วนิ เจ้าน่ะเป็นคนแรกที่มีปราสาทในวังมังกรลับ ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายเชิญ ข้าคงไม่เชื่อว่าเจ้าน่ะรวยได้ขนาดนี้ในครึ่งปี ! “ – เมื่อพูดจบ เว่ยเว่ย ก็ได้ต่อย จางเทีย อีกครั้ง

“ ฮาฮา พระเจ้าช่วยให้ข้าทำยาขึ้นมาได้ อย่าอิจฉาเลย ! “ - จางเทีย ยังคงพูดเหมือนเดิมแบบแต่ก่อน

“ยารักษารอบด้านนี้น่ะคุณภาพแย่เกินไป ข้าจะพัฒนาบางอย่างที่เหนือกว่ายาของเจ้าตอนข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ! “ - จางหงเชง พูดออกมาดังๆ  หลังจากนั้นเขาถึงกับมองเหวี่ยงๆไปที่ จางเทีย

“ ลืมได้เลย !  แม้ว่าเจ้าจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชุดทองได้สักวันแต่เจ้าก็ไม่รวยเท่าข้าหรอก ! “ - จางเทีย ทำท่ามองค้อน จางหงเชง – “ ข้าน่ะยังไม่เป็นนักสมุนไพรเลยด้วยซ้ำตอนนี้น่ะ แล้วไง ดูนี่สิ ? “

เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็ได้ยิ้มออกมา  แม้ว่า จางเทีย จะพักอยู่ในปราสาทแต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนคนเดิมที่เคยไปเก็บแร่กับพวกเขา

“ เจ้าจะออกไปไหนรึเปล่า ? “ - จางหยุนเฟย ถามออกมา

“ ไม่ ข้าเห็นพวกเจ้าจากกำแพงตะกี้ ดังนั้นข้าเลยมาต้อนรับพวกเจ้า ลองไปดูปราสาทก่อนเริ่มงานดีมั้ย ?”

“ เอาเลย  ! “- จางคีเหลียง ตอบทันที

จางเทีย พาพวกนั้นเขาไปในปราสาทและแนะนำรอบๆ

เอาจริงๆแล้ว จางเทีย ภูมิใจมากที่มีปราสาทของตัวเองในอายุแค่นี้ แม้ว่าเขาจะพยายามที่จะทำตัวธรรมดาที่สุดก็เถอะ ตอนนี้ จางเทีย พบว่าความฝันของเขาที่ได้นอนอยู่บนกองทองและมีสาวสวยรายล้อมนั้นเป็นจริงขึ้นมาแล้ว

แม้แต่ตึกที่ใกล้กับกำแพงมากที่สุดก็สามารถจุทหารได้ 1800 คนและถือว่ากว้างมากที่จะจุคน 600-700 คน แต่มีทหารแค่เพียง 100 คนเท่านั้นที่ประจำการอยู่ ดังนั้นแล้วมันจึงดูกว้างขวางอย่างมาก นอกจากห้องที่ถูกใช้ไปแล้ว มันยังมีห้องว่างกว่า 300 ห้องที่มีขนาดต่างๆกันไป

มีอุปกรณ์ไว้ฝึกทักษะต่อสู้มากมาย เส้นทาง,ลานและสวนต่างก็เชื่อมต่อไปกับทางเดินที่ถูกตกแต่งมาอย่างดี ทั้งสองฝั่งชองทางเดินนี้จะมีตึกเล็กๆที่สูงประมาณ 4 ชั้นสูงไม่ถึง 20 ม.

ตึกพวกนี้น่ะสร้างไว้อย่างสวยงาม เมื่อเห็นพวกนั้นแล้ว จางหยุนเฟย และคนอื่นๆก็จำได้ถึงร้านค้าทั้งสองฝั่งถนนในบ้านเกิดของตัวเอง

“ ห้องพวกนี้เอาไว้ทำอะไร ?” – จางหงเชง ถามออกมาด้วยความสงสัย – “ พวกมันเหมือนร้านค้าเลย “

“ ใช่ เราจะทำร้านกันที่นี่ ในอนาคตก็สามารถทำเป็นบ้าน, โรงแรม,รึโรงงานอื่นๆได้ มันจะน่าเสียดายมากที่ปราสาทนี้จะเอาให้คนแค่ไม่กี่คน ! “

“ เจ้าจะเปิดพื้นที่ในปราสาทให้กับคนอื่นเพื่อการค้าเหรอ ? “ - จางหยุนเฟย ตระหนักได้ทันที

จางเทีย ยิ้ม – “ ทำไมจะไม่ล่ะ ? เพราะเกาะนี้น่ะยิ่งมีคนเยอะกว่าเดิม ที่ดินในเมืองรอบถ้ำมังกรก็มีน้อย  ข้าได้ทำการสำรวจมาว่าในปีหน้าๆก็จะมีความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นในทุกปี ตอนนี้ทำไมไม่เอาข้อได้เปรียบของของที่ข้ามีตอนนี้ล่ะ ?  นี่น่ะสร้างเงินให้กับข้าและทำให้เกาะนี้ดังยิ่งกว่าเดิมอีก เป้าหมายข้าคือทำให้ปราสาทจินวูกลายเป็นเมืองเล็กๆขึ้นมา “

“ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้ ที่นี่น่ะใกล้กับเมืองมังกรขาวและไม่ไกลจากถ้ำมังกร แต่มันก็สงบมากกว่าเมืองที่อยู่รอบถ้ำ ไม่ใช่ทุกคนที่มาที่เกาะนั้นชอบความวุ่นวายในเมือง ถ้าที่นี่น่ะเปิดให้กับการค้าจริงๆ ข้าคิดว่ามันน่าจะได้ผล ! “ – จางหงเชง ตะโกนออกมา – “ รุ่นพี่หลายคนในแผนกทำลายสวรรค์ได้เปิดร้านของตัวเองเพื่อหาเงิน ทำไมไม่เปิดที่นี่ล่ะ ? “

เว่ยเว่ย เอามือถูคางอย่างกับคนมากประสบการณ์ เขามองตึกเล็กๆพวกนั้น – “ เขตการค้าจินวูไม่ก็ถนนคนเดินจินวูล่ะ ? สองชื่อนี้ฟังดูดีนะ โอ้ เจ้าจะให้ขายรึให้เช่าล่ะ ? “

“ เช่า  ! “- จางเทีย ยิ้ม – “ เจ้าล้อเล่นป่ะเนี้ย ? ถ้าข้าอยากได้สิทธิในปราสาทจินวู แน่นอนว่าข้าก็จะไม่ขาย ถ้าข้าแค่ให้เช่า ข้าก็ยังมีสิทธิที่จะตัดสินใจการใช้งานของมันอยู่ ข้าคงไม่หาเรื่องสร้างปัญหาให้ตัวเองหรอก “

หลังจากที่มองไปรอบๆแล้ว ใจของ จางคีเหลียง ก็เริ่มเต้นรัว จริงๆแล้วไม่ใช่แค่ จางคีเหลียง แม้แต่ เว่เว่ย และอีกสองคนก็คิดถึงค่าใช้จ่ายในแผนกทำลายสวรรค์ในอนาคต

แม้ว่าจะมีวิธีมากมายในการหาเงินอย่างการทำยาและเครื่องมือ,การสำรวจที่มีความเสี่ยงสูง วิธีที่เร็วและคงที่ที่สุดก็คงเป็นการเปิดร้านขายของให้กับคนบนเกาะ

ตราบใดที่ไม่ได้โง่ ถ้าเปิดร้านบนเกาะแล้วก็สามารถหาเงินได้  คนที่เข้ามาที่เกาะนี้คือหลักประกันชิ้นโต ดังนั้นแล้วราคาของที่ดิน บ้าน ในเมืองจึงแพงอย่างมาก สำหรับ เว่ยเว่ย , จางคีเหลียง, จางหยุนเหฟย และ จางหงเชง แล้วพวกเขาต้องดิ้นรนกันอีกนานกว่าจะซื้อร้านบนเกาะได้แต่ทางลัดน่ะอยู่ตรงหน้าพวกเขา

เมื่อไม่เห็นการตอบรับ จางเทีย ก็เห็นถึงความลังเลและความเขินอายของพวกนี้แล้วได้หัวเราะออกมา – “ ไม่เป็นไร เลิกไร้สาระแล้ว เอาที่ที่พวกเจ้าต้องการไป คนละห้อง พวกเจ้าเปิดร้านของตัวเองรึร่วมมือกับข้าก็ได้ มันขึ้นอยู่กับพวกเจ้า เช่าฟรีสองปีแรก แบบนั้นเป็นไง ? “

เว่ยเวย พูดอะไรไม่ออก เขารีบเข้าไปกอด จางเทีย ทันทีและตั้งใจที่จะจูบหน้า จางเทีย ซึ่งทำให้ จางเทีย กลัวมาก

“ เหี้ย เจ้าต้องการอะไร ? ข้าไม่ชอบผู้ชายโว๊ย  !” - จางเทีย โยกตัวหนีทันที

“ ถ้าไม่ทำงี้ข้าจะแสดงความตื่นเต้นและดีใจได้ยังไง ? ! “

“ ถ้าเจ้ากล้าจูบข้า ข้าจะให้ทหารทั้งร้อยคนน่ะมาแสดงความตื่นเต้นและพอใจกับเจ้าแบบเดียวกัน  !”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เว่ยเว่ย ก็กลัวซะจนโดดหนีจาก จางเทีย

จางคีเหลียง, จางหงเชง และ จางหยุนเฟย ต่างก็หัวเราะกันออกมา

ในส่วนของปราสาทด้านใน พวกเขาได้ไปชมในส่วนการผลิตยาซึ่งเป็นส่วนหลักของปราสาท เมื่อมองถังไม้กว่าพันถังในคลังและห้องเหล่านั้นแยกออกเป็นส่วนต่างๆทั้งห้องล้าง, ตัด, ผสมและหมัก พวกเขาต่างก็อึ้ง

“ พระเจ้า ! เจ้าทำยาพวกนี้รึเก็บพักกันแน่ ? “ – จางหงเชง อุทานออกมา

“ ก็เกือบจะแบบนั้นล่ะนะ ยาน่ะก็แค่สุดยอดเอนไซม์  ขั้นตอนการผลิตก็คล้ายกับเอนไซม์ทั่วไป ! “ – จางเทีย อธิบายออกมา ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่สามารถปกปิดความลับจากพวกนี้ได้ สำหรับบางคน พวกเขาอาจจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น จางเทีย เลยไม่คิดที่จะปิดความลับจากเพื่อน

เมื่อตระหนักได้ถึงความสำคัญของที่นี่  จางคีเหลียง, จางหงเชง, จางหยุนเฟย และ เว่ยเว่ย ก็ไม่ได้พูดอะไร  พวกเขาต่างก็ซึ้งที่ จางเทีย พาพวกเขาเข้ามาที่นี่

ด้านในของปราสาทนอกจากจะไปเยี่ยมส่วนการผลิตยาแล้ว พวกเขายังไปดูห้องนอนของ จางเทีย  เทียบกับห้องนอนเก่าที่แผนกซีซิงแล้ว ห้องนอนนี้มีพื้นที่กว่า 200 ตร.ม.ไม่รวมระเบียง  นี่น่ะน่าทึ่งจริงๆ   จางเทีย บอกว่าเพราะมีห้องนอนมากกว่า 30 ห้อง ดังนั้นแล้วเขาจึงเลือกห้องที่ใหญ่ที่สุดเป็นห้องนอนตัวเอง

ระหว่างที่เดินดูรอบๆ พวกเขาก็เห็นผู้หญิงข้างในปราสาทที่ซึ่งเป็นทาสที่ จางเทีย ซื้อมา ตอนนั้นพวกเธอได้ใส่เสื่อผ้าใหม่ซึ่งได้กลายเป็นสาวใช้ในปราสาท

ตอนเลือกชุดให้พวกเธอ  จางเทีย นึกถึง แฮนนา ดังนั้นแล้วเขาจึงให้สาวใช้ทุกคนใส่เสื้อผ้าแบบสาวชาวบ้านที่บาปี ความต่างอย่างเดียวคือเสื้อผ้ามีสีขาวและดำ

---- รองเท้าส้นสูง, กระโปรงนั้น, ผ้ากั้นเปื้อน, เสื้อเปิดอก

สาวๆเหล่านี้คิดว่าด้วยชุดนี้แล้ว พวกเธอจะทำงานกันได้ง่ายกว่าเดิม  พวกเธอยังได้โชว์รูปร่างอีกด้วย ดังนั้นแล้วพวกเธอจึงพอใจกันอย่างมาก

สำหรับ จางเทีย ในตอนที่เขาเห็นชุดนี้ เขาก็จะรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้กลับไปที่บาปี ชุดนี้น่ะทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ

แต่หลังจากที่รู้ว่ามีสาวๆกว่า 50 คนในนี้ พวกเพื่อนเขาก็เปลี่ยนสีหน้า หลังจากที่มองหน้ากันแล้ว พวกนั้นก็ด่า จางเทีย ออกมาพร้อมกัน

“ อสูร ! !”

 จางเทีย หัวเราะออกมดังๆ

“ โอ้ พวกสาวๆจากแผนกซีซิงไปไหนกันหมด ? พวกเจ้าเห็นพวกเธอบ้างมั้ยตอนมาที่นี่ ? “

“ เจ้าไม่รู้เหรอ ? เพราะคำเชิญนั้น ถ้าพวกเธอไม่ใช้เวลาเตรียมตัวสักสองชั่วโมง พวกเธอคงไม่มาที่นี่ สาวๆน่ะไปที่เมืองมังกรขาวเพื่อทำผมกันตั้งแต่เช้าแล้ว ! “

...

ชั่วโมงต่อมา สาวๆจากแผนกซีซิงและทำลายสวรรค์ในที่สุดก็ได้มาถึง เมื่อเห็นพวกเธอ จางเทีย ก็ช็อกกับความสวยของพวกเธอ

ทุกคนต่างก็สวยและดูน่าดึงดูด เมื่อเห็นพวกเธอแล้ว จางเทีย ก็ได้เผยสีหน้าเศร้าออกมาแล้วพูดขึ้น – “ พวกเจ้าน่ะดูเหมือนนางฟ้าเลย พวกเจ้าอยากฆ่าข้าด้วยความสวยรึไง ? ! “

“ แบร่ ไอ้คนโกหก  !” – เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย  แม้แต่หน้าของ กูเมี่ยหรู ก็ยังแดงเล็กน้อยเพราะความอายรึความดีใจ ‘ แม้ว่า จางเทีย จะกวนอยูตลอดแต่เขาก็เก่งเรื่องการชมสาวๆจริงๆ ‘

เมื่อเห็น กูเหลียงหยิง ดึงมือ กูไคดี และเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  จางเทีย ก็จับหัวตัวเอง – “ นี่เธอสองคนมาแย่งผู้ชายกันรึไง ... “

“ ไคดี น่ะเป็นพี่ข้า ! “

“ เหลียงหยิง เป็นน้องข้า ! “

สองสาวยิ้มออกมาพร้อมกับตอบและกรอกตาใส่ จางเทีย

“ ฮี่ฮี่... ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทจินวูของข้า เป็นเกียรติมากที่พวกเจ้า มาที่นี่..”

จางเทีย ทำท่าโบกมือต้อนรับที่หน้าประตูปราสาท

สาวๆต่างก็เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม  ที่ปลายแถว หลิวชาช่า ถึงกับมอง จางเทีย ด้วยในตอนที่เธอเดินผ่านเขา ในเวลาเดียวกัน จางเทีย มองไปที่เธอและมองไปที่ปากของเธอพร้อมกับยิ้มออกมากวนๆ  ผลก็คือ หลิวชาช่า นั้นกลัวจนโดดไปหลบหลัง ดูยู่ห่าน

เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย จึงหัวเราะออกมา

...

ไม่นานหลังจากที่สาวๆมาถึง หยางหยวนคัง, จางหลิน, ซูเวงเจียง แล หลิวซู ก็ได้มาถึง  หยางหยวนคัง กับ หลิวซู ถึงกับเอาแฟนตัวเองมาด้วย

แฟนของ หยางหยวนคัง นั้นคือ จางเซ่า  ส่วนแฟนของ หลิวซู นัน้คือ หยางเมยหลิง ทั้งคู่นั้นเป็นนักเรียนของวังมังกรลับ

...

จางเทีย เลือกที่จะจัดงานเลี้ยงที่ชั้นบนของปราสาทส่วนใน มีสระว่ายน้ำ,สวนเล็กและห้องที่มีพื้นที่กว่า 300 ตร.ม. ที่นี่เอาไว้ใช้จัดงานเลี้ยง ดังนั้นที่นี่จึงกว้างและสบายอย่างมาก

จางเทีย จัดอาหารให้พวกนี้เลือกกินกันได้ตามสบาย อาหารทะเลย่างและเครื่องดื่มไม่จำกัด แม้ว่าจะทำตัวเกรงใจแต่เมื่อมาถึงชั้นบนและเห็นการจัดเตรียมต่างๆ ทุกคนต่างก็ดีใจโดยเฉพาะสาวๆ  ก่อนที่ จางเทีย จะได้พูดอะไร พวกเธอก็วิ่งไปที่โต๊ะอาหารกันแล้ว

เพราะพวกเขาอายุพอๆกันและมาจากวังมังกรลับเหมือนกัน พวกเขาเลยมีเรื่องราวมากมายที่คล้ายกัน  สักพักด้วยความที่สนิทกันมากยจิ่งขึ้น พวกเขาก็เริ่มเข้ากันได้ดีและชั้นชนตอนนี้ก็มีแต่เสียงเฮฮาจากทุคน

...

ชั่วโมงต่อมาข้างนอกก็มืดแล้ว จากที่ เว่ยเว่ย ที่เมายับเพราะกินเหล้ากับ กูเมี่ยหรู  เขาก็โดนโยนลงสระน้ำโดยพวกผู้ชาย ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็สนุกสนานไปกับมัน

เมื่อเห็นว่าเพื่อนเขาทุกคนมาที่นี่ยกเว้นแค่ หลานหยุนซี  จางเทีย ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย

“ ความรักมันคืออะไร ? มันทำให้ข้าอยากตาย แม่งเอ้ย ! ข้าทนไม่ไหวแล้ว  ! “- จางเทีย ตะโกนออกมาพร้อมกับส่ายหน้า หลังจากนั้นเขาก็หยิบเอาขวดเหล้าขึ้นมาแล้วกระดกมันลงไป จากนั้นก็หยิบขวดใหม่ขึ้นมากิน  หลังจากที่กินจนหมด เขาก็ได้โยนขวดขึ้นแล้วตะโกนออกมาใส่พวกผู้ชายที่แข่งกินเหล้าและโชว์กล้ามกันอยู่ – “ นี่คือจักรพรรดิเหล้า  จางเทีย จะฆ่าคนคืนนี้  ใครอยากจะสู้กับข้าบ้าง ...”

เมื่อได้ยินแบบนั้นคนจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกับคำรามออกมา...

แต่พวกผู้ชายไม่รู้เลยว่าเขาน่ะจะแข่งกินเหล้ากับพวกนั้น...

รีวิวผู้อ่าน