px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 360: ความลับของตระกูลเฉิน


Chapter 360: ความลับของตระกูลเฉิน

เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาก่อนจะหอบหายใจกว่าครึ่งนาทีแล้วลุกขึ้นยืน

แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้สั้นๆแต่มันก็อันตรายที่สุดในบรรดาการต่อสู้ที่ จางเทีย เคยผ่านมา ก่อนที่จะทำลายประตูห้องประชุมเข้ามา เขาไม่รู้ว่ามีพวกนักสู้ระดับ 10 อยู่ที่นี่หรือไม่ เขาไม่รู้ว่าผลลัพธ์การต่อสู้นั้นจะเป็นยังไงเมื่อเขาสู้จบโดยการเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยง

โชคดีที่ไม่มีพวกที่อยู่ระดับ 10 ขึ้นไปในห้อง  พวกคนที่เป็นภัยต่อเขามีแค่พวกนักสู้ระดับ 8 สองคนและระดับ 9 หนึ่งคน นี่ถือว่ามากแล้วที่ให้คนระดับนี้มาประจำแมนชั่น ในกองทัพมีแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่ให้อยู่ดูแลในตึกแบบนี้

กว่าสิบวินาทีที่ตึงเครียด  จางเทีย ได้ใช้ทักษะต่อสู้ของเขาทุกอย่างออกมา สกิลการเคลื่อนที่, สกิลผูกมัด, หมัดเหล็กโลหิต, การโยน, ฟังก์ชันการส่งผ่าน อีกอย่างแล้วเขายังทนการโจมตีอันรุนแรงไว้ได้เพราะเขากิน Iron-Body Fruits เข้าไปจำนวนมาก บวกกับความสามารถในการฟื้นตัว ดังนั้นแล้วเขาจึงสามารถฆ่านักสู้ระดับ 8 และ 9 ลงได้ในเวลาสั้นๆ

ตอนนั้นแม้ว่า จางเทีย จะชนะการต่อสู้แต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บภายในเพราะเขาเลือกที่จะรับการโจมตีของคนระดับ 9 ว่าจะมี Iron-Body Fruits ที่เสริมสร้างร่างกายมาแล้วก็ตาม

แต่เทียบกับแผลที่ จางเทีย ได้ นักสู้ระดับ 9 นั้นน่าสงสารกว่าเมื่อโดนการโจมตีของ จางเทีย เข้าไป  พลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตอันรุนแรง  การต่อสู้ได้จบลงหลังจากที่หมัดของ จางเทีย อัดเข้าใส่ตัวคู่ต่อสู้ ถ้าชายคนนั้นรู้ว่า จางเทีย ได้ฝึกหมัดเหล็กโลหิตและได้สร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตขึ้นมาแล้ว เขาคงไม่มีทางให้ จางเทีย แตะต้องเขา

เพราะความมั่นใจโง่ๆและไม่รู้ว่า จางเทีย เป็นใคร  นักสู้ระดับ 9 จึงแพ้การต่อสู้ในเวลาสั้นๆ

แผลแลกแผล ชีวิตแลกชีวิตและการได้เปรียบเรื่องพลังจากหมัดเหล็กโลหิตและร่างกายที่ทนทานของเขานั้นคือทางที่ดีที่สุดในการฆ่านักสู้ระดับ 9 ได้ในเวลาสั้นๆ

ในที่สุด จางเทีย ก็ทำสำเร็จ

จากนั้น จางเทีย หยิบดาบและเดินเข้าไปหาคนที่เหลือที่โดนสกิลรัดเอาไว้อยู่

จางเทีย ไม่ได้อธิบายอะไร เขาไม่สนใจท่าทีช็อกและกลัวของทั้งห้าคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายพวกเขา  ด้วยการฟันไปคนละครั้ง จางเทีย ก็จัดการกวาดล้างแมนชั่นตระกูลเฉินลงได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอย่างกับการฆ่าไก่

กลิ่นเลือดอันเข้มข้นลอยออกมาจากห้องประชุม ไม่มีใครในแมนชั่นที่เหลือรอดอยู่เลย

เพราะ จางเทีย คุ้นกับการเก็บของตั้งแต่ที่อยู่แคมป์เหล็กโลหิต แน่นอนว่าเขาต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้ม

จางเทีย ไม่รู้ว่าทำไมพวกนี้ถึงได้มาอยู่ในห้องประชุมในคืนนี้แต่ชัดแล้วว่าพวกนี้เป็นตัวแทนของหน่วยจัดการของตระกูลเฉิน อย่างน้อยก็มีฐานะที่สูง เพราะแมนชั่นนี้คือฐานแลกเปลี่ยน พวกนี้แน่นอนว่าต้องรวย

หลังจากที่วนไปรอบๆห้อง จางเทีย ก็ได้เก็บของจากสงครามมา กระเป๋าตังแปดใบ,แหวนหกอัน, นาฬิกาข้อมือหรูมากมายและยังนาฬิกาธรรมดาด้วย.....

แม้ว่าจะมีเงินแค่ไม่กี่ทองในกระเป๋าแต่ก็มีเช็คจำนวนมากซึ่งมีค่ามากว่า 30,000 ทอง  แหวน 5 ใน 6 อันนั้นเป็นเพชรและพลอย ส่วนอันเดียวที่เหลือเป็นแบบธรรมดา

แหวนที่ธรรมดานั้นไม่ได้ทำมาจากทอง มันไม่ได้ทำมาจากพวกพลอยด้วย นอกจากนี้ยังไม่ได้มีรูปสลักมากมายบนตัวแหวนแต่มีเหล็กสีฟ้าซีดสามอันติดไว้ที่สามตำแหน่งของตัวแหวน  พวกมันอยู่ระดับเดียวกันที่ผิวของแหวน ถ้าไม่สังเกตดีๆอาจจะไม่เห็นเหล็กนี่ข้างในก็ได้

แม้ว่าจะดูธรรมดาแต่เมื่อ จางเทีย ถือมันแล้วเขาก็รู้สึกแปลกๆ

แหวนนี้มาจากนักสู้ระดับ 9  ดูจากตำแหน่งของชายคนนี้แล้ว เขาน่าจะเป็นหัวหน้าของแมนชั่นนี้ แน่นอนว่าแหวนของเขาต้องไม่ธรรมดา

จางเทีย ลองชั่งน้ำหนักมันดูและเริ่มรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา  มันทำให้ จางเทีย นึกถึงอุปกรณ์รูนที่เขาเคยขายในการประมูลที่คารัวล์  แหวนแห่งความอึด

‘ โชคดีจริงๆ ! ‘ จางเทีย ตะโกนออกมาในใจและฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในแหวน

---- แหวนแห่งดินแดนปกป้อง(Ring of Land Protection ) ด้วยแหวนนี้ผู้ใส่จะสามารถรอดจากการโจมตีอันร้ายแรงและมีแรงมหาศาล คุณสมบัติของแหวนมีดังนี้

---- ลดอันตรายทางกายภาพ 6%

--- เพิ่มพลังกายภาพ 145 กก.

----- ทำโดย จางติงฟ่าง  ผู้ผลิตรูนของวังไฮหยวน

‘ ฮาฮา เป็นของดีจริงๆ ! ‘ เมื่อถอดหน้ากากออก จางเทีย ก็ได้ยิ้มออกมา เพราะของนี่น่ะไม่อาจเอามาใส่ในที่สาธารณะได้ เขาจึงโยนมันเข้าไปกับของอื่นๆไปที่ Castle of Black Iron

สำหรับ จางเทีย แล้วเงินและเช็คที่มีค่ามากกว่า 30,000 ทองนี้ช่วย จางเทีย ได้มากในตอนที่เขามีรายได้ต่ำแบบนี้

หลายวันก่อน จางเทีย ได้ซื้อทาสและทำการเตรียมตัวต่างๆเพื่อลงมือ หลังจากนี้เขาต้องเพิ่มของจำเป็นให้กับปราสาทของเขา  ผลลัพธ์ก็คือเขาใช้เงินได้จากการขายยาจนเกือบหมด

พวกยาที่อยู่ใน Castle of Black Iron จางเทีย ได้ขนออกมาและขายมันจนเกือบหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงขายได้จำนวนจำกัดต่อวันแต่ยาหลังๆนั้นยังหมักไม่เสร็จ เขาจึงขาดเงินอยู่ช่วงนี้  เขาต้องรอไปอีกอย่างน้อย 20 วันก่อนจะเปลี่ยนยาเป็นเงินได้ บอกคร่าวๆก็คงเป็นมิถุนายน ไม่ก็ต้นๆสิงหาคม

ยิ่งกว่านั้น จางเทีย ยังติดหนี้กลุ่มลองวินอีก 460,000 ทองในการสร้างปราสาท  แม้ว่าเงิน 30,000 ทองนี้จะไม่ได้มากสำหรับ จางเทีย แต่มันก็ช่วยแก้ปัญหาในตอนนี้ได้บ้าง จริงๆแล้วคนมากกว่า 99% น่ะหาเงิน 30,000 ทองมาไม่ได้แม้ว่าจะหาทั้งชีวิต

หลังจากที่ได้เงิน 30,000 ทองและอุปกรณ์รูนมา  จางเทีย ก็ตื่นเต้นอีกครั้ง แม้แต่แผลเองก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอีกต่อไป

หลังจากที่วนไปรอบๆห้อง จางเทีย ก็เก็บของมีค่าทั้งหมดแล้วออกมา

มีประตูอยู่ให้ห้องประชุม ด้วยความสงสัยที่มี  จางเทีย ได้เปิดประตูออกและพบว่ามันได้พาไปสู่ห้องห้องหนึ่ง

ในตอนที่เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่ชั้นล่างบอกถึงห้องลับในนี้  จางเทีย ก็เริมไปดูด้วยความระมัดระวัง

ยกเว้นแค่ จางเทีย แล้ว ไม่มีใครในตึกที่ยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างแล้วมันก็เที่ยงคืนแล้ว  จางเทีย ไม่ได้กังวลเรื่องการส่งเสียงอะไร ดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มทำการค้นหาทั่วห้องอย่างระมัดระวัง

เขาเคลื่อนโซฟา,ย้ายโต๊ะ ผลักเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในห้องออก และดึงเอาหนังสือทุกเล่มที่ชั้นวางออกมาทีละแถว  ในตอนที่ จางเทีย ดึงเอาหนังสืออกมาจากข้างๆกำแพง ชั้นหนังสือก็ได้เลื่อนลง ในที่สุดเขาก็เห็นสวิตซ์ที่เหมือนด้ามจับบนกำแพงด้านหลังหนังสือ

จางเทีย ดึงด้ามจับนั้นเบาๆ ผลก็คือชั้นหนังสือทั้งชั้นเลื่อนออกไปเผยให้เห็นทางเดินแคบๆ ดาบในมือและลูกดอกถูกเตรียมพร้อมเอาไว้และ จางเทีย ก็ได้เดินลงไปที่ทางเข้านั่น...

มีทางเดินแคบๆเท่าเดิมและทางเดินที่สลัวๆข้างในทางเข้าซึ่งพอให้แค่คนเดียวเข้าไปได้  มันรู้สึกเหมือนกับอพาตเมนต์ที่ ดอนเดอร์ ให้เขามา  ทั้งสองฝั่งของทางเดินเป็นกำแพงซ่อนอยู่หลังกำแพงอีกที ทางเดินลับนี้ลึกลับอย่างมาก

ทางเดินนั้นปูด้วยพรมหนาๆ ดังนั้น จางเทีย เลยไม่ได้ส่งเสียงเท้าอะไรในตอนที่เดินเข้าไป  โคมไฟสีเขียวนั้นห้อยอยู่ที่กำแพงทุกๆไม่กี่เมตรซึ่งทำให้ที่นี่ดูน่ากลัวขึ้นมา

ด้วยการที่ไม่เจอการโจมตีใดๆ  จางเทีย เดินไปได้หลายสิบเมตรและเลี้ยวสองครั้งก่อนจะเข้าไปยังห้องลับ

พื้นที่ในห้องลับนั้นกว้างไม่ถึง 20 ตร.ม. ในตอนที่ จางเทีย เข้าไปในห้อง เขาก็มองไปที่รูปปั้นที่อยู่บนแท่นบูชาของห้องลับ

ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดเหมือนจระเข้และหัวกับหางของยูนิคอร์น ที่กลางหน้าผากนั้นเป็นตาดวงเล็กๆ

มอนเตอร์นี้ยืนเหมือนคนและกอดผู้หญิงที่ดูน่าสงสารซึ่งไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไร อีกอย่างแล้วมันได้เอาหางของมันสอดเข้าไปในส่วนนั้นของเธอ

รูปปั้นนี้แปลกอย่างมาก,ดูชั่วร้ายและมืดมน

เมื่อมองไปที่รูปปั้น จางเทีย รู้สึกช็อกทั้งทางร่างกายและวิญญาณ เขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรแต่ยูนิคอร์น, หางและตาทั้งสามนี้บ่งบอกถึงฐานะของมันทันที  ปิศาจ ! มีแค่ปิศาจที่ดูเป็นแบบนี้ !

กลิ่นเลือดได้ลอยออกมาจากแท่นบูชาด้านล่างรูปปั้น เมื่อดมกลิ่นนั้น จางเทีย ได้มองไปที่ท่านบูชาและคาบสีน้ำตาลตรงแท่น  เขาจินตนาการได้ทันทีว่าคนถูกฆ่าตรงหน้ารูปปั้นนี้ยังไง

ตระกูลเฉินร่วมมือกับปิศาจจริงๆด้วย !

นอกจากแท่นบูชาและรูปปั้นแล้ว มันยังมีตู้อยู่ข้างๆด้วย หลังจากที่มองไปที่รูปปั้นนั้น จางเทีย ก็เดินตรงไปที่ตู้แล้วเปิดออก

เมื่อเห็นของข้างในตู้ ใจของ จางเทีย เต้นรัวด้วยความโกรธ...

รีวิวผู้อ่าน