px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 364: การโจมตีอันหนักหน่วง


Chapter 364: การโจมตีอันหนักหน่วง

ผ่านรูข้างๆ จางเทีย เห็นยานที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าจนเกิดเงา เขารู้สึกช็อกกับจำนวนคนในการลงมือครั้งนี้

การลงมือครั้งนี่ได้แสดงถึงอำนาจของวังไฮหยวนให้ จางเทีย เห็น

หลังจากที่สร้างขบวนในอากาศแล้ว ยานสองกลุ่มก็ปกคลุมพื้นที่กว่าหลายพันตารางเมตร

ต้องขอบคุณที่มันเป็นตอนเย็น ถ้าฝูงยานเดินทางในตอนกลางวันคงมีเงาพื้นที่กว้างซึ่งทำให้ผู้คนด้านล่างกลัวแน่

พวกเขาได้ขึ้นยานรบซึ่งวังไฮหยวนได้สร้างมาในปีที่แล้ว มันยาวกว่า 400 ม.และหนักกว่า 300 ตัน พวกมันเดินทางได้ 4500 กม.ด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นราชาของท้องฟ้า

ด้วยการที่มันต่างจากยานรูปซิการ์ที่ จางเทีย เคยขึ้นมาก่อน  ยานทรงสามเหลี่ยมนี้ดูเหมือนคลื่นในทะเล ส่วนร่างกายขนาดใหญ่ของมันก็บ่งบอกได้ถึงความสามารถที่ล้นเหลือ

ตอนที่นั่งอยู่ในยาน  จางเทีย ได้มองไปยังพวกระดับสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เขารู้สึกราวกับว่าเขาขึ้นเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่อยู่

ในตอนที่บินนั้นยานนิ่งมากซะจนไม่รู้สึกว่าบินด้วยความเร็วสูงอยู่เลย

ไม่นานหลังจากที่ จางเทีย ขึ้นยานมา นักเรียนทุกคนของวังมังกรลับก็พบถึงสาเหตุและรายละเอียดต่างๆของการลงมือครั้งนี้ ความสงสัยที่ จางเทีย มีในที่สุดก็ได้รับการยืนยัน

เรื่องนี้เกิดมาจากพวกคนทำงานในเมืองสตาร์วิวนั้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมนชั่นตระกูลเฉินก่อนที่จะเช้า ทำให้พวกมีอำนาจในวังไฮหยวนได้เตรียมการก่อนที่เรื่องจะเปิดเผยไปสู่สาธารณะ

สำหรับวังไฮหยวน การปกปิดเรื่องนี้ในเวลาอันสั้นก็เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวมากกว่าเดิมและให้อีกฝ่ายนั้นตายใจ

ก่อนที่จะเช้า พวกคำพูดต่างๆที่เขียนไว้นอกกำแพงแมนชั่นต่างก็ถูกลบ พวกคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่แมนชั่นต่างก็ถูกจับตัวไปเพื่อไม่ให้แพร่งพรายข่าว พวกคู่ค้าของแมนชั่นเองก็โดนควบคุมไว้ ตั้งแต่เช้าหลังจากที่เรื่องในแมนชั่น พวกระดับสูงของวังไฮหยวนได้ออกมาอยู่ที่นอกประตูแมนชั่นโดยสวมชุดของยามแมนชั่นเอาไว้และเปลี่ยนหน้าตาของตัวเองด้วย

เมื่อมองจากข้างนอก ทุกอย่างข้างในแมนชั่นก็ยังปกติดี  แม้แต่พวกคู่ค้าก็ยังเข้าแมนชั่นไปทำการตกลงได้อย่างเช่นเคย

ไม่มีใครในเมืองที่รู้เรื่องผิดปกติกับแมนชั่นหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ในวันเดียวกันพวกระดับสูงของวังไฮหยวนได้รู้เรื่องการจัดเตรียมของตระกูลเฉินที่มีต่อวังไฮหยวนและกลุ่มลองวินจากเบาะแสที่เหลืออยู่ในแมนชั่นและคำพูดที่ จางเทีย ทิ้งเอาไว้

ในตอนที่เขาพบรูปปั้นแปลกๆที่ซ่อนไว้ในห้องลับของแมนชั่น  จางเทีย ไม่รู้ว่ามันแทนอะไร เขารู้สึกแค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับปิศาจแต่รูปปั้นนั้นกลับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวังไฮหยวน

นี่เป็นครั้งแรกที่กลุ่มปิศาจสามตาได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งหลังจากสงครามครั้งที่สอง มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่ จางเทีย คิดเอาไว้  ประวัติศาสตร์ของหลายประเทศและตระกูลไหนที่เกี่ยวข้องกับปิศาจนั้นได้หายไปซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้เกิดการตายของสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้าน

วังไฮหยวนตกใจอย่างกับวัวบ้า

เมียของ จางไทไบ โดนจับและสอบสวนในคืนนั้น

สายลับของตระกูลเฉินในวังไฮหยวนและกลุ่มลองวินนั้นโดนจับ ส่วนพวกนักเรียนของแผนกทำลายสวรรค์ก็ออกจากเกาะมาในตอนเช้า

จนพวกเขาอยู่บนฟ้า การลงมือครั้งนี้น่ะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้  มีแค่พวกระดับสูงบนยานและพวกที่ไม่ได้ติดต่อกับคนภายนอกเท่านั้นที่จะรู้รายละเอียดของการลงมือครั้งนี้

เรื่องเดียวกันเกิดขึ้นในวังมังกรลับ นักเรียนทุกคนที่รู้ว่าตระกูลจางกำลังจะไปเมืองสวรรค์คืนนี้ต่างก็อยู่บนยานรึไม่ก็ห้ามให้ออกจากแผนกทำลายสวรรค์ ตระกูลน่ะทำเพื่อความปลอดภัยและเปิดเรื่องการลงมือครั้งนี้เป็นความลับ

เพราะการลงมือครั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับปิศาจ ตระกูลจึงควรที่จะระวังอย่างมาก กลุ่มผู้นำของวังไฮหยวน่ไม่แน่ใจว่าจะมีพวกปิศาจรึลูกน้องของมันซ่อนอยู่ในเขตไฮหยวนรึเปล่าและการกระทำนี้จะส่งผลให้เกิดเรื่องหรือไม่  ถ้าพวกแข็งแกร่งเหนือกว่าระดับ 15 ซ่อนอยู่ในเกาะมังกรลับและเริ่มสงครามขึ้นมา มันคงเป็นอันตรายต่ออนาคตของวังมังกรลับ

ดังนั้นหลังจากที่นักเรียนส่วนมากจากแผนกทำลายสวรรค์ได้ออกจากเกาะโดยยาน พวกผู้ใหญ่จากกลุ่มผู้นำของตระกูลจางก็ได้ส่งกลุ่มคนที่แข็งแกร่งไปยังเกาะมังกรลับ

หลังจากที่ปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นที่แมนชั่นในเมืองสตาร์วิวได้สองวัน  วังไฮหยวนได้เลือกที่จะไปถล่มรังของตระกูลฉินในเมืองสวรรค์ด้วยพวกระดับสูง

ตอนนั้น จางเทีย ก็เข้าใจว่าพวกคนมีอำนาจในวังไฮหยวนฉลาดขนาดไหน กลยุทธ์ของพวกเขารวดเร็วและดุดันราวกับสายฟ้า

ในยานนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแปลกๆคนหนึ่งของเขตไฮหยวนกำลังพูดถึงสถานการณ์ของตระกูลเฉินและการลงมือต่างๆ

“ เพราะตระกูลเฉินอยู่ที่เมืองสวรรค์มากว่าร้อยปี มันจึงมีอำนาจอย่างมากในเขตแยง มันมีอำนาจฝังลึกและแผ่ไปทั่วเมืองสวรรค์ หลังจากพัฒนามากว่าร้อยปี  จำนวนคนของตระกูลเฉินรวมไปถึงลูกหลานโดยตรงและพวกตระกูลสาขาและญาติต่างๆน่ะสูงถึง 110,000 คน ยามของเมืองน่ะมีกว่า 45,000 คน  ในบรรดาพวกนั้นก็มีลูกหลานรึสาขาของตระกูลเฉินด้วย  นอกจากนี้ยามพวกนี้แล้ว ตระกูลเฉินยังมีกองทัพระดับสูงประมาณ 3,000 คนอยู่ด้วยเรียกว่ากองทัพเกราะดำ หน้าที่ของเราคือทำลายฐานของกองทัพเกราะดำด้านนอกเมืองสวรรค์ ! “

ในตอนที่เจ้าหน้าที่พูดถึงกองทัพเกราะดำ เขาได้ชี้ไปที่ป้อมปราการด้านทิศตัวออกเฉียงเหนือของเมืองบนแผนที่

“ ป้อมหินฟ้าคือสถานีของกองทัพเกราะดำและเป็นประตูของเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มันมีภูมิประเทศที่ลาดชัด มีสมาชิกกองทัพกว่า 1,500 คนประจำอยู่ที่นั่น พวกนั้นน่ะแข็งแกร่งมาก หลังจากที่จัดการที่นั่นได้ เราจะทำการควบคุมประตูเมืองที่จุดนั้นได้ ! หลังจากนั้นตระกูลเฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย ด้วยความช่วยเหลือจากยานเราและรถกองทัพ เราสามารถทำลายและยึดป้อมของตระกูลเฉินไว้ได้ เราต้องกำจัดพวกนั้นให้หมด ห้ามให้ใครหนีไปได้ ! “

“ ท่านคะ แล้วถ้ามีคนยอมแพ้ล่ะ เรา...เราจะจับเป็นนักโทษมั้ย ? “ – เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้นมา จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าทุกคนมองมาที่เธอ ดังนั้นเธอจึงพูดเบาลง

หลังจากที่มองไปที่เด็กหญิงสักพัก เจ้าหน้าที่ก็พูดขึ้นมาช้าๆ – “ กองทัพเกราะดำน่ะประกอบไปด้วยนักเรียนของตระกูลเฉิน  เพราะเราได้รับการยืนยันแล้วว่าตระกูลเฉินร่วมมือกับปิศาจและเป็นสมาชิกของกลุ่มปิศาจสามตา เราจะต้องจัดการตามคำสั่งของกลุ่มผู้นำและกฎของมนุษย์ ไม่มีใครควรที่จะรอด แม้ว่าจะยอมแพ้แต่ก็ต้องฆ่าพวกนั้นเพื่อไม่ให้มีอันตรายได้อีก ! “

เมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ใช่แค่เด็กสาวที่ถามออกมา แม้แต่หน้าของ หม่าไอหยุน และสาวๆคนอื่นข้างๆ จางเทีย ต่างก็ซีด

“ กองทัพเดียวที่เราให้ยอมแพ้ได้คือพวกทหารของเมืองที่ทำการป้องกันเมืองซึ่งต้องลดอาวุธและยอมแพ้ด้วยตัวเอง สำหรับคนอื่นเราควรฆ่าพวกนั้นให้หมดรวมไปถึงพวกลูกหลานและตระกูลสาขาของตระกูลเฉินด้วยและพวกที่กล้าโจมตีเราด้วย  !”  -เจ้าหน้าที่อธิบายออกมาอย่างเย็นชา

จากนั้นเขาก็ค่อยๆมองไปที่แต่ละคนในยาน – “ มีเรื่องหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือสงครามระหว่างปิศาจและลูกน้อง ถ้าพวกเจ้ามีเมตตาและสงสาร พวกเจ้าอาจทำให้คนบริสุทธิ์เป็นร้อยไม่ก็พันคนต้องตาย ถ้าเจ้าปล่อยให้พวกลูกน้องมีชีวิตอยู่  พวกนั้นอาจจะทำให้พวกเจ้าตายได้ในอนาคต  องค์กรที่ร่วมมือกับปิศาจที่จะมาทำลายมนุษย์รึเปลี่ยนพวกเราเป็นทาส ! ถ้าเราฆ่าพวกนั้น เราก็จะช่วยชีวิตบริสุทธิ์ไว้ได้และรักษาสิทธิในการใช้ชีวิตของเรา “

ทั้งยานเงียบ....

สิ่งเดียวที่น่าเสียดายสำหรับ จางเทีย คือเขาไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับ หลานหยุนซี ตอนนั้น หลานหยุนซี อยู่ในอีกยาน ตามแผนการลงมือ หลานหยุนซี จะไม่ไปฆ่าที่ฐานอีกฐานเหมือนกลุ่มของ จางเทีย แต่ได้รับหน้าที่ไปทำลายรังของตระกูลเฉิน

จางเทีย ตบไหล่ หม่าไอหยุน เพื่อปลอบเธอ จากนั้นเขาก็ได้หลับตา  เขาคิดภาพลูกคิดสองอันไว้ในหัวและเริ่มฝึกทันทีเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ

หลังจากที่กวาดล้างแมนชั่นไปในคืนนั้น ก็อย่างที่เขาเดา เขาได้ Fruit of Brilliance มาอีกผลซึ่งเพิ่มพลังวิญญาณเขาขึ้นจากเดิมกว่า 40 เท่า มันเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่  หลังจากที่กินผลไม้นั้นแล้ว จางเทีย รู้สึกอย่างชัดเจนว่าลูกคิดของเขานั้นได้ไปถึงขีดจำกัด จางเทีย คิดว่าจะฉีกลูกคิดนั้นออกและเช็คว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังมัน  จางเทีย รู้สึกนิดๆว่ามันเป็นจุดคอขวดที่สำคัญต่อการบ่มเพาะของเขา

...

หกชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ขึ้นยาน พวกเขาก็ได้รับอาหารและต้องรอกันอย่างน่าเบื่อ

หลังจากที่บินมาแทบทั้งคืนในที่สุดยานแต่ละยานก็แยกตัวไปทำหน้าที่ของตัวเอง ตอนนั้นทุกคนต่างก็ตื่นและเตรียมตัวกับสงครามที่จะมาถึง

ที่มุมของเมืองได้มีแสงไฟสลัวๆปรากฏมาจากก้อนเมฆ

ยานของ จางเทีย เร่งความเร็วไปยังด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง...

หลายนาทีต่อมายานก็ได้บินเหนือเมฆก้อนบางๆและปล่อยระเบิดหนักกว่า 500 กก.ลงไปที่ป้อมปราการ

จากนั้นก็ลูกที่สอง,สาม,.....

ผลก็คือได้มีแสงสีขาวสว่างออกมาทีละอันๆ  แสงเหล่านั้นก็โผล่มาในที่อื่นด้วย ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว

ไฟเริ่มลุกไหม้ไปทั่ว ทำให้ทุกที่นั้นสว่าง ในเสี้ยววินาทีป้อมปราการนี้ก็กลายเป็นทะเลเพลิง

รีวิวผู้อ่าน