px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 366: คำเชิญ


Chapter 366: คำเชิญ
มีเด็กมากกว่าเดิมที่ลงมาจากยาน กองทัพเกราะดำในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้

กลุ่มแรกที่ตาม จางเทีย ลงมาเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งระดับ 7 ขึ้นไปจากวังมังกรลับ

ทหารของกองทัพเกราะดำต่างก็เป็นทหารชั้นสูงของเมืองสวรรค์ ความสามารถของพวกเขานั้นเกือบจะเทีบเท่ากับพวกกองทัพเหล็กโลหิตในความเห็นของ จางเทีย  แต่ยกเว้นแค่พวกหัวหน้าทีมที่ซึ่งสามารถสู้กับพวกที่แข็งแกร่งของวังมังกรลับได้สักพัก ทหารทั่วไปน่ะสามารถที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ

ในสายตาของ จางเทีย แล้วสิ่งเดียวที่น่าชมเกี่ยวกับทหารพวกนี้คือจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ สำหรับกองทัพที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่ไม่ยอมแพ้ยกเว้นแค่ตระกูลของพวกเขาสั่งให้วางอาวุธแล้ว นี่เองก็เป็นเหตุผลว่าทำไมกองทัพนี้ถึงได้เชื่อถือได้ ไม่มีใครทรยศตระกูลตัวเองหรอก
...
หลังจากที่นักเรียนชายได้ลงมา พวกกองทัพของตระกูลจางก็เริ่มลงมาด้วย นักเรียนหญิงนั้นมาหลังสุด

แม้ว่า จางเทีย จะสู้มากว่า 20 นาทีนิดๆแต่เกราะที่เป็นประกายก่อนหน้านี้นั้นได้ปกคลุมไปด้วยคราบเลือด สีด้านนอกของเกราะนี้เป็นสีแดงเข้ม แม้ว่า จางเทีย จะไม่รู้ว่าเขาฆ่าไปเท่าไหร่แล้วแต่ในที่สุดเขาก็ไม่เห็นศัตรูอยู่รอบตัวเลย แม้ว่าจะมีศัตรูอยู่แต่พวกนั้นก็พยายามหนีให้ห่างจากเขา
 
...
เมื่อมีกองกำลังลงมาจากยานมากกว่าเดิม จางเทีย ก็ลดความเร็วในการฆ่าลง เขาเดินไปรอบๆและเก็บหอกจากศพที่ถูกหอกปักอยู่ที่พื้นแทน

ในเวลาสั้นๆ จางเทีย ก็เก็บหอกกลับคืนมาได้เจ็ดเล่ม

ในตอนที่ จางเทีย ไปยังหอกอันที่แปด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในเกราะสีดำได้กระโดดออกมาและฟันเข้าใส่คอของ จางเทีย อย่างรวดเร็ว

“ เจ้าเป็นใคร  ? “

เจ้าหน้าที่คนนี้ยังหนุ่ม เขาอายุแค่ 20 ปีแก่กว่า จางเทีย เล็กน้อย หน้าตาหล่อเหลา พลังต่อสู้ของเขาอยู่ที่ระดับ 6-7 เขายังกล้าหาญอย่างมาก ในตอนที่เขาโจมตี จางเทีย สัญลักษณ์พลังฉีต่อสู้แมงมุมได้โผล่มาด้านหลังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่มี

ถ้าให้เวลาอีกนิดชายคนนี้คงมีอนาคตที่สดใสและจะขึ้นไปถึงระดับ 7 ในไม่ช้า ถ้าเข้าไปเจอคนอื่น เขาคงฆ่าคนๆนั้นไปแล้วแต่เขาได้มาเจอกับ จางเทีย ซึ่งมันหมายความว่าทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว

จางเทีย ใช้พลังหมัดเหล็กโลหิตออกมาซึ่งถือว่าเป็นทักษะลับอันดับหนึ่งของอาณาจักรนอแมน
จางเทีย ไม่ได้มองไปที่อีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาแค่เตะออกไปตรงๆ  การโจมตีนี้ทำให้อีกฝ่ายพุ่งออกไปอย่างกับลูกดอกและชนเข้ากับกำแพง ผลก็คอเขาแตกออกเป็นชิ้นๆและเปลี่ยนเป็นบ่อเลือดก่อนที่จะได้ร้องออกมาด้วยซ้ำ

จางเทีย ไม่ได้รู้สึกสงสารพวกตระกูลเฉินเลยสักนิด เขาสาบานว่าจะถอนรากถอนโคนตระกูลนี้ แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยให้ชายคนนี้มีชีวิตต่อได้

หลังจากที่ฆ่าชายคนนั้น จางเทีย ได้ดึงหอกที่แปดออกมาจากศพและเช็ดคราบเลือด จากนั้นเขาก็ได้เดินไปหา หม่าไอหยุน และสาวๆคนอื่น

สาวๆทั้งหกเองก็ฆ่าทหารอีกฝ่ายไปบ้างแต่ในสายตาของ จางเทีย แล้วบางทีมันเพราะบรรยากาศรึเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอมาสงคราม พวกนี้ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองมาได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
สาวๆแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสามคนตามที่ จางเทีย บอกไว้ พวกเธอสู้กับทหารมามากกว่าสิบคนหลังจากที่เดินหน้ามาได้ 5-6 ม.

เมื่อเห็นสีหน้าซีดของพวกเธอ จางเทีย ก็ส่ายหน้าเล็กน้อย สงครามนี่น่ะไม่เหมาะกับผู้หญิงจริงๆ !

เขาแบกโล่แหละซองหอกของเขาเดินไปเก็บหอกที่หนักกว่าร้อยโลจากศพสองศพแล้วเดินไปด้วยความเร็วคงที่

เมื่อเห็น กูไคดี่ และสาวๆอีกสองคนนั้นตึงเครียดเล็กน้อยในตอนที่สู้กับทหารอีกสามคน   จางเทีย ก็ได้โยนหอกยาวเข้าใส่สามคนนั้นจนทำให้สามคนนั้นลอยออกไป เมื่อเห็นแบบนั้นสาวๆจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จางเทีย โบกไม้สามหัวและทำให้เกิดคลื่นอากาศแปลกๆ หลังจากที่เพิ่มความเร็วแล้วหัวหอกของไม้นี่น่ะก็ได้สร้างแรงอันน่ากลัวซึ่งเทียบเท่าได้กลับลูกสูบของเครื่องยนต์ ด้วยการโบกมันเป็นแนวนอน  จางเทีย สามารถทำลายหมวกและเกราะของทหารสี่คนได้อย่างง่ายดาย ทำให้คอของพวกนั้นหักและหัวแตกออกมาเป็นชิ้นๆ

ด้วยการกวาดอีกรอบพร้อมกับเสียงเกราะและกระดูกที่แตกออกแล้วยังมีเสียงร้อง ชายอีกสามคนได้ล้มลงกับพื้นหลังจากที่โดนอาวุธนั่นอัดเอา

ไม่ถึง 2 วินาทีหลังจากที่ จางเทีย ได้มาหาสาวๆ  ศัตรูของพวกเธอน่ะโดนเก็บเรียบ เมื่อเห็นแบบนั้นสาวๆก็พากันอึ้ง

จางเทีย เดินเข้ามาหาทหารเกราะดำที่เหลือที่ซึ่งอยู่กับกลุ่มชอง กูไคดี่  เมื่อเห็น จางเทีย เดินเข้ามา พวกนั้นได้ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่กลัว พวกนั้นหันกลับเพื่อที่จะหนีแต่หลังจากที่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว พวกนั้นก็เจอกับพวกนักสู้ระดับสูงของวังมังกรลับ แค่ฟันทีเดียวในเสี้ยวพริบตาพวกนั้นก็กลายเป็นศพ

เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่นั้นโดนล้อมและสถานการณ์เริ่มจะดีขึ้นในเวลาอันสั้น  จางเทีย ก็ได้หยุด

ตั้งแต่ตอนระเบิดจนถึงตอนนี้ ป้อมปราการนี้ทนได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เมื่อเห็น จางเทีย เดินเข้ามาหาด้วยเกราะที่เปื้อนเลือด แม้ว่าจะรู้ว่าข้างในนั้นเป็นใครแต่สาวๆต่างก็กลัวและถอยกลับไปโดยไม่รู้ตัวโดยที่ยังจ้องไปที่ จางเทีย

จางเทีย ยิ้มแบบขมขื่นออกมาแล้วถอดหมวกออก หลังจากที่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของ จางเทีย สาวๆก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันกลุ่มของ หม่าไอหยุน ก็รีบเข้ามาใกล้เขา  เมื่อดูจากคราบเลือดหนาๆที่อยู่ที่พื้นแล้ว พวกเธอน่ะระวังอย่างมากในตอนที่มาใกล้ จางเทีย

“ ระ...รุ่นพี่ ! “ – พวกเธอถึงกับพูดไม่ค่อยได้ในตอนที่เรียก จางเทีย

“ พวกเจ้าเป็นอะไรกันมั้ย ?”

“ ไม่เป็นไร !  “- หม่าไอหยุน พยายามรวบรวมสติ เพราะเธอถือดาบแน่นไปนิ้วของเธอจึงเริ่มเป็นสีฟ้า สาวๆคนอื่นก็เช่นกัน

“ จางเทีย เจ้าบาดเจ็บมานิ ! ? “ - หยุนซียี ชี้ไปที่ไหล่ของ จางเทีย และตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจ

“ อ๊าก ? ไหน ?”  - จางเทีย เริ่มเช็คตัวเอง

“  ที่..ที่ไหล่เจ้า ! “

จางเทีย จับดูและหยิบเอาเศษเครื่องในออกจากข้อต่อที่ไหล่แล้วโยนไปที่พื้น – “ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ มันอาจจะเศษเนื้อของใครสักคน ! “

เศษเนื้อ ? เมื่อได้ยินและเห็นศพที่นอนอยู่ตามพื้น เด็กสาวคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวและหันกลับแล้วอ้วกออกมา  คนที่เหลือต่างก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากัน พวกเธอทนเห็นอะไรแบบนี้ไม่ไหว

จางเทีย รู้เหตุผลว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงยอมให้สาวๆมาลงมือด้วย พวกเธอจะได้เจอกับความโหดร้ายมากกว่านี้ในอนาคต เพราะพวกเธอแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย พวกเธอควรที่จะเห็นและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้แม้ว่าตระกูลจะไม่คิดจะให้พวกเธอเป็นกองกำลังหลักก็ตาม

“ จางเทีย ... “ - หลิวซู และ หยางหยวนคัง ได้เดินเข้ามาหาและสะบัดเลือดที่ติดอาวุธออก เมื่อเห็นคราบเลือดที่เปื้อนไปทั่วเกราะของ จางเทีย  พวกเขาก็มอง จางเทีย ต่างจากเดิมเล็กน้อย


“ ขอบคุณพระเจ้าที่เราไม่เป็นไร ! “ - จางเทีย ยิ้ม – “ อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าบอกเจ้าแล้วนิว่าข้าคุ้นเคยกับสนามรบแล้วตั้งแต่ที่ข้าอยู่แคมป์เหล็กโลหิต ! “

“ เจ้าอยู่ในแคมป์เหล็กโลหิตด้วยเหรอ ? เจ้าสนใจเข้ากองทัพทำลายอาทิตย์หลังจากที่ออกจากวังมังกรลับมั้ย ? – เจ้าหน้าที่ที่ได้ทำการอธิบายบนยานได้เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับพวกคนในกองทัพ เขาได้จ้องมาที่ จางเทีย ราวกับเจอทอง

เขาใส่ชุดเกราะสีทองม่วงซึ่งปกติแล้วมีแต่ร้อยโทของจินหยวนเท่านั้นที่ใส่แต่มันไม่ได้มีอันดับรึป้ายอะไรในกองทัพ พวกเขารู้ว่าชายคนนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในตระกูลจางแต่พวกเขาไม่รู้ว่าอยู่ตำแหน่งไหน

“ ท่านครับ ! “

 เมื่อเห็นชายคนนั้นเข้ามา นักเรียนรวมไปถึง จางเทีย ก็รีบโค้งให้

“ ฟังดูเป็นไง ? “ – เจ้าหน้าที่นั้นพูดต่อโดยที่ยังจ้องมาที่ จางเทีย อยู่
 

รีวิวผู้อ่าน