Chapter 385: การกบฎ
มันมักจะมีตอนที่คนต้องทำบางอย่างโดยไม่มีเหตุผลในชีวิตแน่
เอาตอนนี้เป็นตัวเอย่าง ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นว่าเธอคล้ายกับ มิสไดน่า และตาที่คาดหวังของเธอ จางเทีย ก็อยากที่จะปกป้องเธอ เพราะความต้องการนี้แม้ว่า จางเทีย จะรู้ว่าเขาอาจจะมีปัญหามากมายหากช่วยเธอแต่เขาก็ยังจะทำ
ในตอนที่เธอบอกเขา แม้ว่าเธอจะรอดแต่เธอก็ไม่มั่นใจกับอันตรายที่รออยู่ในอนาคต
“ ข้ายอมรับคำขอนะ แต่ข้าต้องบอกไว้ก่อนว่าข้าจะรับหน้าที่สำหรับความปลอดภัยของเจ้าเท่านั้น และข้าจะไม่ฆ่าคนตามที่เจ้าต้องการ ข้าเป็นนักสำรวจ ไม่ใช่นักฆ่า อีกอย่างแล้วข้าไม่อยู่กับเจ้านานหรอกนะ ! “
“ ข้าสัญญาว่าเจ้าจะไม่รู้สึกแย่กับการตัดสินใจครั้งนี้ ! “ – ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ จางเทีย แล้วปากอันยั่วยวนของเธอก็ได้เปิดออกอีกครั้ง – “ งั้นให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดี นักสำรวจหนุ่ม ? “
“ ข้า ปีเตอร์แฮมเพสเตอร์ เรียกข้าว่า ปีเตอร์ ก็ได้ ! “ - จางเทีย บอกชื่อปลอมที่เขาเตรียมมาได้อย่างดี
ในตอนที่พวกเขาคุยกัน กิตต้า ก็ได้ไปเช็คศพของนักฆ่า
“ เจ้าหญิง มาดูนี่หน่อยสิ “ - กิตต้า ยืนอยู่ตรงหน้าศพของชายหน้ายาวที่หัวโดนตัดออก เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้เอาผ้าเช็ดมือและใช้มันปิดปากและจมูกก่อนจะเดินเข้าไปที่ศพและไปยืนข้างๆ กิตต้า ตามาด้วย จางเทีย
เสื้อผ้าของศพนั้นถูกฉีกออกด้วยดาบของ กิตต้า อีกอย่างแล้วศพนี้นอนคว่ำ จางเทีย เห็นรอยสักแปลกๆที่หลัง มันใหญ่และเป็นงูที่มีหัวของยูนิคอร์น
“ กิตต้า บอกข้าทีว่ามันหมายถึงอะไร ? “ – ผู้หญิงคนนั้นถามออกมา
“ เจ้าหญิง คนนี้มาจากเกาะงูเวทย์ อีกอย่างแล้วเขาน่าจะมีตำแหน่งที่สูงบนเกาะด้วย ไม่งั้นแล้วคงไม่มีสิทธิที่จะสักแบบนี้ไว้ที่หลัง ! “ - กิตต้า ตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ พวกห่านี่ พวกมันทำงานกับปิศาจจริงด้วย !” - อย่างที่ จางเทีย ได้คาดเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ดูไม่ถึง 2 วินี่ก่อนจะได้สติ – “ เก็บหัวเขาไว้ซะ มันมีประโยชน์ ! ข้าจำได้ว่าหัวของชายจากเกาะงูเวทย์น่ะมีค่าอย่างมาก พวกเขาเป็นที่ต้องการของหลายคน หัวหน้าตระกูลเบลของเกาะนี้คงอยากเห็นหัวของคนพวกนี้มาก ! “
“ ได้ เจ้าหญิง ! “ - คนคุ้มกันไม่ได้ถามว่าทำไม เขาถอดชุดของนักฆ่าใกล้ๆแล้วห่อหัวนั้นเอาไว้
จางเทีย แค่มองจากข้างๆ เพราะเขาไม่รู้สถานการณ์ของพวกนี้ เขาจึงเงียบเอาไว้
“ เจ้าหญิง เราจะไปหาพวกบัดซบนั่นเลยมั้ย? “ – ด้วยหัวที่มี กิตต้า ได้ยืนขึ้นตรงหน้าเธอและถามออกมาพร้อมกับแผ่พลังฉีการฆ่าออกมาด้วย
“ ตอนนี้ ? เรามีหลักฐานไปเอาผิดรึไง ? รึเราจะไปฆ่าพวกนั้นตรงๆเลย ? “
“ แน่นอนว่าเราจะไปฆ่าพวกนั้น ! “ – กิตต้า ตอบออกมาด้วยความหงุดหงิด – “ เราเสียคนไปเยอะ พวกนั้นถึงกับต้องการฆ่าท่านด้วย ไม่ใช่ว่าพวกมันควรที่จะชดใช้เหรอ ? ตราบใดที่ท่านสั่ง ข้าจะไปตัดหัวพวกมันตอนนี้เลย ! “
“ แล้วไงต่อ ? ถ้าเจ้าไปฆ่าพวกมัน เจ้าก็จะเป็นฆาตกรและข้าก็จะกลายเป็นคนชั่วที่สุดในอีเวนต้า ! “ – เธอส่ายหน้าและตาของเธอก็ได้แสดงความเย็นชาออกมา – “ ไม่ นั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ข้าต้องการ สิ่งที่ข้าต้องการคือให้พวกบ้านั่นกินเหล้าพิษของตัวเอง ! “
“ แล้วเราควรจะทำยังไงกันดีตอนนี้ ? “
“ เราควรกลับไปที่ปราสาททะเลฟ้าก่อน ! “
...
หลายนาทีต่อมา กิตต้า ได้เก็บกวาดรถที่ซึ่งยังคงพอวิ่งได้และได้เอาเศษไม้ออกจากถนนด้วยกันกับ จางเทีย จางเทีย เองก็เอากิ่งไม้ขนออกไปด้วย เมื่อเห็น กิตต้า มาช่วย จางเทีย ก็ไม่ต้องการเป็นเหมือนคนแข็งแกร่งรึเผยความแข็งแกร่งตัวเองอีก ดังนั้นเขาจึงขนไม้ด้วยกันกับ กิตต้า
“ ปีเตอร์ ข้าติดหนี้ชีวิตเจ้า !” - หลังจากที่ขนไม้ออกไปแล้ว กิตต้า ได้ปรบมือและบอก จางเทีย ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ถ้าเจ้าว่างั้น เจ้าก็ลูกหนี้รายใหญ่ของข้าแล้วล่ะ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้มีโอกาสได้ชดใช้นะ !” - จางเทีย ยิ้ม จางเทีย ชอบคนแบบนี้ เขาเห็นบางอย่างในตัวอีกฝ่ายซึ่งมันทำให้เขานึกถึงคนในทีมที่แคมป์เหล็กโลหิต
กิตต้า ยิ้มออกมา เขาเอื้อมมือออกมาแล้วจับกับมือ จางเทีย พวกเขาขึ้นไปในรถด้วยกัน กิตต้า เป็นคนขับ ส่วน จางเทีย นั่งอยู่กับ โอลิน่า ด้านหลัง
จางเทีย ได้กลิ่นหอมๆของผู้หญิงเต็มวัย จางเทีย พบว่าเธอคล้ายกับ มิสไดน่า มาก แม้แต่กลิ่นก็ยังเหมือนกัน ‘ นี่ใช้น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันรึไง ?บังเอิญจริงๆ.. ‘ จางเทีย พูดในใจ
กระจกรถนั้นได้พังด้วยขวานหมด ต้องขอบคุณที่เครื่องยนต์และไฟยังคงทำงานได้
มันถือว่าไกลจากตัวเมืองจากที่นี่ ด้วยการที่ไม่มีหน้าต่าง ลมจึงทะลักเข้ามา
ลมในตอนกลางคืนนั้นเย็นอย่างมากในตอนที่มันพัดอัดเข้าหน้าพวกเขา
กิตต้า ไม่ได้รู้สึกหนาวเลยสักนิด เขาขับรถไปด้วยตาที่เบิกกว้างและมองถนนด้านหน้า โอลิน่า ใส่เพียงกระโปรงนั่งอยู่ด้านหลัง แค่สองนาทีหลังจากที่ขับรถออกมา เธอก็เริ่มตัวสั่นและเอามือกุมกันตรงหน้าอก เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็ได้ถอดเสื้อคลุมเขาไปคลุมให้กับเธอแทน
“ อ่า ขอบคุณ !” - โอลิน่า หันกลับมายิ้มและบอกกับ จางเทีย ด้วยเสียงนุ่มๆ
“ ไม่เป็นไร ! “
หลังจากที่ใส่เสื้อคลุมแล้ว โอลิน่า ก็ได้ปรับท่านั่งตัวเอง ในตอนที่เธอนั่งลงอีกครั้ง เธอก็ขยับเข้าไปใกล้ จางเทีย เพื่อให้อุ่นขึ้น ผลก็คือขาทั้งคู่นั้นโดนกัน แค่เพียงชั้นกระโปรงที่คั่นกลาง จางเทีย รู้สึกได้ถึงความเรียบเนียนและลื่นของต้นขาเธอ
ตอนแรก จางเทีย รู้สึกโอเคกับมันแต่ตอนที่รถขยับขึ้นลงไปมา ขาของทั้งคู่ก็เริ่มถูกัน สุดท้ายแล้ว จางเทีย ก็รู้สึกคึก
จางเทีย มองไปยัง โอลิน่า ตอนที่เธอมองมาที่เขา เหมือนเพราะร่างกายของเธออุ่นขึ้นมาทำให้หน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย ในตอนที่พวกเขามองกัน พวกเขาก็หันหนีกันทันที พวกเขารู้สึกได้ถึงความคึกที่อีกฝ่ายมี
กิตต้า ยังคงขับรถต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จางเทีย บิดตัวเพราะความอาย แม้ว่าเขารู้ว่าเธอน่ะไม่ใช่ มิสไดน่า แต่เขาก็ยังคงมองเห็น มิสไดน่า ซ้อนทับกับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกว่าเขาได้นั่งอยู่ข้างๆ มิสไดน่า จริงๆ ด้วยความเครียดที่เล็กน้อย เขาต้องการที่จะขยับเข้าไปใกล้และผลักเธอลง
โดยเฉพาะกลิ่นหอมนั่นซึ่งคล้ายกันกับ มิสไดน่า ถ้า จางเทีย ไม่ได้มองเธอดีๆ เขาจะรู้สึกว่า มิสได้น่า นั่งข้างๆเขาจริงๆ
“ ข้าง่วงนิดๆ ข้าของพิงไหล่เจ้าได้มั้ย ? “ – โอลิน่า ถามออกมาก่อนที่ จางเทีย จะตกลง เธอเอียงหัวมาพิงไหล่ของเขา ครั้งนี้มันทำให้ตัวของ จางเทีย แข็งทื่อ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังจับมือขวาของ จางเทีย แน่นด้วยมือของเธอด้วย
ด้วยการที่เธอจับมือ จางเทีย รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นๆที่มือของเธอ จางเทีย ตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใจเย็นแบบที่เห็นตอนโดนโจมตี เธอน่ะกลัวแม้ว่าจะไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้าก็ตาม
กิตต้า มองจากกระจกมองหลังก่อนที่จะขับรถต่อไปอย่างเช่นเคย
จมูกอุ่นๆและนุ่มของเธอแตะที่คอ จางเทีย ทำให้คอของเขาคันนิดๆ ถ้า จางเทีย หันหัว หน้าของเขาจะโดนหน้าผากของเธอ ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงต้องนั่งตัวแข็ง
หลังจากนั้นหลายนาทีตอนที่ จางเทีย รู้สึกว่ามือของเธออุ่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้มองไปยังตาของเธอแล้วพบว่าเธอน่ะหลับไปแล้ว
ไม่นานรถก็ได้หยุดที่ตัวเมืองและได้ข้ามถนนไปยังโรงแรมที่ จางเทีย อยู่ มันได้ขับไปอีกทางเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการซุ่มโจมตี กิตต้าเหมือนจะเลือกเส้นทางที่คนไม่ค่อยผ่านแม้ว่าจะมีคนเห็นรถนี่ที่มีสภาพน่าสงสารแต่พวกเขาคงไม่ได้ทำอะไรนอกจากแปลกใจเฉยๆ
ไม่นานรถก็ได้ไปถึงปราสาทด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองหลังจากเดินทางมากกว่า 20 นาที
ปราสาททะเลฟ้าน่ะน้อยกว่าของ จางเทีย อย่างน้อยสองเท่า นอกจากนี้กำแพงของมันก็สูงกว่ากำแพงตะวันตกส่วนมาก ในตอนที่พวกเขามาถึง มันก็ดึกแล้ว จางเทีย เห็นได้ว่าตามกำแพงมีการคุ้มกันแน่นหนา
กิตต้า เหมือนต้องการจะจอดรถหน้าประตูแต่เมื่อเห็นกำแพงที่มีไฟติดและอาวุธป้องกันตามกำแพง ใจของ จางเทีย ก็เต้นรั้ว เขารู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา
“ หยุดรถ ! “ - จางเทีย ตะโกนออกมา กิตต้า จอดโดยห่างจากปราสาทไป 500 ม.
“ มีอะไร ? “ – กิตต้า หันกลับมาถาม
“ ดับไฟ 500 เมตร.น่ะไม่ใช่ระยะที่ไกลสำหรับอาวุธบนกำแพง ! “
หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน กิตต้า ก็เชื่อในสัญชาตญาณ จางเทีย เขาได้ดับไฟทันที
โอลิน่า ตื่นขึ้นมา เธอได้เอาหัวออกจากไหล่ จางเทีย เธอนั่งหลังตรงและมองไปด้านนอก – “อะไร ? เราถึงปราสาททะเลฟ้ารึยัง ? “
“ เราเกือบถึงแล้ว แต่ ปีเตอร์ บอกให้ข้าจอดที่นี่และดับไฟ ! “ - กิตต้า อธิบายให้เธอฟัง
โอลิน่า มองไปที่ จางเทีย ทีนที
“ เราอยู่ไหน ? “ - จางเทีย ถาม
“ ปกติแล้ว โอลิน่า จะพักอยู่ที่นี่ นี่คือปราสาททะเลฟ้า ! “ – กิตต้า อธิบาย
“ ยามพวกนั้นเป็นใคร ? พวกนั้นมีกันกี่คน ? ใครเป็นหัวหน้า ? “
“ พวกเขาคือยามจากกลุ่มบอลลาสมีกว่า 200 คน หัวหน้าคือทหารห้าคนที่ โอลิน่า แต่งตั้งขึ้นมา มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ? “
“ ถ้าเราไปจอดตรงหน้าประตู เจ้าได้คำนวณโอกาสรอดของเราจากการโจมตีของหน้าไม้บนกำแพงรึเปล่า ? “ - จางเทีย ถามด้วยท่าทีจริงจัง
เมื่อได้ยินแบบนั้น กิตต้า และ โอลิน่า ก็ได้เปลี่ยนสีหน้าไปทันที จากพลังของอาวุธป้องกันตามกำแพงแล้ว ด้วยการยิงระยะใกล้ รถนี่ต้องกลายเป็นรังผึ้งแน่ๆนี่ไม่ต้องสนเรื่องคนด้านในหรอก
“ เจ้าหมายถึงยามเองก็หักหลังเหรอ ? เป็นไงได้ไง ? “ - กิตต้า เหมือนจะกลัว เพราะพวกนั้นคือเพื่อนร่วมงานเขา เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย เขาจึงเริ่มสงสัยขึ้นมา
“ ไม่ใช่ทุกคนหรอก คนพวกนั้นไม่สามารถซื้อยามทุกคนได้ ถ้าเป็นไปได้พวกนั้นคงไม่ซุ่มโจมตีพวกเจ้าคืนนี้หรอก แต่ถ้าหนึ่งในหัวหน้ายามและยามบางคนที่รับหน้าที่ในการดูแลเครื่องป้องกันถูกซื้อตัวไปล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ?”
กิตต้า ไม่ได้พูดอะไรออกมา โอลิน่า กัดปากแน่น
“ เราควรทำยังไงกันดี ? “
“ กิตต้า เจ้ารู้จักทหารที่นั่นทุกคนเลยมั้ย ? “
“ ทุกคน มีหลายคนเป็นเพื่อนข้า ! “
“ งั้นเจ้ากลัวตายรึเปล่า ?”
“ ข้าน่าจะตายมาก่อนหน้านี้แล้ว โอลิน่า ช่วยข้าไว้ ข้าควรที่จะตายคืนนี้ด้วย ต้องขอบคุณที่ข้าได้เจอเจ้า ข้าไม่กลัวอะไรเลย ! “ - กิตต้า ตอบออกมาตามความจริง