px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 392: ออกจากเกาะเซนท์เฮอเนอร์


Chapter 392: ออกจากเกาะเซนท์เฮอเนอร์


จางเทีย เคยฝันเปียกถึง มิสไดน่า มาหลายครั้งแล้ว  --- โต๊ะกินข้าวสุดหรูหรา....ผ้าปูโต๊ะสีขาว...เทียน...แสงสลัวๆ....กระโปรงสั้นๆ มิสไดน่า เผยให้เห็นร่องอก  เธอนั่งตรงข้ามแล้วมองมาที่ จางเทีย   แต่ละครั้งที่เอามีดและซ้อมเข้าไปในปาก เธอจะส่งท่าทียั่วยวนเขา....
ฝันนั้นมักจะเริ่มที่โต๊ะกินข้าวแต่ไม่ได้จบที่โต๊ะ

จางเทีย เคยคิดว่ามันเป็นฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ แต่ตอนนั้นความฝันที่คุ้นเคยกลับมาปรากฏตรงหน้าซึ่งทำให้เขาช็อกอย่างมาก

ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาตอนนี้ไม่ใช่ มิสไดน่า แต่เป็น โอลิน่า ที่ดูคล้ายกับ มิสไดน่า

ตอนนั้น โอลิน่า  เป็นหญิงชั้นสูงที่มักจะเคยชินกับงานเลี้ยงอันหรูหรา ด้วยปิ่นปักข้าเพชรที่ข้าของเธอ เธอสวมชุดสีฟ้าที่มีลายสลักสีม่วง ชุดสีฟ้านั้นเผยให้เห็นรูปร่างที่สมเป็นผู้ใหญ่ของเธอ

โดยเฉพาะตอนที่เธอยืนขึ้น ส่วนอกรูปตัว U จะเผยให้เห็นถึงยอดเขาอันลึกลับที่น่าค้นหา มันสามารถเพิ่มความต้องการไม่รู้จบของคนได้ รวมไปถึงความอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้ด้วย

โอลิน่า แต่งตัวได้ดี เธอสวยและสง่าโดยเฉพาะยิ่งตอนเย็นแล้วด้วย  ซึ่งทำให้เธอสง่าและยังเซ็กซี่สมกับเป็นคนชั้นสูง

จางเทีย ไม่เคยถูกกระตุ้นแบบนี้มานานแต่ในตอนที่เขาถูกสาวใช้พามายังห้อง เมื่อเห็น  โอลิน่า  จางเทีย รู้สึกว่าใจของเขาลุกไหม้และลำคอก็แห้งผาก
ตอนนั้น โอลิน่า นั้นเหมือนกับ มิสไดน่า ในฝันของเขา
ด้วยความช็อกที่มีและความอุ่นที่ได้จากเทียน  จางเทีย ไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ในความฝันรึโลกจริงกันแน่

ในตอนที่เทียนลุกไหม้ มันส่งกลิ่นหอมออกมา เมื่อได้กลิ่น  จางเทีย ก็เริ่มเพ้อไปกับความคิดในหัว !

จางเทีย รู้สึกมึนและมีความต้องการอันมากล้นจากภายใน

ในตอนที่สาวใช้ได้เอาอาหารมาเสิร์ฟ เขาก็ต้องปลดกระดุมเสื้อของเขา

“ เจ้าร้อนเหรอ ? “

โอลิน่า นั่งอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามซึ่งยาวกว่า 4 ม.ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นระยะทางที่เอื้อมไม่ถึง

ด้วยแสงเทียนจากเชิงเทียน  จางเทีย มองไปยัง โอลิน่า และเห็นสร้อยคอเพชรที่ห้อยมาจากคอของเธอและวางไว้ที่หน้าอกซึ่งส่องแสงไปกับแสงเทียน ตอนนั้นหน้าอกของเธอนั้นเหมือนจะใหญ่ขึ้นมาอย่างมาก

จางเทีย รู้สึกว่าลำคอของเขาแห้ง  เขารีบกินน้ำข้างๆตัว ก่อนที่จะมองไปยังของเหลวที่อยู่ในแก้ว เขาก็กินมันจนหมดแล้ว

มันคือไวน์  เพราะเขาดื่มมันอย่างรวดเร็ว เขาก็เกือบสำลัก ผลก็คือเขาเริ่มไออย่างรุนแรงออกมา

เมื่อเห็นแบบนั้น ผู้หญิงฝั่งตรงข้ามก็ได้หัวเราะออกมา ทำให้ จางเทีย รู้สึกว่าเขาเสียหน้านิดหน่อย

“ แค่ก..แค่ก....ข้าคิดว่าเป็นน้ำ “  - จางเทีย อธิบาย – “ แต่ แต่ข้ารู้สึกร้อนจริงๆ ! “

“ มันร้อนเหรอ ? ข้าไม่เห็นรู้สึกเลย  เจ้าเป็นคนแรกเลยที่รู้สึกร้อนในตอนกลางคืนที่เกาะนี้ ! “

“ บางที....มันอาจมีเทียนมากเกินไปที่นี่ ! “

“ โอ้ งั้นเราเอาออกก็ได้ ... “ – ตอนนั้นเธอยิ้มเหมือนกับป้าที่มองหลานที่อยู่ในสวน เขาดูลนลาน ผู้หญิงคนนี้โบกมือให้สาวใช้เอาเทียนออกไปบ้าง  ไม่นานหลังจากนั้นห้องก็ดูสลัวมากกว่าเดิม

สาวใช้ที่ได้เอาเทียนออกไปนั้นคือคนที่นอนอยู่บนเตียงของ จางเทีย เมื่อเช้านี้  เธอมองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีกวนๆทำให้  จางเทีย ร้อนรน

“ ไม่จำเป็นต้องหรูหราแบบนี้ก็ได้ ข้าจะไปพรุ่งนี้แล้ว “

“ เจ้าคิดว่านี่คือความหรูหรา    สำหรับคนที่ช่วยชีวิตข้าสองรอบงั้นเหรอ ? “ - เสียงของเธอดูเศร้านิดๆ  - “ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าถ้าเจ้าช่วยข้า ข้าจะชดใช้ให้ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ตาม ข้าพูดจริง “

‘ เท่าไหร่ก็ตาม  ? ‘ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอสัญญาไว้เมื่อสองวันก่อนและมองดูเธอที่อยู่ตรงหน้า   จางเทีย ก็เริ่มเพ้ออีกครั้งแต่ในตอนที่ความคิดแย่ๆโผล่มา จางเทีย ก็รีบสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัว ‘ เรื่องรักระหว่างชายและหญิงน่ะดี ถ้าคิดว่ามันมีเพราะเงื่อนไขมันคงไม่ใช่เรื่องถูก ‘

“ ไม่ แน่นอน ข้าไม่คิดว่าเจ้าล้อเล่น  แต่ข้าไม่ได้ต้องการรางวัลอะไร ข้ามีความสุขดีในปราสาทหลายวันมานี้ โดยเฉพาะเมื่อคืน เจ้าก็ทำตามที่บอกแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดรึเหมือนติดหนี้ข้าเลย “

แน่นอน โอลิน่า รู้ว่าเมื่อคืนที่ จางเทีย  พูดหมายถึงอะไร  ความแปลกและความใจกว้างของ จางเทีย น่ะมากกว่าที่ โอลิน่า คิดไว้

“ เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้าต้องเสียอะไรไปบ้างเมื่อพูดแบบนี้ ? แม้ว่าตระกูลบอลลาสจะไม่ใช่ตระกูลอันดับหนึ่งในอีเวนต้าแต่ก็ยังเป็นกลุ่มที่ใหญ่ซึ่งมีเงินเป็นสิบล้านทองและสามารถอยู่ในท็อป 20 ได้  เจ้าไม่คิดใหม่หน่อยเหรอ ? พวกคนที่รู้จักข้าน่ะรู้ว่าข้าไม่ค่อยสัญญากับใครหรอกนะ “

“ เงินและความรวยน่ะสำคัญก็จริงแต่ในสายตาของข้าแล้วสิ่งที่ล้ำค่าจริงๆคือชีวิตต่างหาก บางครั้งไส้เดือนรึหญ้าอาจจะล้ำค่ามากกว่ามันอีก เช้านี้เพราะเจ้าต้องการหยุดชายคนนั้นไม่ให้จากไป เจ้าก็ไม่ได้ติดค้าอะไรข้าแล้ว “ - จางเทีย พูดอย่างจริงใจ – “ อีกอย่างข้าไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรล้ำค่าไปกว่าสิ่งที่เจ้าอยากจะทำเพื่อข้าเมื่อเช้านี้ “

เมื่อได้ยินแบบนั้น โอลิน่า ก็ได้มองไปที่ จางเทีย สักพัก ตาเธอเป็นประกายขึ้นมา ไม่กี่วินาทีเธอก็ได้รวบรวมสติและได้ถอนหายใจ

“ เจ้าพูดถูก บางอย่างระหว่างคนน่ะล้ำค่ากว่าเงิน ข้าไม่มีญาติ แม้แต่ลูกชายรึลูกสาว ในฐานะผู้หญิงแล้วมันเศร้ามากที่ต้องโดดเดี่ยวตอนอายุเท่านี้ ถ้าข้าได้มีญาติอย่างเจ้าอยู่ข้างตัวได้บ้างล่ะก็ “

จางเทีย  เกาหัวและคิดสักพัก จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าเธอน่าสงสารอย่างมาก เขาจึงได้ถามออกมา – “ เจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่า ป้าโอลิน่ารึพี่สาวดีล่ะ ? “

“ เจ้าบอกข้าสิ “ – เธอมองมาที่ จางเทีย ด้วยสายตาที่มีเสน่ห์

เมื่อมองไปที่ใบหน้าละหน้าอกของเธอ จางเทีย ก็ตอบกลับ –“ งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่สาวละกัน ! “

เธอหัวเราะออกมาซึ่งทำให้ตัวเธอสั่นและแสดงท่าทีมีเสน่ห์ของตัวเอง เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็กลืนน้ำลายอีกครั้ง

“ งั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่สาวละกัน จริงๆแล้วจากอายุแล้วมันก็มีเหตุผลพอ ก่อนที่เจ้าจะออกจากเกาะ เจ้าให้พี่สาวเลี้ยงข้าวเจ้าเถอะ “

เธอปรบมือและให้สาวใช้นำอาหารมาเสิร์ฟทีละอย่างๆ

มื้อเย็นนี้ถือว่าหรูหรามากที่สุดที่ จางเทีย เคยกินมา  โอลิน่า ไม่ได้พูดถึงค่าตอบแทนสำหรับ จางเทีย   จางเทีย เองก็ไม่ได้ถาม พวกเขาแค่คุยในหัวข้อต่างๆเหมือนคนในครอบครัว สุดท้ายเวลาก็ได้ผ่านไปหลายชั่วโมง

จางเทีย ยอมรับว่าเขาไม่มีอะไรในหัว เขารู้สึกสบายอย่างมากในตอนที่กินมื้อเย็นกับเธอ มันรู้สึกน่ายินดีทั้งๆที่แค่มองเธอเอาหารเข้าปากไป

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ จางเทีย ก็ได้ลาเธออย่างสุภาพก่อนจะกลับห้องตัวเองไป

ไม่ถึง 10 นาทีหลังจากที่ จางเทีย กลับไปที่ห้องตัวเอง  สาวใช้ทั้งสี่ที่สู้กับเขาเมื่อคืนนี้ก็ได้ล็อคประตูห้องเขา ในตอนที่พวกเธอเดินเข้ามา พวกเธอน่ะถอดเสื้อผ้าของตัวเองหมดแล้ว หลังจากนั้นก็ปีนมาบนเตียง จางเทีย และเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ จางเทีย

สำหรับ จางเทีย แน่นอนแล้วเขาสนุกกับมัน  เขาได้ปลดปล่อยความต้องการทั้งหมดที่อดกลั้นไว้ตั้งแต่กินข้าวเย็น

1 ชม.ต่อมาประตูห้องของ จางเทีย ก็ได้เปิดออกอีกครั้งและได้มีสาวใช้อีกสี่คนเดินเข้ามา

“ มาเล่นเกมหน่อยเป็นไง  ? เจ้าห้ามดู แค่บอกมาตอนที่เจ้าปิดตา ตอนที่เจ้าพูดถูกเจ้าก็จะได้รางวัล.. “  - สาวใช้พึมพำออกมาและเอาผ้าสีดำมาปิดตา จางเทีย

แน่นอนว่า จางเทีย ไม่ได้รังเกียจที่จะเล่นเกมในตอนนี้ เขารู้สึกว่าเขาโดนกระตุ้นมากกว่าเดิม

แต่หลังจากนั้นสักพักตอนที่เขาเข้าสู่ช่องอันร้อนและแน่น เขาก็ได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคย ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงครางที่คุ้นเคย

จางเทีย อึ้งเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้ถอดผ้าปิดตาออก เขากลับรุนแรงและตื่นเต้นกว่าเดิม

หลังจากนั้นเขาก็รัดเธอไว้ไม่ให้เธอหนี  จางเทีย คลั่งและหยาบคายอย่างมาก  เขาปล่อยของเหลวใส่พวกเธอหลายครั้งและพ่นมันไปทั่วตัวรวมถึงทั้งหน้า,อก,ก้น,ต้นขาและท้องน้อย...

หลังจากปล่อยของเหลวไปนาน จางเทีย ก็รู้สึกว่าตัวเขาได้กลับมาสง่าเหมือนเดิมซึ่งสะท้อนให้เห็นเหมือนพระอาทิตย์ที่ฉายแสงหลังจากที่อยู่ในพายุมานาน
...
เช้าวันต่อมา วันที่ 5 สิงหาคม หลายคนจากปราสาทได้ไปรวมตัวกันที่ท่าเรือเพื่อส่ง จางเทีย  รวมไปถึง โอลิน่า, กิตต้า, เพอริป และ อเดรีน  สามสาวทีมีรอยสักแปลกที่หน้าล้วนแต่อยู่ข้างๆ โอลิน่า

สองในสามนั้นโกนหัว พวกเธอเป็นฝาแฝด พวกเธอใส่เกราะแบบเดียวกันและให้ความรู้สึกว่าแข็งแกร่งซึ่งทำให้ กิตต้า และ เพอริป ต้องออกมายืนห่างๆ สำหรับผู้หญิงอีกคนแล้ว พวกเธอใส่ชุดดำและมีกำไลขนนกและสร้อยคอที่ทำมาจากกะโหลกสัตว์ต่างๆและหินแปลกๆ

พวกเธอทั้งสามคนมาถึงปราสาทเมื่อคืนนี้ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าของ อเดรีน  ตั้งแต่ที่ จางเทีย เห็นพวกเธอเมื่อวานนี้  เขาไม่ได้ยินพวกเธอพูดเลยสักคำ พวกเธอกลับทำเหมือนเป็นใบ้ในท่าทีต่างๆ

เสียงเรือดังขึ้นมาสองครั้ง เรือกำลังแล่นออกไปและ โอลิน่า และคนอื่นๆต่างก็ร่ำลา จางเทีย

เพราะตอนเช้ามันหนาวนิดหน่อย  โอลิน่า จึงสวมผ้าคลุมสีขาวที่ทำให้ดูน่าสะดุดตากว่าเดิม แค่คืนเดียวทุกคนรู้สึกว่าเธอน่ะดูเปล่งปลั่งกว่าแต่ก่อน

 เพอริป เอามือจับหนวดแล้วคิดบางอน่าง กิตต้า ยังคงมองไปมาระหว่าง จางเทีย และ โอลิน่า  สำหรับ อเดรีน เธอดูอคติกับ จางเทีย

จางเทีย และ โอลิน่า มองหน้ากัน หน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย   จางเทีย อยากจะพูดบางอย่างแต่ในที่สุดเขาก็พบว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

“ โชคดี  !” - หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ไปกอด โอลิน่า แน่น

“ ดูแลตัวเองด้วย ! “ - โอลิน่า จูบลงที่แก้มของ จางเทีย ก่อนที่จะเอากล่องอันหนึ่งออกมามอบให้กับ จางเทีย  - “ นี่คือของที่กลุ่มบอลลาสได้มาเมื่อหลายปีก่อน มันอาจจะช่วยเจ้าได้ “

จางเทีย ไม่ได้เปิดดูด้านใน เขาเก็บมันลงในเสื้อทันที

“ คนระดับ 5 สองคนอยู่ห่างออกไปร้อยเมตรตามเรามาตั้งแต่รถออกจากปราสาท ข้ารู้สึกว่าพวกนั้นปรปักษ์กับเรา  !” – คนทรงที่เงียบมาตลอดได้พูดและชี้ไปยัง จางเทีย

ความสามารถพิเศษของเธอนั้นทำให้ จางเทีย สนใจ

“ กิตต้า... “  - โอลิน่า ตะโกนออกมาพร้อมกับที่ กิตต้า ได้หันกลับไปตั้งใจที่จะเดินไปหาพวกนั้น

“ ไม่จำเป็น “ - จางเทีย หยุด กิตต้า – “ พวกนั้นแค่พวกสอดแนม ไม่ได้ส่งผลอะไรหรอกถ้าเราฆ่าพวกนั้น จริงๆแล้วมีคนมากมายมาจับตาดูข้าขึ้นเรือ  ข้าได้ซื้อตั๋วมาเมื่อหลายวันก่อน พวกคนจากเกาะงูเวทย์น่ะคงไม่รู้ว่าข้าจะกลับไปในวันนี้ ให้พวกนั้นไปตามหาข้าที่ป่าน้ำแข็งหิมะละกัน “

หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ได้ตะโกนไปหาหน่วยสอดแนมสองคนนั้น – “ พวกจากเกาะงูเวทย์  ปู่คนนี้จะไปรอที่ป่าน้ำแข็งหิมะ  มาดูกันว่ามีกี่หัวของนักรบโต๊ะกลมห่าเหวอะไรนั่นจะโดนข้าตัดเอา ฮาฮา .. “

เสียงของ จางเทีย ดังซะจนคนรอบๆทุกคนได้ยินกันหมด ผลก็คือพวกนั้นต่างมองหน้ากันด้วยความทึ่ง มีไม่กี่คนที่กล้าหาเรื่องคนเกาะงูเวทย์ในที่สาธารณะแบบนี้

เสียงเรือดังขึ้นมาอีกครั้งและเตรียมที่จะออกจากท่า ส่วนสะพานเรือนั้นเริ่มถูกเก็บ

จางเทีย หัวเราะออกมแล้วหันหลังกลับวิ่งไปที่เรือ เขาวิ่งไปที่บนสะพานแล้วโดดขึ้นเรือที่ห่างออกไปหลายเมตรก่อนจะหันกลับมาโบกมือให้คนอื่นๆ

หน่วยสอดแนมสองคนที่มอง จางเทีย จากไปนั้นก็ต้องอึ้ง  แม้ว่าจะมีพวกคนแข็งแกร่งบนเกาะเซนท์เฮอเนอร์จากเกาะงูเวทย์แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาทำอะไรได้เลย พวกเขาทำได้แค่มอง จางเทีย จากไปเฉยๆแบบนี้...
 

รีวิวผู้อ่าน