px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 399: เก็บเกี่ยว


Chapter 399: เก็บเกี่ยว
ในตอนเย็นลมได้พัดมาอย่างรุนแรงพร้อมกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ ด้านนอกเริ่มหนาวขึ้นมา พวกลูกเรือต่างก็ยุ่งกับการซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย กาบเรือด้านซ้ายของชั้น จางเทีย โดนทำลายหมด  พวกลูกเรือได้ขันแหที่มีเชือกกันไว้เผื่อว่ามีใครจะตกลงไป

ดูจากอุณหภูมิที่ต่ำในตอนนี้ในช่องแคบแล้ว ถ้าคนธรรรมดาตกลงไป แม้ว่าจะว่ายน้ำได้แต่ก็ต้องแข็งตายใน 5 นาที

หลังจากที่ทอดสมอ เรือจึงแกว่งไปตามจังหวะคลื่น ดังนั้นพวกลูกเรือจึงต้องระวังกันอย่างมาก

คืนนี้ดาวพอมีเหลืออยู่บ้าง ส่วนทะเลนั้นมืดสนิท ตะเกียงห้อยไว้ตามกาบเรือซึ่งพอส่องแสงได้แค่ระยะ 10 ม. คลื่นที่พัดเข้ามานั้นกันสายตาของผู้คนรากับมีภูเขาลูกใหญ่ตกลงมา

แน่นอนว่าความมืดนั้นส่งผลแค่กับคนธรรมดา สำหรับ จางเทีย หลังจากที่ใช้การมองกลางคืนแล้ว เขาไม่พบความแตกต่างอะไรกับกลางวันและกลางคืน ความต่างอย่างเดียวคือชั้นสีทองในตอนที่เขาใช้สายตานี้

ตอนนี้ จางเทีย ไม่เห็นศพของมอนเตอร์และหนวดยาว 100 ม.ของมันก็ลอยอยู่ไม่ไกลจากเรือเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เพราะลมที่พัดโหมกระหน่ำและคลื่นอันรุนแรง มันคงถูกพัดออกไป

จางเทีย ลงมาที่ห้องชั้นล่างของเรือและออกไปที่ด้านข้างของดาดฟ้า

ตอนนั้นผู้จัดการมีผู้โดยสารที่หงุดหงิด 50-60 คนคอยล้อมที่ทางเข้าของห้องเรือด้านล่าง  เขาใช้ความพยายามอย่างมากกว่าที่ จางเทีย จะฝ่าฝูงชนออกไปได้

ตรงนั้นมันวุ่นวายจริงๆ มีหลายคนกรีดร้อง หลายคนสะอื้น

“ ข้าจะพูดอีกครั้ง ไม่มีบริการประกันชีวิตให้กับเรือลำไหนที่มุ่งหน้าไปยังป่าน้ำแข็งหิมะจากเกาะเซนท์เฮอเนอร์  ไม่มีกลุ่มไหนรึบริษัทประกันไหนที่จะการันตีได้ถึงความปลอดภัยของเรือและผู้โดยสารในเส้นทางอันตรายที่สุดแบบนี้ นี่น่ะเป็นเรื่องที่ทำกันมากว่าร้อยปีแล้ว สำหรับผู้โดยสารที่โดนฆ่า เราให้ได้แค่ความเสียใจ เราคงตอบแทนกับสิ่งที่พวกเขาต้องเจอไม่ได้  ตั๋วน่ะไม่ได้รวมค่าประกันอยู่ด้วย พวกเจ้าก็เห็นมันที่ขายตั๋วนิ “

ผู้จัดการอธิบายออกมาดังๆซึ่งไม่นานก็ตามมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
จางเทีย ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ญาติรึเพื่อนคนที่ตาย มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ดังนั้นแล้วเขาจึงเดินไปที่ชั้นล่างต่อ  3 ชั้นด้านบนนั้นเป็นของห้องธรรมดา ส่วนสามชั้นด้านล่างเป็นของชั้นประหยัดและคลังสินค้า

ตัวเรือด้านล่าง 3 ชั้นก็โดนโจมตีเช่นกัน ต้องขอบคุณที่ความเสียหายไม่ได้ส่งผลกับสามชั้นด้านบน

มันเหมือนกับด้านบน ด้านล่างก็วุ่นวาย ลูกเรือจำนวนมากต่างก็ไปรวมกันที่ศูนย์กลางของเรือและดึงหนวดยาวกว่า 50 ม.โดยเคน,เชือกเหล็ก

ในบรรดาหนวดพวกนั้น นี่คือหนวดที่สั้นที่สุดเพราะมันโผล่มาได้แค่ครึ่งเดียว แม้จะเป็นแบบนั้น จางเทีย ก็พบว่ามันหนักกว่า 100 ตัน

หลายคนพักอยู่ในชั้นประหยัดต่างก็ดูพวกนั้นทำงาน บางคนก็ไปช่วย ดังนั้นแล้วคนกว่าร้อยคนจึงยุ่งกับงานที่นั่น

ชายตัวอ้วนในชุดของหัวหน้าได้คอยสั่งการพวกนั้น

“ระวังด้วยพวก เนื้อของมันน่ะเป็นวัตถุดิบชั้นสูง มันอร่อยกว่าเนื้อปลาหมึกที่พวกเจ้าเคยกิน พวกคนรวยน่ะเลือกใช้เงินกับมัน น่าเสียดายจริงๆ  ! เรือของเราน่ะเต็มแล้ว แม้ว่าจะไม่เต็มแต่มันคงแย่ที่จะเก็บไว้ในเรือ ถ้าเราเอาตัวมันกลับไปได้เราคงรวย ! “

“ หัวหน้าฮีเกล เนื้อมันอร่อยอย่างที่เจ้าบอกจริงๆเหรอ  ? “ - ลูกเรือคนหนึ่งถามออกมา

“ แน่นอน ! “ – หัวหน้าตอบอย่างภูมิใจ –“  แม้ว่าหนวดมันจะแข็งไปนิดแต่รสชาติและสัมผัสน่ะเหมือนกับกะหล่ำทะเล อีกอย่างแล้วเนื้อของมันน่ะให้สารอาหารที่สูง  อีกอย่างพลังฉีและเลือดของมันน่ะส่งผลดีต่อสุขภาพของคน ถ้าใครกินมันเป็นประจำ คนนั้นต้องแข็งแกร่งอย่างมากแน่  ข้าได้ยินมาว่าพวกผู้แข็งแกร่งของเผ่าสลาฟอย่าง คุณซามาแลนซ์ ก็ล่าพวกมอนเตอร์แบบนี้ละได้บ่มเพาะพวกนักสู้ด้วยเนื้อของพวกมัน ! “

“ ฮาฮา เราได้อาหารอร่อยๆแล้ว ! “

“ มาเลยพวก ! ข้าจะแสดงทักษะการย่างมอนเตอร์ทะเลเอง เชื่อใจข้าได้ พวกเจ้าคงเผลอกัดลิ้นตัวเองแน่... “  - หัวหน้าโบกมือไปมา เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกลูกเรือต่างก็พากันดีใจและได้เริ่มขยันมากกว่าเดิม

เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็ได้ตัดสินใจ ถ้าเขาปล่อยให้อาหารนี่ปลิวหายไปตรงหน้า  มันก็ไม่แตกต่างกับการยอมรับว่าทำผิด

ห้องเครื่องด้านล่างเรือนั้นอยู่ที่ท้ายเรือ ข้างในก็เสียงดัง ส่วนอากาศนั้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำมันสน ดังนั้นมีไม่กี่คนที่ไปที่นั่นโดยเฉพาะในตอนเย็น  มีตะเกียงแค่สองอันที่ท้ายเรือซึ่งส่องแสงไม่มาก รอบๆนั้นมีแต่ความมืด เกือบจะไม่มีใครเข้าใกล้กาบเรือที่ด้านท้าย คลื่นที่ซัดเข้ามาที่ท้ายเรือนั้นกระเด็นขึ้นมาและทำให้ตัวเรือเปียกชุ่ม

จางเทีย ไปที่ท้ายเรือ หลังจากที่เช็คแล้วว่าไม่มีใคร เขาก็โดดลงไปในทะเลโดยไม่ทำให้เกิดเสียง

ในตอนที่ จางเทีย ดำลงไปในทะเล เขาก็ได้ใช้สกิลเคลื่อนที่ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าถูกผลักโดยลมเหนืออันรุนแรง

ในช่องว่างแคบๆนั้นตอนที่ลมพัดไปทางใต้ พวกที่อยู่ใต้กระแสบลมนั้นจะไหลไปในทิศทางตรงกันข้าม

แม้ว่ามันจะเป็นการโคจรของน้ำที่น่าสนใจแต่ จางเทีย รู้ว่ายิ่งช่องแคบนี้กว้างเท่าไหร่ มันยิ่งมีลมแรงกว่าเดิมที่ไหลไปทางด้านเหนือ

กระแสน้ำที่นี่น่ะได้สร้างระบบขึ้นมา ภายใต้กระแสน้ำของทะเลใหญ่นี้ มันยังมีกระแสน้ำเล็กอีก แม้ว่าขนาดจะต่างกันแต่กระแสน้ำเหล่านี้ได้สร้างระบบที่เชื่อมต่อกันไว้ อีกอย่างพวกมันมีโครงสร้างเหมือนกัน  กระแสน้ำจะอยู่ได้หลายพันไมล์และกระแสน้ำเล็กด้านหลัง จางเทีย ก็มีการทำงานที่เหมือนกัน

ตอนนั้น จางเทีย รู้สึกแปลกๆ เขาคิดเกี่ยวกับรูปแบบของไทชิซึ่งเป็นวัฒนธรรมจากจีน  จางเทีย รู้สึกว่าการโคจรของกระแสทะเลนั้นได้สร้างรูปแบบไทชิอันสมบูรณ์แบบขึ้นมา อีกอย่างแล้วด้วยการโคจรแบบี้ได้แสดงให้เห็นถึงกฎของภูมิประเทศ

‘ ความลับบางอย่างดูเหมือนจะซ่อนไว้ด้านใน ‘ บางความคิดโผล่มาในหัว จางเทีย

แต่เมื่อ จางเทีย ต้องการที่จะลองคิดถึงมัน เขาก็ได้หมดแรงกระตุ้นไปทันที ดังนั้นแล้วเขาจึงเลิกคิดเรื่องนี้ชั่วคราว

แม้ว่า จางเทีย จะใส่เสื้อผ้าบางๆแต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนที่อิสระเหมือนกับปลา หลังจากที่สัมผัสได้ถึงการไหลของน้ำรอบตัว  จางเทีย ก็หันกลับและดำไปทางทิศใต้

มอนเตอร์นี้เป็นสิ่งมีชีวิตประจำอาณาเขต  พูดโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีมอนเตอร์ดุร้ายอยู่ในรัศมี 100 ไมล์จากตัวมัน ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงกล้าพอที่จะดำลงไปในตอนนั้น

แม้ว่า จางเทีย จะมั่นใจมากเกี่ยวกับความเร็วในการว่ายน้ำของเขาและไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะเห็นมอนเตอร์ว่ายได้เร็วกว่าเขาแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าแปลกใจในทะเลลึกลับแห่งนี้มาให้เขาเจออีก บางทีมอนเตอร์นี่อาจจะเป็นตัวผู้และมีตัวเมียอยู่ใกล้ๆ   จางเทีย ไม่ต้องการที่จะเจอมอนเตอร์แบบนั้นอีกตัว

ด้วยการคิดแบบนั้น จางเทีย ก็ตื่นตัวและเริ่มมองหามอนเตอร์ตัวดังกล่าว

เขาเริ่มจากท้ายเรือและค้นหาไปทางใต้ในรูปแบบตัว Z  จากความรู้ที่มี จางเทีย ตัดสินว่าศพของมันต้องไหลมาไกลสุดสิบไมล์จากตอนนั้น  อีกอย่างแล้วศพนี่และหนวดของมันก็มีขนาดใหญ่และยาว  ถ้า จางเทีย ค้นหาไปทางใต้ตามลมและกระแสน้ำไป แน่นอนว่าเขาคงไม่พลาด

จางเทีย เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลงมาจากเรือได้หลายนาที เขาก็เคลื่อนที่ได้เร็วเหมือนกับที่เขาเดินทางในทะเลเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่กินผลไม้ไปมากมาย ความอึดของเขาได้เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย  เอาจริงๆแล้วความเร็วของ จางเทีย น่ะมากกว่าความเร็วสูงสุดที่เขาทำไว้เมื่อหลายวันก่อนอีก

จางเทีย รู้สึกว่าเขากำลังขับรถสปอร์ตอยู่ในทะเล ร่างกายของเขานี่แหละที่เป็นรถ  มันก็คล้ายๆกัน ขนาดของการไหลของน้ำที่เขาได้ดูดเข้าไปใน Castle of Black Iron ด้วยพลังวิญญาณของเขาก็เหมือนกับคันแร่ง  มันรู้สึกเจ๋งอย่างมาก อีกอย่างแล้วด้วยสายตามองกลางคืนของเขาแล้ว เขาสามารถเห็นสีสันของโลกใต้น้ำได้  ทั้งทะเลนั้นมีสีทอง มีปลาและสัตว์ทะเลอื่นว่ายผ่านตัวเขาไป

แม้ว่าลมมันจะแรงและคลื่นที่โหมกระหน่ำแต่ใต้ทะเลนั้นยังสงบ
ว่ายมาได้ไม่กี่นาที จางเทีย ก็ได้ยินเสียงของ เฮลเลอร์ ในหัว --- พื้นที่สร้างเสร็จแล้ว

หลังจากที่ใช้ทรัพยากรไป  เฮลเลอร์ ก็ได้สร้างถ้ำน้ำแข็งซึ่งยาว 600 ม.และสูงกับกว้าง 100 ม.ขึ้นมาได้

เพราะถ้ำน้ำแข็งนี้มีไว้เพื่อเก็บอาหารอย่างเดียว  เฮลเลอร์ จึงได้ปรับรูปแบบสำหรับถ้ำ  ถ้ำนี้เป็นคลังสีเหลี่ยม ด้านในแบ่งออกเป็น 21 ห้องขนาดต่างๆกันไป  อุณหภูมิด้านในนั้นต่ำกว่า -18 องศา ส่วนความชื้นในถ้ำก็เหมาะกับการเก็บรักษาอาหาร

หลังจากที่รู้สึกถึงมันได้ผ่านประตูวาร์ป  จางเทีย ก็รู้สถานการณ์ด้านใน

“ โอ้ เราต้องการพลังงานจำนวนมากสำหรับถ้ำด้วยมั้ย ?” - จางเทีย ถาม เฮลเลอร์ ในใจ หลังจากที่ใช้ Castle of Black Iron มาหลายครั้ง  จางเทีย ได้เรียนรู้กฎหนึ่งข้อ ไม่มีข้าวฟรีในโลกนี้

“ มันใช้พลังงานแค่นิดหน่อย เพราะCastle of Black Iron นั้นเกี่ยวข้องกับการโคจรของพลังงาน,การดูดซับและการปล่อยพลังงานที่เกิดขึ้นใน Castle of Black Iron  ข้าหมายถึง คุณแค่ต้องโยนอิฐลงมาในบ่อแห่งความวุ่นวาย  พลังงานจากอิฐน่ะเพียงพอที่จะใช้ในถ้ำน้ำแข็งได้เป็นร้อยปีด้วยอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ มันก็คล้ายๆกับถ้ำลาวาซึ่งใช้ไว้ปลูกดอกบัวเพลิง “

เมื่อได้ยินคำอธิบายแบบนั้น จางเทีย ก็เข้าใจ

แค่ไม่กี่นาที่ จางเทีย ก็เห็นหนวดที่ขาดของมอนเตอร์ ครึ่งหนึ่งลอยอยู่บนทะเล

หนวดนี้ยาวเกือบ 100 ม. ส่วนที่หนาที่สุดของมันสูงยิ่งกว่าตัวของ จางเทีย อีก แค่มองครั้งเดียว จางเทีย ก็รู้ว่ามันหนักอย่างน้อยร้อยตันได้

ถ้าอยู่บนพื้นดิน จางเทีย ไม่เคยคิดจะเอาอะไรใหญ่ขนาดนี้เข้าไปใน Castle of Black Iron เพราะเขาแบกมันไม่ได้แต่เขามีวิธีง่ายกว่าเดิมเมื่ออยู่ในทะเล หลังจากที่ล็อคไปที่หนวดด้วยพลังวิญญาณของเขาแล้ว จางเทีย ก็ได้คว้างที่หนวดข้างหนึ่ง  หลังจากนั้นเขาก็เปิดช่องวารปและดูดหนวดนั้นเข้าไปพร้อมกับน้ำทะเลจำนวนมาก

จางเทีย ได้รับเทคนิคนี้มาตอนที่เขาเดินทางในทะเลเมื่อหลายวันก่อน ถ้าของมันไหลไปกับน้ำได้ มันหมายความว่าน้ำหนักมันจะมีแรงพยุงตัว แม้ว่ามันจะอยู่ตรงนั้นแล้วดูหนักแต่มันก็มีน้ำหนัก 0 สำหรับ Castle of Black Iron ดังนั้นแล้ว จางเทีย สามารถเอามันเข้าไปได้ด้วยวิธีนี้
ในตอนที่น้ำถูกเทลงในบ่อ หนวดนั้นก็โดนโยนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอาหนวดใหญ่แบบนี้เข้าไป  จางเทีย รู้สึกยากขึ้นนิดหน่อยแม้จะมีแรงเยอะก็ตาม

แต่ทุกอย่างที่เขาทำน่ะคุ้มค่า ในตอนที่เขาคิดว่าเขาจะมีเนื้ออยู่ในคลังเป็นร้อยๆตัน จางเทีย ก็คึกกับการทำแบบนี้

ในครึ่งชั่วโมงต่อมา จางเทีย ก็ได้เห็นร่างที่เหมือนกับเนินเขาห่างจากเรือ 70 กม.

หนวด 8 อันของมันบางอันน่ะขาด ส่วนตัวของมันนั้นมีแต่บาดแผล  มีแค่หนวดของมันที่มีความต่างแตกต่างกันที่ติดกับตัว จางเทีย ลองดูและพบว่าตาของมันถูกขุดออกไปแล้ว  จางเทีย ไม่ได้สนว่าตาของมันจะมีฟังก์ชันพิเศษรึเปล่า เขาสนแค่เนื้อ

มันตัวใหญ่อย่างมาก แม้ว่าจะใช้วิธีแบบก่อนหน้านี้แต่ จางเทีย ก็ยังยากที่จะยัดมันเข้า Castle of Black Iron  ด้วยการที่อยู่ในน้ำ  จางเทีย ได้คิดสักพักก่อนที่จะเอาดาบคู่ของเขาออกมา  เขาสับหนวดทั้งหมดของมันออกก่อนและส่งพวกมันเข้าไป เหลือแต่เนื้อก้อนโต

มันเหนื่อยที่สุดตั้งแต่ที่เขาได้ทำมาตั้งแต่เกิด ใช้เวลากว่า 4 ชม.กว่าจะแยกชิ้นส่วนของมอนเตอร์แล้วส่งมันเข้าไปข้างในได้

หลังจากที่จัดการเสร็จ จางเทีย ก็หมดแรง  มันเป็นการทดสอบสำหรับ จางเทีย ทั้งด้านวิญญาณและร่างกายที่จะส่งเนื้อพวกนี้เข้าไปในถ้ำน้ำแข็งของ Castle of Black Iron
คนธรรมดาทำแบบนี้ไม่ได้ ระหว่างที่ทำ ดาบคู่นั้นได้ช่วยเขาไว้มาก  เขาจับที่ด้ามจับ ตราบใดที่เขาปล่อยดาบพลังออกมายาวหลายเมตร เขาจะสร้างรอยแผลไว้ที่ตัวและหนวดของมันได้ หลังจากที่วนรอบหนวดด้วยดาบของเขา ไม่นาน จางเทีย ก็ตัดมันขาดได้ ถ้ามันเป็นดาบสั้นมันคงยากกว่านี้

หลังจากทำเสร็จ จางเทีย ก็รู้สึกปลอดภัยและพอใจอย่างมาก  ตอนนี้ในที่สุด จางเทีย ก็เข้าใจคำพูดเก่าๆที่ว่าด้วยการได้มันมาในมือแล้วก็ไม่ต้องกระวนกระวายอีก  คำพูดเก่าๆนี่มันฉลาดจริงๆ !  จางเทีย ถอนหายใจออกมา เขาประมาณว่าเนื้อนี้ต้องสูงเท่ากับเนินเขาแน่ใน Castle of Black Iron และหนักอย่างน้อย 4000 ตัน  ไม่ว่าสงครามจะกินเวลาแค่ไหนแต่ จางเทีย รู้ว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีเนื้อกินอีกต่อไป  มอนเตอร์นี่สามารถทำให้ จางเทีย,ครอบครัวและเพื่อนรอดได้นานกว่าร้อยปี

‘ ช่างเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าจริงๆ !’

เมื่อคิดถึง Trouble-Reappearance Fruit และกองเนื้อ  จางเทีย ก็ได้หัวเราะออกมา
...
หลังจากที่ลงจากเรือไปกว่า 5 ชม.  จางเทีย ก็ได้แอบปีนกลับขึ้นมาที่เรือโดยใช้บันได้ข้างตัวเรือ ตอนนี้เขาเปียกไปทั่วทั้งตัว

ในตอนที่เขาขึ้นมาแล้ว ผู้โดยสารบางคนบนเรือนั้นอึ้งจนเกือบตาย พวกเขาถึงคิดว่า จางเทีย เป็นมอนเตอร์  ไม่งั้นแล้วจะปีนกลับมาจากทะเลในตอนดึกได้ยังไง ? หนึ่งในนั้นได้ชี้ไปที่ จางเทีย แล้วพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก – “ นะ...เจ้า..เจ้าเป็นใคร? “

“ ไม่ต้องกังวล ข้าเองก็เป็นผู้โดยสาร ข้าตกลงไปในทะเลตะกี้ ต้องของคุณที่ข้าว่ายน้ำเก่งเลยรอดมาได้ .. “ - จางเทีย ทำสีหน้ากลัวออกมา  เขาได้ถอดรองเท้าแล้วเทน้ำออกมา หลังจากนั้นเขาก็หยิบรองเท้าตัวเองขึ้นแล้วกลับไปที่ห้องตัวเองด้วยเสื้อผ้าเปียกภายใต้สายตาของพวกนั้น พวกนั้นได้แต่มองหน้ากัน

ในตอนที่ จางเทีย กำลังกลับห้อง เขาพบว่า ไอซิล กำลังจะไปห้องน้ำ เมื่อเห็น จางเทีย เขาก็เบิกตากว้างและตื่นขึ้นมาทันที – “ ปีเตอร์ เจ้าทำอะไรน่ะ ?”

“ ข้าตกลงไปในทะเลตะกี้ตอนที่ข้าละเมอ ข้าว่ายน้ำในทะเลมาสักพักแล้ว “  - จางเทีย ยิ้ม  ก่อนที่ ไอเซิล จะได้ตอบกลับ จางเทีย ก็เปิดประตูแล้วเข้าห้องไป เขาปิดประตูอย่างดังหลังจากนั้น
“ ตกลงไปในทะเลเพราะนอนละเมอแล้วว่ายน้ำกลับมา ?” – ไอเซิล มองไปที่ประตูห้อง จางเทีย แล้วพึมพำ – “ บ้าป่าววะ ! “
...
ห้าวันต่อมา จางเทีย ก็ได้กินอาหารที่ทำจากเนื้อมอนเตอร์ในห้องกินข้าว เอาจริงแล้วมันสด,อร่อยจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใช่แก่นของมันแต่กินมา 5 วัน จางเทีย ก็ยังชอบมันอยู่ โดยพาะเมื่อทำให้เผ็ด จางเทีย รู้สึกว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว

เมื่อคิดถึงห้องก็บของใน Castle of Black Iron ก็เกือบจะเผลอหัวเราะ

ในวันที่ 6  เรือได้มาถึงเมืองเอสไชน์  เมืองเดียวบนป่าน้ำแข็งหิมะ หนึ่งวันหลังจากที่คาดการณ์เอาไว้

ระหว่างการเดินทาง จางเทีย ได้ยินมาว่าเอสไชน์นี่หมายถึงที่ที่นายท่านกำลังจะมา ! ซึ่งฟังดูยิ่งใหญ่และแปลก

ในวันที่ 2 สิงหาคม ปี 890 มีฝนที่โปรยปรายลงมาทำให้ที่นี่ดูมัวนิดหน่อย

หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึก จางเทีย ก็ได้ลงจากเรือและได้ไปถึงพื้นดินของป่าน้ำแข็งหิมะหลังจากที่ดินทางมากว่า 8 วันในทะเล

รีวิวผู้อ่าน