px

เรื่อง : Crazy Leveling System
ตอนที่ 207 แพร่กระจายไปทั่ว










" แล้วคำอะไรที่ข้าไม่ควรพูดละ ?? " เฟิง ยู่หลงพูดเย้ยหยันว่า " คำไหนที่ข้าไม่ควรพูดอย่างงั้นเรอะ ?? หากข้าอยากจะพูดข้าก้จะพูด เจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้ เจ้ามีความสามารถที่จะดวลกับข้าไหมละ ?? "



" ไม่ละซินะ ที่ข้าอยากจะพูดก็คือว่า ครั้นเจ้าได้ให้พันธสัญญาเอาไว้แล้ว เจ้าก็ควรที่จะเติมเต็มมัน " ยี่ เทียนหยุนพูดอย่างมิได้แยแสต่ออีกว่า " สำหรับข้าแล้ว คำบางคำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกไป "



" ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนที่ช่างพูดจาสามหาวซะจริงๆ หากมีความสามารถก็มาดวลกับข้าตอนนี้ซะซิ !! " เฟิง ยู่หลงเริ่มที่จะบันดาลโทสะในทันที เขาไม่คิดว่าจะโดนศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามา พูดจาโอหังต่อหน้าต่อตากับเขาเช่นนี้ !!



" ไม่มีปัญหา ถ้ายังงั้นในตอนนี้ก็มาเริ่มกันเลย เจ้าเข้ามาก่อนเลย " ยี่ เทียนหยุนกวักมือเรียกส่งสัญญาณ เชื้อเชิญเฟิง ยู่หลงให้เข้ามา



" ดี ดี ดี !! " เฟิง ยู่หลงพูดประชดประชันออกมา 3 คำ ฝ่ามือของเขาก้เคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา ตบไปที่หัวของตัวเองในทันที โดยที่มิได้ยั้งมือเลย



อย่างกับโดนหวดด้วยไม้แร็กเก็ต ถึงจะไม่ตายแต่ก็อาจกลายเป็นคนปัญญาอ่อนได้



" !! "



อะไรที่เร็วกว่ามือของเฟิง ยู่หลงก็มือของยี่ เทียนหยุนนี่ยังไง เขาใช้พัดด้ามยาวของเขาบังคับมือของเฟิง ยู่หลง จากนั้นก็สะบัดพัด ตบเฟิง ยู่หลงจนกระเด็นปลิวไป ล้มกลิ้งไปอีกหลายตลบกว่าจะหยุดลง ณ เวลานี้ปากของเฟิง ยู่หลงก็ถูกตบจนบวมฉึ่ง ฟันก็หลุดออกมาหลายซี่



คนที่ดูอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็กลายเป็นแน่นิ่ง ถึงแม้ว่าฐานพลังของเฟิง ยู่หลงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็อยู่ในขั้นปรับแต่งวิญญาณระดับที่ 7 จะถูกตบจนกระเด็นได้ง่ายๆซะอย่างนั้นจริงๆเหรอ ?? นี่หมายความว่า ณ ปัจจุบัน ฐานพลังของเด็กหนุ่มผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าเฟิง ยู่หลงอย่างนั้นหรือ ??



เฟิง ยู่หลงในคราวนี้ถูกยี่ เทียนหยุนตบตาเข้าให้อย่างจัง เขาถูกพัดตบจนกระเด็น ไม่รู้ว่าทิศไหนตะวันออก ทิศไหนตะวันตก ไหนทิศใต้ หรือแม้กระทั่งทิศเหนือ จริงๆแล้วหัวของเขาเห็นแล้วก็เพลียดูๆไปฝ่ามือของตัวเองท่าจะหนัก แต่ก็อาจจะไม่หนักมาก เพราะว่าอย่างน้อยๆก็เป็นเขาที่ตบหัวตัวเอง



แต่อันที่จริงแล้วก็เป็นยี่ เทียนหยุนนั่นเองที่ยั้งมือเอาไว้ ไม่ยังงั้นหัวของเฟิง ยู่หลงก้คงจะได้ระเบิดด้วยฝ่ามือของตัวเองที่หวดเข้าไปอย่างกับไม้แร็กเก็ตไปแล้ว



" จ..... เจ้า ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าตบตีทำร้ายศิษย์พี่เฟิงเช่นนี้ !! " เหมียว เหวินที่อยู่ใกล้กันนั้นก็รีบเข้ามาช่วยพยุงเฟิง ยู่หลง จากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าของยี่ เทียนหยุนแล้วพูดด้วยความโกรธขึ้นว่า " คอยดูเจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถ !! "



" ข้าจะคอย " ยี่ เทียนหยุนตอบอย่างไม่แยแส



หลังจากที่เฟิง ยู่หลงถูกหิ้วออกไป หยาง ซิซูก็พูดอย่างประหลาดใจว่า " เจ้า เจ้าทำร้ายเขา..... คนอย่างตระกูลเฟิงจะต้องมาหาเรื่องเจ้าเอง และภายในหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์แห่งนี้ ก็มีบรรดาเพื่อนๆของเขาอีกหลายคน "



" ไม่เป็นไร ยกโขยงกันมาก็ดีแล้วจะได้จบๆเรื่องไป " ยี่ เทียนหยุนกล่าวอย่างไม่แยแส



" น..... นี่ นี่เป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้า เจ้าถึงได้เกิดเรื่อง ข้าจะช่วยเจ้าแก้ไขปัญหานี้เอง !! " สีหน้าของหยาง ซิซูกลายเป็นจริงจัง เธอมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะปัดความรับผิดชอบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ หากว่ามิใช่เพราะเธอแล้วละก็ เฟิง ยู่หลงก็คงจะไม่ดูถูกยี่ เทียนหยุน



หากว่าเรื่องราวของยี่ เทียนหยุนเป็นผลมาจากตัวเธอ ที่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาแล้วละก็ เธอจะไม่ยอมยกโทษให้กับตัวเธอเองเลย



" ไม่เป็นไรหรอก ตัวข้าก้มิได้ใส่ใจอะไร " ยี่ เทียนหยุนส่ายหัว เขาร้องเสียงดังออกมา จริงๆเขานั้นมิๆได้แคร์เฟิง ยู่หลงผู้นี้ที่เขาได้พบเลย



มันดูเหมือนว่าความเข้าใจผิดจะทำให้เขาเกิดปัญหา แต่จริงๆแล้วบุคลิกที่เกะกะระรานไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้นต่างหากเล่า นี่สิตัวจุดชนวนตัวปัญหา



ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีศิษย์ใหม่เข้ามาจอย ก็มีไอ้พวกฝูงสัตว์เลี้ยงนี่ยังไงเล่า ศิษย์ใหม่ยิ่งเข้ามามากเท่าไร จะไม่วิ่งหนีพวกมันด้วยความกลัวอย่างงั้นหรือ ?? ต่อให้ไม่วิ่งหนีพวกมันด้วยความกลัว ก็เกรงว่าจะถูกพวกมันจับหักแข้งหักขาเข้าซะก่อน



ต่อให้หยาง ซิซูมิได้อยู่ในเหตุการณ์ ยี่ เทียนหยุนก็เชื่อว่าเฟิง ยู่หลงก็จะต้องหาเรื่องเขาอยู่ดี ลองดูจากพฤติกรรมอารมณ์ของเฟิง ยู่หลงนี่ซิ หากว่าเมื่อใดก็ตามที่มีการข่มขู่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการข่มขู่เล็กๆ แต่ยี่ เทียนหยุนก็ถือว่าคนๆนั้นคือศัตรูที่ต้องกำจัด แต่ถ้าหากเป็นการแข็งขัน ปัญหาเหล่านี้ก็อาจที่จะมองข้ามไปได้



ครู่ต่อมาหยาง ซิซูก็นำเขาเข้าสู่หออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ จัดแจงที่พักอาศัย มอบป้ายสถานะ ซึ่งโดยด้านบนของป้าย ก็จะมีการแกะสลักชื่ออันดูหรูหรา ระบุว่าเป็นศิษย์ที่สังกัดแผนกไหน โดยบรรดาคฤหาสน์ระดับท๊อปทั้งหมด ศิษย์จะต้องมีป้ายสถานะพกติดตัว และป้ายสถานะของคฤหาสน์ยอดสวรรค์ ก็เป็นหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ที่เป็นผู้ผลิต และก้ไม่สามารถที่จะนำไปแอบอ้างได้



หากว่าป้ายนี้สูญหาย ก็อาจที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ ศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามากลายเป็นศิษย์นอกของที่นี่ ป้ายนี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนคฤหาสน์ หากว่าเกิดสูญหายก็อาจที่จะได้รับการลงโทษได้



เมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยาง ซิซูก็กลับไปจัดการกับปัญหาของตัวเองต่อ เธอไม่สามารถที่จะอยู่กับยี่ เทียนหยุนโดยตลอดได้ ดังนั้นแล้วเธอจึงมิได้อยู่ที่นี่



เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นยี่ เทียนหยุนที่ใส่หน้ากาก ดังนั้นหยาง ซิซูจึงมิอาจที่จะรู้จักเขา ด้วยเหตุนี้แล้วเธอจึงมิได้อยู่คุยเล่นกับเขา หากว่ายี่ เทียนหยุนสวมใส่หน้ากากดังก่อนหน้านี้ เธอจะต้องหวาดผวาจนตัวลอยอย่างแน่นอน



ยี่ เทียนหยุนนั้นอยู่แต่ภายในห้องพักของตน มิได้เดินออกมาจากห้องพักแต่อย่างใด อันที่จริงแล้วที่เขามาที่นี่ก็มิได้ที่จะต้องการกลายมาเป็นศิษย์ แต่ต้องการที่จะเข้ามาดูสถานการณ์ทั่วๆไปของที่นี่ แต่อย่างน้อยการมาที่นี่ก็ทำให้เขารู้อะไรบางอย่างถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยประทับใจซักเท่าใดนัก ก็เพราะว่านี่ มันช่างเหมือนกับว่า มีหนูตายอยู่ในหม้อซุปซะนี่กระไร หากว่ามีศิษย์อย่างเฟิง ยู่หลงที่คอยเกะกะระรานอยู่ที่นี่แล้วละก็ ก้ช่างนับเป้นความโชคร้ายของคฤหาสน์ยอดสวรรค์ซะจริงๆ



การจัดการทดสอบขึ้นมาก็เพื่อที่จะควานหาเมล็ดพันธ์ุที่ดี แต่ทว่าหากว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่โปร่งใสหรือยุติธรรมแล้ว มันก็จะกลายเป็นวิถีแห่งความโหดเหี้ยม ครึ่งหนึ่งที่ได้ก็จะเป็นพวกกากเดน



หลังจากที่ยี่ เทียนหยุนก้าวออกมาจากห้องพัก เหล่าบรรดาศิษย์นอกก็เหมือนกับจ้องเขาเป็นตาเดียว บรรยากาศมองดูค่อนข้างแปลก บ้างก็เหมือนจะไม่เชื่อ



" เฮ้!! บอส ได้ยินมาว่าท่านเข้ามาวันแรกก็ทุบทำลายสถิติซะแล้ว แถมยังตบหน้าเฟิง ยู่หลงจนซะกระเด็น ปลิวไปอีก สิ่งที่ท่านทำนับได้ว่าช่างยอดเยี่ยมซะจริงๆ !! ข้าเห็นเจ้าบ้านั่น ข้าก็ไม่มีรู้สึกชื่นชอบต่อมันเลย พอรู้ข่าวว่าท่านอบรมสั่งสอนมัน ข้าเลยมีความสุขซะจริงๆ !! " ณ เวลานี้คนหนุ่มผู้นี้ก็ได้มายืนอยู่ข้างๆกับยี่ เทียนหยุน เขาถูมือไปมาพูดอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี รอยยิ้มของเขา มันทำให้เขาดูเป็นคนใจดีมากเลยทีเดียว



ยี่ เทียนหยุนก็มิได้ประหลาดใจอะไร มิใช่เฟิง ยู่หลงแน่ที่เป็นคนพูดข่าวนี้ออกไป แต่ปากของการ์ดเหล่านั้นคงจะไม่อยู่เฉย ทุกๆที่คงจะเต็มไปด้วยประวัติเรื่องราวต่างๆอันสับสนยุ่งเหยิงอยู่เต็มไปหมด นี่ทำให้ทั่วทั้งหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ต่างก็รู้กันทั่วหลังชั่วข้ามคืน นี่ทำให้บรรดาผู้คนทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในอาการช็อค บ้างก็ยังคลางแคลงใจอยู่ บ้างก็คิดว่าข่าวนี้เชื่อถือได้



พวกเขาต่างก็ยังสงสัยในตัวของยี่ เทียนหยุนที่เข้ารับการทดสอบเป็นครั้งแรกอยู่ ก็เพราะว่าศิษย์นอกนั้นยังเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการฝึกฝนได้ !! อีกอย่างระดับความยากของป่าเขาวงกตนี้ก็มิได้จัดว่าเป็นอาเรย์ระดับสูงอะไร นี่จึงทำให้ข่าวนี้ได้รับความแตกตื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



แต่ทว่าอย่างไรก็ตามที ทั้งบรรดาบุคคลที่เชื่อและก็ไม่เชื่อนั้น ต่างก็คุยกันเล่นๆสนุกๆ มิได้ตั้งใจที่จะตามหาความจริงของข่าวนี้แต่อย่างใด และการที่เขาไปรบกวนเฟิง ยู่หลงนั้น !! หรือควรจะพูดให้ถูกว่า ทำร้ายเฟิง ยู่หลง ปัญหานี้มันจะไม่สามารถจบลงโดยง่ายได้อย่างเป็นแน่



เฟิง ยู่หลงนั้นจัดว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ระดับของเขาก็นับว่าไม่เลว จึงไม่มีใครที่นี่ที่กล้าที่จะคุยเล่นกับเขา หรือว่ากลายไปเป็นเพื่อนกับเขา แต่ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับไม่กลัว หนุ่มคนนี้จึงเข้ามาพูดคุยกับยี่ เทียนหยุนในทันทีราวกับเป็นคนรู้จักที่สนิทสนม คุ้นเคย



" ข้าคิดว่าจากบันทึกแห่งประวัติการทดสอบที่ผ่านมา คงจะมีใครบางคนที่ทำลายมันลงได้แล้วใช่ไหม ?? " ยี่ เทียนหยุนนั้นมิได้คิดว่าข่าวของตนเองจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แทบจะรู้กันเกือบหมด



" จริงๆแล้วเป็นเจ้าที่รวดเร็วกว่า..... แต่ทว่าดูจากอายุของเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องติด 1 ใน 3 อย่างแน่นอน เพราะดูยังไงๆเจ้ายังดูเด็กอยู่มาก เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าปีนี้เจ้าอายุเท่าไร ?? " หนุ่มเจ้าเนื้อผู้นี้สอบถาม



เกี่ยวกับคำถามของหนุ่มเจ้าเนื้อคนนี้ จริงๆแล้วยี่ เทียนหยุนก็ไม่อยากตอบ ผู้ที่มีพรสวรรค์นั้นย่อมจะมีอยู่ดาษดื่น เพียงแค่ใครบางคนที่สามารถออกจากป่าเขาวงกตได้อย่างรวดเร็ว ย่อมไม่มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าหากว่าอายุของคนผู้นั้นน้อยกว่าคนโดยเฉลี่ยนี่ซิ นี่จะไม่พิเศษเช่นนั้นหรือ นี่มันอัจฉริยะมารร้ายแต่โดยกำเนิดชัดๆ พรสวรรค์แห่งพลังวิญญาณช่างน่ากลัวเหลือกำลัง



" ปีนี้ข้าอายุ 17 ปีจะย่างเข้า 18 " ยี่ เทียนหยุนนึกแล้วก็ตอบ



" มันต้องอย่างงั้นซิ โครงร่างรูปพรรณสัณฐานของเจ้านี่ ดูๆไปแล้วก็อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น !! " หนุ่มคนนี้ถูมือแล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า " อ้อ !! ข้าเกือบจะลืมแนะนำตัวเองไปซะสนิทเลย ข้ามีชื่อว่า หยาง ยู่ อันดับที่ 83 แห่งหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ ชื่อของเจ้าข้ารู้แล้ว เจ้ามีชื่อเรียกว่า ยี่ เทียนหยุน ซึ่งเป็นชื่อที่ดีจริงๆ "



ยี่ เทียนหยุนก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรที่จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี พฤติกรรมของหยาง ยู่ผู้นี้รุกเร้าเขาน่าดู แต่ตัวเขาก็รู้สึกสนใจถึงอันดับที่หยาง ยู่ผู้นี้ได้เอ่ยมาเป็นอย่างมาก



" ไม่ทราบว่า หาก ณ ตอนนี้ข้าอยากจะไปยังสถานที่ ที่มีคนพลุกพล่านได้หรือไม่ ?? " ยี่ เทียนหยุนสอบถาม



" หากว่าเราเดินมุ่งไปยังด้านข้างของจัตุรัส นี่เจ้าก็จะรู้เอง มากับข้าซิ " หยาง ยู่นำยี่ เทียนหยุนมาที่บริเวณจัตุรัส ณ ที่แห่งนี้จะสามารถมองเห็นแผ่นศิลาจารึกหินพร้อมลายเซ็น แขวนอยู่บนต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก เขาเขียนเป็นชื่อเอาไว้



ยี่ เทียนหยุนกวาดสายตาของเขามองดู ก็เห็นชื่อของตัวเองแขวนอยู่ในอันดับที่ 81 แต่ก็สูงกว่าของหยาง ยู่อยู่ ประชากรทั้งหมดของทั่วทั้งหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์มีไม่มากนัก รวมเขาแล้วทั้งหมดก็มีแค่ 133 คนเท่านั้น แต่ที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในตอนนี้ก็คือ ลำดับที่ 81 !!



อันดับของที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก็เพราะว่ามันสัมพันธ์กับทรัพยากรที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ การทดสอบภายในด่านแห่งป่าเขาวงกต ก็เป็นการทดสอบจัดอันดับ หากตำแหน่งใครสูงกว่า ทรัพยากรที่จะได้รับก็จะมากกว่าตามไปด้วย ดังนั้นแล้วตำแหน่ง ณ ที่นี้จะต้องพยายามอยู่ให้สูงๆเข้าไว้



และแน่นอนว่าเรื่องนี้สำหรับยี่ เทียนหยุนแล้ว ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร แม้กระทั่งลำดับที่ 1 เขาผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์อักขระอักษรรูนศักดิ์สิทธิ์เกรด 5 แล้วที่นี่จะมีใครที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขา ?? เขาเพียงเดินเล่นหลับหูหลับตาเรื่อยเปื่อยไปอย่างงั้นๆเอง



ศิษย์คนไหนที่อยู่ที่นี่ จากนี้เป็นต้นไป เขาจะดึงไปอยู่กับนิกายหยกสวรรค์ให้หมด นี่ก็คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของยี่ เทียนหยุน























 

 


 

 

 

รีวิวผู้อ่าน