px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 5 ดาบวูซู


ตอนที่ 5 ดาบวูซู

 

เช้าวันถัดมา เฉินโจวอี้ลืมตาตื่นขึ้น เขาชะงักไปหลายสิบวินาทีเต็มๆ ในที่สุดเขาก็จำการผจญภัยของเมื่อวานนี้ได้

ถึงแม้ว่าจะตื่นเต็มตาแล้ว แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ทุกอย่างนี้กลับดูเหมือนความฝันอันงดงาม ให้ความรู้สึกดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

เขาลองเรียกหา หนังสือแห่งความรู้ ” อย่างระมัดระวัง

จนกระทั่งแผงคุณสมบัติรางๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขาถึงจะโล่งใจ

“ นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน ฉันไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ ! ”

เขาแอบท่องเบาๆ อยู่ไม่กี่ประโยค หน้าอกของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยแรงที่ไม่รู้จักหมดจักสิ้น

ในตอนนี้เขาพบว่าพลังงานบนแผงได้ปรับสูงขึ้น จากการเพิ่มประสิทธิภาพของเมื่อวานเหลือพลังงานเพียงแค่ 0.2 แต่หลังจากที่นอนเต็มอิ่มมาหนึ่งคืนพลังงานก็เพิ่มขึ้นเป็น0.24

บางทีผ่านไปไม่กี่วัน เขาก็จะสามาถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกครั้ง

เขายื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ตรงหัวเตียง มองดูเวลา พึ่งจะเป็นเวลาตีห้าครึ่ง

ในเวลานี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขายังคงแอบงีบอีกสักหน่อย จนกระทั้งหกโมงครึ่ง ถูกแม่ปลุกให้ตื่นนอน ถึงจะยอมตื่นนอนแบบงัวเงียอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

แต่ในเวลานี้ตอนนี้ เขากลับไม่มีความง่วงนอนเลย

เขารีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

“ ซี๊ด ! ”

วินาทีต่อมา เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อทั่วร่างกายปวดเมื่อยไปหมด แต่ความเจ็บปวดแบบนี้ ทำให้สีหน้าเขาเผยความสุขออกมา

ตามสามัญสำนึก ถ้าเป็นคนอย่างเขาที่ในแต่ละคืนชอบฝึกสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายอยู่หลายรอบ มีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ที่กรดแลคติกหลั่งมากเกินแบบนี้ได้น้อยมาก เหตุผลเดียวสำหรับปรากฏการณ์นี้ก็คือการฝึกในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อมากมายที่เมื่อก่อนไม่เคยได้ออกกำลังกายมาก่อน

นี่เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย อธิบายได้ว่าสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพนั้น เมื่อเทียบกับฉบับที่ได้มาตรฐานแล้ว สามารถออกกำลังกายกล้ามเนื้อทั้งร่างได้ดียิ่งขึ้น

เขากัดฟัน อดทนต่อความเจ็บปวด เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

หลังอาบน้ำเสร็จ ตอนที่แปรงฟันอยู่ เฉินซิงเยว่ใส่ชุดนอนเดินเข้ามา ตาเธอดูกึ่งหลับกึ่งตื่น เดินเข้าห้องส้วมแบบมึนๆ งงๆ ขณะที่เตรียมกำลังจะถอดกางเกงเพื่อเข้าห้องน้ำนั้น

เฉินโจวอี้เห็นดังนั้นจึงรีบกระแอมขึ้นมา

เฉินซิงเยว่ลืมตาขึ้นมาทันที มองไปที่เฉินโจวอี้ สายตาอันแหลมคม อารมณ์ขึ้นนิดๆ จนกระทั่งมองเห็นว่าเป็นพี่ชาย เธอถึงจะทำสีหน้าเหมือนเดิม พลางพูดตำหนิ “ พี่ ฉันเกลียดพี่แล้ว ทำฉันตกใจหมด ”

เฉินโจวอี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกเธอทำให้ตกใจ จนกระทั่งตอนนี้หัวใจเขายังเต้นแรงอยู่เลย ท่ามกลางแรงผลักดันอันน่ากลัวนี้ ตอนที่ตัวเขาอยู่ต่อหน้าเธอ ช่างเหมือนกับกระต่ายขาวที่ไม่เป็นอันตรายอะไร ดูเหมือนว่าพร้อมจะถูกเธอบดขยี้ได้ตลอดเวลา

โชคดีที่นี่คือน้องสาวของเขา เฉินโจวอี้มีความได้เปรียบในเรื่องของจิตใจ ไม่นานเขาก็เก็บอารมณ์ได้ พลางพูดประชดว่า “ นี่ยังมาโทษฉันอีกหรอ เธอเข้าห้องน้ำมาทำไมไม่ดูสักหน่อยล่ะ ? ”

“ ใครใช้ให้วันนี้พี่เป็นคนดีล่ะ ตื่นเช้าขนาดนี้ อีกอย่างพี่ยังเปลือยกายใส่แค่กางเกงชั้นในยืนอยู่ต่อหน้าน้องสาวแท้ๆ พี่ไม่ละอายใจบ้างเหรอ ? ”

เฉินโจวอี้รีบมองไปที่กางเกงชั้นในของตัวเอง เขาหายใจแทบไม่ออก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกพูดไม่ออก

ที่ไหนได้ก็ยังคงเป็นน้องสาวจอมปากจัด เมื่อวานนึกว่าจะเป็นน้องสาวที่น่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว แต่พึ่งผ่านไปแค่วันเดียว ก็เผยธาตุแท้ออกมาซะแล้ว

ในที่สุด เฉินโจวอี้ที่ดูอ้ำๆ อึ้งๆ ทำได้แค่ถลึงตาใส่อย่างไม่เกรงกลัว เขารีบแปรงฟันให้เสร็จ ฟึดฟัดอยู่พักหนึ่ง แล้วกลับห้องของตัวเองไป

           ……

“ พ่อครับ! แม่ครับ! ผมไปโรงเรียนแล้วนะ ”

หลังจากรับซาลาเปาที่แม่ของเขาซื้อมาให้ในตอนเช้าแล้ว เขาก็หยิบเข้าปากไปด้วย พลางจูงจักรยานออกมาข้างนอกไปด้วย

“ ปั่นจักรยานระวังๆ นะ ”

“ รู้แล้วครับ !  

ซาลาเปาไส้เนื้อสี่ลูกใหญ่ยัดลงไปในท้อง กลับพบว่ายังหิวอยู่ เขาจึงต้องซื้อกินเพิ่มอีกห้าลูกที่ร้านขายของกินเล่น ถึงจะรู้สึกอิ่ม

           ……

ซุนซินเดินมาถึงห้องเรียนก็พูดบ่น “ เมื่อวานนี้นายไม่มา ฉันโกรธมากนะ มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะขึ้นไปอยู่ระดับทองน่ะ ผลก็คือเจอกับเด็กประถมเข้า ตอนนี้ถูกลดระดับเป็นระดับเงินอีกละ”

เฉินโจวอี้ท่องภาษาอังกฤษไปด้วย แล้วพูดไปด้วยว่า “ มีอะไรให้โกรธเนี่ย ก็แค่เกมไม่ใช่เหรอ แค่ไล่ตามอีกสักตาก็ได้แล้วนี่ ”

แม่ของเขาเข้มงวดมาก เรื่องเกมปกติเขาจะเล่นน้อยมาก และก็ไม่มีเงื่อนไขให้เล่นด้วย ยกตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ ที่บ้านเขาไม่มีแม้แต่เครื่องเดียว ส่วนโทรศัพท์มือถือ เป็นเครื่องเก่าที่พ่อกับแม่ของพวกเขาไม่ใช้แล้ว ทำได้แค่เล่นอินเทอร์เน็ต โทรเข้าโทรออก เพราะกลัวว่าเขาจะเรียนไม่ดี

“ นาย คุยกับนายก็คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกสินะ ? ” ซุนซินหดหู่มากพอแล้ว ในเวลานี้เองเขาก็ทำท่าทีราวกับค้นพบโลกใบใหม่ “ เอ๊ะ ? วันนี้ทำไมตั้งใจขนาดนี้ล่ะ ถูกกระตุ้นมาเหรอ ? ”

ปกติถ้าเทียบกับเขา ถึงแม้ว่าเฉินโจวอี้จะนับว่าตั้งใจ แต่ก็ไม่สามารถตั้งใจได้จนถึงระดับนี้ ขณะที่พูดกับเขาอยู่ ในใจแบ่งการใช้ออกเป็นสองส่วน ปากก็ท่องคำศัพท์ไปด้วย ในใจก็ท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่

“ ตอนนี้ ม.6 แล้ว ถ้าไม่ตั้งใจก็จะสายไปนะ ! ” เฉินโจวอี้พูดโดยไม่หันมามอง ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยพลังเต็มเปี่ยม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง

ไม่ว่าจะเป็นผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด หรือว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัย อย่างน้อยเขาจะต้องสอบผ่านหนึ่งอย่าง

ซุนซินหัวเราะ วางกระเป๋านักเรียนลงแล้วทำเป็นไม่สนใจ

คำพูดแบบนี้ของเฉินโจวอี้ เขาฟังไปหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะมีความคึกอยู่แค่สามนาทีเท่านั้น ไม่กี่วันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

          ……

ตอนบ่าย ที่สนามบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมตงหนิงหมายเลข 5

หุ่นยางรูปคนนับสิบอัน วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสองแถว

เด็กหนุ่มและเด็กสาวแต่ละคนที่สวมชุดเครื่องแบบนักเรียน ในมือถือดาบไม้ แทงเข้าไปที่หุ่นยางรูปคนอย่างต่อเนื่อง

“ ฮ้า ! ฮ้า ! ” เสียงดังขึ้นไม่รู้จบ

ชายวัยกลางคนรูปร่างแข็งแรงกำยำที่สวมชุดกีฬา เดินไปเดินมาท่ามกลางกลุ่มคน คอยปรับแก้ท่าทางการเคลื่อนไหวให้เป็นครั้งคราว

คุณสมบัติในการทดสอบอาวุธเหล็กกล้าของชาวยุทธฝึกหัด นอกจากที่ต้องทดสอบเรื่องคันธนูและลูกศรแล้ว อาวุธสั้นอื่นๆ ก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ดาบ ไม่ว่าจะเป็นมีด ดาบหรือว่าปืน หรือแม้กระทั่งกริช อาวุธอะไรก็ได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามในบรรดานั้น ดาบถือเป็นอาวุธที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คนที่ใช้อาวุธอื่นมีน้อยมาก รวมถึงคุณครูพละของชั้นเรียนเขา ที่เก่งเรื่องวิชาดาบยาว ดังนั้นการสอนการใช้อาวุธเหล็กกล้าในศิลปะการต่อสู้ของพวกเขานั้นจึงสอนแค่การใช้ดาบ

เฉินโจวอี้แทงไปที่หุ่นยางอย่างตั้งใจ จนทำให้หุ่นยางเอนไปเอนมา

หุ่นยางชนิดนี้มีโครงสร้างร่างกายแบบมนุษย์ แต่ร่างกายส่วนล่างไม่มีเท้า มีแค่ฐานรูปโดม ภายในอัดแน่นไปด้วยโลหะหลายสิบกิโลกรัม เหมือนกับตุ๊กตาล้มลุกหนึ่งตัว ที่ต่อให้ใช้แรงมากแค่ไหน มันก็ไม่มีวันล้ม

“ ทุกครั้งที่ก้าวเข้าไปแทงอย่างแม่นยำ มันคือการแสดงถึงการประสานงานของกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย ”

“ ตอนที่ก้าวเข้าไปแทง ไม่ต้องใช้กำลังที่มากจนเกินไป ไม่ใช่ว่ายิ่งใช้แรงเยอะยิ่งดี ลองสัมผัสการใช้แรงของตัวเองให้ดี ว่ากล้ามเนื้อมันทำงานประสานกันไหม จากนั้นค่อยหาจังหวะที่กล้ามเนื้อทำงานประสานกัน ”

“ จากฝ่าเท้าด้านซ้ายที่เหยียบพื้น ขึ้นไปถึงสะโพก มาถึงเอว จนไปที่หน้าอกและมาถึงหัวไหล่ จนถึงนิ้วมือ ลองรู้สึกดูว่ากล้ามเนื้อแต่ละส่วนได้ออกแรงไหม แต่ละส่วนใช้แรงประสานสัมพันธ์กันหรือเปล่า ”

“ ร่างกายของมนุษย์เต็มไปด้วยคันโยก จะใช้แรงที่น้อยที่สุดเพื่อส่งเสริมให้เกิดแรงที่มากที่สุดได้อย่างไร พลังเพิ่มขึ้นมาจากส่วนล่างจนสุดท้ายพุ่งมาอยู่ที่ปลายดาบ ! ”

“ ถ้าหากทุกคนสามารถ ” เข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน “  จนอยู่ในขั้นที่ชำนาญแล้ว มาถึงขั้นตอนนี้มันก็ค่อนข้างง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่ งั้นก็ทำได้แค่ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ”

คุณครูพละอธิบายถึงคุณสมบัติเกี่ยวกับการแทงดาบ ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่ซ้ำซากน่าเบื่อ เฉินโจวอี้ท่องได้คล่องตั้งนานแล้ว

ในยุคแห่งโลกอินเทอร์เน็ต ความรู้มีราคาถูก ตราบใดที่นิ้วยังคงเคลื่อนไหวได้เบาๆ ก็สามารถค้นหาความรู้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอหรือตัวหนังสือที่ใช้สอนต่างก็มีหมด

แต่รู้ก็แค่รู้แหละ ถ้าจะทำให้สำเร็จก็คงยังเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อยู่ รวมถึงเขาด้วย คนส่วนใหญ่ไม่สามารถแทงดาบวูซูได้ตรงตามมาตรฐานของมัน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวท่าพื้นฐานที่สุดของวิชาดาบนี้ก็ตาม

วิชาดาบขั้นเริ่มต้นยากที่สุด ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คุณสมบัติทางกายผ่าน แต่กลับต้องมาตกม้าตายในด่านนี้

สำหรับ “ เข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน ” นั้นก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ขนาดแค่เฉินโจวอี้ทำสมาธิเพียงอย่างเดียวก็ยังเกิดความขัดแย้งมากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเพ่งไปยังจิตใจเพื่อเจริญสติ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่มาตอบสนองการ 'หลอมรวม' ร่างกายได้

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างราบรื่นของคนอื่น กล้ามเนื้อของเฉินโจวอี้นั้นแข็งราวกับก้อนหิน เกือบจะน่าเวทนาจนเกินกว่าจะดูได้

แต่เขาก็ยังคงตั้งใจแทงดาบเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งใจสัมผัสการออกแรงของร่างกาย ทำให้การเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับมาตรฐานมากขึ้น

โชคดีที่ซุนซินที่อยู่ข้างๆ ดูจะทนไม่ไหวยิ่งกว่า รวมถึงจ้าวอี้เฟิงที่อยู่ด้านหน้า ทำให้เขารู้สึกสบายใจ

ไม่นาน เวลาหนึ่งคาบเรียนก็สิ้นสุดลง

ทั้งสามคนเดินกลับไปห้องเรียนด้วยกัน

“ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ! วิชาศิลปะการต่อสู้ไม่เห็นมีความสนุกเลย สู้เข้าเรียนก็ไม่ได้ ” จ้าวอี้เฟิงหอบหายใจถี่และสบถออกมา ใบหน้าอ้วนดำเต็มไปด้วยความมันและเหงื่อ

“ นายน่าจะลดความอ้วนบ้างนะ ” เฉินโจวอี้เหลียวมองแวบหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา  “ ดูเหมือนว่าสาวๆ จะไม่ชอบคนอ้วนนะ ”

“ นายพูดอย่างกับว่ามีคนมาชอบนายงั้นแหละ ” จ้าวอี้เฟิงพูดย้อน

เฉินหนิงอี้: …...

 

เฉินหนิงอี้อยู่ในห้องเรียนนี้ไม่พูดไม่จาอะไร ราวกับร่างโปร่งแสง นอกจากพูดคุยอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นกับเพื่อนๆ ทั้งสองคนของเขาแล้ว ปกติเขาจะเงียบไม่พูดอะไร บางครั้งมีผู้หญิงมาทักทายเขาสักครั้ง เขาถึงจะอายหน้าแดง

“ พวกนายว่า ผู้หญิงมีรสชาติยังไง ” ซุนซินที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดแทรกขึ้นด้วยความสงสัย

“ นี่ง่ายจะตายไป จ่ายเงินให้สักหน่อยก็รู้แล้ว ” จ้าวอี้เฟิงพูดด้วยสีหน้าหื่นกระหาย “ ฉันรู้จักที่ที่ไม่เลวอยู่ที่หนึ่ง ปลอดภัยมาก วันหลังพวกเราไปด้วยกันดีไหม ! ”

“ ฉันไม่เอาด้วยคนนะ ที่แบนนั้นฉันไม่ไปเด็ดขาด ” เฉินโจวอี้ตกใจรีบพูดขึ้น

เขาไม่กล้าไปอย่างเด็ดขาด พอคิดถึงที่แบบนั้นแล้ว เขาก็คิดโยงไปถึงพวกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แล้วก็คิดไปถึงพวกตำรวจ คิดไปถึงความผิดหวังของพ่อกับแม่ และการดูถูกเหยียดหยามจากน้องสาว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันสุดท้าย แค่คิดถึงภาพนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นละ

บางทีนี่อาจเป็นจุดจบของโลกก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละนะ

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน