px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 53 เป้าหมาย คือการชนะเลิศ!!


รูปแบบแรกของ 9 มังกรจักรพรรดิสงครามคือ พญาอสรพิษ ซึ่งเน้นให้ร่างกายของผู้บ่มเพาะนั้นแข็งแกร่งทรงพลังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วอีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นของร่างกายระดับสูงสุด

ตอนนี้การเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฮย ได้สะท้อนเข้าสู่ดวงตาของหลิงเทียนทำให้เกิดสภาวะ หยั่งรู้โดยฉับพลัน หรือตรัสรู้ขึ้นมานั่นเอง

ตอนนี้เขารู้แจ้งในสิ่งที่คลุมเครือในอดีตได้อย่างแจ่มแจ้ง

ปัง!!

เมื่อเกิดภาวะหยั่งรู้ร่างกายของหลิงเทียนก็เคลื่อนไหวออกมาด้วยภาวะลืมตัวตน มันค่อยๆส่ายไปส่ายมาเหมือนการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฮย พร้อมทั้งโคจรพลังงานในร่างกายตามไปด้วย ...

หลิงเทียนเริ่มบ่มเพาะพลังภายใต้สภาวะรู้แจ้ง

และนี่คงจะเป็นอีกคืนที่หลิงเทียนไม่ได้นอน

ตอนนี้จิตใต้สำนึกของเขากำลังทำความเข้าใจกับการรู้แจ้งและพยายามตามความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ที่กำลังเปลี่ยนไปด้วยความเร็วสูงสุดหยั่ง

โลหิตในร่างกายของหลิงเทียนสูบฉีดหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของมันเต้นรัวราวกับกลองศึก ...

กายเนื้อของเขากำลังเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง!

หลิงเทียนเองก็ไม่รู้ว่ากระบวนการนี้จะกินเวลานานแค่ไหน เขาได้แต่หมุนวนโคตรพลังตามวิถีบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงครามรูปแบบพญาอสรพิษไปเรื่อยๆ เมื่อแสงแดดสอดส่องเข้ามา กระบวนการปรับปรุงร่างกายของ หลิงเทียนก็เสร็จสิ้นพอดี

ตอนนี้หลิงเทียนสังเกตได้ว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกอย่างมาก

ของเหลวเหนียวเหนอะหนะสีดำเปรอะเปื้อนเต็มไปทั่วร่างกายของเขา ซ้ำร้ายมันยังส่งกลิ่นเหม็นอย่างมาก ...หากให้บรรยายคงไม่ต่างจากสุนัขเน่าตายสักเท่าไร

เขารีบถอดเสื้อผ้าออกและลงไปอาบน้ำล้างตัวถังน้ำอย่างเร่งรีบ และพยายามทำความสะอาดร่างกายอย่างเร่งด่วน

หลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จสิ้นหลิงเทียนก็กำหมัดขึ้นมา ทดสอบพละกำลังของตัวเอง!

ในขณะที่หลิงเทียนเร่งพลัง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาดูเหนือศีรษะตัวเอง

ครืนนนนน!

พลังงานฟ้าดินอันเป็นพลังงานบริสุทธิ์จากสวรรค์และโลกตอบรับกับคลื่นพลังและความแข็งแกร่งในร่างกายของเขา ก่อเกิดเป็นภาพเงาร่างแมมมอธโบราณถึง 3 ตัวอย่างชัดเจน ...ภาพเงาร่างแมมมอธโบราณของหลิงเทียนดูมีชีวิตชีวาราวกับ ช้างแมมมอธโบราณยังมีชีวิตอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อหลิงเทียนลองควบคุมความแข็งแกร่งโดยลดกำลังของเขาลง ภาพเงาร่างแมมมอธโบราณ ก็หายไป 1 ตัว

เมื่อเขาลองลดระดับกำลังลงอีกครั้ง เงาร่างแมมมอธโบราณก็หายไปอีก 1 ตัว

“ยอดเยี่ยม!” หลิงเทียนตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ เขาสามารถควบคุมระดับพลังงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถจำกัดพลังได้อย่างไร้ที่ติ

หลิงเทียนรีบลุกขึ้นยืนและสวมใส่เสื้อผ้า รอยยิ้มที่เบิกบานฉายชัดบนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา

ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ!

ก่อนที่การประลองประจำตระกูลจะเริ่มต้นขึ้น หลิงเทียนสามารถตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกาย ขั้นที่ 9 ได้ทันท่วงที

ที่สำคัญ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับ ช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว!

ทฤษฏีฝืนกฎสวรรค์ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพ มันสำเร็จอีกทั้งยังสมบูรณ์แบบอย่างงดงาม!!

แซ่กกกก!

เสียงขยับร่างกายดังขึ้นก่อนที่หลิงเทียนจะหันไปดู ก็พบว่า เสี่ยวเฮยสั่นไหวร่างกายเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งเข้ามารัดพันข้อมือของเขาด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งยังเลื้อยขึ้นมาด้วยท่าทางผงกหัวพร้อมทั้งแลบลิ้น แผล่บๆ ...

การกระทำของงูน้อยนี้...มันราวกับจะถามหาความดีความชอบจากหลิงเทียน ที่มันมีส่วนช่วยให้หลิงเทียนตัดผ่านได้อย่างงดงาม หลิงเทียนเห็นดังนั้นมันก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"หลังจากการประลองประจำตระกูลจบลง ข้าจะเลี้ยงอาหารชั้นเลิศให้เจ้ากินจนพุงกางเป็นอย่างไร เสี่ยวเฮย"

หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมกับลูบไปตามร่างของเสี่ยวเฮย อย่างนิ่มนวล

เสี่ยวเฮยหลับตาพริ้มราวกับมันมีความสุขและเพลิดเพลินอย่างมาก

"โปรดกลับไปเถิด! ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน!"

ทันใดนั้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของเค่อเอ๋อพลันดังขึ้น

หลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

นับตั้งแต่เค่อเอ๋อติดตามเขามา นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่หลิงเทียนได้ยินน้ำเสียงเค่อเอ๋อโมโหอย่างจริงจังเช่นนี้ ใครมันกล้าทำให้เค่อเอ๋อมีโทสะกัน?

หลิงเทียนเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยความเร็ว

เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ที่ประตูบ้าน หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเทาลายปักเงิน เมื่อวันก่อน

“พี่ชายของข้าคิดถึงเจ้ามากจึงมาชักชวนเจ้าให้ไปลานประลองด้วยกันกับเขา ข้าเองก็เชิญท่านด้วยความสุภาพใยท่านจึงแล้งน้ำใจเช่นนี้กันเล่า โธ่"

ชายหนุ่มที่สวมชุดเขียวพยายามกล่าวกับเค่อเอ๋อด้วยความกรุ้มกริ่ม ตอนนี้ท่าทางของเค่อเอ๋อดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมาก

"นายน้อย!"

แต่ทันใดนั้นเค่อเอ๋อก็เหลือบไปเห็นหลิงเทียนที่กำลังเดินออกมาจากห้องใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที

เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าไม่แยแสและหันไปคุยกับเด็กหนุ่มที่พึ่งเข้ามา ชายชุดเขียวถึงกับกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ "ข้ากำลังกล่าวถามเจ้าอยู่นะ!"

"ไสหัวไป ไอลูกสำส่อน!"

หลิงเทียนตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้แววตาของเขาเยือกเย็นอย่างมาก ชายชุดเขียวเมื่อได้ยินเด็กน้อยตรงหน้ากล่าวด่ามันก็บันดาลโทสะขึ้นมา

"เด็กน้อย เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!"

แววตาของชายหนุ่มชุดเขียวเต็มไปด้วยความโกรธ ตอนนี้มันคิดจะลงมือสั่งสอนเด็กน้อยตรงหน้าให้รู้จักสัมมาคารวะ

ปับ!

แต่ทว่าในขณะที่ชายหนุ่มชุดเขียวกำลังจะลงมือนั้น ชายชุดเท้าปักลายเงิน ก็แตะที่บ่าของเขาเบาๆ

ชายหนุ่มชุดเทาคนนั้นหันไปหาหลิงเทียนแล้วกล่าวออกมาอย่างสุภาพ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง "เจ้าไม่คู่ควรกับนาง!"

"แล้วจะบอกว่าน้ำหน้าอย่างเจ้ามีค่าพอเช่นนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า?"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะดังสนั่น

ต่อหน้าเขาใครกล้าหยิ่ง!

ดวงตาของลี่อันฉายแววอำมหิตเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ "ถูกต้อง ข้าลี่อันยามอายุ 18 ก็ได้อันดับที่ 2 ของรุ่น เจ้าเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่ได้มีตำแหน่งรางวัลอันใด ยังคิดว่าตัวเองคู่ควรกับนางเช่นนั้นหรือ ใสหัวไปจากนางแต่โดยดีแล้วทิ้งนางไว้ให้ข้าดูแลจักประเสริฐกว่า เพื่ออนาคตของนางด้วย "

“แค่สวะ อันดับ 2 เท่านั้น? อย่างเจ้ายังมีน้ำหน้าคุยโวโอ้อวดอีกรึ เพียงได้แค่อันดับที่ 2 ...เจ้าโง่จำใส่กะโหลกกลวงๆของเจ้าเอาไว้ โลกใบนี้ไม่เคยจดจำอันดับที่ 2 มีเพียงอันดับ 1 เท่านั้นที่ผู้คนเขาจะจดจำ เจ้าไปคุยโวโอ้อวดกับใคร เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเขาจะชื่นชมทั้งๆที่เจ้าเป็นแค่ ที่ 2 โง่งมนัก "

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาดังลั่น

“เฮอะปากดีไปเถิด ในการประลองประจำตระกูลจงภาวนาอย่าให้เจอข้าแล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะชโลมดาบ 3 เชียะของข้าด้วยเลือดหัวของเจ้า! อย่าคิดว่าตัวเจ้านั้นโดดเด่นเพียงเพราะก้าวไปสู่ระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่านั้น.....ข้าจะบอกอะไรให้นะเด็กน้อย 9 ขั้นตอนแรกของระดับบ่มเพาะร่างกายเป็นแค่พื้นฐานของพื้นฐานเท่านั้น...ในเส้นทางของผู้แสวงหาเต๋าแห่งการต่อสู้ เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อยหัดเดินไม่ได้รู้เรื่องราวอันใดอย่าทะนงตนให้มากไปนัก”

ลี่อันหัวเราะเยาะออกมาก่อนที่มัน จะหันหลังจากไป

ดวงตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ตอนนี้มันอดกลั้นกับคำกล่าวของลี่อันอย่างมาก...มันพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิต

“ชโลมเลือดข้าด้วยดาบ 3 เชียะงั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าจะได้สนทนากับกระบี่ข้า..แต่หวังว่าคงมีค่าพอให้ข้าชักกระบี่”

"นายน้อยท่านตัดผ่านแล้วหรือเจ้าคะ?"

เค่อเอ๋อรู้สึกตกใจเล็กน้อย

"ใช่แล้ว ข้าพึ่งตัดผ่านเช้านี้เอง"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับพร้อมพยักหน้าเบาๆ

"เค่อเอ๋อ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นรึ?" หลิงเทียนกล่าวถามออกมา

"พวกมันมาขอให้ข้าเดินทางไปสนามประลองกับพวกมัน แต่ข้าปฏิเสธไป คนชุดเขียวเลยเริ่มข่มขู่ข้าเจ้าค่ะ "

ในขณะที่กล่าวถึงชายทั้งสองคน แววตาเค่าเอ๋อเต็มไปด้วยความรังเกียจ

"ครั้งต่อไปเจ้าไม่ต้องไปเสวนากับพวกมัน เพียงแค่ไม่แยแสพวกมันก็พอ "

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"เจ้าค่ะนายน้อย ข้าขอไปช่วยนายหญิงในห้องครัวก่อนนะเจ้าคะ "

เค่อเอ๋อพยักหน้าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งเข้าครัวด้วยความเร็วราวกับสายลม

ในระหว่างมื้อเช้า

"ลูกเทียน เจ้าต้องระวังไว้นะลูก ลี่อันย่อมสร้างปัญหาให้เจ้าตอนประลองอย่างแน่นอน"ลี่หลัวกล่าวเตือนหลิงเทียนด้วยความเป็นห่วง

"ข้ารู้ท่านแม่" ต้วนหลิงเทียนตอบรับอย่างไม่สนใจ

“ลูกเทียน เจ้าอย่าได้ประมาทเพียงเพราะเจ้าสามารถฆ่าฟางเจี้ยนในเมืองวายุโปรยนะลูก ... ถึงแม้ฟางเจี้ยนจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับก่อกำเนิดและสามารถใช้ความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 แต่ว่า..หากเทียบกับลี่อันแล้ว วิชาของเขามีระดับแตกต่างกันอย่างมาก ตามความเห็นของข้า สิบฟางเจี้ยนอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลี่อัน” ลี่หลัวกล่าวออกมาอย่างเป็นห่วง

ต้วนหลิงเทียนเพียงแต่ยิ้มรับเบาๆเท่านั้น

เรื่องนี้เขาย่อมรู้อยู่แล้ว

ถึงแม้ระดับความแข็งแกร่งและแรงที่ทั้งสองมีจะไม่แตกต่างกัน คือระดับช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว แต่ทว่าด้วยความแตกต่างของระดับวิชาที่ใช้ออก ลี่อันคงสามารถสังหารฟางเจี้ยนได้ใน 1 กระบวนท่า หากใจวิชาโจมตี

ยิ่งถ้าลี่อันใช้ออกด้วยวิชาป้องกัน ถึงจะยืนเฉยๆให้ฟางเจี้ยนโจมตี เกรงว่าวันนี้ทั้งวันฟางเจียนคงไม่มีปัญญาทำอะไรลี่อันได้

แล้วถ้าลี่อันใช้ออกด้วยวิชาท่าร่าง ฟางเจี้ยนคงได้แต่สูดดมฝุ่นดินเท่านั้น

นี่คือความแตกต่างของระดับวิชาต่อสู้

วิชาต่อสู้ระดับสูงขึ้น ยิ่งสร้างความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธ์

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับเท่านั้น นั่นทำให้ลี่หลัวเริ่มกังวลอย่างมาก นางจึงรีบหาแนวร่วมทันที

"เค่อเอ๋อ เจ้ารีบช่วยข้าเตือนเขาอีกแรงเร็วเข้า"

ลี่หลัวตัดสินใจให้เค่อเอ๋อช่วยบอกลูกชายตัวดีของนางทันที

"นายหญิง ข้าเชื่อมั่นในตัวนายน้อยเจ้าค่ะ"

ทว่าเด็กสาวกลับตอบมาเพียงประโยคเดียว และที่สำคัญมันยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของหลิงเทียน

"เฮ่อ...ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าลูกเทียนเอายาเสน่ห์อันใดให้เจ้ากินกันแน่"

ลี่หลัวมีทีท่าท้อแท้

"ท่านแม่อย่าได้กังวลเลย ท่านสบายใจได้ ลูกชายของท่านมีแต่จะเอาชนะผู้อื่น หลังจากจบการประลองประจำตระกูล ข้ารับรองว่าข้าจะนำรางวัลชนะเลิศมามอบให้ท่านได้ชื่นใจอย่างแน่นอน"

หลังจากกินอาหารเสร็จหลิงเทียนกล่าวให้กำลังใจมารดาอีกครั้ง?? ก่อนที่มันจะเดินทางไปสนามประลองพร้อมกับเค่อเอ๋อ

ในระหว่างการเดินทางไปสนามประลอง..

"นายน้อยนั่นพี่หญิงฉีฉี นี่เจ้าคะ"

ทั้งสองได้พบลี่ฉีฉีที่กำลังเดินไปเช่นกัน

ตอนนี้การเดินทางจากสองคนเลยกลายเป็น 3 คน...นับว่าหลิงเทียนสร้างความอิจฉาริษยาแก่บุรุษเพศยิ่งนัก

"ในการประลองประจำตระกูลรอบที่ 2 นั้น นอกจากสาวกสายนอกที่เพิ่งเลื่อนเป็นสาวกสายในทั้ง 30 คนแล้ว พวกเรายังต้องประลองกับสาวกสายในที่ลงแข่งขันด้วยอีกจำนวน 56 คน มันเป็นการประลองแบบพบกันหมด ... จากที่ข้าได้รู้ข่าวมา ตอนนี้สาวกสายในมีถึง 5 คนแล้ว ที่อยู่ในระดับก่อกำเนิด"

ลี่ฉีฉีรีบกล่าวข้อมูลที่นางรู้ออกมา

ต้วนหลิงเทียนทำเพียงพยักหน้าตอบรับเบาๆ

"ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีหวังที่จะได้เป็น 3 อันดับแรกเลย ระดับก่อกำเนิดไม่ใช่อะไรที่ระดับการบ่มเพาะร่างกายสามารถเทียบเคียงได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือ การก้าวเข้าไปอยู่ใน 10 อันดับแรกเท่านั้น สำหรับเจ้าและน้องหญิงเค่อเอ๋อคงไม่มีปัญหาใดๆ ที่จะติดอันดับ 1 ใน 10... เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าว่า เจ้ามีความมั่นใจที่จะเอาชนะลี่ควงและได้อันดับ 6 หรือไม่? "

ลี่ฉีฉีกล่าวถามออกมา

อันดับหก?

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม

"อะไรกัน?"

ลี่ฉีฉีสับสนอย่างมาก

"ข้าไม่คิดว่าจะได้รับอันดับ 6" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ

"แล้วเจ้าคิดว่าจะได้อันดับใดกัน?" ลี่ฉีฉีกล่าวถาม

"ชนะเลิศ!"

หลิงเทียนตอบออกมาอย่างมั่นใจ แววตาเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

ลี่ฉีฉีพลันแสดงสีหน้าโง่งมออกมา

ชนะเลิศ?

แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองยังมีด้านเพ้อฝันกับเขาด้วย?...คำตอบของมันเหนือจินตนาการลี่ฉีฉีไปไกล

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…."

ทันใดนั้นเองด้านหลังของทั้งสามคนพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ...เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

ร่าง 2 ร่างเดินผ่านทั้ง 3 ที่หยุดอยู่ ไปอย่างรวดเร็ว

มันคือสองพี่น้อง ลี่เซียวและลี่ซ่ง

เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้ยินสิ่งที่หลิงเทียนกล่าว

"ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าอยากชนะเลิศสิ่งแรกที่ต้องทำคือเอาชนะข้าให้ได้ก่อน ... ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอเจ้า!"

ลี่ซ่งเหลือมองหลิงเทียนเล็กน้อย แววตามันเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

แต่หลิงเทียนนั้นเมินลี่ซ่งอย่างสิ้นเชิง

เขาชอบใช้การกระทำพิสูจน์ข้อเท็จจริง สงครามน้ำลายนั้นเขาไม่คิดจะเข้าร่วมให้เสียเวลา

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนและสองสาวก็มาถึงสนามประลอง

สนามประลองย่อยทั้ง 30 ก็ยังไม่ได้รื้อถอน

ปัจจุบันสนามประลองทั้ง 30 กลายเป็นที่ให้เหล่าสาวกในตระกูลที่สนใจมาร่วมชมการประลอง

ไม่นานนัก สามอาวุโสที่เป็นผู้คุมกฎและผู้ตัดสินก็มาถึง

ส่วนกรรมการผู้ตัดสินทั้ง 30 ท่านจากสนามประลองย่อยก็ตามมาทางด้านหลัง

"เงียบ"

ชายชราคิ้วขาวส่งเสียงดังสั่นสะท้านไปทุกผู้คน

ภายในพริบตาทั่วทั้งลานประลองก็มีแต่ความเงียบ

"การควบแน่นพลังงานต้นกำเนิด จนบีบให้สั่นสะเทือนออกมาเป็นน้ำเสียงเช่นนี้ มีแต่คนระดับ กำเนิดแก่นแท้ เท่านั้นที่สามารถกระทำได้"

หลิงเทียนมองไปยังชายชราคิ้วขาวด้วยความสนใจเล็กน้อย

"วันนี้สาวกชั้นใน ทั้งหมดของตระกูลที่เข้าร่วมการแข่งขันที่มีอายุอยู่ระหว่าง 16-18 ปีจะทำการประลองฝีมือ เพื่อค้นหาผู้แข็งแกร่ง 10 อันดับแรก ผู้แข็งแกร่ง 3 อันดับแรก และก็ผู้ชนะเลิศ หวังว่าพวกเจ้าจะทำการประลองกันอย่างขาวสะอาด และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมตระกูลอย่าได้ลงมือด้วยความอำมหิตให้มากเกินไป ผู้ชนะตามที่ข้ากล่าวมา จะได้รับรางวัลที่คุ้มค่าเหนื่อยอย่างแน่นอน" ชายชราคิ้วขาวค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

ต่อจากนั้น อาวุโสคุมกฎที่เหลือก็ค่อยๆบอกกล่าวถึงของรางวัลที่จะได้รับ ตั้งแต่ผู้ชนะเลิศ ผู้แข็งแกร่ง 3 คนแรก ผู้แข็งแกร่งทั้ง 10 คน

ต้วนหลิงเทียนนั้นรู้เรื่องนี้นานแล้วเลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร

แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ รางวัลที่ผู้อาวุโสเอ่ยออกมานั้น สร้างความตื่นเต้นและ กำลังใจให้แก่พวกมันอย่างมาก

"เอาล่ะการประลองประจำตระกูลวันนี้มีกฎการให้คะแนนเพียงข้อเดียว ทุกๆชัยชนะพวกเจ้าจะได้รับ 1 คะแนน หากแพ้จะเสีย 1 คะแนน สุดท้ายการจันอันดับก็จะวัดกันที่คะแนนของแต่ละคน สำหรับคำถามเกี่ยวกับความเป็นธรรมนั้น พวกเจ้าไม่ต้องกังวล สาวกสายในทั้งหมด 86 คนไม่ว่าอย่างไรหากไม่เกิดอุบัติเหตุย่อมได้ประลองทั้งหมดคนละ 85 ครั้ง "

ชายชราคิ้วขาวเอ่ยกฎออกมา

ไม่นานนักหลายคนได้แต่สูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก

ประลองถึง 85 ศึก ...

นี่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนๆต้องประลองแบบพบกันหมด อีกทั้งยังต่อสู้ติดต่อหรืออย่างไร?

คงได้เหน็ดเหนื่อยกันแทบตายแล้ว!

"ไม่ต้องตกใจ ปีนี้การประลองประจำตระกูลจะกินเวลาทั้งสิ้น 3 วัน ทางตระกูลได้วางแผนมาอย่างดีเพื่อจำกัดการประลองให้แต่ละคนนั้นไม่เกิน 30 ครั้งต่อหนึ่งวัน " ชายชราคิ้วขาวค่อยกล่าวออกมา

ตอนนี้เหล่าสาวกที่จะต้องทำการประลองถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

"เอาล่ะตอนนี้ผู้คุมกฎที่เหลือจะขานชื่อเพื่อเรียก สาวกที่จะทำการประลองกันออกมา หากขานแล้วไม่มีการตอบสนองจะตัดสินว่าพ่ายแพ้" หัวหน้าผู้คุมกฎกล่าวออกมา

ทันใดนั้น สามสิบผู้คุมกฎที่เป็นกรรมการตัดสินก็เริ่มทำการขานชื่อออกมา

การประลองครั้งแรกนั้นมีนามที่หลิงเทียนคุ้นหูอยู่ด้วย

ลี่หยวน

....ขอถามความชอบหน่อยครับ ระดับ กำเนิดแก่นแท้ นี่ลื่นหูไหม หรือจะเอาเป็น แก่นแท้ก่อกำเนิด

เพราะคนคงได้ยินคำว่าแก่นแท้ลมปราณ ไรงี้มากกว่า ตอบด้วยเด้อ เกิน 20 โหวดจะเปลี่ยนให้ ไม่มีใครตอบผมเอาแบบเดิมนะ!!

รีวิวผู้อ่าน