px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 54 ชนะรวด!!


คู่ต่อสู้คนแรกของลี่หยวนเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี

ทั้งสองร่างต่างพุ่งเข้ามาหวังจู่โจมอีกฝ่าย

เหนือศีรษะของพวกเขาปรากฏภาพเงาร่างแมมมอธโบราณที่ไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไร

เพียงกระบวนท่าแรกความแตกต่างของคนทั้งคู่ก็ประจักษ์ออกมาทันที ดูเหมือนความเร็วของวิชาท่าร่างลี่หยวนจะเหนือกว่าเล็กน้อย ...

หลังจากลงมืออีกไม่กี่กระบวนท่า ลี่หยวนก็สบโอกาสเคลื่อนกายไปยังด้านหลังที่เป็นจุดอับของคู่ต่อสู้

ฝ่ามือขยี้ใจ!

พลังฝ่ามือของลี่หยวนได้ปะทะเข้ากลางหลังของอีกฝ่ายอย่างจัง จนคู่ต่อสู้กระเด็นออกไปนอกสนามประลองพ่ายแพ้ในทันที

"ผู้ชนะ ลี่หยวน!"

ผู้ติดสินทำการประกาศผลการแข่งขันออกมาเมื่อผลลัพธ์การต่อสู้ปรากฏ

"ดูเหมือนวิชาท่าร่าง ย่างก้าวล่องลอย ที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางของมัน จะฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญแล้ว"

เมื่อเห็นภาพตรงหน้าอดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะประหลาดใจเล็กน้อย

ในแง่ความรวดเร็วของวิชาท่าร่างลี่หยวน ที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางความสำเร็จขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญนั้น สามารถเปรียบเทียบได้กับ วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของ หลิงเทียน ที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงความสำเร็จขั้นตอนเริ่มต้น!!

‘ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการตัดผ่านไปยังระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 จนข้าละเลยที่จะฝึกฝนวิชาท่าร่าง จนตอนนี้นับว่ามีขั้นตอนความสำเร็จล้าหลังผู้อื่นแล้ว... อืม หลังจากสิ้นสุดการะประลองประจำตระกูลเห็นทีข้าคงต้องหันมา ฝึกฝนวิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายอย่างจริงจังอีกครั้ง’ หลิงเทียนครุ่นคิดอยู่ในใจ

วิชาท่าร่างนั้นแตกต่างจากวิชาป้องกันอย่างสิ้นเชิง วิชาป้องกันนั้นสามารถอาศัยโอสถหรือสมุนไพรเพื่อช่วยเหลือในการฝึกฝนได้ แต่ทว่า วิชาท่าร่างนั้นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยตนเองทั้งหมด ไม่มีทางลัดหรือตัวช่วยใดๆ

ลี่หยวนเดินลงจากลานประลองด้วยความมั่นใจ เมื่อเขาสังเกตว่าต้วนหลิงเทียนกำลังมองมาทางนี้ เขาหันไปสบตากับมันเล็กน้อย ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอวดดียั่วยุออกมา

ทว่าหลิงเทียนกลับมองมันด้วยแววตาไม่แยแส ราวกับมันไมมีค่าอะไรเลย

หากหลิงเทียนยังไม่ตัดผ่านระดับ มันคงจะกังวลหรือใส่ใจลี่หยวนสักเล็กน้อย

แต่สำหรับตอนนี้…

ลี่หยวนนั้นไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับเขาอีกแล้ว

ในสายตาของหลิงเทียนตอนนี้ ลี่หยวนแทบไม่ต่างอะไรกับทารกบอบบาง...

เพราะในแง่ความแข็งแกร่งและพละกำลังตอนนี้หลิงเทียนสามารถเทียบชั้นได้กับผู้บ่มเพาะระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2!!

บนสนามประลองย่อยทั้ง 30 ตอนนี้เหล่าสาวกชั้นในแต่ละคนต่างลงมือกับคู่ต่อสู้ราวกับโกรธแค้นกันมานานนม

หลังจากที่การประลองของเหล่าสาวกรู้ผล ผู้ตัดสินจะทำการยุติการต่อสู้พร้อมทั้งจดบันทึกคะแนน แล้วทำการขานชื่อต่อไปออกมาทันที ...

"ต้วนหลิงเทียน!"

ในที่สุดผู้ตัดสินก็ขานชื่อ ต้วนหลิงเทียน

สนามประลองที่ 3

หลิงเทียนรีบย้ายร่างไปยังเวทีประลองนั้นทันที

ฝ่ายตรงข้ามของเขาเป็นชายหนุ่มที่ดูแข็งแกร่งและตรงไปตรงมา

"ข้า ลี่เฉิน โปรดชี้แนะข้าด้วย "

ชายหนุ่มตรงหน้าช่างสุภาพและร่าเริงนัก ผิดกับร่างกายที่กำยำของมัน

"ข้าต้วนหลิงเทียน "

ต้วนหลิงเทียนส่งรอยยิ้มกลับไป

ในสนามประลองอื่นๆ นั้นราวกับสนามประลองเข่นฆ่ากันอย่างจริงๆ ราวกับพวกมันไม่เห็นว่านี่เป็นการประลองเพื่อวัดระดับ มันยากที่จะมีใครกล่าวสนทนากับอีกฝ่าย

เพราะทุกคนล้วนต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุด

ทว่า ลี่เฉินนั้นแตกต่างจากผู้อื่น

ฟึ่บ!

ลี่เฉินเคลื่อนย้ายร่างกายของเขา ร่างกายที่กำยำของเขาเคลื่อนไหวราวกับไร้น้ำหนัก

ด้วยการเคลื่อนย้ายที่ใช้ออกด้วยกำลังระดับช้างแมมมอธโบราณ 1 ตัวทำให้เกิดลมกรรโชกพัดมาถึงหลิงเทียน บ่งบอกว่ากระบวนท่านี้รวดเร็วถึงเพียงใด

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนที่ไปหามันเช่นกัน

ในในแง่ของความเร็ว ดูเหมือนหลิงเทียนจะเหนือกว่าชายหนุ่มที่ดูกำยำคนนี้เล็กน้อย...

และแน่นอนว่าหลิงเทียนใช้ออกด้วยกำลังระดับช้างแมมมอธโบราณ 1 ตัวเท่านั้น เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบลี่เฉิน

ไม่ว่าลี่เฉินจะทำการจู่โจมสักเท่าไร ก็ไมอาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของหลิงเทียน

"ข้ายอมรับความพ่ายแพ้"

ทันใดนั้นเองลี่เฉินพลันหยุดลง และกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ออกมา

"เพราะอะไรกัน จนถึงตอนนี้มีเพียงวิชาท่าร่างเท่านั้นที่ข้าเหนือกว่าเจ้า ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนยอมรับความพ่ายแพ้นักเล่า?"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

"แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เจ้ารวดเร็วกว่าข้า หมายถึง..ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจไล่ตามเจ้าทัน หรือแม้แต่จะทำร้ายเจ้าได้ เพราะเจ้าจะอยู่ในตำแหน่งที่ข้าไม่สามารถทำอันตรายได้ตลอดเวลา เช่นนั้นถึงจะสู้ต่อไปก็คงไร้ความหมายแล้ว"

ลี่เฉินหัวเราะออกมาอย่างจริงใจ เขานับว่าเป็นคนตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง แล้วเขาก็กระโดดลงจากเวทีประลองไป

ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยน

ลี่เฉินผู้นี้ดูจริงใจอย่างมาก

เขากระโดดตามมันลงมาจากสนามประลอง

"หืม เค่อเอ๋อไปไหนแล้ว?"

เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาที่เดิมเขากลับไม่พบเค่อเอ๋อ เขาจึงหันมองไปรอบๆเพื่อค้นหานาง

หลังจากนั้นไม่นานนัก หลิงเทียนก็พบว่าเด็กสาวกำลังต่อสู้อยู่บนลานประลอง

ฟุ่บ!!

เด็กสาวยืนอยู่อย่างสง่างามบนลานประลอง กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงในมือนางทาบผ่านลำคอของคู่ต่อสู้อย่างน่าเกรงขาม

เพียงนางส่งแรงอีกเพียงครึ่งปอนด์ลำคอของอีกฝ่ายคงถูกเชือดเฉือน จนต้องตกตาย

ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามถึงกับสั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว มันกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมเหงื่อกาฬที่หลังไหลออกมา "ขะ ... ข้ายอมรับความพ่ายแพ้"

สาวน้อยเก็บกระบี่ของนาง ก่อนที่จะกระโดดลงจากลานประลองแล้ววิ่งไปหาหลิงเทียนท่ามกลางสายตาของผู้ชมที่มาดูการประลอง

คู่รักที่ราวกับสวรรค์สร้างคู่นี้ ช่างดึงดูดความสนใจของผู้คนนัก

พวกมันล้วนอิจฉาแทบตายแล้ว...

"ฮึ่ม!"

ห่างไปไม่ไกลนักมีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทาปักลายเงิน ที่พึ่งได้ชัยชนะมาอย่างง่ายดาย จ้องมายังหลิงเทียนด้วยแววตาอาฆาตเจือไปด้วยความริษยา

ตอนนี้มันได้รับชัยชนะไปแล้ว ถึง 2 ครั้ง

มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิด โดยปกติแล้วเมื่อคู่ต่อสู้เผชิญหน้ากับมันล้วนแล้วแต่กล่าวยอมแพ้ออกมาทันทีโดยไม่ต้องรอให้การประลองเริ่มต้นด้วยซ้ำ

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต้วนหลิงเทียนทำการแข่งขันไปทั้งหมด 27 ครั้ง เอาชนะได้ทั้งหมด ได้รับ 28 คะแนน

เค่อเอ๋อได้รับชัยชนะ 28 ครั้ง ได้รับ 29 คะแนน

ผลลัพธ์โดยรวมของวันนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ทั้งคู่ต่างเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับกระดานแจ้งระดับคะแนนนั้น ก็ถูกนำมาติดตั้งไว้เพื่อให้ทุกคนได้รับชมคะแนนของสาวกทั้ง 86 ชีวิตที่เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้

“อืม”

หลิงเทียนสังเกตเห็นถึงกลุ่มตัวเก็งได้ในเวลาไม่นาน

นอกจากเขาและเค่อเอ๋อ ยังมีอีกราวๆ 10 คนที่ชนะรวดเช่นกัน

ในรายชื่อเหล่านั้นหลิงเทียนก็รู้จักเป็นอย่างดี

ลี่ฉีฉี,ลี่หยวน, ลี่ซ่ง, ลี่อัน

ส่วน 5 อันดับแรกนั้นสามารถเอาชนะไปได้ถึง 29 นัด พวกมันต่างมีคะแนนสูงถึง 30 คะแนน

ใน 5 รายชื่อนั้นที่หลิงเทียนรู้จัก ก็มี ลี่ซ่ง และลี่อัน

"การประลองประจำตระกูลครานี้ถูกจัดได้อย่างยอดเยี่ยมนักแทบไม่มีผู้แข็งแกร่งได้ประลองกันเองในช่วงแรกๆเลย เห็นได้ชัดว่าพวกมันจงใจจัดให้เหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายประลองกันในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน"

ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ว่าทำไม ผู้คนถึงคาดเดาผู้ชนะและผู้แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกปีคงมีการจัดแบบนี้นี่เอง

"น้องหญิงเค่อเอ๋อ เจ้านี่น่ากลัวไม่ใช่ย่อยเลยนะ ได้ถึง 29 คะแนน เลยเชียว"

ลี่ฉีฉี เดินเข้ามาหยอกเย้าเค่อเอ๋อ

“พี่หญิงฉีฉี ข้าเพียงลงแข่งขันประลองมากกว่าท่านเพียงเท่านั้น หากจำนวนครั้งการประลองของเราเท่ากัน ท่านก็คงได้คะแนนไม่ต่างอะไรจากข้านักหรอก”

เค่อเอ๋อยิ้มรับเบาๆ

คะแนนของลี่ฉีฉี นั้นเหมือนกันกับหลิงเทียนคือ ได้รับชัยชนะ 27 ครั้ง มี 28 คะแนน

“ทางตระกูลจงใจจัดการประลองเช่นนี้ พวกเจ้าดู 5 คนแรกสิ ล้วนแต่เป็นสาวกที่มีระดับบ่มเพาะระดับก่อกำเนิดแทบทั้งสิ้น รองลงมาก็จะเป็นสาวกสายในที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9... ที่พวกมันได้คะแนนสูงนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เจอกับพวกมัน ล้วนกล่าวยอมแพ้ออกมาทันทีแทบทั้งสิ้น" ลี่ฉีฉีค่อยๆกล่าวออกมา

คิ้วของหลิงเทียนขมวดลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง

ทั้งหมดอยู่ในระดับก่อกำเนิด?

นอกจากลี่ซ่งและลี่อันแล้ว ยังมีอีก 3 คนที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดที่เขายังไม่เคยพบ

สายตาของเขาจับจ้องไปยังรายชื่อบนกระดานอีกครั้ง

ลี่ฉิง, ลี่เฟย, ลี่หู

ทั้ง 3 คนนี้ เป็นสาวกชั้นใน ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับ ก่อกำเนิด

"ต้วนหลิงเทียน ยังถือว่าวันนี้เจ้าโชคดี แต่ไม่นานนักพวกเราย่อมได้เจอกันแน่ ถึงตอนนั้นข้าจะเล่นงานเจ้าให้สาสมเลยทีเดียว ระวังตัวไว้เถอะ! "

ลี่ซ่งที่กำลังพาลี่เซียวเดินกลับ ได้เดินผ่านพวกหลิงเทียนไป และมันก็ไม่ลืมที่จะหันมากล่าวเยาะเย้ยและยั่วยุหลิงเทียน

“ตัวโง่งม!”

ทว่าต้วนหลิ้งเทียนพลันสบถออกมาหนึ่งคำพร้อมกับถ่มน้ำลายทิ้ง

"เจ้าว่ากระไร?!"

ร่างกายของลี่ซ่งที่กำลังเดินอยู่ถึงกับหยุดชะงัก มันหันกลับมากล่าวถามหลิงเทียนด้วยสายตาและท่าทางเอาเรื่อง สองตามันจ้องเขม็งไปยังหลิงเทียน

"เค่อเอ๋อเรากลับบ้านกันเถอะ"

ต้วนหลิงเทียนกลับจูงมือเค่อเอ๋อเดินจากไป....

ลี่ฉีฉีหันไปมองลี่ซ่งด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนที่นางจะเร่งเดินตามหลิงเทียนและเค่อเอ๋อไป

ตอนนี้เองลี่ซ่งถึงเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง

เมื่อเขาถูกสายตาเย้ยหยันจากรอบข้างทำให้ ท่าทางของแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

"ฮ่าฮ่า ... ลี่ซ่ง มันเรียกเจ้าตัวโง่งม แต่เจ้ายังยื่นนิ่งไม่ไหวติง ข้าล่ะนับถือเจ้าจริงๆ "

ทันใดนั้นเองข้างๆมันปรากฏชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทา กล่าวเยาะเย้ยออกมา

"ลี่อันอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงความต้องการของเจ้า อย่าได้พยายามยุแยงให้ข้าแตกหักกับมันตั้งแต่ตอนนี้! ในอีกสองวันไม่ว่าอย่างไรข้าต้องได้พบเจอกับมันบนลานประลองอย่างแน่นอน และข้าจะเอาชนะและดับความหยิ่งยโสโอหังของมันด้วยมือข้าเอง ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามากังวล "

หลังจากที่ส่งสายตาเย็นชาไปยังลี่อันแล้ว ลี่ซ่งก็หันไปดึงลี่เซียวให้มันเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ท่าทางของลี่อันพลันเปลี่ยนเป็นน่ากลัว มันรู้สึกไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย อีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้าจากการถูกเมินอีกด้วย

ในระหว่างทางกลับบ้าน

"น้องหญิงเค่อเอ๋อ วันนี้เจ้าได้ เห็นลี่เฟยหรือไม่?" ลี่ฉีฉีกล่าวถามสาวน้อยด้านข้างออกมา

"ลี่เฟย หรือ?"

เด็กสาวสงสัยเล็กน้อย

"ใช่แล้วลี่เฟยที่เป็นสตรีที่งดงามที่สุดในบรรดาสาวกชั้นใน ..ฮิฮิ แต่ตอนนี้มีน้องหญิงเค่อเอ๋อแล้ว เกรงว่านางจะไม่ใช่ สตรีที่งดงามที่สุดอีกต่อไป "

ลี่ฉีฉีกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มซุกซน

"พี่หญิงฉีฉีล้อข้าเล่นอีกแล้ว"

"อะไรเล่า ข้าเพียงแค่กล่าวความจริงเท่านั้น"

......

ในขณะที่ทั้งสองสามสนทนากันอย่างออกรสนั้น อยู่ดีๆ ลี่ฉีฉี ก็กล่าวถึงลี่อัน ขึ้นมา

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องระวังเอาไว้ให้มาก การประลองประจำตระกูลปีที่แล้ว มีสาวกสายในนับสิบๆ คนที่ถูกลี่อันลงมือด้วยอำมหิตจนต้องพิการ” ลี่ฉีฉีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่จริงจัง

พิการ?

ดวงตาของหลิงเทียนทอประกายวูบขึ้นมา

ใครจะอยู่ใครจะไปหากยังไม่ถึงเวลาคงไม่รู้แน่..

"ในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ของตระกูลนับว่า ลี่อันแข็งแกร่งเป็นรองเพียง ลี่ฉิงเท่านั้น เขาค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าสาวกระดับก่อกำเนิดผู้อื่น" เมื่อเห็นว่าหลิงเทียนไม่คิดจะแยแสคำเตือน ลี่ฉีฉีจึงกล่าวตักเตือนออกมาอีกครั้ง

"ดูเหมือนลี่ฉิงจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำทั้ง 5 คน มันมีระดับการบ่มเพาะอยู่ระดับใดกันล่ะ?"

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมา

แต่ทว่าเขากลับไม่ได้กล่าวถามเกี่ยวกับลี่อันแม้แต่น้อย คำถามของเขากลับพุ่งเป้าไปที่คนแข็งแกร่งที่สุดอย่างลี่ฉิง

"เขาก็อยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 เช่นกัน แต่เหตุผลที่ลี่ฉิงแข็งแกร่งที่สุดนั้นเป็นเพราะ เขาได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง ดัชนีเอกบุรุษ จนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีขั้นตอนความสำเร็จในระดับแก่นแท้ของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางอีกด้วย นั่นเพียงพอให้เขาสามารถกวาดผ่านเหล่าสาวกสายในรุ่นนี้ได้อย่างง่ายดาย! ตอนนี้เขาได้ถูกขนานนามว่าเป็นสาวกที่แข็งแกร่งที่สุด และมีความสามารถในการสำนึกรู้ มากที่สุดในรุ่นนี้แล้ว "

ดวงตาของลี่ฉีฉีฉายแววเคารพเล็กน้อย ในขณะที่นางค่อยๆกล่าวออกมา

พรสวรรค์ที่ติดตัวมาจากธรรมชาติที่สูงส่ง ย่อมมีผลทำให้การเพาะปลูกและฝึกฝนวิชาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ความสามารถในการสำนึกรู้ จะช่วยให้การตีความและทำความเข้าใจวิชาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

หากกล่าวไป ลี่ฉิงนับว่ามีพรสวรรค์และการหยั่งรู้ที่สูงส่งก็ไม่ผิด

"ความสำเร็จขั้นตอนแก่นแท้ของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางงั้นรึ ... เทียบเท่ากับความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญของวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง ในแง่ความสำเร็จของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันนับว่ามันเหนือกว่าข้าเล็กน้อย! แต่ในแง่ของวิชาจู่โจมวิชาวาดกระบี่ของข้า หาได้หวาดกลัวดัชนีเอกบุรุษของเจ้าไม่! "ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำกับตัวเอง

"หากข้าใช้กำลังทั้งหมดในระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ต่อให้วิชาท่าร่าง และวิชาป้องกันของมันจะเหนือกว่าข้าเล็กน้อย มันต้องปราชัยให้ข้าอยู่ดี!"

ดวงตาของหลิงเทียนส่องประกายอย่างมั่นหมาย

ครั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงตำแหน่งผู้ชนะเลิศย่อมเป็นของเขาอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เพื่อเกียรติยศชื่อเสียงหรืออะไร แต่เป็นเพราะความต้องการ โลหิตหลิงซี่อายุ 350 ปีเท่านั้น!!

หลังจากกลับมาบ้านเขาก็เดินมายังลานบ้าน

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เส้นสายสีดำและสีขาวต่างพุ่งมาราวกับสายอัสนีบาตมุ่งมายังข้อมือของหลิงเทียนและเค่อเอ๋ออย่างรวดเร็ว พวกมันเลื้อยพันไปบนแขนก่อนที่จะผงกหัวพร้อมทั้งแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักราวกับจะกล่าวทักทาย

งูเหลือมตัวน้อย ช่างรู้จักพยักหน้าทักทายคล้ายคลึงกับมนุษย์นัก

"สำหรับเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวนี้ ข้ารู้สึกไม่ค่อยเต็มใจเอาซะเลย"

คิดถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยพวกมันทั้งสองตัวกลับไปหาครอบครัวของพวกมัน หลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะความเศร้าเล็กน้อย

"ข้าก็เสียดายเหมือนกันเจ้าค่ะ ... แต่หากเราไม่นำมันกลับบ้าน บิดามันคงเศร้าเสียใจและทรมานอย่างยิ่ง"

เค่อเอ๋อไม่อาจรั้งงูน้อยไว้ในลักษณะนี้ได้

ฟู่ๆ!

ราวกับงูน้อยทั้งสองจะไม่รับรู้ความลำบากใจของทั้งคู่ พวกมันแลบลิ้นและส่ายคอไปมาอย่างมีความสุข

รีวิวผู้อ่าน