ตอนที่ 6 มิติแห่งความทรงจำ
หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว เฉินโจวอี้รีบกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
หลังจากที่คิดไตร่ตรองจนทำการบ้านของวันนี้เสร็จ เขาดึงดาบไม้ที่อยู่ใต้เตียงออกมา เริ่มฝึกแทงดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อาจเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาไม่ได้จริงๆ เขาจึงไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายได้
ถ้าจะให้เชิญน้องสาวผู้มีพรสวรรค์คนนั้นมาสอนเขาสักนิด นั่นเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย ชาตินี้ไม่มีทางไปไม่ได้เด็ดขาด
ความภาคภูมิใจเดียวที่เหลืออยู่ของเขาในฐานะพี่ชายคือการที่เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้น้องสาวของเขาอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าการฝึกจะไม่ได้ผล แต่เขาก็ก้มหน้าก้มตาฝึกฝนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง และระดับของวิชาดาบยังคงอยู่ในระดับ (ยังไม่เริ่มต้น) เหมือนเดิม ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ
เฉินโจวอี้รู้สึกว่าชีวิตของคนเราช่างไม่มีความเท่าเทียมกันเสียเลย ทำไมบางคนฉลาด บางคนกลับโง่ บางคนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านกีฬา บางคนกลับงุ่มง่ามเหมือนก้อนหินทื่อๆ อย่างน้องสาวของเขา ปกติก็ไม่เห็นว่าเธอจะขยันกว่าเขาเท่าไร แต่กลับบดขยี้เพื่อนร่วมรุ่นได้อย่างง่ายดาย แถมปัจจุบันใกล้ได้กลายเป็นชาวยุทธฝึกหัดแล้ว
ในใจเขาเกิดความขุ่นมัว เพียงแต่ว่าพอนึกถึง "หนังสือแห่งความรู้" ในร่างกายของเขา ความขุ่นมัวในใจของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับโดนแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงแผดเผา ทั้งกายของเขาเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
ตอนนี้เขามี “ หนังสือแห่งความรู้ ” อยู่
การสะสมพลังงานมาถึง 0.32 แล้ว
หากลองคำนวณจากช่วงเวลาที่เริ่มใช้พลังงานเพิ่มประสิทธิภาพในช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้จนกระทั่งถึงตอนสี่ทุ่มของคืนนี้ นี่ก็เกือบจะสามสิบชั่วโมงแล้ว การสะสมพลังงานของหนังสือแห่งความรู้เพิ่มขึ้นมาเป็น 0.12 ทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1 จุด
ขอแค่ผ่านไปอีกสิบวัน เขาก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพพลังได้อีกครั้ง
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นเปล่งประกายสดใส!
จากนั้นเขาก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีในการฝึกฝนสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายอีกสองเซ็ต รวมทั้งหมดแปดครั้ง
พักผ่อนสักพักหนึ่ง ไปอาบน้ำในห้องน้ำ ถึงจะกลับมานอนบนเตียง
เขาเรียกหนังสือแห่งความรู้ออกมา ร่างของเขากลับเข้าไปในมิติหมอกสีเทาอีกครั้ง เขามองสำรวจอย่างแปลกใจ ถึงแม้จะเคยเข้ามาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ทั้งหมดในนี้ยังคงทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่เสมอ
เขามองไปยังต้นไม้ต้นเล็กที่อยู่ตรงกลาง ไม่นานก็หาผลไม้ที่แสดงถึงสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายเจอ แน่นอนว่ามันใหญ่ขึ้นมาเท่าหนึ่ง จากขนาดเท่าเมล็ดงากลายเป็นขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว
ความอยากรู้อยากเห็นที่อยากรู้ลึกเข้าไปอีก เขามองไปที่ใบไม้ที่อยู่ด้านบนสุดซึ่งแสดงถึงความทรงจำของวันนี้
ความทรงจำของวันนี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรแปลก เขาเหมือนกับกำลังดูหนังสุดน่าเบื่อและแสนยาวนานที่เขาแสดงเป็นตัวเอก ไม่มีจุดพีค ไม่มีความซับซ้อน ไม่มีความสุขและความทุกข์ ไม่มีความรักและความเกลียดชัง เรียบง่ายจืดชืดเหมือนน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
แต่เฉินโจวอี้ลับมองดูมันด้วยความอรรถรส จากทุกความรู้สึก นี่คือการมองชีวิตของเขาจากอีกมุมมองหนึ่ง
บางทีอาจเป็นเพราะเขาลงทุนมากไป
เขารู้สึกว่าฉากรอบตัวเขาเปลี่ยนไป และทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเองกลับมาในห้องเรียนอีกครั้ง
บนแท่น ครูคณิตศาสตร์หัวโล้นวัยกลางคนกำลังถ่มน้ำลายอธิบายถึงปัญหาทางเรขาคณิตที่ซับซ้อนอย่างละเอียด เขาพบว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบชั่วโมง เรื่องเรขาคณิตที่เขาเข้าใจก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับค่อยๆ ดูขาดๆ หายๆ
เขาอดกลั้นต่อความอยากรู้อยากเห็นของมิติความทรงจำแห่งนี้ เขาฟังอย่างละเอียดไปสักพัก ในที่สุดก็เข้าใจมัน จากนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะลองมองไปรอบ ๆ
แต่ในวินาทีต่อมา เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้
“ นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมความทรงจำจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ใช่ไหม ? ” เขาพูดในใจ
“ ไม่รู้ว่าสามารถเปลี่ยนมุมมองได้หรือเปล่า ? ” เขาพึ่งจะคิด ก็พบว่าตัวเองหลุดออกจากร่าง แล้วมองดูห้องเรียนจากอีกมุมมองหนึ่ง
เขาดูเหมือนผีล่องหนที่ลอยอยู่เหนือพื้นไปสองสามเมตร ไม่มีใครมองเห็นเขาได้
บางทีนี่อาจจะเป็นขอบเขตของวิสัยทัศน์ในการมองของเขาที่มาจากความทรงจำในตอนแรก เขาเห็นห้องเรียนเพียงแค่ครึ่งห้อง กับเพื่อนร่วมห้องจำนวนหนึ่งในสามเท่านั้น นอกนั้นเต็มไปด้วยหมอกสีดำ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หมอกสีดำเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกประหม่าราวกับว่าทำให้เขาเข้าสู่อันตรายอันใหญ่หลวง
เฉินโจวอี้ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเข้าไปเสี่ยง เขาเก็บสายตาและความคิดแล้วล่องลอยไปในห้องเรียน
บางคนแอบอ่านนิยายอยู่ใต้ปกหนังสือและใต้โต๊ะเรียน บางคนกำลังงีบหลับ และก็มีบางคนไม่สนใจคุณครู แอบยัดขนมเข้าปาก
เขารู้สึกว่าตัวเขาเองเหมือนกับพระเจ้าที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ในขณะที่เขาเดินไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาค่อยๆ ตระหนักได้ว่าการกระทำของเขาเป็นอิสระ ในพื้นที่ความทรงจำนี้เขาก็ยิ่งกล้าและไร้ยางอายมากขึ้น
เขาทำแม้กระทั่งโน้มตัวไปจ้องใต้กระโปรงของผู้หญิงที่เมื่อก่อนเขาได้แค่หวังแต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด นี่คือการกระทำที่เมื่อก่อนเขาไม่มีทางกล้าทำอย่างแน่นอน แต่ในเวลานี้เขากลับทำโดยไม่คิดอะไร
แต่พอดูมากๆ เข้า หลังจากที่เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นจนพอแล้ว เฉินโช่วอี้ก็รู้สึกว่ามันเริ่มไม่น่าสนใจ
เฉินโจวอี้เดินไปเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นเขาไม่ทันระวังชนเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เดินผ่านมา ในเวลานี้เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จิตสำนึกของเขาเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว
“ เฮ้ ! ”
เขารู้สึกตกใจมาก เขาพบว่าตัวเองสามารถรู้สึกถึงร่างกายของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ได้ นี่เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและก็ไม่คุ้นเคยอย่างหนึ่ง มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก
เขารีบถอยออกมา จากนั้นเขาก็ทดลองเข้าไปที่ร่างกายเพื่อนคนอื่นๆ อีก ผลก็คือเขาสามารถเข้าไปได้ทั้งหมด
มีบางร่างที่ทำให้เขารู้สึกสบาย มีบางร่างที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด (ร่างผู้หญิงน่ะ) มีบางร่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบาย
ยกตัวอย่างเช่นร่างของคุณครูซุน ชายหัวโล้นวัยกลางคนคนนั้น ทำให้เขารู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จมูกของเขาได้กลิ่นควันบุหรี่ที่เหม็นจัด เหมือนมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ
“ แบบนี้สินะ สุขภาพปอดของคุณครูซุนไม่ดีนี่เอง ถึงชอบไอบ่อยๆ ”
ด้วยการสำรวจอย่างต่อเนื่อง เฉินโจวอี้พบว่าเขาสามารถควบคุมการไหลของเวลาในโลกแห่งความทรงจำ สามารถทำได้แม้กระทั่งตัดตอนช่วงเวลา ณ ช่วงหนึ่งด้วย
ใจเขาเต้นแรง จู่ๆ ก็เกิดความคิดอาจหาญขึ้นไม่นานฉากตรงหน้าก็เกิดการสลับตัดต่อขึ้น
นี่คือฉากของคาบเรียนวิชาศิลปะต่อสู้ในตอนบ่ายวันนี้
“ การพุ่งเข้าไปแทงคือการเคลื่อนไหวพื้นฐานที่สุดของวิชาดาบ และก็เป็นกระบวนท่าที่ใช้บ่อยที่สุด ถ้าเรียนท่าพุ่งเข้าไปแทงได้ดี ก็เรียนวิชาดาบไปได้แล้วครึ่งหนึ่ง ทุกคนรู้ไหมว่ารองประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ตงหนิงคือใคร ? ”
จางเสี่ยวเยว่ หัวหน้าห้องรีบพูดขึ้น “ คือโจวช่าวเฟิงค่ะ ”
เฉินโจวอี้ที่ลอยอยู่เหนืออากาศอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองจางเสี่ยวเยว่ ในตอนนี้เอง ตัวเขายังแอบมองไปที่ใต้กระโปรงของเธออีกด้วย
“ ไม่เลวเลย มีลูกเล่นที่แพรวพราวมาก สองปีก่อน โจวช่าวเฟิงใช้แค่กระบวนท่านี้คือท่าพุ่งเข้าไปแทงซึ่งเป็นท่าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา ฆ่านักรบป่าเถื่อนสองคนที่เข้ามาสอดแนมโลกมนุษย์จากช่องมิติซ่อนเร้นที่เขตชานเมืองตงหนิง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาใช้กระบวนท่านี้แค่ท่าเดียวเท่านั้น ”
นับตั้งแต่โลกมนุษย์รวมเข้ากับโลกที่แตกต่าง บนโลกมนุษย์ก็เกิดช่องว่างมิติมากมายนับไม่ถ้วน รูมิติมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ที่ขนาดใหญ่ก็จะมีถึงขนาดหลายสิบกิโลเมตร ที่เล็กๆ ก็จะมีแม้กระทั่งขนาดตามองไม่เห็น
มีบางที่ที่ตั้งอยู่ตรงพื้นที่ระดับต่ำ และก็มีบางที่ที่อยู่ลึกลงไปในพื้นดิน ในอดีตแน่นอนว่าพอปรากฏตัวขึ้นก็จะถูกพบถึงความผิดปกติทันที แต่ต่อมามันกลับซ่อนเร้นได้อย่างมิดชิด ยากที่จะค้นพบได้ มักจะมีนักรบป่าเถื่อนจากโลกที่แตกต่างใช้ช่องทางรูมิติซ่อนเร้นเหล่านี้ แอบเข้ามายังโลกมนุษย์ พวกมันไม่เพียงแต่เข้ามาขโมยวิทยาการ แต่ยังฆ่าผู้คนอย่างไร้ศีลธรรมอีกด้วย
แน่นอนว่ายังมีรูมิติอีกเป็นจำนวนมากตั้งอยู่บนท้องฟ้า แต่รูมิติพวกนี้เป็นเหมือนที่ตายของคนจากโลกที่แตกต่าง พอออกมาก็ตายแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
“ ตอนนี้ นักเรียนทุกคนดูครูสาธิตท่าก้าวไปแทงที่ได้มาตรฐานแล้วกัน ! ” คุณครูสอนศิลปะการต่อสู้พูดจบ จากนั้นเขาก็หยิบดาบไม้ขึ้นมา เดินไปยังด้านหน้าหุ่นยาง
“ ผมรอประโยคนี้ของครูนี่แหละ ! ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
เขาเคลื่อนไหว พุ่งเข้าไปในร่างกายของคุณครูสอนศิลปะการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นความรู้สึกทรงพลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจเขา
“ นี่คือร่างของชาวยุทธฝึกหัดใช่ไหม ? ”
เขารู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่แข็งแรง กล้ามเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยแรงที่น่ากลัว
จากนั้น เขารีบยับยั้งความรู้สึกแล้วตั้งสติ เพราะว่าอีกพักหนึ่งจะเริ่มการสาธิตแล้ว
“ เขา ” ยืนอยู่ด้านหน้าหุ่นยาง ก้าวไปด้านหน้าและด้านหลัง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย แต่ขณะที่เขายกดาบขึ้น กล้ามเนื้อทั้งร่างกายเริ่มทำงาน
เพราะว่าเป็นการสาธิต คุณครูสอนศิลปะต่อสู้เคลื่อนไหวช้ามาก พยายามทำท่าทางให้นักเรียนทุกคนเห็นอย่างชัดเจน นี่ก็ทำให้เฉินโจวอี้ยิ่งสัมผัสการเคลื่อนไหวอย่างละเอียดของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
ไปพร้อมๆ กับการก้าวเดิน ใช้พลังที่สะสมจากฝ่าเท้าส่งขึ้นไปร่างกายท่อนบนอย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มพลังอย่างต่อเนื่อง
เฉกเช่นเดียวกันกับการสะบัดแส้ สามารถสร้างเสียงแส้ระเบิดได้ในตอนท้าย เมื่อพลังมาถึงท่อนแขนแล้ว เขามีความรู้สึกว่าไม่ออกแรงต่อก็ไม่ได้ ถ้าหากไม่ออกแรงแทงออกไป ก็กลัวว่าหัวใจจะได้รับแรงกระแทก
วินาทีต่อมา เขาแทงไปที่ส่วนหัวของหุ่นยางอย่างแรง
ด้วยแรงที่มาก ทำให้ตุ๊กตายางที่หนักเกือบแปดสิบกิโลกรัม ส่วนหัวของมันกระแทกลงไปที่พื้น แต่ขณะเดียวกันมันก็เด้งตัวกลับมาดังเดิม แล้วแกว่งอย่างรุนแรง
“ ความรู้สึกแบบนี้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทั่วทั้งร่างกายดูเหมือนกับเครื่องจักรที่มีโครงสร้างและการควบคุมที่แม่นยำ เมื่อไรกันนะ ที่ฉันจะสามารถไปถึงจุดนี้ได้ ” เฉินโจวอี้อุทานขึ้นในใจ
ต่อมา คุณครูศิลปะการต่อสู้สาธิตให้ดูอีกสองรอบ ทั้งช้าและเร็ว จากนั้นให้ทุกคนฝึกเอง
โชคดีที่ที่นี่เป็นเพียงแค่ความทรงจำของเขา สามารถควบคุมได้ตามใจชอบ
เขารีบถอยออกมาจากฉากของความทรงจำ ในมิติของความทรงจำ คุณครูสอนศิลปะต่อสู้ผู้น่าสงสารคนนี้ ทำการเคลื่อนไหวแบบก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้ง
รอบแล้วรอบเล่า เฉินโจวอี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการใช้กำลัง จนกระทั่งหลังจากหลายร้อยครั้ง ความทรงจำของเขากลายเป็นสิ่งที่ฝังแน่น เกิดเป็นภาพลวงตาที่เขาเคยเป็น แม้ว่าเขาจะหลับตา เขาก็สามารถจำได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์ที่กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายได้รับการปรับแต่งนั่น