px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 10 ก้าวพื้นฐาน


ตอนที่ 10 ก้าวพื้นฐาน

 

                        “ ฟู่ว ! ” เฉินโจวอี้ตื่นจากความฝัน

                        “ ทำไมไม่เห็นเหมือนที่พวกฝึกสมาธิในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นอธิบายไว้ล่ะ? ” เมื่อนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างในความฝัน ในใจของเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที

            การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนในครั้งแรกรับรู้ถึงภาพของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ควรจะเป็น “ ภาพความสับสนวุ่นวาย ” หรือ “ ความต่างของแสงสว่างและความมืดมิด ” เหรอ ทำไมหลังจากที่เพิ่มประสิทธิภาพแล้ว กลับมองเห็นเส้นรูปร่างของกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจนแบบนี้ล่ะ ?

            ความคิดของเขาพุ่งผ่านมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลองก่อนแล้วค่อยพูดจะดีกว่า

            เขาอดใจรอไม่ได้ที่จะนั่งขัดสมาธิ ผลก็คือเมื่อเขานั่งลง จิตใจของเขาก็สงบลงราวกับว่าเขาชำนาญในการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนเป็นอย่างมาก

            หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เฉินโจวอี้ลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

                        “ นี่มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย ? ”

            เพียงแค่การฝึกฝนครั้งแรก ขอบเขตในการรับรู้ของเขาก็แผ่ขยายไปถึงใต้หน้าอกแล้วก็ร่างกายส่วนล่างทั้งหมดแล้ว

            จากประสบการณ์ของผู้ฝึกสมาธิในอินเทอร์เน็ต คนทั่วไปในครั้งแรกจะรับรู้ถึงร่างกาย อย่างมากที่สุดเลยดูเหมือนจะทำได้แค่รับรู้ถึงกล้ามเนื้อของนิ้วเท้าหรือไม่ก็นิ้วมือ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่มีดวงจิตอันแข็งแกร่ง อย่างมากที่สุดเลยก็รับรู้ได้ไม่เกินกล้ามเนื้อฝ่าเท้า

            ถ้าพูดว่าพรสวรรค์ด้านดวงจิตของเขาแตกต่าง เฉินโจวอี้ไม่เชื่ออย่างแน่นอน ถ้าพรสวรรค์โดดเด่นจริงๆ เขาก็คงไม่สามารถเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนได้ และคงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นเริ่มต้นได้

            คุณสมบัติด้านบนของหนังสือแห่งความรู้ มีโอกาสเป็นไปได้ที่สุดที่จะเป็นตัวแทนของพลังจิตวิญญาณในตำนาน ซึ่งมันคือการรับรู้และความตั้งใจ ความตั้งใจของเขาอาจจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างบางส่วน แต่มันก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับการรับรู้ยิ่งดูธรรมดาไม่สะดุดตาเลย

            ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็นึกได้ว่าภาพที่ตัวเขาเองรับรู้ได้มันแตกต่างจากของคนอื่น

                        “บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลที่ว่าจำนวนข้อมูลที่ฉันรู้มามันมีน้อย”

            เฉินโจวอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแบบนี้ มันเหมือนกับการวาดภาพผู้คนด้วยสีน้ำ หลังจากเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนแล้ว มันก็คือการวาดรูปทรงของร่างกายด้วยลายเส้นก่อน แล้วค่อยเติมสี แต่การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนแบบธรรมดา ขณะที่กำลังจะลงเส้นนั้น ก็เติมสีลงไปทันที

            ภายใต้จำนวนพิกเซลที่เท่ากัน อันแรกสามารถวาดโครงร่างโดยประมาณของภาพบุคคลที่ต้องการวาดได้อย่างรวดเร็ว แต่อันหลังกลับวาดไม่เสร็จแม้กระทั่งลายเส้นเดียว

            ……

            เขาลงจากเตียง หยิบดาบไม้ขึ้นมา แล้วฝึกท่าพุ่งเข้าไปแทงสักพัก เขาลองสังเกตความรู้สึกลึกๆ กลับพบว่าไม่ได้มีผลมากนัก ไม่แตกต่างอะไรจากตอนปกติ

            จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา นี่เป็นแค่การฝึกครั้งแรก แต่ทำไมมันถึงเห็นผลที่ชัดเจนได้ขนาดนี้

            การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน สำคัญต่อการใช้ดวงจิตมาก ในเวลานี้เขารู้สึกว่าบริเวณขมับเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ ดวงจิตก็ยากที่จะมีสมาธิ ต่อมาพูดถึงเรื่องทำการบ้านนี่ไม่ต้องคิดเลย

            โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เขาไม่ต้องรีบร้อนทำการบ้าน แต่ว่าในครั้งต่อไป เขาจะทำได้แค่ฝึกตอนก่อนนอนแล้ว

            เขาหยิบดาบไม้ขึ้นมา แล้วฝึกซ้อมท่าพุ่งแทงดาบต่อไป

            .....

            เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินโจวอี้เดินเข้าไปที่ศูนย์ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้สำหรับเด็กและเยาวชน

            ยังไม่ทันเดินเข้าไปในห้องโถง ในมือของเขาก็มีใบปลิวอยู่หลายใบ เขาเหลียวมองแวบหนึ่ง ใบปลิวทำออกมาได้น่าสนใจดี แต่กลับใช้จริงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำของชาวยุทธที่แท้จริงเอย หรือจุดเน้นของการฝึกอบรมมาเป็นระยะเวลายี่สิบปีอะไรนั่น

            หนึ่งในนั้นมีของคลาสเรียนเสริมวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เขาลงเรียนไปเมื่อปิดเทอมฤดูร้อน

            พอนึกถึงผลคลาสเรียนเสริมของเขาเมื่อช่วงปิดเทอมฤดูร้อน สีหน้าของเขาดูบูดบึ้งทันที

                        “ขี้หมาเอ้ย!”

            พอเห็นถังขยะอยู่ด้านหน้า เขาเอาใบปลิวทั้งหมดยัดลงไปในถังขยะทันที

            ก่อนที่จะมา เขารวบรวมข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมามากมาย ตอนนี้มีเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะลงเรียน เขาต้องไปสำรวจดูสักหน่อย

            ไม่นานเขาก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้า

            ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงประตู หูก็ได้ยินเสียงชวนฟังของผู้หญิงคนหนึ่ง

                        “รู้ไหมว่าทำไมคุณสมบัติเกี่ยวกับวิชาดาบของการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดถึงสูงขนาดนี้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงจะเข้าใจชัดเจนดีว่าแรงโน้มถ่วงของโลกที่แตกต่างมีมากกว่าโลกมนุษย์ถึงสามเท่า ซึ่งทำให้สมรรถภาพทางกายของพวกคนเถื่อนแข็งแกร่งกว่าชาวยุทธที่เป็นมนุษย์ พวกเราไม่ได้มีพรสวรรค์ทางด้านร่างกายแบบนั้นเหมือนกับพวกคนเถื่อน จึงทำได้เพียงต้องหาทักษะอื่นเข้ามาเสริม”

                        “ตอนนี้วิชาดาบรุ่น 5.0 ที่พวกเรากำลังศึกษาอยู่ ต่างก็วิเคราะห์แบบจำลองกล้ามเนื้อของมนุษย์โดยใช้คอมพิวเตอร์ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทุกการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ต่างถูกคำนวณไว้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการศึกษาแรงของร่างกาย และแรงของการเคลื่อนที่ในอากาศ ภายใต้สมมติฐานที่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ สามารถใช้ความเร็วและแรงได้อย่างสูงสุด”

                        “ ชาวยุทธฝึกหัดที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะสามารถระเบิดแรงตัวเองได้ถึงสามเท่า ส่วนชาวยุทธจะสามารถระเบิดแรงได้ถึงห้าเท่าของแรงที่ตัวเองมี สำหรับชาวยุทธผู้ยิ่งใหญ่ การระเบิดของแรงจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น......”

            เฉินโจวอี้รู้สึกไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่พอนึกถึงการแสดงชวนตกใจของเมื่อวานที่เขาเอาตะเกียบไม้แทงทะลุผนังนั้น เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นความจริงอย่างแน่นอน ตอนที่เขาฝึกท่าพุ่งแทงดาบนั้น ทุกครั้งที่ดาบแทงออกไป ความเร็วมันเร็วจนน่าตกใจทุกครั้ง

            ถ้าเปรียบดาบเป็นเหมือนกระสุนเม็ดหนึ่ง งั้นแรงที่ถูกส่งมาจากคันโยกส่วนต่างๆ ของกล้ามเนื้อแต่ละชนิดในร่างกาย คือแรงดันในการยิงที่แข็งแกร่งของมัน

            ทำให้แรงปกติในหนึ่งส่วน สามารถทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

            ประตูห้องเรียนศิลปะการต่อสู้เปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง เฉินโจวอี้มองผ่านประตูเข้าไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมกางเกงขาสั้นมองแล้วดูร้อนแรง

                        “ โพสต์ในอินเทอร์เน็ตนั่นไม่ใช่ของปลอม ครูฝึกสอนคนนี้ที่ไหนได้เป็นคนสวยจริงๆ ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายเพิ่งเรียนจบมาจากวิทยาลัยสอนศิลปะการต่อสู้มาได้ไม่นาน อยู่ห่างจากการเป็นชาวยุทธแค่ก้าวเดียว อีกอย่างยังมีนิสัยสุภาพและอดทนอีกด้วย ”

                        “นักเรียนคนนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า?” เฉินโจวอี้มองไปไม่กี่วินาที ผู้หญิงสวยคนนี้ก็มองมาที่เขาอย่างรวดเร็ว

            ขณะที่เธอพูดอยู่มุมปากก็เผยรอยยิ้มไปด้วย น้ำเสียงนุ่มนวล ดูเงียบสงบราวกับดอกลิลลี่ที่พึ่งจะบาน

            นี่ทำให้เฉินโจวอี้ที่กำลังถ้ำมองอยู่เกิดความรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขารีบผ่อนคลายตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพูดขึ้น “ผม ผมมาลงเรียนเสริมวิชาดาบครับ”

            “ อ้อ ตอนนี้ฉันกำลังสอนอยู่ เธอคงต้องรออีกพักหนึ่งนะ ” เธอยิ้มพลางพูดขึ้น

            “ ได้ครับ ไม่เป็นไรครับ ! ” เฉินโจวอี้โบกไม้โบกมือ

            “ ไม่ทราบว่าผมเข้าไปฟังได้ไหมครับ ? ”

            ผู้หญิงสวยคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง เธอมองมาที่เขาจากนั้นพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ อื้ม ได้สิ ! ”

            จากนั้นเฉินโจวอี้จึงถอดรองเท้าแล้วรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

            ในคลาสเรียนเสริมมีนักเรียนทั้งหมดสิบคน มีผู้ชายหกคน ผู้หญิงสี่คน ส่วนใหญ่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเฉินโจวอี้ และก็ยังมีพวกเด็กหนุ่มที่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้น

            คนพวกนี้เหลียวมองมาที่เฉินโจวอี้พักหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้สนใจ

            เฉินโจวอี้พบว่าที่ด้านหลังมีม้านั่งยาวอยู่หลายตัว เขาจึงเดินไปนั่ง

            ไม่นาน ครูสอนเสริมก็เริ่มสอนต่อ

                        “วันนี้ฉันจะมาสอนการฟันดาบในวิชาดาบ คำว่า ‘ ฟัน ’ สามารถแบ่งได้อย่างละเอียดเป็น ท่าฟันโดยที่ไม่เคลื่อนไหว ท่าฟันแบบเคลื่อนไหวเล็กน้อยและท่าฟันแบบก้าวยาว นอกจากนี้ความแตกต่างในการจับดาบก็ไม่เหมือนกัน ยังสามารถแบ่งออกเป็นท่าฟันดาบมือเดียว และท่าฟันดาบสองมือ ”

                        “ ท่าฟันโดยไม่เคลื่อนไหว คือที่ฝ่าเท้าไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน แต่บริเวณขายังคงออกแรงอยู่ ทุกคนดูที่ขาทั้งสองข้างของฉัน ! ”

            เห็นเพียงเธอถือดาบไม้ กำลังที่จะฟันออกไป เดิมทีเห็นแค่ท่อนขาขาวเนียนและอวบอิ่ม แต่ทันใดนั้นท่อนขาของเธอก็ปรากฏกล้ามเนื้อเป็นมัดมากมาย เริ่มมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ ราวกับมีแรงจากพื้นขึ้นมา ผ่านสองขาส่งไปยังกระดูกสันหลัง แล้วส่งไปยังส่วนแขน

            วินาทีต่อมา ช่วงเอวของเธอราวกับสปริง เธอฟันดาวฉวับออกไปเป็นแนวโค้งสวยงาม ดูน่ามอง ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความงามและความแข็งแกร่ง

            เวลาต่อมา เธอเริ่มสาธิตท่าฟันแบบเคลื่อนไหวเล็กน้อย ท่าฟันแบบก้าวยาว รวมถึงท่าฟันแบบสองมือ

            โดยเฉพาะตอนที่สาธิตท่าฟันแบบก้าวยาว ไม่ให้ความรู้สึกถึงการจงใจสักเท่าไหร่ ก็แค่การก้าวธรรมดาหนึ่งก้าว แต่ดูราวกับทอดยาวไปด้านหน้าถึงสามเมตร พอฟันดาบออกไป ให้ความรู้สึกเหมือนวิชาย่อปฐพีในตำนาน

            เฉินโจวอี้ดูวิดีโอของชาวยุทธมาไม่น้อย รู้ว่านี่คือก้าวพื้นฐาน เป็นกระบวนท่าเฉพาะที่ใช้ตอนที่ชาวยุทธและชาวยุทธฝึกหัดต่อสู้กัน ไม่แตกต่างจากการใช้แรงจากนิ้วเท้าเดินบนถนนสักเท่าไหร่

            ขณะที่ฝึกก้าวพื้นฐาน ที่ฝ่าเท้าควรจะมีการเคลื่อนไหวใน “ แนวกดฝ่าเท้า ” หรือ “ แนวระนาบ ” ที่ชัดเจน กระดูกสันหลังก็ต้องแกว่งไปตามแรงนี้อย่างเบาๆ มันไม่เพียงแค่ปรับสมดุลจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย แต่ยังต้องเป็นแรงที่ใช้ผลักดันอีกด้วย

            มันค่อนข้างเปลืองแรง และฝึกซ้อมค่อนข้างยากอีกด้วย

            การใช้ก้าวพื้นฐาน ในมุมมองของคนนอก มักจะให้ความรู้สึกว่าตัวลอย หรือหดตัวเล็กน้อย

            มันสามารถใช้ความเร็วที่เหลือเชื่อในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ใช้แทนการเคลื่อนที่ของผู้คนทั่วไปในการสู้รบ

            การเคลื่อนไหวของเธอนั้นกระชับและราบรื่น ราวกับสายน้ำไหล ไม่มีการเคลื่อนไหวที่มากจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะไม่เร็วมาก แต่มันก็ทำให้คนรู้สึกถึงแรงที่แข็งแกร่ง

            เฉินโจวอี้รู้สึกว่า ต่อให้เธอถือดาบไม้อยู่ แต่ถ้าถูกฟันที่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าร่างกายก็จะถูกฟันขาดเหมือนกัน

            เขามองด้วยความรู้สึกตื่นเต้นร้อนแรง รู้สึกว่าวันนี้มาคุ้มมาก แค่กระบวนท่านี้ก็คุ้มค่ากับราคาแล้ว

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน