px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 13 การทดสอบชาวยุทธฝึกหัด


ตอนที่ 13 การทดสอบชาวยุทธฝึกหัด

 

ตอนกลางคืน ในห้องนอน!

ร่างกายของเฉินโจวอี้ราวกับสปริง กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ฝ่าเท้าราวกับเหยียบอยู่กลางอากาศ ฝีก้าวพลิ้วไหวไม่แน่นอน เขาพุ่งไปข้างหน้าแล้วถอยออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งไปทางซ้ายและพุ่งไปทางขวา แทงดาบไปซ้ายที ขวาที ทุกครั้งที่แทงดาบออกไป กระบวนท่าของเขาดูพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติดังสายน้ำ ด้วยเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกงดงามแบบแปลกๆ

ฝีไม้ลายมือที่แม่นยำและมั่นคง ดาบที่พุ่งออกมาราวกับกระสุนพุ่งออกจากกระบอกปืน ทุกครั้งที่พุ่งดาบออกไป กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาสั่นสะเทือนราวคลื่นน้ำ

ดาบตัดผ่านอากาศ ส่งเสียงวืดๆ ออกมา

นี่คือผลลัพธ์ในการเรียนวิชาเสริมของเดือนนี้ เมื่อกระบวนท่าฟันดาบต่างๆ เริ่มรับส่งได้ตามใจต้องการ ในขณะเดียวกันจังหวะการก้าวขาก็เริ่มมีความชำนาญ ทำให้วิชาดาบของเขาดูมีพลังมากยิ่งขึ้น

ในจุดนี้เองทำให้วิชาดาบของเขาจากตอนแรกที่เป็นขั้นเริ่มต้นได้เพิ่มขึ้นเป็น (ชำนาญระดับ 3) สามารถมองเห็นได้ชัดขึ้นมา 1-2 จุด

ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทุกอย่างทันที

เขาเงี่ยหูฟังพักหนึ่ง แล้วรีบวางดาบไม้ลง เดินไปยังโต๊ะหนังสือ หยิบหนังสือขึ้นมา แกล้งทำท่าทีตั้งใจอ่านหนังสือ

ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงฝีก้าวที่ชัดเจนของพ่อกับแม่

จากนั้นเฉินโจวอี้ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้องสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

แม่คะ พรุ่งนี้หนูต้องไปสอบที่ศูนย์การทดสอบศิลปะการต่อสู้แล้วนะ! ”

หูของเฉินโจวอี้ผึ่งในทันที!

ลูกคนนี้นี่นะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้หน่อย พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปกับลูก ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

พ่อคะ ไม่ต้องหรอก ยุ่งธุระที่ร้านไปเถอะค่ะ เพื่อนของหนูจะไปเป็นเพื่อนหนูเอง ถ้าพ่อกับแม่ไป หนูจะตื่นเต้นเอานะ ”

“ ผู้ชายหรือว่าผู้หญิง ? ” แม่พูดขึ้นด้วยเสียงระแวดระวัง

“ แม่คะ! แน่นอนว่าต้องเป็นผู้หญิงสิคะ ” เฉินซิงเยว่พูดขึ้น

“ แบบนั้นก็ไม่ได้ พวกลูกยังเป็นแค่เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขยังไง เอาแบบนี้แล้วกัน ให้พี่ชายของลูกไปเป็นเพื่อนลูก พอถึงเวลานั้นจะได้คอยดูแล ” แม่พูดขึ้น

ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เฉินโจวอี้เปลี่ยนไปเยอะมาก เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เงียบขรึมขึ้นเรื่อยๆ แม่ของเขาเองก็สามารถวางใจได้

จากนั้นเธอจึงมาเคาะประตูห้องนอนของเฉินโจวอี้ “ โจวอี้ ออกมาหน่อยลูก ”

“ ครับแม่ เรียกผมมีธุระอะไรเหรอครับ ? เฉินโจวอี้แกล้งทำท่าทางสงสัย

“ พรุ่งนี้น้องสาวของลูกจะไปทดสอบศิลปะการต่อสู้แล้ว ลูกไปเป็นเพื่อนน้องหน่อยสิแม่ของเขาไม่สงสัยอะไร เธอจึงพูดขึ้นต่อ “ อีกแป๊ปนึงแม่จะโอนให้ลูกห้าร้อยหยวน พอถึงตอนนั้นก็ไปหาอะไรกินข้างนอกเอา ! ”

เฉินโจวอี้เหลือบมองไปที่เฉินซิงเยว่แวบหนึ่ง สีหน้าแข็งทื่อของเธอสามารถมองเห็นถึงสีหน้าน่ารังเกียจได้อย่างแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากไปกับพี่ชาย เขาพยายามอดกลั้น เขาตอบรับด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงได้ครับแม่ ผมรู้แล้ว

 

……

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เขาฝึกซ้อมตอนเช้าที่ห้องนอนเสร็จ ก็ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำอย่างมีความสุข

พอกลับไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เฉินซิงเยว่น้องสาวของเขาวิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น

“ ฉันรู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ” เฉินซิงเยว่กอดอก ทำสีหน้าเหมือนคาดเดาอะไรออก “ พี่จะแต่งตัวแบบนี้ออกนอกบ้านเหรอ ? ”

เฉินโจวอี้มองไปที่ท่อนล่างที่สวมกางเกงตัวหลวมและรองเท้าเตะ แล้วก็มองไปที่บนร่างกายท่อนบนที่สวมเสื้อยืด ก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอะไร เขาพูดขึ้นอย่างสับสนว่า “ นี่เป็นชุดที่แม่ซื้อให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทั้งหมดเลยนะ ฉันเพิ่งใส่ไปครั้งเดียวเอง เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่หมดเลย ”

ในเดือนนี้ รูปร่างของเฉินโจวอี้และความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบน่าอัศจรรย์ เสื้อชุดเก่าดูเหมือนจะเริ่มคับหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม่ของเขาจึงซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่จากร้านที่อยู่ถัดไปให้เขาสองสามชุด

“ พี่ ไม่ใช่แบบนั้น ที่ฉันจะบอกพี่ก็คือรสนิยมการแต่งตัวของพี่เนี่ย ไม่มีวันหาแฟนได้หรอก ” เฉินซิงเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

ทันใดนั้นเฉินโจวอี้ก็ตอบโต้ทันที “ ร้อนขนาดนี้ หรือเธอยังอยากจะให้พี่เห็นแก่หน้าของเธออีก จะใส่เสื้อเชิร์ตกับกางเกงขายาวมันก็ไม่เหมาะ ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อผ้าชุดนี้แม่ซื้อให้ ระวังฉันจะบอกแม่เอานะ ”

เฉินซิงเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหนิดๆ “ จะใส่แบบนี้อยู่บ้านหรือไปเดินห้างมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าพวกเราจะไปศูนย์การทดสอบศิลปะการต่อสู้ สถานที่ทางการแบบนั้น พี่จะแต่งตัวตามใจฉันแบบนี้ได้หรอ? ยังมีเพื่อนที่ฉันสนิทมาอีก พอถึงตอนนั้นแนะนำว่าพี่เป็นพี่ชายของฉัน พี่อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่ขายหน้าคือฉันนะ ”

 

เฉินโจวอี้เริ่มหน้าแดง แต่อยู่ต่อหน้าน้องสาวเขายังคงพูดด้วยสีหน้าแข็งๆ ว่า “ ได้ๆๆ งั้นเธอช่วยฉันเลือกแล้วกัน ฉันไม่สนแล้ว ”

เฉินซิงเยว่หายใจถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็พูดกล่อมพี่ชายที่ดื้อรั้นคนนี้ได้สำเร็จ

เธอเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอนทันที ไม่นานเธอก็เลือกกางเกงยีนส์แต่งรอยขาดสีซีดออกมาหนึ่งตัว แล้วหยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ซักแล้วออกมาหนึ่งคู่  เปลี่ยนซะ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน เฉินโจวอี้อยู่อีกด้านของน้องสาว ไม่ได้รู้สึกระวังตัวอะไรมากมาย แค่หันหลังแล้วถอดกางเกงทรงหลวม เปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ แล้วสวมรองเท้าผ้าใบ

เฉินซิงเยว่จ้องไปที่พี่ชายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าประมาณสิบกว่าวินาทีได้ ถึงจะค่อยๆ ถอนหายใจออกมา “ ส่วนทรงผม......ไม่ทันแล้ว ก็ทำทรงๆ นี้ไปเถอะ ดีที่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร ”

เฉินโจวอี้รู้สึกหกหู่ใจ เขากลับมาส่องกระจกที่ห้องน้ำ พอถูกน้องสาวพูดเตือน เขาก็พบว่าผมของเขายาวไปหน่อยจริงๆ

……

หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวเช้าแล้ว ก็เรียกรถแท็กซี่ สิบกว่านาทีต่อมา ก็มาถึงประตูใหญ่ของศูนย์ทดสอบศิลปะการต่อสู้

“ ซิงเย่ว ทางนี้ ทางนี้ ! ”

เฉินโจวอี้พึ่งจะลงจากรถ เด็กสาวสองคนที่รออยู่ตรงประตูทางเข้าก็ทักทายไม่หยุด

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะมาถึงตอนแปดโมงเหรอ ทำไมพวกเธอมาเร็วขนาดนี้ล่ะ”

“ พวกเราก็พึ่งมาเมื่อไม่นานนี้เอง!” เด็กผู้หญิงผิวขาวในชุดลายดอกไม้สีชมพูเทายิ้มแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันมากินข้าวเช้าแถวนี้ เลยมาที่นี่เลยน่ะ ”

 

“ ซิงเยว่เธอเก่งมากเลย ถ้าหากครั้งนี้เธอสอบผ่านล่ะก็ เธอก็จะเป็นที่หนึ่งของห้องเรา พอถึงตอนนั้นเวลามองสีหน้าของยัยเซี่ยเฟยเฟยนั่น ต้องไม่น่าดูแน่ๆ ”

เด็กสาวอีกคนที่พูดขึ้น ร่างกายท่อนบนสวมเสื้อแขนสั้น ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้น พูดขึ้นด้วยท่าทีกระโดดโลดเต้น ดูเหมือนเป็นคนที่ร่าเริงมาก

ในเวลานี้เฉินโจวอี้เพิ่งจ่ายเงินเสร็จ เขาเดินเข้ามา ใบหน้าของเฉินซิงเยว่ดูอายเล็กน้อย เธอรีบกดเสียงต่ำลง แล้วพูดขึ้นว่า “ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันมากับพี่ชายของฉัน ! ”

“ นี่คือพี่ชายของฉัน เฉินโจวอี้” เห็นเฉินโจวอี้เดินมาใกล้ เฉินซิงเยว่รีบพูดแนะนำต่อ “นี่เพื่อนสนิทของฉัน ลู่ชูหยวนและจางเชี่ยนหรู ”

“ สวัสดีค่ะพี่โจวอี้ ! ” ลู่ชูหยวนเด็กสาวที่สวมชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้สีชมพูเทาพูดทักทายอย่างมีชีวิตชีวา

จางเชี่ยนหรูแอบเอามือป้องปากหัวเราะ จากนั้นก็ทำตามทันที

เสียงอันไพเราะกังวาลราวกับลูกปืนตกลงไปจานหยกของเด็กสาวทั้งสองคนนั้น ราวกับกระแสไฟฟ้าสถิต ทั้งร่างของเฉินโจวอี้เหมือนถูกไฟช็อต จนขนลุกชันไปหมด

เฉินซิงเยว่เห็นเฉินโจวอี้ที่สติหลุดไปเรียบร้อยแล้ว ในใจของเธอแอบบ่นเบาๆ รีบหยิกเขาเพื่อเรียกสติ

“ อ้อ สวัสดีรุ่นน้องทั้งสองคน ! ” เฉินโจวอี้เจ็บเอว เขาดึงสติตัวเองกลับมา แล้วรีบกล่าวทักทาย

ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองคนนี้หน้าตาดูธรรมดา เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยได้ทักทายพวกผู้หญิง เมื่อเผชิญหน้ากับการแทะโลมแบบนี้ เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่มีการตอบโต้กลับ

จางเชี่ยนหรูและลู่ชูหยวนมองหน้ากัน แล้วแอบหัวเราะ

พี่ชายขายหน้าต่อหน้าเพื่อนของตัวเอง ทำให้เฉินซิงเยว่รู้สึกอับอาย เธอแกล้งทำเป็นเช็ดหน้าผากเรียบเนียนของเธออย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที “ ข้างนอกร้อนจังเลยนะ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ ”

 

ศูนย์การทดสอบศิลปะการต่อสู้เป็นอาคารใหญ่สูงห้าชั้น ทั้งสี่คนรีบเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว

เนื่องจากการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดจะมีเพียงแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ดังนั้นถึงแม้ว่าต่อให้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเต็มกว่าจะเริ่มทำการทดสอบ แต่ข้างในกลับมาคนต่อแถวยาวเหยียด

มีทั้งคนที่มากับพ่อแม่ มากับเพื่อน แน่นอนว่าต้องมีคนที่มาคนเดียว

ตอนนี้ความสามารถในการสังเกตของเฉินโจวอี้ไม่เลวเลย เขาสามารถแยกแยะได้อย่างคร่าวๆ ว่าคนไหนมาเข้าร่วมการทดสอบ คนไหนมาเป็นเพื่อน

เขาพบว่าคนที่มาเข้าร่วมการทดสอบพวกนี้ ส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีอายุ หลายคนอายุสามสิบกว่าแล้ว มีไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ ขนาดเด็กรุ่นราวคร่าวเดียวกับน้องสาวของเขา มีแค่สองสามคนเท่านั้น น้อยจนน่าสงสาร

ฉันต่อแถวให้ เธอไปพักผ่อนเถอะ จะได้ไม่มีผลกระทบต่อสภาพร่างกาย ” เฉินโจวอี้พูดขึ้น

ต่อหน้าเฉินโจวอี้ พวกเด็กสาวดูเชื่อฟัง แต่รอเฉินโจวอี้เดินจากไป พวกเธอรีบเล้ามารวมกันแล้วพูดเม้าท์ทันที

ซิงเยว่ พี่ชายของเธอดีกับเธอมากเลย อิจฉาเธอจริงๆ ที่มีพี่ชายแบบนี้

“ ที่จริงก็พอได้แหละ ! ” ฉันซิงเยว่หัวเราะเจื่อนๆ “เขาค่อนข้างขี้บ่นน่ะ บางทีฉันเองก็ยังทนไม่ได้เลย”

ทันใดนั้นก็ทำให้เพื่อนๆ อิจฉาขึ้นอีกครั้ง

เธอแอบบ่นอุบอิบในใจว่า : เพราะเธอไม่มีพี่ชายต่างหาก ถ้ามีพวกเธอจะไม่คิดแบบนี้หรอก

ตอนเป็นเด็ก เขาอาศัยความเป็นพี่กลั่นแกล้งเธอมาไม่น้อยไม่ใช่หรอ ในใจของเธอจำได้หมดทุกอย่าง

 

“ พี่ชายของเธอเรียนมัธยมปลายเหมือนกันหรอ ? ” ลู่ชูหยวนทำตาโต ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ ใช่แล้ว เรียน ม.6 แล้ว ”

“ เรียนอยู่ที่ไหนเหรอ ? ”

“อะไรกัน ชอบพี่ชายฉันเหรอ?” เฉินซิงเยว่พูดติดตลก เธอไม่ค่อยอยากจะตอบคำถามนี้ เพราะโรงเรียนที่พี่ชายเธอเรียนอยู่ มันทำให้เธอลำบากใจในการตอบคำถามจริงๆ

ในเมืองตงหนิง มีโรงเรียนมัธยมปลายทั้งหมด 8 โรงเรียน โรงเรียนมัธยมหมายเลข 1 เป็นโรงเรียนประจำมณฑล หมายเลข 4 และหมายเลข 3 จะแย่ลงมาหน่อย แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ สำหรับโรงเรียนที่เหลือรวมถึงโรงเรียนหมายเลข 5 ที่เฉินโจวอี้เรียนอยู่ เป็นได้แค่เพียงโรงเรียนขยะเท่านั้น

ใบหน้าขาวผ่องของลู่ชูหยวนเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย เธอพูดเสียงอ้อนว่า “ ก็แค่อยากรู้จักสักหน่อย ซิงเยว่เธอเก่งขนาดนี้ พี่ชายของเธอก็น่าจะเก่งบ้างแหละนะ ? ”

“ ใช่แล้ว ใช่แล้ว ! ” จางเชี่ยนหรูที่มีนิสัยร่าเริง ในเวลานี้เธอคึกครื้นเป็นอย่างมาก “ พวกเราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน พี่ชายของเธอก็คือพี่ชายของพวกเราแหละ ”

เฉินซิงเยว่ใจหนึ่งก็อยากไว้หน้าพี่ชายของเธอบ้าง แต่พอคิดดูแล้วก็ช่างมันเถอะ เธอพูดแทงใจดำได้อย่างง่ายดาย

“ คะแนนของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมหมายเลข 5 แต่เขาก็ขยันมากเลยนะ ทุกวันจะต้องอ่านหนังสือถึงดึกกว่าจะยอมเข้านอน ”

 

รีวิวผู้อ่าน