px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 14 ความคิดวุ่นวาย


ตอนที่ 14 ความคิดวุ่นวาย

 

ทันใดนั้นความสนใจของจางเชี่ยนหรูเริ่มลดน้อยลงไปทันที ขยันขนาดนี้คะแนนยังออกมาไม่ดี มันไม่ได้หมายถึงโง่เหรอ!

ใครจะไปคิดล่ะว่าลู่ชูหยวนกลับถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ศิลปะการต่อสู้ของพี่ชายเธอยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมถึงยังตั้งใจเรียนล่ะ?”

“ศิลปะการต่อสู้ของพี่ชายฉันยอดเยี่ยมงั้นเหรอ?” เฉินซิงเยว่ตาโตในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

“เธอไม่สังเกตหรอ ตอนที่เขาเดิน จังหวะการก้าวเดินของเขาดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนครูสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ของพวกเราเลย”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง!” ไม่รอให้เฉินซิงเยว่ตอบ จางเชี่ยนหรูได้พูดคำพูดในใจของเธอออกมาแล้ว

ครูสอนศิลปะการต่อสู้ในชั้นเรียนของพวกเธอ เป็นนักรบที่แท้จริง ถึงแม้ว่าตอนที่ไปสำรวจโลกที่แตกต่าง จะถูกเวทย์มนต์ทำให้เป็นโรคอับอายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกต้องเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ธรรมดาคนหนึ่งในโรงเรียน แต่พลังในร่างกายของเขา บรรดาชาวยุทธฝึกหัดยังคงไม่สามารถเทียบได้

เป็นครั้งแรกที่เฉินซิงเยว่มองสำรวจเฉินโจวอี้ที่กำลังต่อแถวอยู่ด้านหน้าอย่างละเอียด

มือของเขาเท้าเอว ก้มหน้าไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เขายืนอย่างเฉื่อยชา ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งที่มองเห็นพี่ชาย เธอมักจะแอบขมวดคิ้วเสมอ เธอเข้มงวดกับพี่ชายเพราะหวังจะให้เขาได้ดี แต่ในเวลานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะภาพลวงตา ท่ายืนที่ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเสือชีตาร์ที่หมอบอยู่ตรงพื้น ทำท่าราวกับพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ

 

ในเวลานี้เธอเริ่มนึกอะไรออกในทันที เมื่อไม่นานมานี้ ภาพที่ตะเกียบไม้เสียบเข้าไปครึ่งผนัง ในตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่า ......

“ พี่ ! ” เธอใจเต้น แล้วตะโกนออกมา

ทันใดนั้นเธอรีบจ้องท่าทางของเขาโดยไม่กระพริบตา ศิลปะการป้องกันตัวของมนุษย์เป็นการฝืนวิธีการใช้แรงของนิสัยปกติในมนุษย์ ปลุกเร้าแนวโน้มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อมากขึ้น กระตุ้นคันโยกส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ให้ทำงาน

ตราบใดที่เป็นผู้ที่เคยเรียนการออกแรงในศิลปะการต่อสู้ บนร่างกายจะทิ้งร่องรอยไว้ไม่มากก็น้อย บางทีอาจจะเป็นการเดิน หรืออาจจะ......

เฉินโจวอี้ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเรียกเขา จึงหันหน้ามา “ มีอะไรเหรอ ? ”

เฉินซิงเยว่สติหลุดไปพักหนึ่ง พอดึงสติกลับมาได้เธอจึงรีบพูดขึ้น “ ไม่มีอะไร ก็แค่เรียกน่ะ ”

“ ประสาท ” เฉินโจวอี้บ่นอุบอิบ

“ เห็นหรือยัง ” ลู่ชูหยวนที่หน้าแดงอยู่พูดกระซิบ “ คนธรรมดามองเห็นสิ่งต่าง ๆ น้อยกว่าสิบห้าองศา คือแค่หันมามองแบบธรรมดา เพราะว่ามันประหยัดพลังงานมากที่สุด และสะดวกที่สุดเช่นกัน แต่พวกชาวยุทธฝึกหัดที่มีประสบการณ์หรือแม้แต่ชาวยุทธเองจะไม่เหมือนกับคนธรรมดา พวกเขามักจะขยับกระดูกสันหลังทั้งหมด แม้แต่ข้อต่อส่วนสะโพก และข้อต่อส่วนขา หรือแม้กระทั่งชุดกล้ามเนื้อ ทั้งหมดนี้จะเกิดการเชื่อมโยงโดยรวมขึ้น เพราะในการฝึกการใช้แรงมาอย่างยาวนาน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นความเคยชินของเขา เข้าไปถึงไขกระดูก ”

“ นี่ยังไม่สามารถพูดถึงความสามารถของเขาได้ บางทีอาจเป็นเรื่องบังเอิญ ” เฉินซิงเยว่ยังคงยากที่จะรับได้ ความคิดซับซ้อนวุ่นวายไปหมด

“ นั่นเป็นเพราะเธอไม่ได้สังเกตตอนที่เขาเดิน ถ้าเธอเห็น เธอจะไม่พูดแบบนี้แล้ว ในแต่ละก้าวเดินของเขาที่จริงแล้วดูเหมือนว่ากำลังทำท่า ‘ก้าวพื้นฐาน’ ตามแบบมาตรฐาน ทุกครั้งที่ก้าวเดินต่างก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ถ้าเขาไม่กลายเป็นชาวยุทธฝึกหัดมาตั้งนานแล้ว ก็อาจเป็นเพราะการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนของเขากำลังปรับแต่งกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ”

“ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ ซิงเยว่ ฉันรู้สึกว่าทำไมเธอถึงไม่เข้าใจพี่ชายเธอล่ะ” จางเชี่ยนหรูพูดขึ้นอย่างสงสัย

เฉินซิงเยว่อ้าปากค้าง สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ความคิดสับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

.......

เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแปดโมงครึ่ง การลงทะเบียนทดสอบศิลปะการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น

รายการทดสอบศิลปะการต่อสู้มีเยอะแยะมากมาย แค่การทดสอบสมรรถภาพทางกายก็มีทั้งวิ่งหนึ่งร้อยเมตร ยกบาร์เบล ยกน้ำหนัก ทำสควอทบาร์เบล ตามด้วยการยิงธนูและตามด้วยอาวุธเหล็กกล้าที่ยากที่สุดในการต่อสู้ที่แท้จริง

“ หมายเลข 102 เฉินซิงเยว่ วิ่งหนึ่งร้อยเมตรความเร็ว 10.11 วินาที ผ่านการทดสอบ ! ”

“ หมายเลข 102 เฉินซิงเยว่ ยกบาร์เบลได้น้ำหนัก 155 กิโลกรัม ผ่านการทดสอบ ! ”

“ หมายเลข 102 เฉินซิงเยว่ สควอทบาร์เบลได้น้ำหนัก 265 กิโลกรัม ผ่านการทดสอบ ! ”

……

เกณฑ์การทดสอบชาวยุทะฝึกหัดของผู้หญิงจะต่ำกว่าของผู้ชายไม่เท่าไร เฉินโจวอี้เริ่มรู้สึกโล่งใจในทันที ถ้าตัวเขาเองเข้าร่วมการทดสอบของผู้หญิง เขาจะสามารถสอบผ่านอย่างแน่นอน

“ พี่อี้ ดื่มน้ำไหมคะ? ” ลู่ชูหยวนส่งขวดน้ำให้อย่างเขินๆอายๆ

“ อ้อ ขอบคุณนะ ” เฉินโจวอี้รับมา ดื่มไปหนึ่งอึก จากนั้นจึงพูดขึ้น “ พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของซิงเยว่เหรอ ? ”

“ ใช่แล้วค่ะ พวกเราเป็นนักเรียนห้องศิลปะการต่อสู้ ฉันเป็นเพื่อนนั่งข้างโต๊ะเธอ ” ลู่ชูหยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางที่น่ารัก

“ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทของซิงเยว่ ! ” จางเชี่ยนหรูที่อยู่อีกด้านหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่น้อยหน้า ท่าทางของเธอดูร่าเริงสดใส เธอถูกแขนเฉินโจวอี้เหมือนตั้งใจแต่บางทีก็ดูไม่ตั้งใจ

สัมผัสที่อ่อนนุ่มของหญิงสาว ทำให้ทั้งตัวของเฉินโจวอี้ดูแข็งทื่อในทันที

โชคดีที่ในเวลานี้เฉินซิงเยว่กลับมาแล้ว เฉินโจวอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบพูดขึ้น “ อ้า ซิงเยว่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายทั้งหมดเลย ! ”

ตอนที่เฉินซิงเยว่กลับมาสีหน้าเธอดูไร้ความรู้สึก ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นมากมาย เธอมองไปยังเฉินโจวอี้ สีหน้าดูซับซ้อนและหดหู่

เขาเองก็รู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก “ เธอจะพักผ่อนสักแป๊ปไหม แล้วอีกสักพักค่อยเข้าทดสอบการยิงธนู ! ”

เฉินซิงเยว่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอรับน้ำดื่มมาจากลู่ชูหยวน ดื่มไปหนึ่งอึก แล้วนั่งอีกฝั่งหลับตาทำสมาธิ

สิบกว่านาทีต่อมา เฉินซิงเยว่ลุกขึ้นยืน เดินไปยังส่วนที่ทดสอบการยิงธนู เริ่มทำการทดสอบยิงธนู

การทดสอบยิงธนูมีสองรายการ มียิงเป้าหมายที่อยู่กับที่และยิงเป้าหมายเคลื่อนที่ ทั้งสองรายการต่างก็มีเวลาที่เข้มงวด

มีเวลาสิบวินาทีสำหรับธนูสิบดอก หมายความว่าในแต่ละวินาทีจะต้องยิงธนูหนึ่งดอก

คันธนูและลูกศรเป็นงานฝีมือคันธนูแบบโค้งที่ทันสมัย มีความแข็งแรงและความแม่นยำสูง

ในรายการนี้เฉินซิงเยว่เองก็สามารถสอบผ่านได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่อยู่กับที่หรือเป้าหมายเคลื่อนที่ ลูกธนูทุกดอกต่างก็อยู่ใกล้กับวงแหวนทั้งสิบ ด้วยแรงที่หนักแน่น

หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว อารมณ์ของเฉินซิงเยว่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคล้าย แต่เธอกลับรู้สึกประหม่ามากขึ้น ใบหน้าของเธอตึงเครียด ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก

“ ซิงเยว่ วิชาดาบของเธอดีมาโดยตลอด เธอต้องทำได้แน่นอน ” จางเชี่ยนหรูพูดกระตุ้น

“ คุณครูก็บอกว่าเธอทำได้แน่ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน เธอคือชาวยุทธที่แท้จริง ! ”

เฉินโจวอี้เองก็พูดปลอบเหมือนกัน “ที่ จริงไม่ต้องไปสนใจมากมายหรอก ถ้าครั้งนี้ไม่ผ่านการทดสอบ ครั้งหน้าก็ค่อยมาอีกก็ได้ ”

สำหรับปากปีจอของพี่ชายเธอ เฉินซิงเยว่มองบนอย่างไม่สบอารมณ์ใส่เขาไปแล้ว เธอไม่ค่อยอยากพูดอะไร แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ทั้งสองสามคนนี้อยู่เป็นเพื่อนเฉินซิงเยว่ถึงครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ถึงจะรีบไปที่ขอบเวทีการต่อสู้ด้วยอาวุธเหล็กกล้า

การทดสอบการต่อสู้ด้วยอาวุธเหล็กกล้าไม่ได้สู้กับคนจริงๆ แต่เป็นหุ่นยนต์ทดสอบตัวหนึ่ง พูดได้ว่ามันเป็นหุ่นยนต์ที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีส่วนไหนดูเหมือนมนุษย์เลย มันถูกยึดไว้บนเวที สองแขนของมันข้างหนึ่งถือดาบไม้ อีกข้างหนึ่งถือหอกยาวประมาณสามเมตร

เงื่อนไขที่จะสอบผ่านนั้นง่ายมาก นั่นคือการใช้อาวุธโจมตีบนร่างกายที่ทำจากโลหะผสมของหุ่นยนต์ให้ได้มากพอ

ในเวลานี้ มีบางคนกำลังเริ่มทำการทดสอบ

เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าปี ใบหน้าเขาดูสง่างาม เขาก้าวเดินขึ้นบนเวทีทีละก้าว

พื้นที่ตรวจจับบนเวทีเริ่มทำงาน เพียงแค่ก้าวขึ้นมาในเขตพื้นที่ตรวจจับ เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะทำการระบุผู้เข้ารับการทดสอบ และเริ่มทำการทดสอบสู้รบในทันที

ชายวัยกลางคนคนนี้เดินมาถึงหน้าบริเวณตรวจจับก็หยุดฝีก้าว ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า เฉินโจวอี้สังเกตเห็นเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง กระตุ้นตัวเองอยู่หลายวินาทีถึงจะก้าวเข้าสู่เวที

“ เริ่มการทดสอบได้ ! ”

เมื่อเสียงเครื่องจักรจากหุ่นยนต์ดังขึ้น แขนทั้งสองข้างของมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เขาสบถเบาๆ ก้าวด้วยท่าก้าวพื้นฐาน ก้าวเดียวสามารถก้าวไปได้ไกลถึงสองเมตรกว่า  แล้วพุ่งเข้าไปโจมตีหุ่นยนต์ในทันที ในเวลานี้แขนของหุ่นยนต์ตอบสนองโดยฉับพลัน ความเร็วของมันยังทำให้คนตกใจ

แขนขวาของมันที่ถือหอกยาวระดับกลางอากาศงอขึ้นเล็กน้อย แทงไปที่เขาราวกับไฟฟ้าในทันที

ทักษะพื้นฐานของชายวัยกลางคนถือว่าไม่เลว หอกยาวถูกเขาใช้มีดไม้ตวัดออก ด้วยแรงในระดับนี้ เขาก้าวไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว เข้าสู่ระยะห่างจากหุ่นยนต์สองเมตร

แต่ว่า มันได้สิ้นสุดลงแล้ว มือซ้ายของหุ่นยนต์ที่ถือดาบไม้ห้อยไว้ ดูเหมือนจะรอคอยโอกาสนี้มานาน ทันใดนั้นมันก็พุ่งสะบัดดาบไปราวกับงูพิษ แทงเข้าไปที่ส่วนหัวของชายวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว

เฉินโจวอี้ที่ดูอยู่เกือบจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ

โชคดีที่เจ้าหุ่นยนต์ไม่ได้ทำพลาด และไม่ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ดาบไม้หยุดกึกอยู่ห่างจากหน้าผากของชายวัยกลางคนประมาณหนึ่งนิ้ว

“ การทดสอบล้มเลว ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจกับสถานการณ์อันตรายเมื่อครู่นี้หรือว่ารับไม่ได้กับความล้มเหลวในการโจมตีแบบนี้ ชายวัยกลางคนตกใจจนทรุดลงไปที่ซีด ใบหน้าซีดเซียว ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงจะดึงสติกลับมา แล้วเดินลงไปจากเวทีอย่างมึนงง

คนที่ทำการทดสอบคนที่สอง ก็ยังคงล้มเหลว

คนที่สามก็เป็นเหมือนกัน

การล้มเหลวที่ต่อเนื่องเป็นชุดขนาดนี้ ทำให้เฉินซิงเยว่กังวลมากขึ้น

เฉินโจวอี้พบว่าเธอบีบมือแน่นมาก เป็นเพราะเธอใช้แรงมากจนเกินไป ข้อต่อจึงดูขาวซีด

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน