px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 15 พรสวรรค์


ตอนที่ 15 พรสวรรค์

 

เฉินโจวอี้อดไม่ได้ที่จะเข้าไปทดสอบแทน จะสามารถสอบผ่านหรือไม่ผ่านเขาเองก็ไม่รู้ แต่เขากลับพบว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเธอ ร่างกายของเขายืดหยุ่นกว่าพวกที่เขารับการทดสอบทั้งหลายนั่นเสียอีก ก้าวพื้นฐานก็สามารถรับส่งได้ดังใจคิดแล้ว

การตอบสนองในแต่ละครั้งของหุ่นยนต์จะมีบางช่วงที่หยุดไปชั่วคราว ทำให้หุ่นยนต์ไม่มีช่องว่างในการโจมตีได้

ตราบใดที่ยังรักษาความเร็วในการเคลื่อนที่ของร่างกายให้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงอยู่ ไม่หยุดนานจนเกินไป จะทำให้สามารถเข้าใกล้หุ่นยนต์ได้อย่างง่ายดาย

“ คนต่อไป หมายเลข 102 เฉินซิงเยว่ เข้าร่วมการทดสอบได้ ”

เฉินซิงเยว่ลุกขึ้นทันที

“ ไม่ต้องกังวล เธอทำได้อยู่แล้ว ” เฉินโจวอี้พูดปลอบประโลม

“ สู้ๆ ” ลู่ชูหยวนและจางเชี่ยนหรูพูดให้กำลังใจ

“ อื้ม ! ” เฉินซิงเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วเดินไปยังเวที

เธอไม่รู้สึกลังเลอะไร สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินขึ้นไปยังพื้นที่ตรวจจับ

“ เริ่มการทดสอบได้ ”

เฉินซิงเยว่หยิบดาบไม้ขึ้นมา แล้วเดินไปตามขอบของระยะการโจมตี  เธอเดินอย่างช้าๆ ขณะที่เธอเคลื่อนไหว แขนทั้งสองข้างของเจ้าหุ่นยนต์ก็เคลื่อนไหวตามอย่างช้าๆ ไปด้วย

เฉินโจวอี้จ้องขเม็งไปยังน้องสาวของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ดูการต่อสู้ของน้องสาว ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลแทนเธอ

ในเวลานี้เฉินซิงเยว่มีการเคลื่อนไหว เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา เข้าสู่ระยะการโจมตีของหุ่นยนต์

 

วินาทีต่อมา แขนกลของมันก็เคลื่อนไหวในทันที หอกยาวพุ่งไปยังเธออย่างรวดเร็ว เสียงแทงทะลุอากาศดังขึ้น

โชคดีที่ดูเหมือนว่าเธอจะเตรียมตัวมาก่อนแล้ว เธอขยับตัวหนีไปอีกด้าน หลีกเลี่ยงวิถีหอกอย่างสบายๆ จากนั้นเธอก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเอียงตัวไปตามทิศทางของหอกแล้วเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากเธอเป็นคนตัวเล็ก ในขณะที่เธอวิ่ง ร่างกายส่วนบนของเธอเอียงไปทางพื้น จนเกือบจะเหมือนตัวชะมดพุ่งเข้ามา

หอกยาวถูกเก็บ เฉินซิงเยว่กำลังเข้ามาทางด้านหน้า!

ในเวลานี้ดาบยาวอีกเล่มของหุ่นยนต์แทงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เฉินซิงเยว่ที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง กลับดูเหมือนว่าคาดการณ์บางอย่างล่วงหน้าได้ เธอกลิ้งตัวไปทางซ้าย รอดจากวิถีดาบไปได้แบบเฉียดฉิว

เฉินโจวอี้ที่ดูอยู่เหงื่อแตกพลั่ก แต่ในไม่ช้าก็ค้นพบว่าการเคลื่อนไหวของเธอได้รับการวางแผนมาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเธอจำลองภาพในใจมานับไม่ถ้วน ทิศทางนี้เป็นทิศทางไปยังแขนกลที่ถือหอกยาวอยู่ ขณะที่หุ่นยนต์เก็บหอกเพื่อเตรียมทำการโจมตีครั้งต่อไปนั้น พอเหมาะกับที่จังหวะนี้เป็นจุดอ่อนในการโจมตีเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้พอดี

นี่เป็นแค่การม้วนกลิ้งเข้าไปอย่างฉับไว ร่างกายจากตอนแรกที่เคลื่อนที่อยู่ก็หยุดลง เธอยืนขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็แทงดาบไม้ออกไปอย่างรวดเร็ว

เกิดเสียงดัง “  พลั้ก ! ”

ดาบไม้ระเบิด หุ่นยนต์หยุดการเคลื่อนไหว

“ ผ่านการทดสอบ ”

 

“ เย้ ” พอได้ยินผล เด็กสาวทั้งสองคนก็กระโดดโลกเต้นด้วยความดีใจในทันที

เฉินซิงเยว่สูดลมหายใจเข้าไป เธอโยนดาบไม้ลง แล้วหมุนตัวเดินลงไปจากเวที

ตอนที่เดินผ่านเฉินโจวอี้ ใบหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง แกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตามเธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวอายุสิบห้าคนหนึ่ง พอเผชิญหน้ากับเพื่อนของเธอ ในไม่ช้าใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของเธอก็ไม่สามารถเก็บต่อไปได้แล้ว มุมปากของเธอยิ้มกว้าง เข้าไปกอดกันกลมแล้วกระโดดโลดเต้นกับเพื่อนของเธอ ระบายความตื่นเต้นในใจออกมา

…………

หลังจากที่เฉินซิงเยว่บอกข่าวดีกับพ่อแม่ของเธอแล้ว ทั้งหมดก็พากันไปที่ร้านอาหารสุดหรูเพื่อฉลองกับความสำเร็จของเธอในทันที

“ พี่โจวอี้ ไอดีวีแชทของพี่คืออะไรเหรอ ฉันจะแอดพี่เป็นเพื่อน ” ในระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ จางเชี่ยนหรูที่นั่งถัดไปพูดขึ้นมาก่อน

“ ฉันขอแอดเพื่อนด้วยคน ต่อไปจะได้คุยด้วยกันได้ ” ลู่ชูหยวนหน้าแดงพลางพูดขึ้น

“ ฉันไม่ได้ใช้วีแชท ” เฉินโจวอี้ตอบ

เขาพบว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนของน้องสาวเขาช่างดูเป็นมิตรซะเหลือเกิน ทำให้ชายโสดยังซิงที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กผู้หญิงอย่างเขาคนนี้ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจ

ทั้งสองคนดูไม่เชื่อ ในยุคนี้ยังมีคนที่ไม่เล่นวีแชทอยู่อีกหรอ

“ พี่ชายของฉันใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า ไม่รองรับวีแชท ” เฉินซิงเยว่ที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดอธิบาย “ แม่ของฉันเข้มงวดมาก ”

 

“ งั้นซิงเยว่ ทำไมโทรศัพท์มือถือของเธอถึงเป็นเครื่องใหม่หล่ะ ? ” จางชี่ยนหรูที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจถามขึ้น

เฉินซิงเยว่ดูซึมไปเล็กน้อย พลางพูดในใจว่า ‘นี่เป็นของรางวัลที่ฉันได้รับการคัดเลือกให้เขาเรียนโรงเรียนมัธยมหมายเลข 1 ต่างหากเล่า เมื่อก่อนพี่ชายของฉันดูเป็นคนธรรมดา แน่นอนว่าไม่มีหรอก เพียงแต่ว่าจะพูดแบบนี้ออกไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนข้ออ้างสักหน่อย’

นี่ไม่ต้องรอให้เธอคิดว่าจะพูดอย่างไรดี เฉินโจวอี้หัวเราะพลางพูดขึ้น

“ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมาก ปกติก็สนใจแต่เรื่องเรียน สำหรับฉันแล้วขอแค่มันโทรเข้าโทรออกได้ก็พอ ”

ในใจของเฉินซิงเยว่ดูสับสนวุ่นวาย เธอเหลียวมองเขาแวบหนึ่ง บางทีเมื่อก่อนอาจจะคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ที่ดูปกติและเรียบง่ายของพี่ชายจนเกินไป เธอไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่า ในช่วงนี้เขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนเป็นคนที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น เวลาที่เผชิญหน้ากับพวกผู้หญิง ก็ไม่อายหน้าแดงจนทำให้เธอต้องอับอายแล้ว!

หลังจากที่กินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน

นั่งรถมาถึงประตูเข้าบ้าน หลังจากลงจากรถ เฉินโจวอี้ก็ถูกเฉินซิงเยว่เรียกไว้

“ พี่ รอก่อน ฉันมีอะไรอยากจะถามพี่หน่อย ”

“ มีเรื่องอะไร ? ” เฉินโจวอี้ฉันหัวมา และเริ่มรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเฉินซิงเยว่ดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ยังอ้ำอึ้งอยู่

นี่ไม่เหมือนตอนเธอปกติเลย

“ พี่ พี่เป็นชาวยุทธฝึกหัดมานานแล้วใช่ไหม ”

สำหรับคำถามของน้องสาว เฉินโจวอี้พูดขึ้นอย่างงุนงง “ เธอกำลังพูดถึงความฝันอยู่หรอ ฉันจะเป็นชาวยุทธฝึกหัดได้ไงหล่ะ ? ”

“ งั้นการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนของพี่ไปถึงระดับที่ปรับแต่งกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายแล้วใช่ป่ะ ? ”

เฉินโจวอี้ชะงักไปพักหนึ่ง แล้วรีบพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “ เธอรู้ได้ยังไง ? ”

แน่นอนว่าเขาฝึกจนถึงขั้นปรับแต่งกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายแล้ว แต่ว่านั่นเป็นเพียงแค่ฉบับเลียนแบบของจริงเท่านั้น หากอยากจะไปถึงระดับฝึกกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายของจริงยังถือว่าห่างไกลกันอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงให้ประโยชน์แก่เขาอยู่มาก ทำให้ฝึกดาบได้ง่ายขึ้น สามารถฝึกก้าวพื้นฐานได้ง่ายขึ้น บางครั้งไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย ท่าทางการเคลื่อนไหวก็ออกมาได้ตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน ทำให้การรับรู้ของเขาในช่วงนี้เพิ่มขึ้นมา 0.5 จุด จนไปถึงระดับ 10.8 จุด

            จากนั้นเฉินโจวอี้ก็รับฟังเฉินซิงเยว่อธิบายไปหนึ่งรอบ

ที่ไหนได้เป็นแบบนี้นี่เอง เขากระจ่างในทันที นี่ไม่ใช่ผลที่มาจากการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนของเขา หรือไอ้ฉบับลอกเลียนแบบอะไรนั่นของเขาก็ไม่ได้ส่งผลมากมายขนาดนี้

ที่เป็นเพราะแบบนี้ เนื่องจากเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เขามักจะถอดจิตเข้าไปอยู่ในร่างกายของครูสอนเสริม พอเวลาผ่านไปนาน กล้ามเนื้อระหว่างมือและเท้ามักจะเกิดการเลียนแบบไปโดยไม่รู้ตัว

แต่ว่าเรื่องนี้เป็นการยากที่จะอธิบายให้น้องสาวเขาฟัง เฉินโจวอี้ลังเลไปสักพัก เขามองไปยังรอบๆ แล้วกระซิบว่า “ มันแตกต่างจากที่เธอคิดไปเล็กน้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรจะพูด กลับไปพูดในบ้านดีกว่า ”

ดีที่หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว พ่อแม่กำลังยุ่งอยู่ พวกเขาแค่ถามอย่างตื่นเต้นอยู่ไม่กี่ประโยค แล้วก็ปล่อยไป

ไม่นานสองพี่น้องก็มาถึงห้องนั่งเล่น

“ มีความลับอยู่เรื่องหนึ่ง ฉันอยากจะบอกเธอตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่ายังหาโอกาสไม่ได้ ” เฉินโจวอี้เรียบเรียงทำพูดอยู่ในใจ แล้วเริ่มปริปากพูดขึ้น

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกเฉินซิงเยว่ถึงเรื่องหนังสือแห่งความรู้ได้ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถปล่อยปะละเลยได้ ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี

“ ความลับอะไร ? ” ด้วยท่าทีที่ลึกลับกำกวมของพี่ชายไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเฉินซิงเยว่ เธอจึงรีบถามขึ้นมา

“ ฉันพบเคล็ดลับหนึ่งในการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน ก็คือเคล็ดลับนี้นี่แหละ ฉันถึงสามารถปรับแต่งกล้ามเนื้อของฉันได้อย่างง่ายดาย

ทันทีที่พูดออกไป เฉินซิงเยว่เบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เฉินโจวอี้ตะลึงไปสักพัก เขาไม่เคยเห็นน้องสาวของตัวเองมีสีหน้าแบบนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตามเพียงไม่นานเขาก็รีบรวบรวมสติ จากนั้นเขาอธิบายวิธีการปรับแต่งการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนหลังจากที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพแล้วอีกหนึ่งรอบ

ถ้าหากเคยเพิ่มประสิทธิภาพของสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายมาก่อน เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาแน่นอน เพราะสุดท้ายแล้วการฝึกฝนชนิดนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมาก นี่ไม่สามารถหากลโกงโบราณจากในมุมนั้นได้อย่างแน่นอน

เบื้องหลังของสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกายคือสำนักงานใหญ่ศิลปะการต่อสู้แห่งชาติ เกี่ยวข้องกับห้องทดลองหลายร้อยแห่ง ในนั้น หรือแม้กระทั่งห้องทดลองหลายพันแห่งจากทั่วโลก มันเกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาของนักวิจัยนับหมื่นคน

ไม่ว่าคนนั้นจะฉลาดแค่ไหน หรือไม่ว่าเขาจะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดในชีวิต  ก็ยังไม่สามารถสร้างฉบับที่เพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

แต่การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนกลับไม่เหมือนกัน ฉบับที่ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว ถ้าพูดจากท่าเคลื่อนไหวเฉพาะ ดูเหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ต่างก็แค่การเริ่มเข้าสู่สมาธิแล้วถึงจะปรับแต่งกล้ามเนื้อในร่างกาย เปลี่ยนเป็นแค่การรับรู้ภายใต้จิตสำนึกขณะที่เข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนเท่านั้น ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเพียงแค่แนวคิดอภิปรัชญา

“ ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ! ” หลังจากที่เฉินซิงเยว่ฟังจบ เธอก็อ้าปากค้าง

“ ง่ายหรอ ไม่นะ มันไม่ง่ายเลย ! ” เฉินโจวอี้คิดไปสักพักแล้วเริ่มพูดปฏิเสธทันที ในช่วงนี้เขาสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน ซึ่งเขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับความคิดจากจิตใต้สำนึกของสมอง ต่อให้โง่ ก็ยังเข้าใจได้ หนังสือแห่งความรู้ส่งผลต่อการเปลี่ยนของการเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนเป็นอย่างมาก

การเพิ่มประสิทธิภาพของมัน ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

“ ก่อนอื่นเธอต้องเข้าสู่สมาธิขั้นที่ลึกมาก และต้องควบคุมจิตใต้สำนึกของตัวเองให้ได้ ต้องรู้ว่าต่อไปตัวเองจะปรับแต่งส่วนไหน ”

“ ก็เหมือนกับการเรียนวิชาดาบ..... .” เฉินโจวอี้ในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงแล้ว

“ ย้อนนิสัยเคยชินของคนเรา ” เฉินโจวอี้คิดไปพูดไป

“ อ้อ เป็นแบบนี้ รับรู้ตัวตนตามปกติ มันถึงจะรู้สึกถึงจิตใต้สำนึกทั้งหมดทั่วร่างกาย แต่วิธีนี้จะต้องฝืนสัญชาตญาณการรับรู้ของตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงจะรับรู้ถึงโครงสร้างของมันได้ ” เฉินโจวอี้พูดขึ้นในทันที

เฉินซิงเยว่ตกตะลึง นี่มันยากกว่าการฝืนการเคลื่อนไหวตามนิสัยของคนเราเสียอีกสุดท้ายแล้วมองในมุมของอันแรก ถึงแม้ว่าจะยาก ขอแค่ตั้งใจอย่างเสมอต้นเสมอปลายก็จะสามารถฝึกฝนได้ แต่อันหลังนี่ดูเป็นนามธรรมเกินไป ดูเป็นอะไรที่เกินจริง

ไม่นานความสงสัยก็ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ เธอจึงถามออกไปตามตรง “ งั้นพี่ พี่ฝึกมันได้ยังไงอ่ะ ? ”

เฉินโจวอี้ได้ยินดังนั้นก็เริ่มหน้าแดง จากนั้นเขาก็รีบทำสีหน้าสงบเงียบเหมือนเดิม “ บางทีนี่อาจจะเป็นพรสวรรค์ของฉันนะ พรสวรรค์ที่ฉันสามารถควบคุมจิตใต้สำนึกได้ ”

มองไปที่น้องสาวที่เดินออกไปโดยทิ้งความเคลือบแคลงใจไว้ เฉินโจวอี้ก็ถอนหายใจออกมา

เผชิญหน้ากับการซักถามอันชาญฉลาดของน้องสาว ถือเป็นเรื่องที่กดดันเป็นอย่างมาก

ถ้าน้องสาวโง่สักนิดก็คงจะดี

 

 

รีวิวผู้อ่าน