px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 56 ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญของวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางอย่างวิชาฝ่ามือขยี้ใจ ของลี่หยวนนั้น ก็มีค่าเทียบเท่ากับวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง สี่ตำลึงปาดพันชั่ง ในความสำเร็จขั้นตอน เริ่มต้น ของเค่อเอ๋อ

อาจกล่าวได้ว่า มันคือ หอกและโล่ที่ระดับเท่าเทียมกัน ...

เมื่อทั้งสองปะทะกันสิ่งที่รออยู่คือ ความแหลกราญของทั้งคู่

ก่อนหน้านี้กำแพงที่สร้างจากพลังงานต้นกำเนิดของเค่อเอ๋อเมื่อรับพลังจู่โจมของมือขยี้ใจจากลี่หยวน แล้วหักล้างเบี่ยงเบนทิศทางของมันลงพื้นนั้น ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ของมันแล้ว เมื่อทำสำเร็จพลังงานต้นกำเนิดที่เป็นเกราะพลัง ก็ค่อยๆสลายหายไป

ทว่าก่อนที่ลี่หยวนจะทันได้ทำอะไรออกมาเพราะชะงักไปด้วยความคาดไม่ถึง ทางเค่อเอ๋อนั้นรู้ผลลัพธ์ของวิชาป้องกันนางดีอยู่แล้ว นางจึงตวัดกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงออกมาด้วยความเร็วเหนือชั้นพาดผ่านลำคอของมัน!

ดังนั้นชัยชนะจะเป็นของเค่อเอ๋อก็ไม่นับว่าแปลกอะไร!

"เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ วิชากระบี่กับวิชาป้องกันของนางหากข้าดูไม่ผิดมันย่อมเป็นวิชาห้วงมหรรณพขั้นสูงอย่างแน่นอน"

ผู้นำตระกูลที่อยู่บนแท่นสูงกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของเค่อเอ๋อ

"ถูกแล้วแม้วิชากระบี่ของนางจะดูเหมือนไม่มีอะไรมากมายแต่ทว่าแง่มุม,จังหวะและการวาดกระบี่นั้นนับว่าล้ำลึกอย่างเหลือเชื่อ มันนับเป็นวิชากระบี่ไว ที่ลึกล้ำกว่าวิชาห้วงมหรรณพขั้นกลางอย่าง วิชากระบี่แสงประกาย ที่พวกเรามีอยู่เสียอีก และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าวิชากระบี่ของนางนั้นน่าจะสามารถพัฒนาต่อยอดจนใช้ออกได้ลื่นไหลยิ่งกว่านี้อีกด้วยซ้ำ"

หนึ่งในอาวุโสผู้งมงายกระบี่คนหนึ่งของตระกูลลี่กล่าวออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย

"การประลองปีนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ ข้าไม่สามารถละสายตาจากนางได้เลยยามนางประลอง นับว่าตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรยได้ส่งเพชรเม็ดงามอย่างต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อมาให้พวกเราเสียแล้ว ว่าแต่พวกมันทำบุญด้วยอะไรกันเหตุใดจึงมีคนหนุ่มรุ่นเยาว์ความสามารถสูงล้ำถึงเพียงนี้"

หัวหน้าอาวุโสคุมกฏ ชายชราคิ้วขาว กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

"ต้วนหลิงเทียนรึ? ข้าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่ง เห็นว่ามีชายหนุ่มนามต้วนหลิงเทียนจากตระกูลเรา ที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายเพียงขั้นที่ 8 แต่กลับสามารถเอาชนะหลิงฉี บุตรชายคนเล็กของผู้นำตระกูลหลิงที่มีระดับเหนือกว่า 1 ขั้น ได้กลางตลาดใหญ่" ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ลี่อู๋ กล่าวออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย

"ดูท่าข่าวลือนี้จะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว"

ชายชราคิ้วขาวที่ได้ยินก็กล่าวตอบรับออกมาทันที

......

"ต้วนหลิงเทียน, ​​ลี่ควง!"

เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้น ทว่าครั้งนี้มันกลับดึงดูดความสนใจของสาวกสายนอกอย่างมหาศาล

เพียงแค่ชั่วพริบตาที่ผู้ตัดสินประกาศออกมาเหล่าสาวกสายนอกต่างลุกฮือและกล่าวกันเสียงดังลั่นพวกมันพยายามเบียดแทรกตัวมายังลานประลองที่ผู้ตัดสินคนเมื่อครู่เอ่ยขึ้นมา การประลองครั้งนี้มันค้างคาในใจสาวกสายนอกทั้งหมดมานานแล้ว พวกมันอยากรู้จริงๆว่า ลี่ควง กับหลิงเทียนที่เอาชนะลี่ฉีฉีได้ในเชิงกระบี่ อีกทั้งชนะ หลิงฉีได้กลางตลาด ผู้ใดจะเหนือกว่ากัน

นับว่าการประลองนัดนี้สร้างความคึกคักอย่างมาก

พวกมันเฝ้ารอที่จะได้รับชมการต่อสู้ครั้งนี้

ไม่ว่าจะเป็นลี่ควง หรือต้วนหลิงเทียน สำหรับพวกมันทั้งคู่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า

ลี่ควงนับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในหมู่สาวกสายนอก

ต้วนหลิงเทียนสาวกจากคนของตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรย เข้ามาไม่นานก็สร้างชื่อเสียง อีกทั้ง 2 เดือนก่อนยังเอาชนะหลิงฉี ที่กล่าวว่ามีฝีมือเทียบเท่าลี่ควง ได้กลางตลาด

การต่อสู้ครั้งนั้นนับว่าเป็นที่ร่ำลือกันอย่างหนาหูในหมู่สาวกสายนอก

ลี่ควงและต้วนหลิงเทียนนับว่าเป็นนามที่ถูกกล่าวขานมากที่สุด

อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในสองคนนี้ที่จะยืนหยัดและได้รับชัยชนะ

ลี่ควงอายุ 17 ปี ร่างกายกำยำแข็งแรงสมส่วนดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

"ต้วนหลิงเทียน ข้าพึ่งกลับมาจากป่าหมอกมรณะไม่กี่วันก่อน ข้านั้นได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาไม่น้อย ... ข้าต้องยอมรับว่าข้าค่อนข้างประหลาดใจอยู่มากทีเดียว ที่ได้ยินว่าเจ้าสามารถเอาชนะหลิงฉีได้ แต่หากเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้เช่นเดียวกับมันล่ะก็ข้าขอบอกเอาไว้เลย ว่าเจ้าคิดผิดมหันต์! "

ลีควงพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีการถ่อมตัวแม้แต่น้อย

"จริงหรือ?"

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับอย่างไม่แยแส

‘ลี่ควงผู้นี้ดูมั่นใจซะจริง’

บนแท่นสูง

"ชายหนุ่มผู้นี้คือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?"

ประมุขตระกูลลี่อู๋ จับจ้องไปยังร่างของหลิงเทียนบนสนามประลอง

"ดั่งท่านกล่าว เป็นเขา ล่าสุดเขาอาศัยเพียงระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 8 ในการเอาชัยจากหลิงฉี ... ตอนนี้เขากลับมีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เสียแล้ว ข้าเกรงว่าลี่ควงคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา "

ชายชราคิ้วขาวพยักหน้าราวกับจะเห็นด้วย

"เรื่องนี้ไม่แน่นัก ลี่ควงได้ฝึกฝนและลับคมจากป่าหมอกมรณะเป็นเวลาหลายเดือน เขาได้ต่อสู้กับสัตว์ร้ายมากมาย ข้าว่าเขาต้องเป็นฝ่ายได้ชัยอย่างแน่นอน"

ผู้อาวุโสคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกล่าวขัดออกมา

บนเวทีประลอง

ร่างกายของลี่ควงเคลื่อนไหวราวกับสายอัสนีพุ่งเข้ามาหวังจู่โจมหลิงเทียน

ซู่มมมมม!

แขนของเขางอลงเล็กน้อยในขณะที่เคลื่อนร่างพุ่งตัวเข้ามาหาหลิงเทียน ราวกับนกอินทรีกำลังเตรียมสยายปีก

เหนือศีรษะเงาร่างช้างแมมมอธโบราณปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ราวกับจะข่มขวัญหลิงเทียน

หลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย

เขาสังเกตการเคลื่อนไหวของลี่ควง

วิชาท่าร่างของลี่ควงนั้นนับว่าฝึกฝนมาจนอยู่ในระดับที่กล่าวได้ว่า ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าวิชาท่าร่างอสรพิษเคลื่อนกายของเขา

ฝ่ามือทลายทัพ!

ลี่ควงเคลื่อนร่างวูบไหวราวกับเส้นแสงมาปรากฏตรงหน้าหลิงเทียนในพริบตา ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดโคจรตามวิชาฝ่ามือทลายทัพ พุ่งใส่กลางอกของหลิงเทียนอย่างดุดัน!

"จบเรื่องเลยดีกว่า"

หลิงเทียนบ่นพึมพำขึ้นมา

พริบตานั้นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณปรากฏเหนือศีรษะของหลิงเทียนราวกับมันมีชีวิต!

เขาค่อยๆยกมือขวาขึ้นมาทาบไว้บริเวณเอวด้านซ้าย ...

แต่ทว่าร่างกายของหลิงเทียนนั้นยังตั้งมั่นราวภูผาไม่ขยับไปไหน

เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับฝ่ามือ ทลายทัพของลี่ควง ตรงโดยไม่หลบหลีก!

ราวกับเขาวางแผนจะหยุดยั้งฝ่ามือทลายทัพของลี่ควงโดยการปะทะซึ่งหน้า!

เหล่าผู้ชมรอบๆ สนามประลองต่างตกตะลึง

นี่หลิงเทียนเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?

ฝ่ามือทลายทัพของลี่ควงนั้น เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลาง และที่สำคัญ ลี่ควงฝึกฝนมันจนมีความสำเร็จอยู่ในขั้นตอนแก่นแท้แล้วด้วยซ้ำ แม้ว่าฝ่ามือนี้ยังไม่ถึงขั้นระเบิดถูเขา แต่ทว่าหากเป็นการทลายศิลานับว่าไม่เป็นเรื่องเกินเลย

แต่ต้วนหลิงเทียนกลับคิดใช้กายเนื้อรับฝ่ามือที่มีพลังทำลายมหาศาลขนาดนี้?

บนแท่นสูง

"เด็กหนุ่มผู้นั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?"

ประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋ถึงกับกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย มันอยู่มาจวบจนบัดนี้มีฝีมือถึงเพียงนี้ แต่ทว่ากลับไม่สามารถคาดเดาความคิดและสิ่งที่เด็กน้อยด้านล่างกำลังจะกระทำ

"หรือเขาสามารถฝึกฝนวิชาป้องกันจนมีระดับเท่าเทียมกับวิชาจู่โจมฝ่ามือทลายทัพของลี่ควง?"

อาวุโสที่อยู่ด้านข้างล้วนตกตะลึงไม่ต่างกัน

บนเวทีประลอง

"หากเจ้าต้องการรนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้า!"

มุมปากของลี่ควงแสยะยิ้มขึ้น เมื่อฝ่ามือทลายทัพของมันห่างจากกลางอกของหลิงเทียนไม่ถึงครึ่งเชียะ ...

เรื่องที่ลี่ควงกังวลนั้นมีเพียงแค่ วิชาป้องกันของหลิงเทียนนั้นมีระดับที่เท่าเทียมกับวิชาฝ่ามือทลายทัพของเขา ไม่เช่นนั้นหลิงเทียนไม่มีทางต้านรับฝ่ามือนี้ของเขาได้อย่างเด็ดขาด

แต่ทว่าในตระกูลลี่แห่งเมืองออโรร่าแห่งนี้ ผู้ที่สามารถฝึกฝนวิชาป้องกันจนมีความสามารถเทียบเท่ากับวิชาจู่โจมฝ่ามือทลายทัพที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางมีวามสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ และมีอายุต่ำกว่า 20 ปี กลับมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น

และตอนนี้คนผู้นั้นอายุ 19 แล้ว

ในขณะที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุเพียง 16 ปี

ในความคิดของเขาเรื่องนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้

"เขาบ้าไปแล้วรึไงกัน?"

ที่บริเวณด้านข้างลานประลอง ท่าทางของลี่ฉีฉีนั้น กำลังร้อนรนอย่างหนัก ซึ่งแตกต่างจากเค่อเอ๋อที่ยืนสงบนิ่งและสีหน้านางนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวหลิงเทียน ..ที่ลี่ฉีฉีน้อนร้อนรนเป็นเพราะว่า

ลีควงนั้นแข็งแกร่งกว่านางอย่างมาก

ตอนนี้ถึงแม้วิชากระบี่ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงอย่างวิชากระบี่ประสานเงาของนางจะฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้น และถือกระบี่สามเชี๊ยะไว้ในมือ แต่นางก็ไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะลี่ควง

ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกผู้คน

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย

หลิงเทียนพลันเคลื่อนย้ายอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับผู้เจนจัดในวิถีแห่งการต่อสู้

ฝ่ามือขวาที่เขานำไปไว้ที่เอวซ้ายนั้นยกขึ้นมาวนตามเข็มนาฬิกา หมุนวนเป็นวงกลมปัดป้องฝ่ามือทลายทัพของลี่ควง แม้การเคลื่อนไหวจะดูเชื่องช้าแต่ทว่ามันกลับรวดเร็วนัก ...

อาศัยเพียงฝ่ามือเปล่าๆ ท่วงท่าธรรมดาอีกทั้งยังไม่ได้ใช้วิชาใดๆ

มันเป็นเพียงการวาดวงกลมวงหนึ่งเท่านั้น

ปัง!!

เสี้ยวพริบตาต่อมา ทุกสายตาก็ได้ประจักษ์ภาพที่หน้าเหลือเชื่อ

ฝ่ามือขวาที่วาดวงกลมสกัดกั้นฝ่ามือทลายทัพไปอย่างหน้าพิศวงในเสี้ยวพริบตาที่แล้ว พลันถูกดึงไปด้านหลัง ศอกของหลิงเทียนงอขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะซัดฝ่ามือดังกล่าวออกมาปะทะที่กลางอกของลี่ควง!

สุดท้ายฝ่ามือของลี่ควงก็ทำได้เพียงห่างจากอกของหลิงเทียนแค่ระยะหนึ่งคืบ ก่อนที่จะถูกฝ่ามือธรรมดาวาดวงกลมที่ดูราวกับเป็นสัจธรรมแห่งเต๋าปัดป้องออกไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วถูกซัดกลับมาด้วยฝ่ามือ ที่พลังทำลายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ฟุ่บ!

ลี่ควงที่ถูกปัดป้องฝ่ามือทลายทัพด้วยฝ่ามือขวาที่วาดวงกลมพิศวงขึ้นมาจนตกตะลึง อีกทั้งยังถูกซัดกลับมาด้วยฝ่ามือเดียวกันนั้นโดยที่ไม่ได้เตรียมการป้องกัน ร่างของมันลอยไปราวกับว่าวสายป่านขาด ก่อนที่จะไปชนเข้ากับด้านข้างของแท่นสูง มันกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะตกลงไปนอนกองที่พื้น

นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ!

ต้วนหลิงเทียนพลันระบายลมหายใจออกมา

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่เข้าจะไม่ได้ใช้วิชาต่อสู้อะไรแต่เขาก็ใช้กำลังไปมากถึง 18,000 ปอนด์ ...

ภายใต้การใช้กำลังออก โดยปราศจากพลังงานต้นกำเนิดที่พัฒนาไปแล้วหลอมรวมกับพลังงานฟ้าดิน เงาร่างช้างแมมมอธของหลิงเทียนเหนือศีรษะเมื่อครู่ฉายออกมาชัดเจนเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น นั่นเพราะมันอาศัยเพียงกำลังและการแกว่งแขนเท่านั้น!

หากมันไปบอกผู้อื่นว่า เมื่อกี้เพียงแค่พึงพอใจล่ะก็ ...

คนอื่นคงต้องกล่าวว่า ...ถล่มมารดามันเถอะนี่มันเกินคำว่าน่าพึงพอใจไปไกลแล้ว!!

เห็นภาพดังกล่าวแทบจะทำให้เลือดของพวกมันเดือดพล่าน

หลิงเทียนหันไปเห็นภาพสีหน้าประมุขตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหลายบนแท่นสูง พบว่าพวกมันมองมาด้วยสายตาตกตะลึง..หากจะว่าไปไม่ว่าผู้ใดที่ชมดูการประลองของมันกับลี่ควงล้วนตกตะลึงด้วยกันทั้งนั้น..

กว่าพวกมันจะรู้สึกตัวแล้วเคลื่อนไหวอะไรออกมา ก็เป็นตอนที่หลิงเทียนเดินลงจากเวทีไปแล้ว

“บัดซบ ตัวประหลาดอันใดกัน!”

"เหลือเชื่อเกินไปแล้ว เพียงมันแกว่งแขนธรรมดาเท่านั้น กลับทำลายวิชาฝ่ามือทลายทัพของลี่ควงที่อยู่ระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางและมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ลงได้ อีกทั้งยังจู่โจมจนลี่ควงปลิวกระเด็นไปเช่นนั้น... หลิงเทียนผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับบ่มเพาะร่างกายจริงๆงั้นหรือ?"

"เจ้าต้องถามว่ามันเป็นมนุษย์หรือไม่?"

“มันต้องเป็นปีศาจปลอมตัวมาไม่ผิดแน่!”

......

เมื่อพวกมันรู้สึกตัวพวกมันล้วนกล่าวออกมาด้วยความเพ้อเจ้อ ราวกับเรื่องราวเมื่อครู่มันเหลือเชื่อเกินไปยากที่จะยอมรับ

หากต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับก่อกำเนิดนั้นพวกเขาจะไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ที่หลิงเทียนใช้เพียงร่างเนื้อธรรมดาโดยไม่พึ่งวิชาใดๆ รับการจู่โจมเมื่อครู่ที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดได้

แต่เมื่อครู่ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้พลังงานต้นกำเนิดด้วยซ้ำ มันใช้ออกเพียงกำลังกาย และการแกว่งแขนธรรมดาทำลายการจู่โจมที่รุนแรงของลี่ควงได้ ...

มันเหลือเชื่อเกินไป ไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง เพราะมันยังอยู่เพียงระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่านั้น

เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

บนแท่นสูง

ประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋ และเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย ได้แต่หันมามองหน้ากันเอง

ในใจของพวกมันล้วนมีคำถามเดียว

"เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันมีพรสวรรค์ที่มีพละกำลังเหนือมนุษย์ตั้งแต่เกิด?" หนึ่งในผู้อาวุโสสูดลมหายใจเข้าด้วยความยากลำบากก่อนที่จะกล่าวออกมา

“เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ ... ข้าสัมผัสได้ว่าแม้มันจะดูเป็นการแกว่งแขนธรรมดาๆ ทว่าข้ากลับสัมผัสได้ว่ามันมีพละกำลังไม่ต่ำกว่า 15,000 ปอนด์ หากข้าสัมผัสได้ไม่ผิด เกรงว่าเหลืออีกไม่เท่าไรมันจะมีพละกำลังเทียบเท่า ช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัวเสียด้วยซ้ำ”

ลี่อู๋พยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้

"ปกติแล้ว แม้จะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านพละกำลังที่เหนือมนุษย์ผู้อื่น แต่หากยังมีระดับการบ่มเพาะร่างกายเพียงแค่ขั้นที่ 9 พวกมันก็จะมีพละกำลังมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันนี้เฉลี่ยเพียง 2,000 ปอนด์เท่านั้น นี่นับว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้นั้นแปลกประหลาดอย่างแท้จริง" ชายชราอีกคนหนึ่งกล่าวออกมา

ผู้คนรอบสนามประลองแหวกออกเป็นทางให้หลิงเทียนเดิน

"มันคงไม่ส่งผลกระทบถึงเรื่อง 10 อันดับแรกที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนเดินไปหาลี่ควงที่กำลังพิงแท่นสูงอย่างอ่อนล้า

เข้ายิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะถามออกมาไร้อคติใดๆ เพราะถึงยังไงหลิงเทียนก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรบาดหมางกับลี่ควง

"ไม่น่าจะมีผล"

ลี่ควงจ้องมองหลิงเทียนอย่างละเอียด

เขายังถือว่าโชคดีนักที่ได้ฝึกฝนวิชาป้องกัน จนร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก ไม่งั้นอาการบาดเจ็บของเขาคงไม่น้อยนิดเพียงเท่านี้

เขาอดไม่ได้ที่จะนับถือความแข็งแกร่งของหลิงเทียน!

หลิงเทียนผู้นี้ก็เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลนัก นับว่ามันเป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง

"เช่นนั้นก็ดีแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้า ที่ยังแสดงความเมตตาต่อข้า เพียงโจมตีด้วยฝ่ามือธรรมดาเท่านั้น หากเจ้าใช้ออกด้วยวิชาโจมตีแล้วล่ะก็ เกรงว่าข้าคงไม่อาจติด 1 ใน 10 อันดับอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ได้เสียแล้ว"

ลี่ควงได้แต่ถอนหายใจออกมา

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปหาเค่อเอ๋อ

"หืม ? มีอะไรติดอยู่บนหน้าข้างั้นเหรอ?"

เมื่อหลิงเทียนสังเกตเห็นสายตาแปลกประหลาดของลี่ฉีฉี ที่ยืนอยู่ข้างเค่อเอ๋อจ้องมา เขาจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้

“เจ้ามันตัวประหลาด!”

หลังจากครู่หนึ่งลี่ฉีฉีจึงกล่าวออกมา

สิ่งที่หลิงเทียนได้แสดงออกมาบนลานประลองเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะกระทำได้

ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่เพียงลี่ฉีฉีเท่านั้น ที่คิดแบบนี้

ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างส่งสายตาแปลกๆมายังหลิงเทียนราวกับว่าพวกมันกำลังจ้องมองตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น

"พี่ หลังจากที่มันตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 มันแข็งแกร่งขึ้นเหลือเกิน ... "

ลี่เซี่ยวที่อยู่ด้านข้างลี่ซ่งพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว

"แม้ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน"

ดวงตาของลี่ซ่งทอประกายวูบหนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา

เขาคงรู้สึกกังวลและเบื่อหน่าย หากหลิงเทียนนั้นอ่อนด้อยจนเกินไป

"ท่านพี่ วันนั้นท่านไม่ควร ... ."

ลี่เซียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับกระซิบ

"อะไร เจ้าปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาถึงเพียงนี้แล้วหรือ? เจ้ากล้ามีปัญหากับการตัดสินใจของข้ายังงั้นหรือ" ลี่ซ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำให้ลี่เซี่ยวถึงกับหน้าถอดสี

"ขะ ... ข้าไม่กล้าหรอกท่านพี่!" ท่าทางของลี่เซียวหวาดกลัวอย่างมาก มันรีบปฏิเสธออกมาทันควัน

ถึงแม้จะเป็นความจริง เขาก็ไม่กล้ายอมรับมันหรอก

ทางดานอื่นๆ

"ท่านพี่ความแข็งแกร่งของไอเด็กนั่นนับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว มันเอาชนะลี่ควงได้โดยไม่ใช้วิชาต่อสู้หรือวิชาใดๆสักวิชา" ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้นมากับชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทาลายปักสีเงิน

"เฮอะ! แล้วอย่างไร? ก็อย่างที่ข้าเคยบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่หากมันยังไม่ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด มันก็ยังถือว่าเป็นคนธรรมดาๆ เท่านั้น "

ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเทาแค่นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน

"เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วท่านพี่ ท่านเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิด ไอเด็กนั่นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับการบ่มเพาะร่างกายเท่านั้น มันย่อมไม่มีวันเปรียบเทียบกับท่านพี่ได้ "

ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวถือโอกาสกล่าวประจบประแจงชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเทาทันที

รีวิวผู้อ่าน